ตอนที่ 5 ห้องบ่มเพาะ
เจียง วู่เฉิงกลับไปที่บ้านของเขาพร้อมขังตัวเองไว้ข้างใน
"เจียง เมิ่งเอ๋อ ฮ่า ฮ่า"วู่เฉิง หัวเราะตัวเอง คิดถึงอดีตที่เขาใช้เวลาอยู่กับนางถึงสี่ปี มันเป็นความทรงจำที่น่าจดจำ แต่ตอนนี้มันกลับเป็นหนามที่ทิ่มแทงเขาอย่างเจ็บปวดที่สุด
"อ่อนแอ!"
"ใช่ นางพูดถูกแล้วข้าอ่อนแอเกินไป!"
"ถ้าข้าแข็งแกร่งกว่านาง นางก็จะไม่กล้าพูดเช่นนั้นต่อหน้าข้า ถ้าข้ามีความแข็งแกร่งนางก็จะหมดสิทธิ์กลายเป็นผู้นำศาลาดาบ!”
"ความแข็งแกร่ง...."ดวงตาของวู่เฉิงเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ
ไม่มีใครรู้ว่าความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจอย่างรุนแรงของเขาผ่านไปแค่เพียงวันเดียว
"คนย่อมจะไม่มีวันได้แตะต้องศาลาดาบแม้แต่ปลายนิ้ว!"
"ในสองเดือน ข้าต้องเอาชนะนางอย่างยุติธรรมก่อนที่นางจะประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำศาลาดาบอย่างเป็นทางการ"
"สองเดือน" เขากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูด
บางทีสำหรับคนอื่นอาจจะเป็นไปไม่ได้ในการฝึกฝนลมปราณไปถึงระดับเจียงเมิ่งเอ๋อ อาณาทะเลลมปราณ แต่วู่เฉิง นั้นแตกต่าง
เหนือสิ่งอื่นใด เขาได้ฝึกเคล็ดบัญญัติสวรรค์ เคล็ดวิชาที่ต่อต้านสวรรค์อย่างแท้จริง
ตำหนักขุนพลดาบ ตั้งอยู่ในเมืองปาชุย แคว้นเทียนหยานของราชวงศ์เทียนซ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาอำนาจหลักของเมืองปาชุยและมุ่งเน้นไปที่การฝึกดาบ
มีอยู่สองกลุ่มในตำหนักขุนพลดาบ นั่นก็คือศาลาดาบและหอยุทธ์แดง
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันทั้งที่ลับและที่แจ้ง แต่ศาลาดาบกลับเป็นผู้ชนะเสมอ อย่างไรก็ตามเมื่อเจียน หนานเทียนหายตัวไปเมื่อสีปีก่อน ศาลาดาบก็สูญเสียกำลังหลักไป ความแข็งแกร่งโดยรวมลดลงอย่างมาก ศาลาดาบจึงเป็นฝ่ายเสียเปรียบมานับแต่นั้น มันคือเมื่อวานที่ตำแหน่งผู้นำศาลาดาบจะถูกพรากไปโดยเจียง เมิ่งเอ๋อจากหอยุทธ์แดง
"ศาลาดาบ.."
เจียงวู่เฉิง แต่งกายด้วยชุดขาวและมีดาบยาวอยู่บนหลังเขา เขาเดินมาถึงหน้าประตู แหงนมองดูคำว่าศาลาดาบด้านบน อารมณ์เขาซับซ้อนอย่างมาก
เขาลังเลอยู่สักพักก่อนก้าวไปในศาลาดาบ
เมื่อเขาปรากฏตัวในศาลาดาบ เหล่าสาวกมากมายที่กำลังฝึกก็อดมองเขาไม่ได้
"นั่นคือ...เจียง วู่เฉิง?”
"ใช่ มันคือเขา!เขามันคนทรยศ เขาได้สอนเพลงดาบชั้นหนึ่งจากศาลาดาบเราให้แก่หอยุทธ์แดง เขากลับกล้าเหยียบย่ำที่นี่?!”
"เห้อ!เราไม่อาจตำหนิเขาได้ เขาถูกหลอกและถ้าเจียงเมิ่งเอ๋อเป็นผู้นำศาลาดาบ เขาก็จะเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุด หยุดพูดถึงเขาอย่างนั้น!”
มีเสียงพูดคุยมากมายในศาลาดาบและส่วนมากก็มองเขาอย่างเมตตา
ข่าวที่เจียงเมิ่งเอ๋อจะเป็นผู้นำศาลาดาบได้กระจายไปทั่ว ดังนั้นข่าวที่ว่านางฝึกฝน18เพลงดาบชั้นหนึ่งของศาลาดาบไปจนถึงขั้นลึกซึ่งจึงกระจายไปทั่ว
โดยทั่วไป เพลงดาบชั้นหนึ่งเหล่านี้ไม่อาจสอนแก่คนนอก แม้กระทั่งศิษย์หลักก็สามารถฝึกฝนได้แค่หนึ่งหรือสอง แล้วเจียง เมิ่งเอ๋อจะสามารถเชี่ยวชาญทั้ง18เพลงดาบได้เยี่ยงไรกัน?
คำตอบนั้นชัดเจน เจียงวู่เฉิงเป็นคนสอนนาง
ทั่วทั้งศาลาดาบ มีเพียงเจียง วู่เฉิงที่รู้จัก18เพลงดาบดี เพราะตำแหน่งของพ่อเขา เขาจึงได้รับการถ่ายทอดตั้งแต่เด็ก
ภายในศาลาดาบเต็มไปด้วยเสียงนินทา แต่เจียงวู่เฉิงไม่ได้หยุดฟัง เขาเดินตรงไปในห้องโถงด้านในด้วยสีหน้าเฉยชา
ด้านในห้องโถงมีผู้อาวุโสผมเทาอยู่ในชุดคลุมสีเทากำลังก้มดูหนังสือ แต่เมื่อเขาเห็นเจียงวู่เฉิงเข้ามาเขาก็หยุดและมองอย่างประหลาดใจ
"นะ...นายน้อย?"ผู้อาวุโสพูดออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้ง
"อาวุโสหง"วู่เฉิงพูดอย่างนอบน้อม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
เป็นเวลาหลายปีที่ผู้อาวุโสของศาลาดาบต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการพยุงศาลาดาบไว้ อย่างไรก็ตาม ด้วยความโง่ของเขา ตำแหน่งของผู้นำศาลาดาบจึงถูกเปลี่ยนมือและถูกควบคุมโดยคนจากหอยุทธ์แดง ดังนั้นวู่เฉิงจึงรู้สึกผิดอย่างมาก
"นี่ไม่ใช่ความผิดของท่าน ท่านยังเด็กเกินไปที่จะตามแผนการพวกนี้ทัน ข้าไม่ตำหนิท่านหรอกวู่เฉิง"อาวุโสหง เห็นความผิดในดวงตาวู่เฉิง เขาพูดและส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม
"หากมีคนที่ควรถูกตำหนิ นั่นย่อมเป็นเจียง หลานและเจียง เมิ่งเอ๋อ วิธีการของพวกเขาแยบยลเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมิ่งเอ๋อ ข้าได้พบนางหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่านางจะแอบคิดแผนร้ายเอาไว้ ด้วยความคิดเช่นนั้น อนาคตนางย่อมประสบความสำเร็จ การที่ศาลาดาบตกอยู่ในเงื้อมมือนางก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอันใด”
"ศาลาดาบมีแต่คนในศาลาดาบเท่านั้นที่จะปกครองได้"วู่เฉิง พูดอย่างหนักแน่น
อาวุโสหงตื่นตกใจเล็กน้อยหลังจากนั้นเขาก็ทำได้เพียงส่ายหัว
ในก้นบึ้งหัวใจเขา เขาย่อมต่อต้านการขึ้นตำแหน่งของเมิ่งเอ๋อ แต่ตอนนี้สิ่งเหล่านั้นได้เกิดขึ้นแล้ว เขาจะทำอันใดได้?เขาทำได้เพียงปลอบตัวเอง
"อาวุโสหง ข้าต้องการเข้าไปในห้องฝึกฝนระดับมนุษย์" วู่เฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ห้องฝึกฝนระดับมนุษย์?"ผู้อาวุโสตกใจ
ห้องฝึกฝนระดับมนุษย์เป็นห้องลับเฉพาะการฝึกฝนในศาลาดาบ
นอกจากห้องระดับมนุษย์ มันยังมีห้องระดับโลกและระดับสวรรค์อีกด้วย ห้องฝึกฝนเหล่านี้จะช่วยเพิ่มพลังบ่มเพาะ แต่พวกเขาก็ยังมีข้อเสียเปรียบ มีสาวกไม่กี่คนที่มาที่นี่เพื่อฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม วู่เฉิงไม่อาจรวบรวมลมปราณได้แม้แต่น้อย เแล้วเขาจะไปทำอะไรในห้องฝึกฝนระดับมนุษย์?
แม้ว่าอาวุโสหงจะไม่เข้าใจ แต่เขาก็พยักหน้าและกล่าวว่า "ตามข้ามา"
ในไม่ช้าอาวุโสหงก็พาวู่เฉิงไปที่ห้องลับ
"ปรมาจารย์น้อย ท่านเคยมาในห้องนี้แล้วเมื่อสี่ปีก่อนและท่านก็คงคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมเป็นอย่างดี หากท่านไม่ไหวก็รีบออกมาโดยเร็ว"อาวุโสหงเตือนเขา
"ข้ารู้"เจียงวู่เฉิง พยักหน้าแล้วก้าวเข้าไป
ไม่มีการตกแต่งใดๆในห้องนี้ เมื่อวู่เฉิงเดินเข้ามาข้างใน เขาก็รู้สึกถึงแรงกดดัน เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในโคลนและเป็นเรื่องยากมากที่จะเคลื่อนไหว
พลังนี้เป็นแรงกดดันเฉพาะของห้องบ่มเพาะระดับมนุษย์ มันคือการกดขี่ ภายใต้พลังนี้ ทุกการเคลื่อนไหวในห้องลับจึงกลายเป็นยากลำบาก แม้ว่าจะอยากยืน เขาก็ทำได้เพียงพึ่งพาพลังลมปราณเพื่อต้านทานมัน ด้วยวิธีนี้ พลังลมปราณในร่างย่อมแห้งเหือดอย่างรวดเร็ว
โดยทั่วไป หากนักรบปกติในขั้นแรกของวิถีลมปราณยืนอยู่ในห้องบ่มเพาะระดับมนุษย์ พลังลมปราณเขาคงหมดใน8นาที หากเขาฝึกเพลงดาบในห้องนี้ ความเร็วการผลาญพลังลมปราณจะมากจนน่ากลัว
“มาลองกันสักตั้ง”
ใบหน้าของเจียง วู่เฉิงไร้ความรู้สึก และดาบยาวบนหลังเขาก็ถูกยกขึ้น