ตอนที่แล้วDBWG ตอนที่ 21 หมัดปีศาจเเท้จริงห้าทิศ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDBWG ตอนที่ 23 เจตนาสังหาร

DBWG ตอนที่ 22 ดัชนีกาฬสวรรค์


"อย่า!"

 

หยางหลิงฉิงเริ่มตื่นตระหนก นางคล้ายกับมดที่อยู่ในกระทะร้อน นางเริ่มร้องออกมาขณะที่นางรู้สึกเหมือนหัวใจของนางกำลังถูกฉีกขาดและปอดกำลังจะถูกทำลาย

 

[TL :  "มดที่อยู่ในกระทะร้อน" & "รู้สึกเหมือนหัวใจของนางกำลังถูกฉีกขาดและปอดกำลังจะถูกทำลาย" ทั้งสองมีความหมายเหมือนกันคือ กังวลและตื่นตระหนก]

 

หากหลงเฉินสังหารไป่ฉวี่ตงเช่นนี้ หลงเฉินจะตกตายโดยปราศจากการปกป้องของผู้ก่อตั้งตระกูลหยางและในกรณีที่ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางปกป้องเขาอยู่ แล้วสุดท้ายจะเกิดการนองเลือดระหว่างสองตระกูล ซึ่งต้องมีผู้คนจำนวนมากที่สุดท้ายได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือตกตาย!

 

คิดถึงผลที่ตามมา หยางหลิงฉิงหวาดกลัวและตัวสั่น เมื่อหลงเฉินใช้การโจมตีด้วยดัชนีที่เก้าของทักษะเก้าดัชนีปีศาจวายุ นางก็หวาดกลัวอย่างสิ้นเชิง

 

ในตระกูลหยาง เก้าดัชนีแห่งปีศาจวายุเป็นทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากตราประทับมังกร แม้กระทั่งเมื่อไปถึงขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 7 ก็ไม่อาจรับประกันได้แน่นอนว่าท่านจะสามารถควบคุมทักษะเก้าดัชนีแห่งปีศาจวายุได้ แม้แต่หยางอู่ก็เข้าใจได้ถึงการโจมตีด้วยดัชนีที่แปดเท่านั้น

 

หยางหลิงฉิงเพิ่งรู้ว่า หลงเฉินได้รับเก้าดัชนีปีศาจแห่งวายุมาเมื่อไม่กี่วันก่อน

 

ในความเป็นจริงหลงเฉินได้ไปห้องโถงเเห่งทักษะเพื่อฝึกฝนทักษะนี้หลังจากการการประลองภายในตระกูล

 

เพราะในระหว่างการต่อสู้กับหยางหลิงเยว่ เขาได้ค้นพบว่าทักษะนี้ไม่เลว ดังนั้นในการเรียนรู้เก้าดัชนีปีศาจวายุ เขาสามารถฝึกฝนได้อย่างง่ายดายในระยะเวลาอันสั้น

 

ผลลัพธ์นี้เกิดจากความมหัศจรรย์ของจี้หยกรูปมังกรลึกลับ หลงเฉินได้เข้าถึงเพียงพลังอำนาจเพียงเล็กๆน้อยๆของมัน แต่เพียงส่วนเล็กๆน้อยๆนี้ ก็ทำให้เขาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากมายแล้ว

 

ความลึกลับของหลงเฉิน ได้ทำให้หยางหลิงฉิงกลายเป็นมึนงง

 

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เวลาที่จะใส่ใจเรื่องนี้

 

ไป่ฉวี่ตงพร้อมด้วยดัชนี และไป่ฉวี่ตงผู้ซึ่งหวาดกลัว ซึ่งเขากำลังโกรธจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ภายในฝูงชน ทุกคนต่างตกใจและอารมณ์ของพวกเขากำลังพลุ่งพล่านเช่นคลื่นขนาดใหญ่

 

เมื่อมาถึงจุดนี้หลงเฉินผู้ซึ่งดูเหมือนปีศาจ ทันใดนั้นเขาได้ดึงกลิ่นอายของจิตสังหารอันรุนแรงรอบตัวของเขากลับมาทั้งหมดอย่างสมบูรณ์

 

รัศมีพลังที่สูงส่งของดัชนีที่เก้าของทักษะเก้าดัชนีแห่งปีศาจวายุ ถูกดึงกลับโดยเขาในทันที ปราณฉีมหาศาลหายไปและไม่ทิ้งอะไรไว้เบื้องหลัง หลงเฉินกำลังยืนอยู่ที่นั่นแสดงท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเพิ่งเดินผ่านด้านข้างของไป่ฉวี่ตง และหันกลับไปเพื่อเตะก้นของไป่ฉวี่ตง นี้ทำให้ไป่ฉวี่ตงลอยไปและตกลงมาเหมือนกับสุนัขที่กินอึ

 

[หมายเหตุ: "ลอยไปและตกลงมาเหมือนกับสุนัขที่กินอึ" หมายความว่า เขาหล่นลงมาแนบหน้ากับพื้น]

 

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้ทุกคนในบริเวณรอบ ๆ มองเขาอย่างไร้จุดหมาย อีกาและนกยูงไม่มีเสียง

 

[TL: "อีกาและนกยูงไม่มีเสียง" หมายถึง ความเงียบโดยสมบูรณ์]

 

หลงเฉินเดินสบาย ๆ ไปด้านข้างหยางหลิงฉิง และมองไปที่นางซึ่งกำลังจ้องมองเขา จากนั้นเขาก็กล่าวว่า "ข้ารู้ว่าข้าค่อนข้างหล่อเหลา แต่เจ้าจะต้องมองข้าอย่างลุ่มหลงด้วยหรือ? เจ้าต้องรู้ว่าเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ดังนั้นเจ้าจึงควรละทิ้งความคิดใดๆกับตัวข้า"

 

หลังจากกล่าวเช่นนี้แล้ว เขาก็หัวเราะด้วยความหลงตัวเอง

 

ณ จุดนี้ ไป่จื้อชิงและไป่ฉวี่ตง ค่อยๆดันตัวเองขึ้นจากพื้น

 

คนหนึ่งมีเลือดไหลซึมผ่านมุมปากและอีกคนหนึ่งร้องไห้ระหว่างต้นขา

 

[TL หมายเหตุ: "ร้องไห้ระหว่างต้นขา" หมายความว่า ปัสสาวะรดตัวเอง]

 

ทั้งคู่กำลังมองที่หลงเฉินอย่างไม่พอใจ

 

ความเย่อหยิ่งของพวกเขาก่อนหน้านี้เปลี่ยนไปเป็นความหวาดกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับไป่ชวี่ตง

 

แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บเขาก็ได้ไปเยี่ยมเยือนหน้าประตูแห่งความตาย การจ้องมองที่เขามองหลงเฉินยามนี้ราวกับหนูที่กำลังมองแมว เขาไม่ได้พิจารณาถึงสภาพน่าสมเพชที่ของเขาในตอนนี้

 

หลงเฉินยิ้มให้กับเขา เพราะเขารู้สึกขอบคุณมากหลังจากที่ได้หยิบหญ้ามายาฝันออกจากกระเป๋าไป่ชวี่ตง โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าหญ้ามายาฝันที่ตนเองครอบครองอยู่ตอนนี้อยู่ในมือหลงเฉิน

 

"ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่เป็นเช่นหยางจ้าน ที่เลือกจะฆ่าตัวตาย......"

 

เมื่อมาถึงจุดนี้ฝูงชนกำลังมองไปที่หลงเฉินอย่างว่างเปล่า ภาพลักษณ์ของหลงเฉินในหัวใจของพวกเขาได้หมุนกลับ 180 องศาและตอนนี้หลงเฉินอาจถูกมองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในหมู่รุ่นเยาว์ของเมืองไป่เห๋อหยางอย่างแท้จริง

 

การแสดงออกของบุรุษวัยกลางคนทั้งสองคน ตอนนี้มีรุนแรงเป็นพิเศษ พวกเขาใช้สายตายกย่องนับถือมองไปที่หลงเฉิน และกล่าวว่า "ในขอบเขตพลังเช่นนี้ สามารถใช้ทักษะดัชนีสุดท้ายของเก้าดัชนีปีศาจวายุของตระกูลหยางและสามารถใช้ออกได้อย่างง่ายดายความสามารถระดับนี้ เขาถือว่าเป็นอัจฉริยะในหมูอัจฉริยะ..."

"จากรุ่นเยาว์ของเมืองไป่เห๋อหยางเขาควรจะแข็งแกร่งที่สุด จากที่ทั้งสามคนอยู่ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 แต่อายุของเขามีน้อยกว่าพวกเขาสี่ถึงห้าปี ดังนั้นด้วยความสามารถนี้ อนาคตของเขาไร้ขีด จำกัด น่าสมเพชที่เราคิดกับเขาก่อนหน้านี้ว่าเป็นเพียงคนเจ้าสำราญไร้ประโยชน์และไม่เคยคิดว่าเขาจะปกปิดความสามารถตัวเอง พรสวรรค์ของเขาน่ามหัศจรรย์ และเขารู้ดีถึงวิธีการที่จะอดทน..... : "

 

บุรุษวัยกลางคนทั้งสองคนรู้ดีว่าหลงเฉินจะเดินทางไปข้างหน้าอย่างยิ่งใหญ่และพวกเขาทั้งสองต่างก็หัวเราะขมขื่น จากนั้นหนึ่งในพวกเขากล่าวว่า "ถ้าเขามาที่ร้านของข้าในอนาคต ข้าจะลดราคาสินค้า 70% ให้แก่เขา! "

 

หลงเฉินไม่ทราบเกี่ยวกับการสนทนาระหว่างชายสองคนนี้ เขาได้รับหญ้ามายาฝันแล้วเขาก็อยากจะออกไปโดยเร็วที่สุด

 

ใช้ประโยชน์จากข้อเท็จจริงที่ว่าคนรอบ ๆ ตัวเขายังไม่รู้สึกตัวอย่างเต็มที่เขาตัดสินใจว่านี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะออกไป แต่ขณะที่เขาจับมือหยางหลิงฉิงเพื่อพานางออกไป มีเสียงเย็นชาของชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังเขา

 

"เจ้า...... ต้องการจะเดินออกไปเช่นนี้หรือ?"

 

หลงเฉินหันกลับไปมองและท่ามกลางกลุ่มผู้คุ้มกันของตระกูล ชายหนุ่มหล่อเหลาไป่ฉวี่ฉือได้เดินเข้ามา ดวงตาของเขามีการแสดงออกที่มืดมดขณะจ้องไปที่หลงเฉิน และมีการปลดปล่อยกลิ่นอายขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 7 ออกมา

 

มองที่สภาพน่าสมเพชของไป่ฉวี่ตงและไป่จื้อชิงแล้ว ไป่ฉวี่ฉือกล่าวอย่างนิ่มนวล "เศษขยะทั้งสองนี้ได้ทำให้ตระกูลไป่อับอายขายหน้าอย่างสมบูรณ์ ใครก็ได้ออกมาช่วยข้าเก็บเศษขยะทั้งสองนี้ออกไปที"

 

ด้านหลังเขาผู้คุมกันได้รีบออกมา ไป่ฉวี่ตงและไป่จื้อชิงไม่กล้าที่จะหยุดนิ่งอยู่ที่นี่อีกต่อไป

 

หลังจากที่ได้ขจัดพวกเขาไปแล้ว ไป่ชวี่ฉือก็มองไปที่หลงเฉิน จากนั้นเขาก็พูดอย่างบ้าคลั่งว่า "เนื่องจากข้อจำกัดที่กำหนดไว้โดยสองตระกูลของพวกเรา รุ่นเยาว์ทั้งสองตระกูลของพวกเราไม่ได้มีความขัดแย้งกันมากมาย อย่างไรก็ตามวันนี้เจ้าได้เริ่มต้นแล้วโดยการสร้างความอัปยศให้กับตระกูลไป่ของข้า ดังนั้นในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลไป่ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำเช่นนี้ ตั้งแต่ที่เจ้ากล้าที่จะปฏิบัติต่อตระกูลไป่ด้วยวิธีนี้ เจ้าก็ควรพร้อมที่จะจ่ายในราคาเดียวกัน

 

ก่อนที่ไป่ชวี่ฉือจะกล่าจบ หลงเฉินได้หัวเราะและขัดจังหวะโดยกล่าวว่า "เจ้ากำลังพูดพล่ามอันใด?ข้าไม่เข้าใจจริงๆ จ่ายในราคาเดียวกันคืออันใด? นายน้อย ข้ามีลำบากใจกับท่านที่ไม่กล่าวภาษาสำหรับมนุษย์ท่านสามารถกล่าวได้หรือไม่? "

 

โดยเรียกเขาว่านายน้อย หลงเฉินกำลังเลียนแบบลักษณะการพูดของนางคณิกาจากเรือนหยกเขียวมรกต เสียงของเขาใสและควบกับการเคลื่อนไหวบางอย่างที่คล้ายคลึงกันคืออย่างน่าขนลุก ในขณะนั้นฝูงชนเริ่มปะทุเสียงหัวเราะกันดังสนั่น

 

หยางหลิงฉิงได้ลืมเกี่ยวกับคำขู่ของไป่ฉวี่ฉือด้วยเช่นกัน ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นโกรธและอับอาย นางหยิกแขนของหลงเฉินอย่างโหดร้ายสองสามครั้ง

 

หลังจากได้รับความสนุกสนานจากหลงเฉินแล้วใบหน้าของไป่ฉวี่ฉือก็กระตุก ไม่ว่าเขาต้องการรักษาภาพลักษณ์ของชายหนุ่มที่สุภาพเรียบร้อย ที่จุดนี้ใบหน้าของเขาไม่สามารช่วยได้แต่กลายเป็นเย็นชา

 

จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า "เจ้าใช้การโจมตีด้วยดัชนีเพื่อทำร้ายไป่จื้อชิง เช่นนั้นข้าจะทำร้ายเจ้า ข้าจะช่วยแสดงให้เจ้าได้เห็นว่าทักษะการใช้ดัชนีที่แท้จริงเป็นอย่างไร"

 

ฟังคำพูดของไปฉวี่ฉือ หยางหลิงฉิงตกตะลึงในทันที จากนั้นนางก็รีบจับแขนของหลงเฉินและกล่าว "เขาต้องการใช้ดัชนีกาฬสวรรค์ นี่เป็นทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีขั้นสูง ดังนั้นเราควรจะหนี"

 

หลงเฉินมองไป่ชวี่ฉืออย่างไม่แยแสและกล่าวว่า: "เจ้าออกไปก่อน ข้าจะเผชิญหน้ากับเขา."

 

หยางหลิงฉิงยามนี้ตื่นตระหนกและเริ่มอ้อนวอนกับเขาโดยกล่าวว่า "พี่ใหญ่......เฉิน ข้าเรียกเจ้าพี่ใหญ่เฉินแล้ว เจ้าไม่ควรทำเช่นนี้? เพียงแค่ฟังข้า ในเวลานี้ถ้าเจ้าต่อสู้กับเขา และเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู่ของเขา เจ้าจะได้รับบาดเจ็บอวัยวะภายในของเจ้า จะเสียหายหนัก...... "

 

แม้ว่าหยางหลิงฉิงได้อ้อนวอนขอร้องเขา หลงเฉินก็ไม่ปฏิบัติตาม เขามองไปที่ไป่ฉวี่ฉือ ขณะที่ไม่ได้เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ

 

"ไป่ฉวี่ฉือ...... ถ้าเจ้าไม่ใช่บุตรชายของไป่จ้านซ่ง วันนี้ข้าอาจจะพยายามหลบหนี แต่โชคร้ายที่เจ้าเป็น เช่นนั้นแม้ว่าจะตายข้าก็จะไม่หลบหนีต่อหน้าต่อหน้าเจ้า!"

 

หยางหลิงฉิงไม่รู้ถึงความมุ่งมั่นในใจของหลงเฉิน ดังนั้นนางจึงกังวลจนเกือบจะร้องไห้

 

ตอนนี้หลิงซีก็กระซิบข้างหูของหลงเฉินและกล่าวว่า "ข้าคิดว่าเรามีทางออกที่ดีกว่านี้ ตอนนี้เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาจริงๆ แล้วหลังจากที่ข้าได้ปรับแต่งหญ้ามายาฝัน ข้าจะช่วยเจ้ายกเลิกการป้องกัน ดังนั้นเจ้าจึงสามารถเผชิญหน้ากับเขาในการแข่งขันชุมนุมล่าสัตว์ปีศาจ ซึ่งไม่ถือว่าช้าเกินไป "

 

แท้จริงหลงเฉินรู้ดี แต่ขาของเขาราวกับว่าพวกมันถูกตรึงอยู่กับพื้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหวพวกมันแม้เพียงครึ่งก้าว

 

ในขณะที่กำลังมองไปที่หลงเฉินผู้ใส่ซึ่งปราศจากความรู้สึกกลัวความตาย ไป่ฉวี่ฉือก็หัวเราะ

 

ในแต่ละก้าว เขาเดินไปหาหลงเฉิน คนที่อยู่เบื้องด้านหลังหลงเฉินเริ่มหลบหนีไปและหยางหลิงฉิงยังคงอยู่เคียงข้างเขา

 

"ไป่ฉวี่ฉือโกรธจริงๆ ก่อนหน้านี้เด็กคนนี้เป็นดั่งเปลวไฟมหึมา แต่เนื่องจากเขาได้พบกับผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง เขาจะกลายเป็นเรื่องเศร้าอย่างแน่นอน"

 

"อายุของเขามีน้อยกว่าสี่ปี สามารถมีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับไป่ฉวี่ฉือได้เช่นนี้ ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ ถ้าเขาได้เวลาอีก 4 ปี ข้ากล้าที่จะกล่าวเลยว่าไป่ฉวี่ฉือไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน"

 

การสนทนาของผู้ชมได้ทำให้ไป่ฉวี่ฉือยิ่งโกรธมากขึ้น เขาระเบิดปราณฉีจากขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 7 กดทับร่างของหลงเฉินในทันที

 

ความรุนแรงมหาศาลนี้ราวกับคลื่นยักษ์กำลังโหมกระหน่ำลงที่ร่างของหลงเฉิน แต่ว่าเท้าของหลงเฉินก็ยังตรึงอยู่กับพื้น ร่างกายของเขาไม่ได้เคลื่อนที่ไปข้างหลังแม้แต่ครึ่งนิ้ว!

 

"ขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 7 แน่นอนว่าแข็งแกร่งกว่าขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 6! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนที่ข้าเผชิญหน้ากับหยางหยุนเทียน ข้าไม่อาจโต้ตอบกลับไปได้แม้เพียงเล็กน้อย! "

 

สำหรับไป่ฉวี่ฉือที่เห็นว่าหลงเฉินไม่ได้ถอยไปข้างหลังแม้แต่ครึ่งก้าว ในหัวใจเขาก็ตกตะลึง จากนั้นเขาก็กล่าวว่าอย่างเย็นชาว่า "เจ้าต้องการกระทำเรื่องตลกเช่นนี้หรือ? ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสชาติของดัชนีกาฬสวรรค์ ด้วยวิธีนี้เจ้าจะรู้ซึ้งถึงความเสียใจ..... "

 

เขากำหมัดแน่นและพลังฉีของเขาเริ่มพลุ่งพล่านและคลื่นแสงสีดำจางๆเริ่มอัดแน่นลงบนดัชนีของเขา ถึงแม้ว่ามันจะเจือจาง แต่พลังงานที่อยู่ในการโจมตีครั้งนี้ก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าดัชนีที่เก้าของหลงเฉินก่อนหน้านี้อย่างน้อย 10 เท่า!

 

"นี่..... นี่คือดัชนีกาฬสวรรค์ของตระกูลไป่? ตามที่คาดไว้ความสามารถในการทะลุทะลวงของมันมหาศาลมาก สมควรเเล้วที่ได้รับชื่อเสียงเลื่องลือที่สามารถทะลวงสวรรค์และปฐพีได้..... "

 

เมื่อเห็นฉากนี้น้ำตาของหยางหลิงฉิงเริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาของนาง ความดื้อรั้นของหลงเฉินได้เกินความคาดหมายของนางแล้ว แม้กระทั่งหลิงซี

ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจเขาได้

 

ไป่ฉวี่ฉือมองหลงเฉินด้วยท่าทางที่น่ากลัว เขาต้องยอมรับว่าเขาชื่นชมหลงเฉิน เพื่อให้เขาได้กู้หน้าในวันนี้

 

พลังระเบิดอันหนาแน่นอัดแน่นลงบนดัชนีของดัชนีกาฬสวรรค์ จากนั้นเขาก็ค่อยๆยกดัชนีขึ้นและพร้อมที่จะปลดปล่อย

 

สายตาของหลงเฉินหรี่ลง เขาก็มีพลังปราณฉีทั้งหมดของเขาและพร้อมที่จะใช้การโจมตีที่แรงที่สุดของเขาเช่นตราประทับมังกรไร้อรรถ

 

ถูกต้อง เหตุผลที่ทำให้เขามีเวลาเรียนรู้เก้าดัชนีปีศาจวายุเป็นเพราะเขาเข้าใจตราประทับมังกรไร้อรรถได้อย่างสมบูรณ์แล้ว และเมื่อเปรียบเทียบกับความเข้าใจดัชนีกาฬสวรรค์ของฝ่ายตรงข้ามแล้ว เขาได้เปรียบยิ่งกว่า!

 

อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าโอกาสของเขาไม่ได้สูงมากนักเนื่องจากปริมาณปราณฉีของเขาน้อยกว่าคู่ต่อสู้ของเขาอย่างน้อย 20 เท่า นอกจากนี้ ทักษะแก่นแท้สวรรค์ซึ่งมีข้อได้เปรียบมาก่อน ในตอนนี้เมื่อเทียบกับขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 7 มันไม่ได้มีประโยชน์มากนัก

 

สิ่งที่หลงเฉินต้องการที่จะต่อสู้ การตัดสินใจครั้งนี้เป็นเพียงแค่ความภาคภูมิใจและความมุ่งมั่นของเขาเท่านั้น

 

พลังของทั้งสองเพิ่มขึ้นและฝูงชนก็ยังคงมองจ้องมองการต่อสู้ที่รุนแรงครั้งนี้

 

หลงเฉินมีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับไป่ฉวี่ฉือ ทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก

 

บุรุษวัยกลางคนสองคนกำลังมองหลงเฉิน ทันใดนั้นหนึ่งในพวกเขากล่าวว่า "เจ้ารู้สึกว่าร่างกายของเขามีพลังจางๆจากทักษะตราประทับมังกรหรือไม่ ถ้าข้าคาดเดาไม่ผิด คนผู้นี้ได้ฝึกฝนตราประทับมังกรแล้วและก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะได้รับความสำเร็จบางอย่าง"

 

"เขาเพิ่งได้รับทักษะตราประทับมังกร ในการแข่งขันประลองยุทธ์ภายในตระกูลเมื่อไม่นานมานี้โดยที่เขาอยู่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 6 และมีความสำเร็จดังกล่าว เขาน่ายกย่องอย่างยิ่งแม้ว่าเขาอาจจะพ่ายแพ้ก็ตาม"

 

[TL : เป็นขั้นที่ 6 เพราะชาย 2 คนคิดว่าเขาชนะสมาชิกสองคนในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 6 ของตระกูลไป่ได้ ดังนั้นเขาจึงน่าจะอยู่ขั้นที่ 6]

 

"พวกเขากำลังจะต่อสู้ ...... "

 

กับความแข็งแกร่งอันยิ่งใหญ่ของไป่ฉวี่ฉือ หลงเฉินกัดฟันแน่น

 

"บิดามันเถอะ ไม่ใช่ว่าข้าผลีผลาม แต่กระดูกสันหลังของข้า ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของข้า..... "

 

"มันถูกตรึงอยู่ที่นี่ ดังนั้นข้า หลงเฉิน ข้าจะสามารถหลบหลีกได้อย่างไร?"

 

ในขณะนี้เสียงของสตรีคนหนึ่งก็ดังขึ้น

 

"ฉวี่ฉือ..... ทำไมเจ้าถึงได้ต่อสู้ในตลาดของผู้ฝึกตนกัน?"

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด