ตอนที่ 1 การชี้แนะวิถีดาบ
ตอนที่ 1 การชี้แนะวิถีดาบ
ตำหนักขุนพลดาบ แคว้นเทียนหยาน ในราชวงศ์ เทียนซ่ง
"เมิ่งเอ๋อ ดาบของเจ้าสามารถเร็วและทรงพลังกว่านี้ได้”
เจียง เมิ่งเอ๋อ เด็กสาวในชุดหิมะสีขาวกำลังฝึกดาบด้วยความขยันขันแข็งที่ลานบ้าน ดาบของนางรวดเร็วมาก คนที่ยืนอยู่ข้างๆและให้คำแนะนำแก่นางคือชายหนุ่มในชุดดำเจียง วู่เฉิง
เขาและนางมีอายุประมาณ 15-16ปี แต่เขาสามารถชี้ให้เห็นข้อบกพร่องของนางได้ด้วยสายตา
หลังซ้อมเสร็จเจียง เมิ่งเอ๋อ ยืนขึ้นและเก็บดาบของนาง พลางยิ้มและเดินไปหาเจียง วู่เฉิง
"ท่านพี่ ท่านคิดยังไงเกี่ยวกับฝีมือดาบข้า?”เจียง เมิ่งเอ๋อถาม
"วิชาดาบอรุณเบิกจำต้องใช้ความเร็วสูง หากสามารถร่ายกระบวนท่าจบได้ใน40ลมหายใจจะถือว่าลึกล้ำ แต่เจ้าควรทำให้ได้ภายใน38ลมหายใจ”เจียง วู่เฉิงกล่าว
“ข้าต้องขอบคุณท่าน หากไม่มีท่าน ข้าคงไม่อาจบรรลุขั้นลึกล้ำได้ภายในเวลาสองเดือน”เจียง เมิ่งเอ๋อกล่าว
เจียงวู่เฉิง แอบส่ายหัวเบาๆ
เขารู้ว่าการสอนเป็นส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญสุดคือพรสรรค์ด้านดาบของนาง ในตำหนักขุนพลดาบ สถานที่ที่ทุกคนล้วนฝึกฝนวิชาดาบ บางทีเจียง เมิงเอ๋ออาจเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านดาบมากที่สุด นอกจากตัวเขา
“ท่านพี่ ท่านใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะร่ายกระบวนท่าจบ?30ลมหายใจ?”เจียง เมิ่งเอ๋อถาม
“ภายใน 30 ลมหายใจ?” วู่เฉิงยิ้ม แต่ไม่ตอบ
ทุกคนที่สามารถร่ายกระบวนท่าได้ภายใน30ลมหายใจย่อมบรรลุขั้นลึกล้ำ แต่ทว่า เขากลับสามารถทำได้ภายใน23ลมหายใจ
มันหมายความว่าเขาได้บรรลุระดับสุดยอดมาเนิ่นนานแล้ว!
"ด้วยพรสวรรค์ของท่าน ท่านย่อมสามารถทำมันได้ในเวลา30 ลมหายใจ เว้นแต่...." เมิ่งเอ๋อมองวู่เฉิงด้วยสวยตาเศร้าโศก
วู่เฉิง รู้อย่างแน่นอนว่านางกำลังพูดถึงอะไร เขายิ้มและกล่าวว่า " ไม่ต้องกังวล ข้าจะกลายเป็นนักรบในไม่ช้า "
"จริงหรอ?" เมิ่งเอ๋อสงสัย เหนือสิ่งอื่นใด เขาเคยกล่าวไว้แล้วเมื่อ4ปีก่อน
เจียง วู่เฉิงเป็นสายเลือดแท้ของตำหนักดาบ บิดาเขาคือเจ้าศาลาดาบและเขาก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคลที่ทรงพลังสุดในตำหนักดาบ เจียง วู่เฉิงเติบโตขึ้นภายใต้การชี้แนะของบิดาเขา
ต้องขอบคุณบิดาเขาที่ทำให้เขาเกิดมาในฐานะผู้มีชื่อเสียงและเป็นหนึ่งในสาวกรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งในตำหนักดาบ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากคือเรื่องที่บิดาเขาหายไปเมื่อตอนที่เขาอายุได้ 12 ปี
ในปีนั้นบิดาเขาได้ออกเดินทางและหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาอีกเลย ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน
แต่โชคร้ายไม่ได้มีแค่นั้น มันยังเป็นปีที่เขาควรเริ่มบ่มเพาะพลังลมปราณ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักเพื่อกลายเป็นนักรบ อย่างไรก็ตาม เขากลับพบว่าเขาไม่อาจบ่มเพาะพลังลมปราณได้ไม่ว่าเขาจะพยายามหนักแค่ไหนก็ตาม
ความล้มเหลวนั่นถือเป็นฝันร้ายสำหรับนักรบ
เป็นที่ทราบกันดีว่าการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ นักรบจำต้องดูดซับลมปราณจากสวรรค์และโลกเพื่อฝึกฝนพลังลมปราณในร่างกาย
พลังลมปราณเป็นพื้นฐานของนักรบทุกคน มันเป็นไปไม่ได้สำหรับคนที่จะเป็นนักรบหากไม่บ่มเพาะพลังลมปราณ คนเช่นนั้นย่อมถูกมองเป็นขยะในตำหนักขุนพลดาบ ที่ซึ่งพลังคือทุกอย่าง
ในช่วงเวลาสี่ปีที่ผ่านมา วู่เฉิงไม่เคยยอมแพ้ เขาได้พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะกลายเป็นนักรบ เขาหวังว่าจะประสบความสำเร็จแบบบิดาเขา แต่ความจริงก็โหดร้าย
แม้วู่เฉิงจะไม่สามารถฝึกฝนพลังลมปราณได้ พรสวรรค์ในด้านดาบเขาก็น่าทึ่ง
เขาฝึกฝนดาบภายใต้การสั่งสอนของบิดาเขาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากสถานะของบิดาและพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมของเขา เขาจึงจำกระบวนท่าดาบได้อย่างรวดเร็วและสามารถเข้าใจพวกมันได้อย่างถ่องแท้หลังเห็นเพียงครั้งเดียว
แต่มันก็ไม่มีความหมายอะไรโดยปราศจากพลังลมปราณ
"ครั้งนี้คือของจริง”เจียง วู่เฉิงกล่าวอย่างมั่นใจ
"เมิ่งเอ๋อ วู่เฉิง" ชายวัยกลางเดินเข้ามาในลานพร้อมร้องเรียกทั้งคู่
"ท่านพ่อ" เมิ่งเอ๋อ ร้องออกมา
"ลุงหลาน" วู่เฉิง เรียกเขา
ชายวัยกลางคนคือบิดาของเจียง เมิ่งเอ๋อ ผู้อาวุโสใหญ่แห่งหอยุทธ์แดงในตำหนักขุนพลดาบ-เจียง หลาน
"วู่เฉิง เจ้าสอนดาบให้เมิ่งเอ๋อมาตลอด เจ้าจิตใจดีมาก”เจียง หลานยิ้มและกล่าว
“นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”วู่เฉิง ส่ายหัวและกล่าว“ลุงหลาน มันสายแล้ว ข้าควรจะไป”
“อืม”เจียงหลานและเมิ่งเอ๋อมองวู่เฉิงจากไป
หลังวู่เฉิงหายไปจากสายตา สีหน้าอ่อนโยนของเจียง หลานก็หายไป
“เมิ่งเอ๋อ เจ้าคืบหน้าไปแค่ไหนแล้ว?”เจียง หลานถามนางด้วยเสียงต่ำ
“ในวิชาดาบอรุณเบิก ข้าบรรลุขั้นลึกล้ำแล้ว”เจียง เมิ่งเอ๋อกล่าวด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
"ดี!“เจียง หลานกำหมัดด้วยสีหน้ายินดี”มันเกือบ4ปีแล้ว เจ้าได้อยู่กับไอขี้แพ้นั่นทุกวันเพื่อให้มันสอนวิชาดาบเจ้า หลังการอดทนอยู่4ปี ในที่สุดเจ้าก็ได้สิ่งตอบแทน”
"ตอนนี้เจ้าได้เรียนรู้18กระบวนท่าแรกของศาลาดาบจนถึงขั้นลึกล้ำแล้ว ขั้นต่อไปคือการดำเนินตามแผนเรา”
"ท่านพ่อ ท่านแน่ใจว่าเราสามารถกระทำได้?”เจียง เมิ่งเอ๋อขมวดคิ้วและถาม ดวงตานางดูเย็นชาและโหดเหี้ยม
"เหล่าคนที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญย่อมไม่มากังวลอะไรเช่นนี้“ดวงตาของเจียง หลานกลายเป็นเย็นชาและเฉียบแหลม”ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับพรุ่งนี้”
เจียงวู่เฉิงกลับไปที่ลานบ้านของเขา หลังหาอะไรกินอย่างรวดเร็ว เขานั่งไขว้ขวาอยู่บนเตียง
"วันนี้เมื่อข้าบอกเมิ่งเอ๋อว่าข้าจะกลายเป็นนักรบในไม่ช้า นางกลับไม่เชื่อข้า”เจียง วู่เฉิงยิ้มและมือขวาเขาก็สัมผัสกับหน้าท้องช่วงล่าง
ในท้องของเขามีลูกปัดหินสีเทาซึ่งมีขนาดเท่ากำปั้นของเด็กทารก มันมีอยู่ตั้งแต่เขาเกิดและไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน
แต่มันก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เขาไม่อาจเป็นนักรบที่แท้จริงได้
คนอื่นคิดว่าวู่เฉิงไม่สามารถฝึกฝนพลังลมปราณได้ แต่แท้จริงแล้ว มีเพียงตัวเขาที่รู้ว่าไม่จริง จุดลมปราณทั้ง108จุดในร่างเขาถูกคลานนานแล้ว มันค่อนข้างง่ายสำหรับเขาที่จะบ่มเพาะพลังลมปราณ
อย่างไรก็ตาม พลังลมปราณที่เขาบ่มเพาะจากสวรรค์และโลกล้วนถูกดูดซับไปโดยลูกปัดหินในท้องเขาก่อนมันจะแปรเป็นพลังลมปราณ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ลมปราณทั้งหมดที่เขาบ่มเพาะล้วนกลายเป็น’อาหาร’สำหรับลูกปัดหิน ขณะที่หินเทาเริ่มเติบโตขึ้น เจียง วู่เฉิงก็พบว่าลูกปัดนั้นราวกับหลุมลึกไร้สิ้นสุดที่เติมเท่าไรก็ไม่เต็ม
ในช่วงสี่ปีมานี้ เขาได้ฝึกฝนพลังลมปราณทุกวันเพื่อเติมลูกปัดหินให้เร็วที่สุด หวังคิดให้ลูกปัดหินหยุดดูดซับพลังลมปราณเขาซึ่งทำให้เขาบ่มเพาะพลังและกลายเป็นนักรบได้
เมื่อวาน เขาพบว่าลูกปัดหินกำลังจะอิ่มตัวในไม่ช้า จนถึงวันนี้ ลูกปัดหินก็ได้มาถึงขีดจำกัด จากนั้นเขาก็สามารถบ่มเพาะพลังในร่างได้
“มาลองเริ่มกันเลย”เจียง วู่เฉิงเริ่มบ่มเพาะพลังและเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลง
ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคิดไว้ หินสีเทาในร่างเขามาถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว
ฮึ่มมม!!
ลูกปัดหินในร่างเขาหมุนอย่างรวดเร็วและเร็วยิ่งขึ้น ก่อนจะค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆ
อย่างไม่คาดฝัน ลูกปัดหินซึ่งอยู่ในร่างเจียง วู่เฉิงมาเนิ่นานกลับหายไป
“มันหายไปแล้ว!ลูกปัดหายไปแล้ว?”ความปิติระเบิดทะลักออกจากดวงตาเจียง วู่เฉิง แต่อึดใจต่อมา เขาก็ต้องเบิกตากว่าง
ข้อมูลได้ไหลผ่านเข้ามาในหัวเขา
“เคล็ดบัญญัติสวรรค์!”
“บัญญัติสุดยอดวิชาด้วยเคล็ดบัญญัติจากสวรรค์และโลก!”
…