DBWG ตอนที่ 20 ตลาดของผู้ฝึกตน
หลังจากพบหยางหลิงฉิงแล้ว หลงเฉินก็หยุดพูดคุยกับหลิงซีในที่สุด
หยางหลิงฉิงพ่ายแพ้หยางหลิงเยว่ในการประลองยุทธ์ภายในตระกูล แต่นางก็ไม่ได้กลัวและพยายามหนักขึ้นแทน ขณะที่มองเห็นหลงเฉิน หัวใจของนางก็ตกอยู่ในความยุ่งเหยิง นางมองหลงเฉินด้วยสายตาเหินห่าง
"เจ้าต้องการอะไรจากข้า?"
ความบาดหมางของหลงเฉินกับพี่ชายของนาง นางรู้ดีว่าเป็นแค่การวิวาทเล็กน้อยและแม้ว่าหลงเฉินจะเปลื้องเสื้อผ้าของหยางจ้าน ออกไปต่อหน้าทุกคน แต่นางรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะ หยางจ้านหาใช่สตรีไม่ แต่หยางจ้านไม่สามารถอดทนต่อความอัปยศอดสู่และฆ่าตัวตาย
หยางหลิงฉิงคิด แม้ว่าหลงเฉินไม่ผิดแต่ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่โกรธ พี่ชายของนางตกตายเพราะหลงเฉิน ดังนั้นแม้ว่านางจะไม่ได้สนิทกับพี่ชายเท่าใดนัก แต่เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ
เมื่อมองไปที่ความโกรธในสายตาของหยางหลิงฉิง หลงเฉินก็ได้ตระหนักว่าเขาได้มอบความทุกข์ใจแก่หญิงสาวคนนี้ เขารู้สึกไม่ค่อยดีนักในเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า "เหตุการณ์ของพี่ชายของเจ้า ข้าไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องจะลงเอยเช่นนี้ ข้าจึงสามารถกล่าวได้เพียงว่าข้าขอโทษ วันนี้ข้าอยู่ที่นี่เพียงเพื่อถามเจ้าเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง "
หยางหลิงฉิงกล่าวอย่างไร้เยื้อใย "ถามสิ่งที่เจ้าต้องการมา ข้ายังคงต้องรีบและฝึกฝนการบ่มเพาะของข้า การแข่งขันชุมนุมล่าสัตว์ปีศาจใกล้เข้ามาแล้ว และข้าไม่ต้องการพ่ายแพ้รุ่นเยาว์ของตระกูลไป่"
"ข้าต้องการโอสถที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูจิตวิญญาณ เจ้ารู้ไหมว่าข้าสามารถหาจากที่ใดได้บ้าง? ตระกูลของเรามีบ้างหรือไม่?
หลงเฉินถามด้วยท่าทางที่คาดหวัง แต่หยางหลิงฉิงเย็นชาต่อเขาเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงกังวลว่าหญิงสาวคนนี้จะไม่ช่วยเขา
อย่างไรก็ตามเขายังคงลดความภาคภูมิใจของเขาและถามนาง
"ในตระกูลไม่ควรมีโอสถเหล่านี้ แต่เจ้าสามารถไปที่ร้านขายโอสถในตลาดของผู้ฝึกตนเพื่อดูได้ โอสถสมุนไพรทั้งหมดมาจากผู้ฝึกตนแต่ละที่หรือร้านค้าได้สั่งซื้อโดยตรงจากเมืองใหญ่ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะมีโอสถที่เจ้าถามถึง "
หลงเฉินเคยมั่วสุมอยู่กับโรงเตี๊ยมและหอนางโลมอยู่เสมอ ดังนั้นเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าตลาดอยู่ที่ใด เขาจึงถามว่า "สถานที่แห่งนี้อยู่ที่ใด?"
หยางหลิงฉิงตอบเขาอย่างสุภาพว่า "ตลาดของผู้ฝึกตนนั้นลึกลับซับซ้อนอยู่เล็กน้อย เอาล่ะ ข้าจะแสดงเส้นทางให้เจ้าดู"
หลงเฉินมองไปที่นางด้วยความซึ้งใจ ถึงแม้หญิงสาวคนนี้จะเกลียดชังเขา แต่ในช่วงเวลาที่หลงเฉิน ต้องการนางมากที่สุด นางก็พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเขา บุคคลิกของนางดีกว่าหยางหลิงเยว่และ หยางอู่
ฉากนี้เป็นฉากที่สะดุดตา สำหรับหลงเฉินและหยางหลิงฉิงที่จะเดินไปด้วยกัน แต่คนที่คอยเฝ้าดูก็ไม่ค่อยกล้าพูดอะไรมากนักเพราะทั้งคู่เป็นนายน้อยและคุณหนูคนเล็กของตระกูลหยาง
ชื่อเสียงของหลงเฉินแพร่กระจายไปในเมืองไป่เห๋อหยางในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาทำให้เขากลายเป็นตัวตนที่ทุกตระกูลรู้จัก ก่อนหน้านั้นหลายคนรู้จักเขา แต่ความรู้สึกเดียวที่พวกเขามีต่อหลงเฉินคือเหยียดหยาม แต่การที่คิดว่าในระยะเวลาสั้นๆไม่ถึงเดือน ปลาเค็มก็ได้พลิกตัวของมัน และเขาก็กลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงในหมู่คนรุ่นเยาว์ในเมืองไป่เห๋อหยาง
[ TL : "ปลาเค็มก็ได้พลิกตัวของมัน" หมายถึง การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ]
"โอ้ ใช่ แล้วตั้งแต่ที่เจ้าฝึกฝนหมัดดาวตกได้อย่างรวดเร็ว แล้วเกี่ยวกับทักษะตราประทับมังกรเล่า เป็นอย่างไร?"
หยางหลิงฉิงถามคำถามนี้อย่างฉับพลัน
หลงเฉิน ยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าว "ตอนนี้เจ้าอิจฉาข้าหรือ? ข้าจะสอนเจ้าอีกครั้ง แต่เจ้าต้องเรียกข้าว่าพี่ใหญ่หลงเฉินก่อน "
ตอนนี้หยางหลิงฉิงแสดงความโกรธและกล่าว "เเม้ตอนนี้ข้าจะอยู่ในขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 5 เเต่ข้าก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะฝึกฝนทักษะตราประทับมังกรและข้าต้องการที่จะได้รับทักษะตราประทับมังกรด้วยพลังของตัวเอง! "
เมื่อมองไปที่ความมุ่งมั่นของหญิงสาวคนนี้ หลงเฉินเริ่มนับถือนางอย่างลับๆ
หลังจากเดินมานาน หยางหลิงฉิงก็ขมวดคิ้วและกล่าว "เจ้าอยู่ในขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 5 ทักษะตราประทับมังกรเป็นทักษะยุทธ์ระดับสูง เช่นนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรมากสำหรับเจ้า ดังนั้นเจ้าอาจจะดีกว่าถ้ามอบให้พี่สาวหลิงเยว่ ด้วยความแข็งแกร่งของนาง อาจมีความหวังเล็กน้อยที่นางจะเข้าใกล้ขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 7...... "
หลังจากทั้งหมดมันเป็นทักษะการต่อสู้ระดับสูงและความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาอยู่ขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 5 เท่านั้น หลงเฉินไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่หยางหลิงฉิงไม่ได้ประเมิณเขาสูง เขาเพียงยิ้มปกติและหยุดกล่าวอันใด
"หลงเฉิน เจ้ารู้เกี่ยวกับการชุมนุมล่าสัตว์ปีศาจหรือไม่? ตระกูลไป่แข็งแกร่งกว่าตระกูลของเรา ดังนั้นถ้าพวกเขาได้รับชื่อเป็นเจ้าเมืองของเมืองไป่เห๋อหยาง ตระกูลหยางของเราข้าเกรงว่าจะอาศัยอยู่ได้อย่างยากลำบาก ตอนนี้ประชาชนในเมืองไป่เห๋อหยางต่างเห็นพ้องกันไปทั่วว่าตระกูลไป่จะกลายเป็นเจ้าเมืองของเมืองไป่เห๋อหยาง หลังจากนั้นพวกเขาจะกลายเป็นคนของตระกูลหลิงหวู่ในเมืองหยวนหลิง และสามารถใช้อำนาจของตระกูลหลิงหวู่! "
ตระกูลหลิงหวู่ตั้งอยู่ในเมืองหยวนหลิง หลงเฉินเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน นี่เป็นตระกูลอันดับต้น ๆ ของเมืองหยวนหลิง พวกเขาได้รับการยกย่องจากตระกูลจักรพรรดิแห่งแคว้นฉางตอนกลางและพวกเขามีอำนาจที่จะควบคุมเมืองหยวนหลิงทั้งหมด อาจถือได้ว่าเป็นมหาอำนาจที่ปกครองเมืองหยวนหลิง ดังนั้นเจ้าเมืองของเมืองไป่เห๋อหยางจึงจะได้รับการคุ้มครองจากเมืองหยวนหลิงอย่างแน่นอนและนอกจากนี้ยังได้รับผลประโยชน์อันมหาศาล
ดังนั้นแม้ว่าผู้นำตระกูลหยางและตระกูลไป่จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่คราวนี้พวกเขาต้องการที่จะแข่งขันกัน
หลงเฉินหัวเราะและกล่าว "นั่นเป็นเพราะว่ารุ่นเยาว์ในปัจจุบันของตระกูลหยาง ไม่ได้มีประสบการณ์จริงใดๆเลย!"
หูของหยางหลิงฉิงเปลี่ยนเป็นสีแดงจากความละอายใจ ดวงตาของนางแสดงถึงการหมดหนทางในขณะที่นางกล่าว "ในตระกูลหยางของเรา เรามีพี่ใหญ่หยางอู่ พี่สาวหลิงเยว่ รวมทั้งเจ้าด้วย เท่ากับว่ามีผู้ฝึกตนขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 หนึ่งคน และขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 6 สองคน"
"ตระกูลไป่มีผู้ฝึกตน 4 คนอยู่ 2 คนอยู่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 6 และอีกสองคนอยู่ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 ในบรรดาพวกเขา มีไป่ฉวี่ฉือการบ่มเพาะของเขาสามารถจับคู่พี่ใหญ่หยางอู่ได้ แต่ที่ไป่ฉวี่เฉิน เมื่ออายุ 17 ปี ก็ไปถึงขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 7 แล้ว ในบรรดารุ่นเยาว์ของเมืองไป่เห๋อหยาง เขาเป็นรุ่นเยาว์คนแรกที่ไปถึงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 และเขามีการบ่มเพาะที่ยากที่จะจินตนาการได้ เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดารุ่นเยาว์ของเมืองไป่เห๋อหยาง"
หลงเฉินถามอย่างสงสัยว่า "เขาอยู่ในขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 7 สิ่งที่ทำให้ไป่ฉวี่เฉินพิเศษคือสิ่งใด?"
หยางหลิงฉิงส่ายหัวและกล่าวว่า "เจ้าไม่รู้หรือ แต่มีข่าวลือว่าเขากำลังจะตัดผ่านเข้าสู่ขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 8 อยู่แล้ว นอกจากนี้จากทักษะการต่อสู่ระดับปฐพีขั้นสูงที่ได้รับการยกย่องจากตระกูลไป่ [ดัชนีกาฬสวรรค์] มีคำเล่าลือว่าเขาสามารถควบคุมดัชนีที่สองได้! ทักษะการต่อสู้ดัชนีกาฬสวรรค์เป็นทักษะที่แข็งแกร่งกว่าทักษะตราประทับมังกรของตระกูลหยางถึง 3 ส่วน ทักษะตราประทับมังกรมีสองระดับแต่ดัชนีกาฬสวรรค์มีสามระดับ และดัชนีที่สองมีพลังโจมตีเหนือกว่าตราประทับมังกรไร้อรรถ นอกจากนี้พี่ใหญ่หยางอู่ก็ได้เรียนรู้ตราประทับมังกรไร้อรรถแล้ว"
เมื่อหยางหลิงฉิงกำลังอธิบายเรื่องไป่ฉวี่เฉิน น้ำเสียงของนางก็แสดงถึงความไร้พลัง
"ขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 7 และ ดัชนีกาฬสวรรค์หรือ? อันที่จริงมันน่ากลัว แต่ข้า หลงเฉิน ได้พ่ายแพ้ในเรื่องของปริมาณปราณฉีเท่านั้น"
ขณะนี้หยางหลิงฉิงได้มองขึ้นไปและกล่าวว่า "ด้วยความช่วยเหลือของไป่ฉวี่เฉิน ตระกูลไป่ของพวกเขาอาจสังหารสัตว์ปีศาจระดับปฐพีขั้นที่ 8 ได้ ตอนนี้เจ้าบอกข้ามา ตระกูลหยางของเราจะต่อสู้กับพวกเขาได้อย่างไร?
หลงเฉินไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เขาจึงกล่าวว่า "ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ต้องกลัว ถ้าใครยอมรับความพ่ายแพ้ก่อนที่จะเริ่ม คนผู้นั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่าขยะไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตามข้า หลงเฉิน ไม่ใช่ขยะไร้ประโยชน์ดังนั้นไม่ว่าตระกูลไป่จะทำสิ่งใด แม้ว่าพวกเขาจะเป็นบุปผาสีขาว ข้าจะสยบพวกเขาให้กลายเป็นสีดำ! "
หยางหลิงฉิงไม่สามารถยืนได้เมื่อหลงเฉินไม่ได้เอาจริงเอาจัง นางเลื่อนสายตาไปที่หลงเฉิน และกล่าวว่า "ความสามารถในการเป่าแตรของเจ้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่เจ้าและตระกูลไป่มีเรื่องขัดแย้งกัน เมื่อกล่าวถึงการแข่งขันชุมนุมล่าสัตว์ปีศาจคนที่มีอันตรายที่สุดก็คือเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าควรบ่มเพาะด้วยความขยันหมั่นเพียรมากขึ้น และในเวลานั้นเจ้าต้องหลบซ่อนตัวอยู่ไกลๆ เพื่อจะได้ไม่สร้างความอัปยศให้กับตนเอง... "
[TL : "เป่าแตร" หมายถึง การสรรเสริญตนเอง]
หลงเฉินรีบกล่าวว่า "เอาล่ะ ท่านน้าผู้ยิ่งใหญ่ ข้ารับใช้ของท่านรู้ดีว่าควรจะอย่างไรอยู่แล้ว"
อย่างไรก็ตามในใจของเขาแสยะยิ้ม เขาคิดว่า: "หลบซ่อนตัวอยู่ไกลๆ? นี่ไม่ใช่ลักษณะของข้า"
เมื่อมองไปที่หลงเฉินผู้ซึ่งยังคงเมินเฉย หยางหลิงฉิงไม่มีอะไรจะกล่าวกับเขาอีกต่อไป
ทันใดนั้น หลงเฉินตามหยางหลิงฉิงและเดินเข้าไปในศาลาขนาดใหญ่ หลังจากผ่านระเบียงคดเคี้ยวไม่กี่ทางและเดินเข้าไปในประตูหนึ่ง เขาไม่คาดหวังว่าจะได้เห็นพื้นที่เปิดโล่งเช่นนี้
ลองมองดูทุกๆเส้นทางและที่ร้านค้าจำนวนมาก หลงเฉินก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ
"นี่คือตลาดของผู้ฝึกตน อย่างไรก็ตามโอสถฟื้นฟูจิตวิญญาณนี้ ข้าไม่ค่อยแน่ใจว่ามันคืออะไร เช่นนั้นเจ้าต้องถามด้วยตัวเอง เจ้าฉลาดตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้นข้าไม่คิดว่าใครบางคนสามารถหลอกลวงเจ้าได้ ตอนนี้ข้าเกือบจะตัดผ่านเข้าสู่ขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 6 แล้ว ซึ่งข้าขาดความเข้าใจเพียงเล็กน้อย และข้าก็ได้มาส่งเจ้าถึงที่เเล้ว ข้าจะไปหาสถานที่ของตัวเองเพื่อระบายโทสะของข้าที่มีต่อเจ้า"
หลังจากกล่าวเช่นนี้แล้ว นางไม่ได้รอความเห็นของหลงเฉิน และกลับเข้าไปในซอยคดเคี้ยว
จำนวนผู้ฝึกตนในเมืองไป่เห๋อหยางไม่น้อยเลย ดวงตาของหลงเฉินกวาดผ่านและได้เห็นผู้คนหลายร้อยคนเดินไปมา ในหมู่พวกเขามีบางคนเป็นกระทั่งผู้เชี่ยวชาญ
ตลาดผู้ฝึกตนนี้เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสือมอบ มังกรซ่อน
[TL : "เสือมอบ มังกรซ่อน" หมายถึง สถานที่ที่มีผู้มากพรสวรรค์ซ่อนตัวอยู่]
"ซีน้อย เจ้าสามารถรู้สึกถึงการมีอยู่ของโอสถใด ๆ ที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูจิตวิญญาณได้หรือไม่"
เสียงที่อ่อนหวานของหลิงซีดังขึ้นมาข้างหู: "เจ้าต้องไปไกลกว่านี้ ตรงนี้ไกลเกินไป ตอนนี้ข้าไม่สามารถรู้สึกได้ ในเมืองเล็ก ๆ นี้สมุนไพรชนิดนี้น่าจะหายากมาก ข้าต้องดูอย่างรอบคอบ..... "
เสียงของหลิงซีอ่อนแอลงอีกครั้งและหลงเฉินรู้สึกกระวนกระวายอยู่ในใจของเขา ดังนั้นเขาจึงยังคงสวดอ้อนวอนว่าเขาต้องหาโอสถชนิดนี้ให้พบให้ได้
หลังจากที่ตัดสินใจ หลงเฉินได้เข้าร้านโอสถแห่งแรก ตลาดของผู้ฝึกตนมีร้านค้ามากมายมีร้านช่างหลอมยุทธภัณฑ์ร้านขายโอสถและร้านรับจำนำ
ร้านรับจำนำเหล่านี้ ส่วนใหญ่เก็บวัสดุที่ได้รับจากสัตว์ร้าย เช่นเดียวกับสมบัติอื่น ๆ อีกไม่กี่ชิ้น แน่นอน ถ้ามันถูกจำนำ ก็จะซื้อมันได้ หลังจากร้านค้าเหล่านี้มีรายการที่ผู้ฝึกตนต้องการ
เมื่อเข้าไปในร้านขายโอสถแห่งแรก หลงเฉินรู้สึกได้ว่ามีกลิ่นอายสมุนไพรที่รุนแรงลอยมาแตะจมูกของเขา ควรมีโอสถจิตวิญญาณที่มีระดับเดียวกับโสมเนินเขาเสน่ห์ และที่แห่งนี้ควรจะมีค่อนข้างน้อย หลงเฉินได้สังเกตเห็นแล้วว่าการซื้อขายที่นี่ใช้ชิ้นส่วนของหยกจิตวิญญาณ
ตลาดของผู้ฝึกตนไม่ได้ใช้ทองคำและเงิน นอกจากนี้เขามีหยกจิตวิญญาณเพียง 500 ชิ้น ดังนั้นเขาจะต้องใช้มันอย่างประหยัด
หยกจิตวิญญาณ 500 ชิ้นเหล่านี้ ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางได้มอบมันแก่เขาเพื่อการบ่มเพาะ อย่างไรก็ตามเพื่อประโยชน์ของชีวิตของหลิงซี หลงเฉินจะไม่สนใจเกี่ยวกับการใช้ชิ้นส่วนหยกจิตวิญญาณเหล่านี้
หลงเฉินแกล้งทำเป็นมองไปรอบ ๆ และเดินไปรอบ ๆ แต่คนที่กำลังมองหาจริงๆคือหลิงซี แต่น่าเสียดายที่หลังจากดูไปรอบๆแล้วนางก็ไม่ค้นพบโอสถที่ต้องการ
หลงเฉินเริ่มตื่นตระหนกและเริ่มมองหาเจ้าของร้าน เห็นบุรุษวัยกลางคนที่เคร่งขรึมและดุดัน เขาก็ถามว่า "ขอโทษด้วย ร้านนี้มีโอสถอะไรที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูจิตวิญญาณหรือไม่?"
เจ้าของร้านนั้นตกใจ แต่แล้วเข้าก็กล่าวว่า "ข้าเสียใจ เราไม่มีเลย"
หลงเฉินรู้สึกผิดหวัง
"หนุ่มน้อย ในเมืองไป่เห๋อหยางเล็กๆ นี้ โอสถฟื้นฟูจิตวิญญาณโดยทั่วไปแล้วไม่เป็นที่ต้องการ ดังนั้นร้านค้าเช่นพวกเรา ปกติไม่ได้ขายโอสถเช่นนี้ แต่ถ้าเจ้าต้องการมันอย่างเร่งด่วนแล้ว เจ้าสามารถดูที่ร้านค้าอื่นๆ และลองเสี่ยงโชคของเจ้าดู "
หลงเฉินพยักหน้า และขอบคุณเจ้าของร้าน หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากร้านและรู้สึกสับสน เขาถามหลิงซี "ตามที่เขากล่าว ทั้งเมืองไป่เห๋อหยางไม่มีโอสถเช่นนี้ ซีน้อย...... "
"แล้วเราจะทำสิ่งใดได้ ...... "
ซีน้อยส่งเสียงกระวนกระวายเช่นกัน ขอบเขตของเมืองไป่เห๋อหยางห่างไกลเกินความคาดหมายของนาง
หลงเฉินกำกำปั้นของเขาและกล่าวว่า "ไม่มีทาง เรายังไม่ได้ดูที่ร้านอื่นๆ ตอนนี้เราไม่สามารถด่วนสรุปอะไรได้ แล้วข้าจะมองหาต่อไป ข้าไม่เชื่อว่าตลาดผู้ฝึกตนขนาดใหญ่ดังกล่าว จะไม่มีแม้แต่โอสถฟื้นฟูจิตวิญญาณ! "
หลังจากกล่าวเช่นนี้แล้ว เขาก็เดินเข้าไปในร้านทุกร้านในตลาดของผู้ฝึกตน มีร้านขายโอสถ เล็ก ๆ น้อย ๆกว่า 50 แห่ง หลงเฉินได้เดินเข้าไปในแต่ละร้านและถามทุกคน ซึ่งมันกินเวลาไปเป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่ทำให้เขากังวลมากที่สุดคือความจริงที่ว่าคำตอบเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการได้ยิน
"ข้าขอโทษ เราไม่มีโอสถชนิดนี้ที่นี่ "
"โดยปกติเราไม่ได้เก็บโอสถชนิดนี้ไว้"
"พวกเราไม่สามารถทำการเเลกเปลี่ยนได้เพราะเราไม่มีโอสถชนิดนี้ในคลังสินค้าเลย"
การแสดงออกของหลงเฉินดำมืดขึ้นเรื่อยๆ และในใจของเขาได้กลายเป็นหงุดหงิดมากขึ้นและมากขึ้น