ตอนที่ 217 กำจัดด้วยดาบเดียว
ศิษย์พี่หม่าคำรามด้วยความโกรธ ขนาดคู่ต่อสู้ของมันอุ้มเด็กอยู่ มันก็ยังไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ เรื่องนี้ทำให้มันไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง และยิ่งเวลาผ่านไปมันก็เริ่มรู้สึกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างแรกเลย พลังของยันต์อาคมสามารถอยู่ได้อีกแค่สิบนาทีกว่าๆเท่านั้น และอย่างที่สอง ตอนนี้มันบาดเจ็บสาหัส มันจำเป็นต้องรีบรักษาบาดแผลในทันที ไม่เช่นนั้นยิ่งมันทิ้งบาดแผลไว้แบบนี้เท่าไหร่ บาดแผลของมันก็จะยิ่งสาหัสมากขึ้นเท่านั้น
“ศิษย์น้องเหยียนมาร่วมมือกับข้า เราจะจัดการเจ้าหนูนี่ไปด้วยกัน!” มันพูดเรียกพรรคพวก
“แน่นอน!” ชายอีกคนหนึ่งเข้าร่วมการต่อสู้โดยมีดาบอยู่ในมือ
จอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุสองคนร่วมมือกันสู้กับจอมยุทธระดับรวมธาตุคนเดียว ถ้ามีคนรู้เรื่องนี้เข้า พวกเขาจะมองไปยังจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุสองคนนั้นด้วยความเหยียดหยามแน่นอน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนนี้เป็นคนที่มีนิสัยหน้าด้านอย่างเห็นได้ชัด พวกมันไม่สนใจความจริงในเรื่องนี้แม้แต่น้อย พวกมันเพียงแค่ต้องการสังหารหลิงฮันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่พวกมันก็ต้องตกตะลึง เพราะค้นพบว่าพวกมันไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
ร่างของหลิงฮันลื่นไหลราวกับปลาที่กำลังว่ายน้ำ พวกมันทั้งสองไม่สามารถแตะต้องตัวเขา และทำได้เพียงไล่จับหลิงฮันอย่างเสียพลังโดยเปล่าประโยชน์ เมื่อเวลาผ่านไป พวกมันได้ตกอยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่เป็นอย่างมาก
“เจ้าหนู เจ้าเป็นผู้ชายแบบไหนกันถึงได้เอาแต่หลบอยู่ได้? ถ้าเจ้าเป็นลูกผู้ชายพอก็มาสู้กับพวกเราซึ่งๆหน้า!” ศิษย์พี่หม่าพยายามยั่วยุหลิงฮัน
“เจ้าโง่รึเปล่า?” หลิงฮันเค้นเสียงดูถูก “เจ้าพูดว่าเจ้าสามารถสังหารข้าได้ภายในหนึ่งกระบวนท่า และตอนนี้ยังอยากจะให้ข้าสู้กับเจ้าซึ่งๆหน้า? เจ้าบ้ารึเปล่า?”
“บัดซบ!” ศิษย์พี่หม่าคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด
“แต่ข้าไม่มีเวลารอให้เจ้าเหนื่อยหรอกนะ ดังนั้นรับหนึ่งดาบจากข้าไปซะ!” ใบหน้าของหลิงฮันกลายเป็นเคร่งขรึม เจตจำนงแห่งทักษะดาบลึกลับสามพันเล่มโคจรอยู่ในใจของเขา
ทันใดนั้นเอง ความรู้สึกกดดันราวกับกำลังถูกพายุพัดใส่ได้ผุดขึ้นในใจของศิษย์พี่หม่าและพรรคพวกคนสุดท้ายของมัน
“นี่มันทักษะดาบแบบใดกัน!?” ศิษย์พี่หม่ากลายเป็นตกตะลึงในทันที ในสายตาของมัน ตอนนี้หลิงฮันนั้นราวกับเป็นจุดศูนย์กลางจักรวาล ทุกๆสิ่งที่อยู่รอบตัวเขาได้กลายเป็นหม่นหมอง
“ทำไมแม้แต่ขยับร่างกายข้าก็ทำไม่ได้?” ศิษย์น้องเหยียนกำลังจะร้องไห้
เห็นๆอยู่ว่าดาบของศัตรูกำลังจะฟันมาที่มัน แต่มันกลับไม่สามารถขยับตัวได้ นั่นไม่ได้หมายความว่ามันทำได้แค่เพียงรอคอยความตายหรอกรึ?
หลิงฮันแหยะยิ้มในใจ เขาใช้สัมผัสสวรรค์ในการหยุดการเคลื่อนไหวของทั้งสอง นี่เป็นเพราะจิตสำนึกของตัวพวกมันเอง โดยปกติแล้วตราบใดที่มีจิตใจที่แข็งแกร่งพอ คนคนนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบจากสัมผัสสวรรค์
ยกตัวอย่างเช่นชางเย่ ด้วยจิตใจที่มุ่งเน้นไปที่วิถีแห่งกระบี่ ต่อให้หลิงฮันยังอยู่ในระดับสวรรค์ เขาก็ไม่สามารถเขย่าจิตใจของชางเย่
อย่างไรก็ตาม ด้วยบาดแผลสาหัสของทั้งสองคนและจิตใจที่อ่อนล้าของพวกมัน แถมยังความตกตะลึงที่มีต่อปราณดาบหกเล่มของหลิงฮันอีก จิตใจของพวกมันจึงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
เพลงดาบลึกลับสามพันเล่ม!
หลิงฮันกวัดแกว่งดาบ ‘ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ’ ประกายแสงมากมายถูกปลดปล่อยออกไปพร้อมกับควบแน่นกลายรูปทรงเหมือนใบดาบและพุ่งเข้าใส่ศิษย์พี่หม่ากับศิษย์น้องของมันอย่างรวดเร็ว
ด้วยความรู้สึกกดดันที่จะต้องเสียชีวิตทำให้ศิษย์พี่หม่าและศิษย์น้องของมันสามารถหลุดพ้นจากสัมผัสสวรรค์ของหลิงฮันออกมาได้ แต่ก็ไม่มีเวลามากพอให้พวกมันเผ่นหนี พวกมันแต่ละคนหยิบอาวุธออกมาเพื่อป้องกันการโจมตีของหลิงฮัน
ปัง ปัง ปัง ปัง ทุกๆใบดาบที่ควบแน่นมาจากปราณก่อเกิดล้วนแต่เป็นพลังโจมตีเต็มกำลังของหลิงฮัน หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การโจมตีที่พุ่งเข้าใส่พวกมันเกิดมาจากหลิงฮันยี่สิบกว่าคนโจมตีพร้อมกัน แล้วใครจะไปต้านทานได้?
พวกมันสามารถต้านทานและสลายใบดาบที่ควบแน่นจากปราณก่อเกิดได้สองสามเล่ม แต่ก็ยังมีใบดาบอีกมากมายที่ทะลวงเข้ามายังร่างกายของพวกมันด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว
หลิงฮันกระโจนเข้าไปทางพวกมันและกวัดแกว่งดาบ ‘ฉัวะ ฉัวะ’ ในตอนนั้นเอง หัวสองหัวได้ลอยขึ้นไปบนฟ้าก่อนที่จะล่วงลงมาสู่พื้น หัวทั้งสองคือหัวของศิษย์พี่หม่าและผู้สมรู้ร่วมคิดของมันที่กำลังแสดงสีหน้าหวาดกลัว
หลิงฮันหอบเล็กน้อยและพูด “ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมจักรพรรดิดาบถึงแข็งแกร่งขนาดนั้น นี่ขนาดข้าเพิ่งทำความเข้าใจทักษะได้เพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ยังสามารถสังหารจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุได้สองคนแล้ว”
หลิงฮันท่าทีล่องลอยและคิดในใจ ‘ถ้านิกายดาบสวรรค์ยังอยู่และค้นพบว่าข้าเรียนรู้ทักษะสามดาบเร้นลับ... พวกมันคงไม่ปล่อยข้าไปเด็ดขาด นิกายที่สามารถสร้างสัตว์ประหลาดอย่างจักรพรรดิดาบขึ้นมาได้จะมีจอมยุทธระดับทลายมิติซ่อนตัวอยู่รึเปล่านะ?’
ข้าเคยคิดว่าในดินแดนแห่งนี้จะไม่มีจอมยุทธระดับทลายมิติอยู่ แต่เมื่อลองคิดดูให้ดี มีความเป็นไปได้ว่าจอมยุทธระดับนั้นจะรักสันโดษและซ่อนตัวเองจากโลกใบนี้
ทางที่ดีที่สุด ข้าไม่ควรใช้ทักษะสามดาบเร้นลับมากเกินไป ข้าจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมันเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายหรือไม่ก็ต้องแน่ใจว่าความลับนี้จะไปถูกเปิดเผยให้ใครรู้!
“เนื้อ!” ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ ฮูหนิวได้กระโดดออกมาและเดินวนรอบศพปีศาจกระทิงเนตรเพลิงอย่างร่าเริง
ถึงแม้หลิงฮันจะนำเนื้อสัตว์อสูรติดตัวมามากมาย แต่ส่วนใหญ่พวกมันก็เป็นเนื้อของสัตว์อสูรระดับหนึ่ง มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่เป็นเนื้อของสัตว์อสูรระดับสอง และไม่มีเนื้อของสัตว์อสูรระดับสามแม้แต่ชิ้นเดียว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ตอนนี้ทั่วปากของเด็กสาวจะเต็มไปด้วยน้ำลาย
“เจ้าเด็กตะกละ!” หลิงฮันพูดแซวและหัวเราะ
“หนิวคือจอมตะกละ!” ฮูหนิวพยักหน้ายอมรับ นางคิดว่านี่คือคำชม
หลิงฮัวหัวเราะและเริ่มจัดการกับกระทิงเนตรเพลิง ในตอนนั้นเอง จิตวิญญาณเปลวเพลิงได้ส่งกระแสจิตมาบอกเขาว่ามันต้องการหลอมและดูดกลืนดวงตาทั้งสองของกระทิงเนตรเพลิง
เขาจุดไฟเป็นอย่างแรกและหั่นขาหนึ่งของของกระทิงเนตรเพลิงออกมาย่างไฟ ในขณะเดียวกัน เขาได้ควักลูกตาสองข้างของมันมาถือไว้ที่มือซ้าย
จิตวิญญาณเปลวเพลิงปรากฏออกมาปกคลุมลูกตาทั้งสอง ภายในเวลาไม่นานลูกตาเหล่านั้นก็กลายเป็นเถ้าถ่านและกลับเข้าไปในมือซ้ายพร้อมกับส่งกระแสจิตไปบอกหลิงฮันว่ามันยังกินไม่อิ่ม
‘เจ้าตะกละทั้งสอง!’ หลิงฮันตำหนิอยู่ในใจพร้อมบอกกับจิตวิญญาณเปลวเพลิงว่าเขาจะหา’อาหาร’มาให้มันอีกในอนาคต
ผ่านไปสักพักขาของกระทิงเนตรเพลิงก็ปลดปล่อยกลิ่นหอมออกมา หลิงฮันหยิบมีดขึ้นมาหั่นเนื้อใส่จาน โชคดีจริงๆที่เขามีแหวนมิติ เขาสามารถนำของเล็กๆน้อยๆแบบนี้ติดตัวเอาไว้ได้โดยที่ไม่สิ้นเปลืองพื้นที่มาก
ฮูหลิวเริ่มลงมือกินอย่างมีความสุข นางตะกละถึงขนาดที่ยังกินเนื้อในจานแรกไม่หมดก็เอื้อมมือไปหยิบจานที่สองและยัดมันเข้าไปในปากให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งเนื้อในปากของนางนั้นเยอะ
ทุกส่วนของสัตว์อสูรระดับสามเรียกได้ว่าเป็นสมบัติสำหรับหลิงฮันในปัจจุบัน
หนังหนาๆของมันสามารถใช้สร้างเป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่แม้แต่อาวุธมีคมที่เคลือบด้วยปราณก่อเกิดก็ยังยากที่จะทะลวงให้ขาด ส่วนเนื้อ กระดูก และเส้นเอ็นของมันให้พลังงานที่สูงมาก พวกมันสามารถเสริมแกร่งและเติมพลังงานให้กับเขาโดยเทียบได้กับสมบัติธรรมชาติบางชนิด
แต่แน่นอนว่าส่วนที่มีค่าที่สุดคือดวงตาและเขาของมัน อย่างไรก็ตาม ดวงตาได้ถูกจิตวิญญาณเปลวเพลิงดูดกลืนไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่มีเขาหนึ่งคู่ พวกมันสามารถหลอมเป็นอาวุธที่มีความพลังโจมตีสูงได้
หากมองดูใกล้ๆ จะเห็นว่าบนเขาของกระทิงเนตรเพลิงมีอะไรบางอย่างที่ดูคล้ายกับอักขระสลักเอาไว้อยู่ มันคืออักขระที่ติดตัวกระทิงเนตรเพลิงมาตั้งแต่เกิดและเป็นสิ่งที่ทำให้มันมีพลังทำลายล้างมหาศาล หากไม่มีอักขระนี้ เขาของมันก็คงจะแข็งกว่าเขากระทิงทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้น
ขณะที่กำลังกินเนื้ออยู่ หลิงฮันก็พยายามกระตุ้นเปิดใช้งานอักขระเหล่านี้
การทำเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ยากมาก เพราะทุกคนล้วนมีวิถีวรยุทธที่ต่างกันออกไป และนี่ยิ่งเป็นอักขระของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ด้วย แต่หลิงฮันไม่ใช่คนธรรมดา ในไม่ช้าอักขระส่วนหนึ่งก็ได้ส่องแสงขึ้นมา จากนั้นก็ตามด้วยส่วนที่สอง ส่วนที่สาม เขากระทิงเนตรเพลิงถูกปกคลุมได้ด้วยแสงสีชาดราวกับมันกำลังถูกเผาไหม้
หลิงฮันหยิบเขาขึ้นมาและสะบัดเบาๆ ‘พรึบ’ เปลวเพลิงพุ่งออกมาอย่างรุนแรงจากเขาของกระทิงเนตรเพลิงจนทำให้พื้นดินเกิดรอยไหม้ขึ้นประมาณสามนิ้ว