ตอนที่แล้วDBWG ตอนที่ 18 ทักษะตราประทับมังกร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDBWG ตอนที่ 20 ตลาดของผู้ฝึกตน

DBWS ตอนที่ 19 การป้องกันลึกลับ


"ทักษะตราประทับมังกร...... "

 

นั่งบนเตียงที่ศาลา หลงเฉินพลิกหน้าทักษะตราประทับมังกรเร้นลับไปจนกว่าเขาจะง่วงนอน แล้วเขาวางทักษะตราประทับมังกรไว้ข้างเตียง

 

"เพราะเป็นทักษะยุทธ์ระดับสูง หลายคนในตระกูลหยางจึงไม่ได้ฝึกฝนมัน ดูจากห่อปกที่เป็นหนังเเกะเเละความเสื่อมสภาพของมันทักษะตราประทับมังกรของข้าควรจะเป็นต้นฉบับ ท่านพ่อได้กล่าวว่ามีความลับบางอย่างเกี่ยวกับทักษะนี้ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาของข้าที่จะกลายเป็นนักรบมังกร แต่ทำไมข้าไม่สามารถหาได้ว่ามันคือสิ่งใด? "

 

หลงเฉินกลิ้งอยู่บนเตียงจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับกำลังสับสน

 

"ความเสื่อมสภาพเเละการใช้หนังเเกะทำตำราทักษะยุทธ์? ความลับอะไรที่ข้าจะสามารถไขมันได้? ตอนนี้สมาชิกจำนวนมากของตระกูลหยางได้เห็นทักษะยุทธ์เร้นลับนี่แล้ว ถ้ามีความลับมันก็น่าจะถูกค้นพบมานานแล้ว ...... "

 

หลงเฉินรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย

 

"ไม่...มันไม่เสมอไป!" หลงเฉินมีความเชื่ออีกอย่าง

 

"ความลับไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะถูกค้นพบ เช่นนั้นนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมสมาชิกในตระกูลหยางถึงไม่ได้ค้นพบสิ่งใดเลย และท่านพ่อขอให้ข้าได้รับทักษะยุทธ์นี้ดังนั้นถ้าข้าพยายามหนักขึ้น ข้าก็จะรู้ถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใน! "

 

หลงเฉินหยิบทักษะตราประทับมังกรขึ้นมาอีกครั้ง และมองไปที่ลายเส้นที่ดูสง่างาม หลงเฉินมองผ่านแต่ละคำ และคำทุกคำเขาได้กลั่นกรองอย่างรอบคอบแม้กระทั่งมุมของแต่ละหน้า แต่ในท้ายที่สุดมันก็ไร้ผล

 

"ตอนนี้ข้าอยู่ในขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 5 แต่ด้วยระดับเชี่ยวชาญทักษะแก่นแท้สวรรค์ ผู้ฝึกตนขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 6 ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า รวมกับทักษะตราประทับมังกร ความสามารถในการต่อสู้ของข้า ข้าสามารถทำได้ดียิ่งขึ้น น่าเสียดายที่ทักษะแก่นแท้สวรรค์เป็นเพียงทักษะระดับปฐพีขั้นกลางเท่านั้น ถ้าข้าต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 7 ข้าจะไม่มีความได้เปรียบใดๆเลย... "

 

"การแข่งขันชุมนุมล่าสัตว์ปีศาจกำลังจะเริ่มต้นและไป่ฉวี่ฉือเกลียดข้าไปถึงแก่นเเท้ของมันถ้าข้าไม่สามารถหาทางแก้ไขได้ก่อนแล้วข้าคงไม่อาจรอดพ้นชะตากรรมที่น่าอนาถและแน่นอนว่าข้าจะไม่สามารถสร้างชื่อให้ตัวเองได้! "

 

คิดเกี่ยวกับไป่ฉวี่ฉือที่อยู่ในขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 7 หลงเฉินขมวดคิ้ว

 

เขาเป็นคนที่ตระหนักถึงความสามารถของตัวเองมากที่สุด กับผู้ฝึกตนในขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 6 เขาอาจจะชนะได้ง่าย แต่กับผู้ฝึกตนในขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 7 ไม่มีความหวังอะไรมากสำหรับเขา

 

ขอบเขตพลังชีพจรมังกรแบ่งออกเป็น 9 แดน หกขั้นแรก เส้นโลหิตมังกรจะมีชื่อว่า 'เส้นโลหิตมังกรย่อย' เส้นโลหิตมังกรย่อยไม่ค่อยทนทานในพลังหรือมีวิถีทางโคจรที่ไม่ยาวมาก ดังนั้นการระเบิดปราณฉีจึงมีจำกัด

 

ความแตกต่างระหว่างขั้นที่หกและเจ็ดของขอบเขตพลังชีพจรมังกรเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ เส้นโลหิตมังกรขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 ขึ้นไปจะถูกระบุว่าเป็น 'เส้นโลหิตมังกรมนุษย์' 'เส้นโลหิตมังกรปฐพี' และ 'เส้นโลหิตมังกรสวรรค์' ตามลำดับ มีความยาวและความทนทานแต่ละอย่าง อย่างน้อยสองเท่าของขนาดและความยาวของเส้นโลหิตมังกรย่อย เส้นโลหิตมังกรสวรรค์ยิ่งยาวกว่าขั้นที่ 8 มากนัก!

 

หลงเฉินรู้ดีว่าในแดนที่สูงขึ้นไปของเส้นโลหิตมังกรนี้ยิ่งยากที่จะทะลวง นี่เป็นเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมผู้ฝึกตนในขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 9 จึงหายาก!

 

ส่วนเรื่องที่หลงเฉินกังวลคือ ความแตกต่างของเส้นโลหิตมังกรระหว่างเขากับไป่ฉวี่ฉือ คือเส้นโลหิตมังกรมนุษย์ ปราณฉีที่ต้องใช้ตัดผ่านขั้นที่ 7 ต้องมีมากกว่าสิบเท่าของขั้นที่ 6 ดังนั้นโดยการเปรียบเทียบแค่ปริมาณปราณฉีเพียงอย่างเดียว ไป่ฉวี่ฉือจะมีมากกว่า หลงเฉิน 20 เท่าหรือ 30 เท่าแล้ว

 

“อย่างไรก็ตาม....”

 

หลงเฉินจ้องด้วยความเย็นชาในขณะที่เขาคิดว่า "ไป่ฉวี่ฉือเป็นบุตรชายของไป่จ้านซ่ง ถ้าเขาเป็นบุตรชายของบุรุษผู้นั้น ข้าต้องแข็งแกร่งกว่าเขาอย่างแน่นอน ด้วยวิธีนี้ข้าสามารถทำให้สตรีคนนั้นยอมรับข้าได้อย่างสมบูรณ์ และเพื่อที่นางจะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นขยะและใครกันแน่ที่ไม่คู่ควรจะฝึกฝนทักษะยุทธ์!"

 

ถึงแม้ว่าเขาจะเคยพูดแบบนี้อยู่ในใจ แต่ก็ยังคงมีแรงกดดันอยู่มาก เพราะอย่างน้อยตอนนี้เขาไม่มีความคิดว่าจะทำอย่างไรกับทักษะตราประทับมังกรในมือของเขา และถ้าเขาใช้เวลาสิบวันกว่านี้นั่งโง่ไปกับการมองหาความลับหากเขาไม่ค้นพบอะไรมันจะเป็นการเสียเวลาเปล่าอย่างถึงที่สุด!

 

"นักรบมังกรคืออะไรกันแน่? ท่านพ่อบอกว่ามันเป็นตำนานที่สูญหายไปนานแล้ว? ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับนักรบสัตว์ร้ายลึกลับและนักรบยุทธภัณฑ์ แต่ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับนักรบมังกร..."

 

"อย่างไรก็ตามทั้งท่านพ่อและหลิงซี กล่าวว่าแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้มีชื่อว่าทวีปหลงชี่ และผู้คนที่นี่เป็นลูกหลานของมังกรบรรพบุรุษ ข้าคิดว่านักรบมังกรมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตำนานของมังกรเหล่านี้ ซึ่งอาจมีการเชื่อมโยงกัน! "

 

ในการประลองภายในตระกูลเนื่องจากต้องรับการโจมตีอย่างกระทันหัน หลิงซีดูเหมือนว่าพลังงานของนางจะลดลง ถึงแม้ว่าผ่านไปสามวันแล้วนางก็ยังไม่ตื่นขึ้นหลงเฉินกังวลใจมากและคิดว่า "นางคงจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ข้าคิดว่านางเสียพลังงานในการปรากฏตัวครั้งนี้มากเกินไป แม้ว่านางจะเป็นผู้มีพระคุณของข้า แต่นางก็ช่วยข้าสองครั้งแล้ว แต่ข้าได้กล่าวว่าข้าจะปกป้องนาง ดังนั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต ข้าไม่สามารถปล่อยให้นางช่วยข้าอีก!"

 

เขามองไปที่ทักษะตราประทับมังกรในมือของเขาอีกครั้ง

 

"ท่านพ่อต้องการให้ข้าได้รับทักษะยุทธ์เร้นลับนี้ แต่เขาไม่เคยบอกวิธีค้นหาความลับของมัน ดังนั้นข้ายังคงต้องพึ่งพาความสามารถของข้าเอง ถ้าเพียงแต่หลงซีอยู่ที่นี่ ตัวตนของนางก็ลึกลับมาก นางต้องมีการสนับสนุนอันยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลังและอาจมีประสบการณ์มากมาย ข้าคิดว่านางสามารถแก้ปัญหานี้ให้ข้าได้ "

 

หลงเฉินนอนบนเตียงและคลุมใบหน้าด้วยทักษะยุทธ์ตราประทับมังกร

 

"เกิดอะไรขึ้น?"

 

หลงเฉินตระหนัก พอดีกับที่เขาวางม้วนบนหน้าของเขาจี้มังกรลึกลับได้เคลื่อนไหวกระทันหัน แต่แล้วก็ไม่เกิดสิ่งใดอีก

 

ทันใดนั้น ในขณะนี้มีเส้นใยของเสียงแหบแห้งดังขึ้นและเจ้าของเสียงน่าจะอ่อนแอมาก

 

"ม้วนเร้นลับนี้ น่าจะมีการป้องกันอยู่...... "

 

คนที่กล่าวคือหลิงซี ตอนนี้ดาบหลิงซีถูกเปลี่ยนเป็นรูปตุ้มหูและติดกับหูของหลงเฉิน ดังนั้นแม้ว่าเสียงของนางจะอ่อนแรง หลงเฉินก็ยังได้ยินเสียงดังกล่าวอยู่

 

หลังจากได้ยินเสียงของหลิงซี ความกังวลของหลงเฉินจากช่วงสองสามวันที่ผ่านมาได้ลดลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเสียงหลิงซียังฟังดูอ่อนแอมากและรู้ว่านางยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ดังนั้นเขารีบถาม "ซีน้อย สภาพของเจ้าเป็นอย่างไร? คราวนี้เป็นเพราะความดื้อรั้นของข้า ข้าสาบานว่าข้าจะไม่ปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ทุกครั้งที่เจ้าออกมามันทำให้เจ้าอ่อนแอมาก ...... "

 

"ไม่เป็นไร...... " หลิงซีขัดจังหวะ

 

หลงเฉินเคลื่อนไหวเล็กน้อย แต่เขาก็ยังขบริมฝีปากและกล่าว "อะไรคือไม่เป็นไร? เจ้าควรจำไว้ให้ดีเพื่อข้า ในอนาคตอย่าโง่เขลา ถ้าข้าตกตายอย่างประมาทภายใต้มือของใครบางคน ข้าก็สมควรได้รับความตาย แต่ถ้าเจ้าตกตายเพราะข้า ข้าหลงเฉินจะตำหนิตัวเองตลอดชีวิตที่เหลือของข้า และข้าจะดีกว่าที่จะเป็นคนตกตายในกรณีนั้น!"

 

"บอกข้าว่าตอนนี้สถานการณ์ของเจ้าเป็นอย่างไรในตอนนี้"

 

หลงเฉินได้โกรธเคืองเล็กน้อย หลิงซีจึงเงียบด้วยความกลัว "กายหยาบของข้าสูญหายไปแล้ว ตอนนี้สภาพแวดล้อมรอบตัวของข้าเป็นสีดำสนิทและจิตสำนึกของข้าตอนนี้กำลังถูกเก็บรักษาไว้ได้เพียงเพราะความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของข้าเท่านั้น ทุกครั้งที่ข้าใช้มันความแข็งแกร่งของข้าจะลดน้อยลง ครั้งก่อนที่จิตวิญญาณของข้าอยู่ในความยุ่งเหยิงและความหวาดกลัว ดังนั้นข้าจึงสั่งให้ดาบหลิงซีบินไปไกลมาก ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของข้าเกือบจะจบสิ้นแล้ว และยิ่งสองครั้งก่อนที่ข้าได้ปรากฏตัวออกมา ถ้าข้าไม่มีโอสถอะไรที่สามารถฟื้นฟูและยืดจิตวิญญาณได้ ข้าคิดว่าข้าจะ ...... "

 

หลงเฉินตะโกนออกมาด้วยความเศร้าและกล่าว "ทำไมเจ้าไม่บอกให้เร็วกว่านี้!?"

 

นางสะอึกสะอื้นและรู้สึกหดหู่ใจ ดังนั้นนางจึงร้องไห้พร้อมกล่าวว่า "ข้าตื่นขึ้นมาแล้ว ทำไมเจ้าถึงกล่าววาจาโหดร้ายกับข้า? และถ้าข้าไม่ได้ปรากฏตัวครั้งก่อนนี้เจ้าคงจะตายไปแล้ว ไม่มีเวลาให้บอกกล่าวเรื่องนี้เลย ...... "

 

หลังจากนั้น หลงเฉินก็สงบลงและหลังจากเงียบไปชั่วขณะหนึ่งเขากล่าวว่า "ซีน้อย ขอบคุณ แต่ในฐานะบุรุษคนหนึ่งในอนาคตข้าไม่ต้องการให้เจ้าปรากฏตัวเพื่อข้าอีกต่อไป โอสถที่เจ้ากล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งสามารถฟื้นฟูจิตวิญญาณของเจ้าได้ ข้าจะไปหามันให้กับเจ้าในตอนนี้! "

 

หลิงซีเป็นคนที่ใช้ชีวิตของนางเพื่อแลกกับเขา ดังนั้นในขณะที่หลงเฉินไม่ได้บอกว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่ลึกลงไปในใจเขาได้คิดว่าชีวิตของหลิงซีเป็นชีวิตของเขาแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความจริงที่ว่าเขาต้องเป็นผู้รับผิดชอบชีวิตของตนเอง

 

ดังนั้นหลงเฉินจึงเก็บทักษะตราประทับมังกรไว้ในอ้อมแขนและออกจากบ้าน เขาไม่ค่อยคุ้นเคยกับยาของผู้ฝึกตนเท่าใดนัก แต่หลงเฉินรู้จักคนหนึ่งในตระกูลหยางที่เขาค่อนข้างที่จะยอมรับ คนคนนั้นคือหยางหลิงฉิง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะมองหานาง

 

"โอสถที่ฟื้นฟูจิตวิญญาณไม่สามารถพบได้ง่ายและโดยทั่วไปพวกมันค่อนข้างแพง หลงเฉินข้าเป็นภาระให้กับเจ้าหรือไม่? "

 

"เจ้ากำลังพูดพล่ามอันใด!? เจ้าช่วยชีวิตข้าได้ ดังนั้นในทางกลับกันข้าจึงใช้เวลาและความทุ่มเทให้กับเจ้า จะถือว่าเป็นภาระได้อย่างไร? ? หรือว่ามีอะไรกระทบสมองเจ้าหรือไม่"

 

แม้ว่าทางหลงเฉินจะกล่าวอย่างรุนแรง แต่ในคำพูดของเขามีความกังวลอย่างมาก ซึ่งหลิงซีซาบซึ้ง มองไปที่บุรุษหนุ่มผู้นี้ที่มีความเด็ดเดี่ยวต่อหน้านาง จิตใจของนางเริ่มคิดถึงสิ่งต่างๆ โชคร้ายที่เกิดขึ้นกับนาง ได้ทำให้นางเติบโตขึ้น แตกต่างจากชีวิตที่ปราศจากความกังวลก่อนหน้านี้

 

"โอ้ ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่ามีการป้องกันอยู่ที่ม้วนตราประทับมังกรหรือ? เจ้าสามารถกำจัดมันได้หรือไม่?"

 

ก่อนหน้านี้เพราะหลิงซี เขาจึงลืมเรื่องที่สำคัญที่สุด และในขณะที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ใบหน้าของหลงเฉินก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง

 

"ตอนนี้จิตวิญญาณของข้าในปัจจุบันไม่เพียงพอสำหรับข้าแม้แต่จะมองไปที่การป้องกันใกล้ๆ อย่างไรก็ตามถ้าข้าได้รับยาฟื้นฟูจิตวิญญาณของข้า ข้าแน่นอนว่าสามารถกำจัดมันได้"

 

หลงเฉินดีใจและกล่าว "ดีมากซีน้อย ตามความคาดหมายของข้า เจ้ามีความสามารถมาก ถ้าเจ้ามีร่างกายจะดีมาก เช่นนั้นข้าสามารถจูบเจ้าตอนนี้เพื่อเป็นรางวัลแก่เจ้า! "

 

หลังจากกล่าวเช่นนี้ หลงเฉินก็หัวเราะออกมาดัง ๆ

 

“หึ! อย่าฝัน คางคกเช่นเจ้าต้องการจะกินเนื้อหงส์!? อย่างไรก็ตามหากเจ้าต้องการยกเลิกการป้องกันนี้โอสถจิตวิญญาณไม่สามารถมีปริมาณเล็กน้อยได้ ข้าเป็นคนตะกละ ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการให้ข้าทำอะไรในอนาคตก็ง่ายมาก ข้าจำเป็นต้องได้รับการตอบเเทน!”

 

[TL : "คางคกเช่นเจ้าต้องการจะกินเนื้อหงส์" หมายถึง การต้องการบางคนที่ไม่คู่ควรกับตน]

 

"เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้าคนตระกละ"

 

หลังจากเรื่องตลกแล้ว บรรยากาศก็ไม่มืดมนเหมือนก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามหลงเฉินเข้าใจดีว่าความรับผิดชอบที่เขาแบกรับตอนนี้หนักหนากว่าเดิมมากนัก

 

ไม่เพียงแต่เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่เขายังต้องสะสมสมบัติเพิ่มเติมอีกด้วย เนื่องจากโอสถที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูจิตวิญญาณสามารถช่วยยืดอายุของหลิงซีได้

 

"สถานที่เล็กๆเช่นเมืองไป่เห๋อหยางจะมีโอสถฟื้นฟูจิตวิญญาณหรือไม่...... "

 

หลงเฉินยังกังวลอยู่เรื่อย ๆ

 

เดินตรงไปยังลานของตระกูลหยาง ทันทีที่ยามและแม่บ้านเห็นเขาก็รีบยิ้มให้กับเขา อย่างไรก็ตามรอยยิ้มของพวกเขาเป็นรอยยิ้มที่ถูกบังคับและดูน่าเกลียดยิ่งกว่าใบหน้าที่ร้องไห้ของพวกเขาเสียอีก

 

ความสามารถของหลงเฉินในการแข่งขันภายในตระกูล ทำให้เขาได้รับตำแหน่งที่สูงเพิ่มขึ้นในตระกูลหยาง และเพิ่มความสามารถที่แข็งแกร่งของเขา และธรรมชาติที่ชั่วร้ายของเขา ปลาเล็กปลาน้อยเหล่านี้จะกล้าที่จะไม่สุภาพต่อเขาได้อย่างไร มันคล้ายกับการขอโทษเพราะพวกเขาไม่มีอะไรที่ดีกว่าที่จะทำ

 

ด้านข้างหยางอู่กำลังเฝ้าดูอยู่เงียบ ๆ ขณะที่กลุ่มทหารยามเดินผ่านมาและทักทายหลงเฉิน การแสดงออกของเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นมืดมน

 

"เดิมทีของสิ่งนั้นควรเป็นของเยว่เอ๋อร์น้อย แต่ตอนนี้มันถูกโจรเช่นเจ้าขโมยไป มองไปที่ใบหน้าหยิ่งยโสของคนรับใช้เช่นเจ้า อย่างไรก็ตามข้าสงสัยว่าเจ้าจะพอใจกับตัวเองได้อีกนานแค่ไหน "

 

"ท่านปู่เห็นเจ้าสำคัญในตอนนี้ แต่มันก็เป็นแค่การใช้ประโยชน์จากเจ้า แม้ว่าการบ่มเพาะของอาสองยังคงอยู่ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 7 เขาก็มีความซื่อสัตย์ในการทำหน้าที่ของเขาในการทำธุรกิจของตระกูลและได้เสียสละมากมายเพื่อตระกูลหยางจนถึงตอนนี้ เจ้าคิดจริงๆหรือว่าบุรุษเจ้าสำราญไร้ประโยชน์เช่นเจ้าซึ่งทำให้ชื่อเสียงของตระกูลหยางเสื่อมเสียตั้งแต่เด็ก จะสามารถแทนที่เขาได้จริงๆ? เจ้าเหมือนนกกระจอกที่คิดว่าถ้ามันบินขึ้นแผ่ขยายมันจะกลายเป็นฟีนิกซ์ "

 

[TL : "นกกระจอกที่คิดว่าถ้ามันบินขึ้นแผ่ขยายมันจะกลายเป็นฟีนิกซ์" หมายความว่า มันไม่สำคัญว่าคนธรรมดาสามัญจะพยายามแค่ไหน เพราะสุดท้ายเขาจะเป็นได้แค่คนธรรมดาสามัญเสมอ]

 

หลงเฉินแท้จริงแล้วได้ตระหนักว่าหยางอู่กำลังมองเขาอยู่ แต่เขาไม่สนใจ

 

ถ้ามีใครมาทำร้ายน้องสาวของตน หลงเฉินจะไปหาคนผู้นั้นทันทีและต่อสู้กับคนผู้นั้นด้วยความเต็มใจของเขา ดังนั้นทุกอย่างที่หยางอู่คิดเขาเข้าใจมัน

 

"ซีน้อย เจ้าเห็นบุรุษที่จ้องมองข้าด้วยความเสียใจหรือไม่?"

 

"ข้าเห็น แต่ดูเหมือนว่าเขามีความแค้นต่อเจ้ามากกว่า"

 

"เจ้าไม่รู้ความจริง แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นคนแปลกประหลาด และเขาได้สนใจข้ามาเป็นเวลานานแล้ว แต่สวรรค์ พวกเราทั้งสองนั้นเป็นบุรุษ เช่นนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะกล่าวออกมา แต่ความรู้สึกที่เขาคิดกับข้า ข้านั้นมีค่ามากกว่าเพชรพลอยเสียอีก..... "

 

"อา ยอดเยี่ยม ข้าอยากจะอาเจียนยิ่งนัก!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด