บทที่ 9 ซุ่มโจมตี(ฟรี)
บทที่ 9
ซุ่มโจมตี
หลังจากที่บรรลุขั้นที่ห้าของวิชาหยกแดง หลี่ฟู่เฉินฝึกบ่มเพาะเพิ่มมากขึ้น เขารู้สึกถึงความก้าวหน้าแบบวันต่อวัน ด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ เพียงเจ็ดหรือแปดเดือนก็จะสามารถทะลวงสู่ขั้นที่หกของขอบเขตพลังลมปราณได้
สำหรับผู้อื่น การฝึกฝนในครั้งนี้อาจดูเร็วไป แต่สำหรับหลี่ฟูเฉินแล้วมันยังช้าเกินไป
“ถ้าข้ามีเครื่องประดับศาสตรายุทธมันจะช่วยเร่งความเร็วในการฝึกฝนของข้าอีก”
โดยปกติเครื่องประดับศาสตรายุทธดังกล่าวจะมีผลึกพลังงานอยู่ ซึ่งช่วยให้พลังงานจากสวรรค์และโลกมาบรรจบกัน ถึงแม้ว่าประสิทธิภาพจะอ่อน แต่ก็คงเส้นคงวา ทว่าสิ่งที่หลี่ฟู่เฉินต้องการเป็นเครื่องประดับที่มีผนึกอัญมณีระดับสูง ดังนั้นย่อมส่งผลที่ดีกว่า
หลี่ฟูเฉินไม่ได้ขอความช่วยเหลือทางการเงินจากพ่อแม่ของเขา เขารู้สึกว่าสวรรค์มีความกรุณาพอที่มอบเครื่องรางทองคำให้เขา หากเขายังต้องการให้คนอื่นช่วย เขาก็ คงดูไร้ค่าเกินไป
ทางเลือกเดียวที่เขาจะได้รับทองคำมากขึ้นคือการตามล่าสัตว์อสูรและสมุนไพร
หลี่ฟู่เฉินลองเดินเข้าไปเทือกเขาม่านหมอกที่มีขนาดมหึมาบนเส้นทางอื่น
สิ่งที่เขาไม่คาดหวังคือเส้นทางนี้ปลอดภัยเกินไป ไม่มีแม้แต่สัตว์ร้าย หรือสมุนไพร
หลี่ฟูเฉินไม่รู้เลยว่าเขาได้ข้ามทะเลสาบเล็กๆที่เก่าแก่
ที่ริมทะเลสาบวัชพืชเติบโตสูงถึงรอบเอวของหลี่ฟู่เฉิน เพียงห่างออกไปสิบเมตร เขามองเห็นก้อนหินก้อนใหญ่ มันเป็นก้านของพืชสีขาวอมเทา มันเปล่งประกายภายใต้แสงอาทิตย์ที่ส่องแสง
“ต้นหัวใจศิลา!” หลี่ฟู่เฉินเหลือบมอง
“ต้นหัวใจศิลา!”เป็นสมุนไพรชั้นสูงสีเหลือง ก้านเดียวมีมูลค่าประมาณสองร้อยเหรียญทอง ปกติพวกมันเติบโตบนโขดหินที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุ
หลังจากอ่านคัมภีร์สมุนไพรหลายเล่ม นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฟูเฉินเจอ ตั้งแต่เขาเกิดมาในโลกใบนี้
“ข้าต้องเก็บสิ่งนี้ไว้” ดวงตาของหลี่ฟู่เฉินเปล่งประกาย
ต้นหัวใจศิลาสามารถช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกระดูก เหตุผลที่สัตว์อสูรมีความแข็งแกร่งกว่ามนุษย์นั้นเป็นเพราะกระดูกและผิวหนังที่ทนทานกว่า
หลี่ฟู่เฉินวาดดาบเหล็กของเขา และเข้าหาต้นหัวใจศิลาอย่างระมัดระวัง
โฮกก!
หลี่ฟูเฉินอยู่ห่างออกไปสิบเมตรจากต้นหัวใจหิน มีวิถีเงาเลือดแดงพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ราวกับพายุหมุนที่หมุนรอบพุ่มไม้และใบไม้ทั้งหมด
“วิชาคมดาบวายุ!” ไร้ร่องรอยแห่งความหวาดกลัว ดาบของหลี่ฟู่เฉินจรัสแสงกลางอากาศ ราวสายโลหิตพุ่งตาม
ปึ้งง!
เงาสีแดงเลือดดิ่งลงมากว่าสิบเมตรเนื่องจากแรงอันเฉื่อยลง เขาสามารถมองเห็นเลือดที่พ่นออกมาจากการแทงที่คอ
เสือดำเงาโลหิต ในบรรดาสัตว์ป่าชั้นกลางระดับหนึ่ง มันมีความเร็วเหนือกว่าตัวอื่น มันชอบล่าสัตว์ผู้เดียว แม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่คู่แข่งของจิ้งจอกกระดูกเหล็กหรือหมาป่ากรงเล็บเหล็กระดับกลาง แต่ทั้งคู่ไม่สามารถตามความเร็วของเสือดำเงาโลหิตได้ทัน
แต่ความเร็วของมันนั้นช่างไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าวิชาคมดาบวายุ ของหลี่ฟู่เฉิน เนื่องจากมันไม่ได้มีความเร็วที่หลี่ฟู่เฉินไม่สามารถโต้ตอบได้
ราวกับว่ามันโตเต็มที่ พืชสีขาวปนเทานี้เปล่งแสงสีขาวพร้อมกลิ่นหอมยวนดั่งข้าวปรุงสดใหม่
หลี่ฟูเฉินหมอบลงที่ด้านข้างของต้นหัวใจหิน เขาหลงใหลในความงามของมัน
เขาเก็บต้นหัวใจศิลาอย่างระมัดระวัง และวางมันไว้ในกล่องหยกอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการสูญเสียพลังงาน
***
ที่พุ่มไม้ลึกเข้าไปในป่า
“เฒ่าหัวล้านขั้นหก เดาสิว่าข้าเห็นใคร”
นักธนูที่ไต่ขึ้นไปบนยอดต้นไม้ ชายมองไปที่ทะเลสาบและออกตัวกับคู่หูที่อยู่ด้านล่าง
“เจ้าเป็นใคร?” ชายหัวล้านตัวผอมแห้งถามด้วยความอยากรู้
***
“ข้านายน้อยแห่งตระกูลหลี่,หลี่ฟู่เฉิน.”
“หลี่ฟู่เฉินเหรอ” ชายร่างผอมบางตอบด้วยความประหลาดใจ “คนที่อ่อนแออย่างเขาเหรอกล้าที่จะมาเยือนเทือกเขาม่านหมอก”
“เฮ่ เฮ้ นี่โชคลาภของข้ามาหรือนี่ หลี่ฟูเฉินทำร้ายนายน้อยหยางฉีบาดเจ็บหนัก ข้าคงจะได้รับรางวัลใหญ่ หากข้าสามารถซุ่มโจมตีเขาและนำศีรษะของเขากลับไปให้ตระกูลหยาง” ชายหัวล้านพูดแสยะยิ้มกว้าง
พวกเขาทั้งสาม เป็นผู้พิทักษ์ชั้นสูงของตระกูลหยาง และเนื่องจากติดนิสัยนักพนัน พวกเขาจึงขาดเงินอยู่เสมอ บางครั้ง พวกเขาจะมาที่เทือกเขาม่านหมอกเพื่อค้นหางานอดิเรกที่สร้างกำไรให้กับพวกเขา
ขณะที่หลี่ฟู่เฉินหัน หลังจากเก็บกล่องหยกเข้าที่ ...
ชิ้วววว…….
เสียงหวีดแหลมดังขึ้นราวกับท้องนภาถูกทิ่มแทง
“ซุ่มโจมตีเหรอ” หลี่ฟู่เฉินรู้สึกได้ถึงอันตราย ก่อนที่เสียงจะดังเข้ามาในหู เขาหลบหลีกและกลิ้งหมุนตัวลงบนพื้น ขณะที่ร่างกายของเขาออกจากจุดที่เขายืนอยู่ พลันลูกธนูก็พุ่งออกมาจากพุ่มไม้แล้วตกลงไปที่พื้น
ฟิ้ว ฟิ้ว !
มีลูกธนูสองลูกตามหลังหลี่ฟู่เฉินมาไม่ห่าง เขาไม่อาจหยุดหมุนตัวได้แม้แต่วินาทีเดียว ลูกธนูทั้งสองแทงลึกลงไปในพื้น ผู้ซุ่มโจมตีเป็นนักธนูที่มุ่งเป้าไปที่วิถีการเคลื่อนที่ของเขา หากเขาไม่ได้เร็วขึ้นอีกหน่อย เขาก็คงจะตายไปแล้ว
หลังจากปล่อยลูกศรสามลูกติดต่อกันไม่อยู่ นักธนูยิงหยิบผลไม้ขึ้นมาเคี้ยว เขาคาดว่าหลี่ฟู่เฉินน่าจะตายแล้ว
“เฒ่าหัวล้านขั้นหก ไปนำศพของมันมาที่นี่!” นักธนูชี้ไปที่พวกเขา
“เจ้าแน่ใจหรือว่ามันจะง่าย..” ชายหัวล้านหัวเราะและกล่าวประชดประชัน จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังทะเลสาบพร้อมกับชายผอมกรัง
***
ท่ามกลางวัชพืชสูง หลี่ฟูเฉินเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว มองไปที่ทิศทางที่ลูกศรพุ่งมา ประมาณหกสิบหรือเจ็บสิบเมตรออกไป ชายหัวล้านและชายร่างผอมกำลังเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกัน
ด้วยสัมผัสพิเศษของเขา เขาคาดว่าชายหัวล้านน่าจะอยู่ประมาณขั้นแปดของของเขตพลังลมปราณ ในขณะที่ชายร่างผอมอยู่ในขั้นที่เจ็ด
“ข้าจำเป็นต้องจัดการหนึ่งในพวกมันก่อน”
ประกายแสงแห่งความเหยือกเย็นฉายในแววตาของหลี่ฟู่เฉินเขาแอบออกมาดุจงูหลาม เลื้อยเงียบๆ ไปทางชายร่างผอมแห้งทางด้านขวา
ห้าสิบเมตร… สี่สิบ… สามสิบ…
เมื่อระยะห่างจากชายร่างผอมเข้าใกล้สามสิบเมตร หลี่ฟู่เฉินอยู่นิ่งเฉย ไม่ปรากฎกายให้เห็น หากไม่ได้มองอย่างใกล้ชิด พวกเขาจะไม่มีทางค้นพบเลยว่าหลี่ฟูเฉินอยู่ตรงนั้น
หลี่ฟู่เฉินฝึกฝนเป็นเวลาสองวันในเทือกเขาม่านหมอก เขาได้รับของกำนัลที่ธรรมชาติให้ ดังนั้นตอนนี้เขาสามารถควบคุมการปรากฎกายของเขาได้ ในทางกลับกันอาจเป็นเพราะเครื่องรางทองคำที่มอบของขวัญชิ้นนี้ให้เขา
วัชพืชสูงอย่างน้อยหนึ่งเมตรและช่วยพรางตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยดาบที่อยู่ในมือขวา เขารอให้ชายร่างผอมเข้ามาใกล้
สิบเมตร ห้า… สาม
“ใช่แล้ว .. ตอนนี้เลย!”
หลี่ฟูเฉินกระโดดขึ้นจากพื้น ดวงอาทิตย์ที่สาดแสงสะท้อนกระทบดาบและทำให้ชายร่างผอมแห้งมองไม่เห็น
หวบ !!
ความรู้สึกเย็นยะเยือกรู้สึกได้ที่คอของเขา โดยที่ดวงตายังเปิดกว้าง ชายร่างผอมแห้งล้มหงายหลัง มองขึ้นไปยังท้องฟ้า
“เฒ่าหก!”
ชายหัวโล้นร้องเรียกโหยหวนแล้วออกกระบวนท่าผ่าแยกหลี่ฟู่เฉิน
พลังผ่าแยกเต็มรูปแบบของผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นแปด จะผ่าสัตว์อสูรระดับกลางขั้นหนึ่งได้อย่างง่ายดาย นับประสาอะไรกับลำพังแค่หลี่ฟู่เฉิน ทว่า .... หลี่ฟู่เฉินไม่ได้เป็นสัตว์อสูรตัวไหน เขาน่ากลัวมากกว่านั้น สัตว์ร้ายไม่ว่องไวเหมือนเขา ประสาทสัมผัสในการต่อสู้ของพวกเขานั้นไม่เหมือนกับหลี่ฟู่เฉิน ซึ่งสามารถมองเห็นวิถีการโจมตีของชายหัวล้านได้อย่างง่ายดาย
เนื่องจากหลี่ฟู่เฉินอยู่ในขั้นที่ห้าของขอบเขตพลังลมปราณเท่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถทำนายวิถีการโจมตีได้ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นในการโต้ตอบ นอกจากทำได้แค่หลบเหลี่ยงอย่างไม่หยุด
ซ่วด!
หย่อมวัชพืชสีเขียวถูกเฉือนครึ่ง ทักษะการต่อสู้ของนักสู้หัวล้านไม่เลวนัก หลังจากที่ไม่สามารถฟาดฟันหลี่ฟู่เฉินได้ เขาได้เปลี่ยนวิธีการเข้าถึงของเขาเป็นฟันแบบแนวนอนแทน
หลี่ฟูเฉินตั้งตาคอยอยู่นาน พลันตอบสนองโดยทันที
“นี่มันเป็นเด็กอะไรกัน!”
นักสู้หัวล้านมุ่งความสนใจไปที่ตนเองอีกครั้งหลังจากเข้าใจว่าประสบการณ์การต่อสู้จริงของหลี่ฟู่เฉินนั้นสูงกว่าของเขา นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกหัดในขั้นที่ห้าของขอบเขตพลังลมปราณสามารถแสดงได้
_____