ตอนที่ 213 เย่เย่น้อย
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” องครักษ์จักรพรรดิมาถึง เมื่อพวกเขาเห็นศพไร้หัวนอนนิ่งอยู่บนพื้น สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที พวกเขาได้รับคำสั่งให้ดูแลความสงบสุขที่นี่ แต่ตอนนี้มีใครบางคนเสียชีวิตลงแล้ว
“ท่านองครักษ์ ชายคนนี้สังหารคนในที่สาธารณะ พวกเราขอให้พวกท่านจับกุมตัวเขาด้วย!” สี่เทวทูตพิทักษ์ชี้ไปยังหลิงฮัน
เมื่อองครักษ์จักรพรรดิเห็นหลิงฮัน ใบหน้าของพวกเขาอดที่จะกระตุกไปมาไม่ได้
พวกเขารู้ดีว่าหลิงฮันคือใคร เบื้องบนได้ย้ำเสมอว่าพวกเขาจะต้องไม่สร้างความขัดแย้งกับชายหนุ่มคนนี้ แต่ชายหนุ่มคนนี้ช่างเป็นตัวปัญหาเสียจริง เขาสังหารคนในที่สาธารณะแบบนี้ได้อย่างไร?
หลิงฮันพูดเยาะเย้ย “ข้าจะทำให้พวกเจ้าเข้าใจเสียก่อน ที่นี่ไม่ใช่เมืองจักรพรรดิ ในฐานะจอมยุทธ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความขัดแย้งกัน และเมื่อสักครู่ ข้ามีความขัดแย้งกันคนโง่ที่นอนเป็นศพอยู่ตรงนั้น แต่เจ้าโง่นั่นมันอ่อนแอเกินไป เพียงแค่การโจมตีเดียวมันก็ตายแล้ว”
ทุกคนจ้องมองอย่างไร้คำพูด จริงอยู่ที่ว่าที่นี่ไม่ใช่เมืองจักรพรรดิ มันเป็นสถานที่ที่ห่างไกลจากเมืองจักรพรรดิกว่าเจ็ดร้อยไมล์ แต่คนที่ในที่แห่งนี้ล้วนมาจากเมืองจักรพรรดิ เพราะงั้นถึงได้มีองครักษ์จักรพรรดิคอยดูแลความสงบสุขอยู่และให้ความรู้สึกว่าพวกมันกำลังอยู่ในเมืองจักรพรรดิ
การต่อสู้กันในพื้นที่นอกเมืองนับว่าเป็นเรื่องปกติ ผู้คนของแคว้นพิรุณที่เสียชีวิตเพราะเหตุนี้มีนับไม่ถ้วน
ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่ทำไมสี่เทวทูตพิทักษ์กับองครักษ์จักรพรรดิถึงได้รู้สึกว่ามันแปลกๆ?
“โปรดอย่าสร้างปัญหาอีก ไม่งั้นพวกเราคงต้องจับกุมท่าน และหากผู้ใดเข้ามาแทรกแซง คนคนนั้นจะต้องถูกสังหารอย่างไม่มีข้อแม้!” หนึ่งในองครักษ์จักรพรรดิตัดสินใจไม่ลงมือกับหลิงฮัน
“แน่นอน!” หลิงฮันประสานมือตอบ เขาสังหารคนที่เขาอยากสังหารไปแล้ว แม้สี่เทวทูตพิทักษ์จะทำอะไรบ้าบิ่นเขาก็ไม่คิดจะลงมือกับพวกมัน
สี่เทวทูตพิทักษ์โมโหจนกระอักเลือดออกมา
“ไปกันเถอะ พวกเราจะเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับ เรื่องอื่นค่อยตัดสินใจหลังจากที่นายท่านกลับมาแล้ว” เทวทูตพิทักษ์หมาป่าพูดด้วยเสียงต่ำ
“เมื่อนายท่านกลับมาในครั้งนี้ เขาจะนำตัวตนที่ทรงอำนาจมาพร้อมกับเขาด้วย แม้จักรพรรดิพิรุณจะปรากฏตัวออกมาก็ไม่สามารถช่วยเจ้าหนูนั่นได้!” เทวทูตพิทักษ์พยัคฆ์พนักหน้าเช่นกัน
“เข้าไปยังเขตแดนลี้ลับกันเถอะ!” เทวทูตพิทักษ์คชสารกัดฟันพูด พวกมันล้มเหลวในการคุ้มครองเฟิงหลัวมาครั้งหนึ่งแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเฟิงหยางจะทำอะไรกับพวกมันบ้างเมื่อเขากลับมา เพียงแค่คิดก็ทำให้หัวใจของพวกมันหยุดเต้นแล้ว
สี่เทวทูตพิทักษ์เดินเข้าเขตแดนลี้ลับไปทีละคน จนในที่สุดก็หายวับไปจากสายตา
ในตอนนั้นเอง ฉีฮวงเย่และคนอื่นได้ถอนหายใจโล่งอกออกมา พวกเขารู้สึกได้ว่าบนหน้าผากของพวกเขานั้นถูกปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อ แถมยังสัมผัสได้ด้วยว่าร่างกายของพวกเขากำลังรู้สึกหนาวเหน็บไปทั่วร่าง
“น้องหลิง เจ้าช่างกล้าหาญยิ่งนัก” ไป๋ลี่เถิงหยุนพูดโดยมีความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ
“มันก็เป็นแค่มดปลวก ถ้าข้าเผลอเหยียบมัน มันก็ต้องตาย” หลิงฮันพูดอย่างไม่แยแส
“ถึงแม้เฟิงหลัวจะไม่น่ากลัว แต่เฟิงหยาง...” ฉีฮวงเย่สั่นสะท้าน ตอนนี้มีใครไม่รู้บ้างว่าเฟิงหยางมีอำนาจขนาดไหน? เขาสามารถทำอะไรก็ได้ภายในสำนัก เพียงแค่คิดว่าต้องกลายเป็นศัตรูกับเฟิงหยางไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกหวาดกลัว
“โอ้ เย่เย่น้อย!” จู่ๆหลิงฮันก็โบกมือให้กับใครสักคนข้างหลังพวกเขา
ฉีฮวงเย่และคนอื่นๆหันหลังไปดู พวกเขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีแขนข้างเดียว บนร่างของเขามีกระบี่อยู่เล่มเดียว แต่ออร่าอันทรงพลังที่หมุนรอบตัวเขาทำให้เขาทำให้เขาราวเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกว่าตัวเองไร้ความสามารถเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
ชางเย่!
แต่ว่า... เย่เย่น้อยงั้นรึ?
สีหน้าของทุกคนกลายเป็นแปลกประหลาด หรือว่าทั้งสองคนจะมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนที่ไม่อาจเปิดเผยได้?
ชางเย่เดินมาทางพวกเขาโดยไม่แสดงท่าทีต่อต้านหรือไม่พอใจอะไรกับคำพูดที่หลิงฮันใช้เรียกเขา จิตใจและวิญญาณของเขามีเพียงกระบี่ ต่อให้ทั่วทั้งโลกหมิ่นประมาทหรือใส่ร้ายเขาแล้วจะทำไม? เพียงแค่หนึ่งกระบี่ทุกอย่างก็จะต้องเงียบ
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนมาถึงแล้ว งั้นก็ไปกันได้!” หลิงฮันพูด
เมื่อใดกันที่ชางเย่เป็นหนึ่งในกลุ่มพวกเรา?
ฉีฮวงเย่และคนอื่นๆตกตะลึงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร และเดินตามหลิงฮันเข้าไปยังประตูมิติ สำหรับปัญหาเรื่องเฟิงหยาง พวกเขาค่อยกลับไปคิดทีหลัง
ฟุบ ฟุบ ฟุบ พวกเขาเดินผ่านประตูมิติเข้าไปทีละคน หลิงฮันอุ้มฮูหนิวเดินผ่านประตูมิติเข้าไปทันที เขารู้สึกราวกับว่าเวลาได้หยุดนิ่งและวิญญาณของเขากำลังจะถูกฉีกกระชาก
เขารู้สึกเช่นนั้นไม่นานก็ปรากฏตัวขึ้นที่โลกที่ไม่คุ้นเคย หญ้าสีเขียวขึ้นเต็มไปทั่วราวกับเป็นมหาสมุทร เมื่อสายลมอันหนาวเย็นพัดผ่าน ใบหญ้าก็จะพลิ้วไหวไปมาเล็กน้อย มันเป็นสถานที่ที่งดงามเกินกว่าจะบรรยยาย
อยากไรก็ตาม นอกจากฮูหนิวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา ผู้คนรอบข้างของเขาได้หายไปอย่างสมบูรณ์
เคลื่อนย้ายมิติแบบสุ่ม
หลิงฮันขมวดคิ้ว เขาถามเกี่ยวกับเขตแดนลี้ลับนี้ไปเยอะ แต่สุดท้ายก็ลืมถามเรื่องนี้ไปเสียได้ สุดท้ายการรวมตัวกันก่อนเข้ามายังเขตแดนลี้ลับก็เสียเวลาเปล่า มันไม่มีประโยชน์อะไรแม้แต่น้อย
โชคดีที่ฮูหนิวเกาะติดอยู่กับตัวเขา ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีใครคาดเดาได้เลยว่าเด็กสาวคนนี้จะถูกส่งไปที่ใด และหากไม่มีเขาคอยดูแล ด้วยนิสัยอันป่าเถื่อนของนาง นางจะต้องพบเจอกับปัญหาแน่นอน
“ฮู่!” ฮูหนิวกระโดดลงจากอ้อมแขนหลิงฮัน นางใช้แขนขาทั้งสี่วิ่งเล่นไปมา
นางเติบโตมาในป่าตั้งแต่เกิด สถานที่เช่นนี้คือโลกที่แท้จริงของนาง
หลิงฮันเดินไปข้างหน้าในขณะที่ฮูหนิวกำลังวิ่งไปมาอย่างมีความสุข บางครั้งนางก็วิ่งมาอยู่หน้าเขา บางครั้งก็อยู่ด้านหลัง ด้านซ้าย ด้านขวา แม้แต่หลิงฮันก็ยังได้รับอิทธิพลจากควาสุขของนางจนต้องยิ้มออกมา
“อันตราย!” เขาตื่นตัวอย่างรวดเร็วและรีบพุ่งไปข้างหน้าฮูหนิว
ฟุบ สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กสีขาวกระโดดออกมา มันคือกระต่ายที่กำลังกินหญ้าอยู่ แต่ฮูหนิวที่วิ่งไปมาทำให้มันหวาดกลัวและต้องกระโจนออกมา จนหลิงฮันเผลอคิดไปว่ามันคือศัตรู
เขายิ้มและหยุดเดิน ในขณะเดียวกัน ฮูหนิวกลายเป็นถูกกระตุ้นและพยายามไล่จับมัน นางวิ่งไล่ตามกระต่ายตัวนั้นพร้อมกับปากที่เปิดกว้างโดยพยายามที่จะกัดมัน
เห็นได้ชัดว่าฮูหนิวไม่คิดว่ากระต่ายตัวนั้นน่ารักแม้แต่น้อย มันเป็นเพียงเหยื่อของนางเท่านั้น
ฟุบ กระต่ายเผ่นหนีอย่างรวดเร็ว แต่ฮูหนิวก็ไม่ได้เชื่องช้า นางไล่ตามกระต่ายนั่นไปทันที เสียงตระโกนของหลิงฮันไม่สามารถหยุดฮูหนิวได้ เขาทำได้เพียงเดินตามหลังฮูหนิวไปเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นาน กระต่ายได้ตะเกียกตะกายอยู่บนหญ้าจนหายไปในที่สุด ดูเหมือนว่ามันจะหนีลงไปในหลุมกระต่าย ฮูหนิวใช้สองมือขุดดินทันที นางคิดจะจับกระต่ายตัวนั้นอย่างสุดกำลัง
“ปล่อยมันไปเถอะ ถึงแม้เจ้ากระต่ายนั่นจะตัวอวบอ้วน แต่ด้วยความตะกละของเจ้า มันไม่เพียงพอแม้แต่จะเป็นของว่างแน่นอน” หลิงฮันอุ้มฮูหนิวขึ้นมา เด็กน้อยทำแก้มป่องด้วยความไม่พอใจ
ฟุบ ฟุบ ฟุบ ฟุบ ในตอนนั้นเอง กระต่ายจำนวนมากได้กระโดดขึ้นมาจากหลุม อย่างไรก็ตาม กระต่ายเหล่านี้ดูไม่น่ารักแม้แต่น้อย พวกมันตัวใหญ่ราวกับสุนัขและมีดวงตาสีแดงพร้อมกับปลดปล่อยออร่าที่กระหายเลือดออกมา
‘บัดซบ!’
หลิงฮันสาปแช่งอยู่ในใจ นั่นเพราะกระต่ายเหล่านี้ล้วนแต่อยู่ในระดับรวมธาตุ และมีอยู่สองตัวที่อยู่ในระดับก่อเกิดธาตุ
สามสิบ สี่สิบ ห้าสิบ... จำนวนของพวกมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดกระตายยักษ์ที่มีขนาดเท่ามนุษย์ก็โผล่ขึ้นมา กระต่ายตัวสุดท้ายปลดปล่อยออร่าของจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุชั้นปลายออกมา
ดวงตาของหลิงฮันกวาดผ่านพวกมันและคำนวณอยู่ในใจ ‘ระดับก่อเกิดธาตุชั้นปลายหนึ่งตัว ระดับก่อเกิดธาตุชั้นกลางเจ็ดตัว ระดับก่อเกิดธาตุชั้นต้นยี่สิบเอ็ดตัว และหลายร้อยตัวอยู่ในระดับรวมธาตุ’
หลิงฮันรู้ตัวว่าไม่มีทางชนะแน่นอน เขารีบอุ้มฮูหนิวและเผ่นอย่างว่องไว
ในเมื่อชนะไม่ได้ก็หนีสิ จะไปคิดอะไรมาก