บทที่ 8 ความรู้สึก(ฟรี)
บทที่ 8
ความรู้สึก
“วิชาหมัดอสรพิษ!”
หยางฉีตั้งท่าและกู่ร้องอย่างเร่งร้อน เขาปล่อยหมัดออกไปอีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ใช่หมัดตรงๆ แบบธรรมดาๆ หมัดถูกพันไว้กับสิ่งที่คล้ายกับงูพิษ มันร้ายกาจและเร็วดุจแสง
หยางฉีสันนิษฐานว่า หลี่ฟู่เฉินได้รับการบำรุงจากยาเม็ดวิญญาณบางอย่าง ดังนั้นการฝึกฝนของเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และมีกระดูกที่แข็งแกร่ง แต่ผู้ที่พึ่งพาทรัพยากรเช่นนั้น มักมีประสบการณ์การต่อสู้จริงอ่อนแอและพื้นฐานก็ตื้นเขิน
หลี่ฟู่เฉินตอบโต้กับหมัดที่เข้ามา เขาเลิกคิ้ว แม้ว่าความแข็งแกร่งในการชกครั้งนี้อาจจะดูแล้วสมบรูณ์แบบ แต่มันยังเต็มไปด้วยช่องโหว่ สืบเนื่องจากวิชาหมัดอสรพิษนี้ยังไม่เข้าขั้นสมบูรณ์แบบ
หลี่ฟู่เฉิน ร่างโอนเอนไปมาหลบหลีกหมัด เมื่อหยางฉีหยุดโจมตี เขาก็จู่โจมกลับทันที
“รับมือ!”
หลี่ฟู่เฉินผลักฝ่ามือขวาไปที่ไหล่ของหยางฉี พลังฝ่ามือแข็งกล้า และดูยากที่จะต้านทานได้
“แย่แล้ว!”
หยางฉีตื่นตระหนก รีบยกแขนขึ้นป้องกันตัว
พลั๊ก!
พลังฝ่ามือพิฆาตศิลาของหลี่ฟู่เฉินอยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบ กำลังฝ่ามือรุนแรง หยางฉีโดนชกกระแทกที่แขนอย่างจัง เขาถอยออกไปสองสามก้าว จนกระทั่งล่วงล้ม ช่างเป็นภาพที่น่าสังเวช
“หยางฉีโดนตีต้านกลับ? ข้ากำลังเห็นผิดไปหรือเปล่า?”
เหล่าผู้สังเกตการณ์ส่งเสียงอื้ออึง พวกเขาทั้งหมดหวังไว้ว่าจะได้เห็นหลี่ฟูเฉินเป็นตัวตลก แต่ช่างแปลกประหลาดสิ่งที่ตลกกลายเป็นหยางฉีแทน อากัปกริยาของทุกคนแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“พี่ใหญ่ฉี !”
กวนเหม่ยตะลึงงันด้วยเช่นเดียวกัน นางไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น นี่ใช่หลี่ฟู่เฉินจริงๆ?
ปฏิกิริยาของหลี่หยุ่นเหอและหลี่หยุ่นไห่ นั้นดูแย่ที่สุดในบรรดาทั้งหมด
“หยางฉีเชี่ยวชาญทักษะดาบ วิชาหมัดของเขาเป็นสิงที่ไม่มีนัยสำคัญ หลี่ฟู่เฉินกำลังขุดหลุมฝังศพตัวเอง” หลี่หยุ่นไห่ กล่าวแย้ง
“หลี่ฟูเฉิน เจ้า รนหาที่ตาย!”
หยางฉีเลือดขึ้นหน้าเขารู้สึกคล้ายกับถูกเยาะเย้ย ก็ในเมื่อเขาประกาศออกไป ว่าเขาดีกว่าหลีฟู่เฉินมากเพียงใด แต่ทว่าคำพูดนั้นกลับย้อนคืนมาหาเขาเสียเอง นี่เป็นความอับอายที่ยากจะลบเลือน
เคร้งงง!
หยางฉีชักดาบยาวที่แขวนอยู่ตรงเอวของเขาออก และพุ่งตรงไปยังหลี่ฟู่เฉินด้วยรูปแบบดาบที่ดูโหดเหี้ยม
วิชาหมัดอสรพิษของหยางฉีนั้นยังไม่บรรลุถึงระดับรองต่างกับวิชาดาบอสรพิษของเขา
เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเหมือนหลี่ฟูเฉิน ที่สำเร็จวิชาดาบระดับกลางสีเหลืองภายในระยะเวลาอันสั้น
“ฝีมือของเจ้ายิ่งแย่ลงเมื่อใช้ดาบ”
หลี่ฟู่เฉินวาดดาบของเขาไป และกวัดแกว่งดาบด้วยท่าทีที่ดูสง่างาม
ชิ้ง !! ชิ้ง ! เคร่ง! เคร่งงง!!
วิชาดาบอสรพิษที่ว่าร้ายกาจ ถูกปราบราบคาบด้วยดาบยาวของหลี่ฟู่เฉิน มันถูกยับยั้งไว้ได้
ดาบของหยางฉีดูไร้พลัง ราวกับผีเสื้อที่ถูกดักไว้ในใยแมงมุม ยิ่งดิ้นรนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งติดกับดักมากขึ้นเท่านั้น
"เจ้าแพ้แล้ว.."
หลี่ฟู่เฉินวางปลายดาบจ่อคอหอยของหยางฉี แสงสะท้อนจากดาบทำให้หยางฉีรู้สึกตื่นตะลึงราวกับถูกสายฟ้าฟาดใส่ ในสายตาของเขา ไร้ความปรารถนาที่จะต่อสู้ต่อไปแล้ว
หลี่ฟูเฉินใส่ดาบกลับเข้าไปในฝัก เขาไม่ได้กล่าวว่าหยางฉีใดๆ
“ไม่มีประโยชน์ที่จะตำหนิคนเช่นเจ้า”
ก่อนที่จะล้มเหลวเช่นนี้ เขาเห่าออกมามาก แต่เมื่อเขาล้มตัวลงครั้งหนึ่ง เขาจะรู้สึกราวกับว่าท้องฟ้าทั้งผืนถล่มทลายลงมา เมื่อความคาดหวังเพิ่มสูง ความผิดหวังก็จะสูงขึ้นตาม
ขณะที่หลี่ฟู่เฉินหันกลับมา หยางฉีพลันฟื้นคืนสติได้และร้องโวยวายออกมา
“ข้าไม่ได้แพ้ เป็นเจ้าที่โกงข้า! ตายซะ!”
หลี่ฟู่เฉินคาดการณ์ได้ถึงสิ่งที่เขาจะทำต่อ เขาพลันกลายเป็นโกรธ ร่างของเขาหมุนวนราวกับพายุหมุน หันหน้าเข้าหาหยางฉี และส่งลูกเตะไปที่หน้าอก เลือดกระอักออกมาจากปากของหยางฉี เขาสลบลงไปในทันที
“ฆาตกร!” กวนเหม่ยกรีดร้องด้วยเสียงของเธอ เสียงดังก้องไปทั่วถนน
“เขายังไม่ตาย หุบปาก !”
หลี่ฟู่เฉินจ้องมองกวนเหม่ยอย่างเลือดเย็น การจ้องมองที่เหมือนคมมีดกรีดนั้นทำให้กวนเหม่ยเงียบลง นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกหวาดกลัวเพียงโดนจ้องมอง
“หลี่ฟู่เฉิน เจ้านำปัญหานี้มาให้ตระกูลหลี่ของเรา ไปขอโทษตระกูลหยางซะ เมื่อตอนที่เจ้ายังมีโอกาส อย่าใช้สิทธิ์ที่เพียงเพราะเจ้าเป็นลูกของผู้นำตระกูล และไม่สามารถทำร้ายใครก็ได้ที่ต้องการ”
“มันมีราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการทำความผิด นี่เป็นบทเรียนที่สอนให้แก่เขา สำหรับตัวเจ้า เจ้ายังมีคุณสมบัติไม่พอที่จะสั่งสอนข้า” หลี่ฟุ่เฉินตอบกลับอย่างไร้ปราณี
“ฮ่าฮ่า! ดูเหมือนว่าชัยชนะครั้งนี้ จะยิ่งทำให้เจ้าได้ใจ เมื่อคำกล่าวออกไปแล้ว มันย่อมมีภูเขาที่สูงกว่าอยู่เสมอ ด้วยทักษะที่น่าสมเพชของเจ้า เจ้าไม่สมควรที่จะโอหังใดๆ ภายในตระกูลหลี่ ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็น ว่าข้าเพียงพอที่จะสอนบทเรียนให้เจ้าหรือไม่”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงของหลี่ฟู่เฉิน หลี่หยุนไห่หัวเราะด้วยความโกรธ เขาจะไม่ยอมให้คนที่เป็นเพียงคนรุ่นน้อง ไม่ว่าใครก็ตาม ก็ต้องเคารพเขา
“ไปกันเถอะ เซี่ยวตี้”
หลี่ฟูเฉินไม่สนใจหลี่หยุนไห่ และออกไปพร้อมกับหลี่เซี่ยวตี้ ออกจากฝูงชนโง่เง่าเหล่านี้
***
หลังจากหลี่ฟู่เฉินจากไป เมืองหยุ่นวู่ก็ถูกปลุกกระตุ้นขึ้นคนโง่เขลาอย่างหลี่ฟู่เฉินไม่เพียงแต่ฟื้นฟูพรสววรค์ของเขาได้ ทว่าเขายังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังสามารถพิชิตอัจฉริยะหนึ่งในสี่ของตระกูลหยางได้
ทุกคนลงความเห็นว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่ตระกูลกวนจงใจยกเลิกการแต่งงานเพื่อเป็นแรงผลักดันให้กับหลี่ฟู่เฉิน? ไม่เพียงแต่ฟื้นฟูพรสวรรค์ของเขาเท่านั้น ทว่ายังเพิ่มพูมศักยภาพภายในของเขาได้อีกเช่นกัน
ในช่วงอาหารเย็น หลี่ฟู่เฉินคาดว่าพ่อของเขาจะถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน เขาจึงอธิบายรายละเอียดทั้งหมดออกไป หลี่เทียนฮั่นอยากรู้อยากเห็น“ฟู่เฉิน จริงๆแล้วตอนนี้การฝึกฝนเจ้าอยู่ระดับไหน”
หยางฉีไม่ใช่ว่าจะเป็นคนไม่สำคัญมีเพียงแต่อัจฉริยะของตระกูลหลี่ หลี่หยุ่นไห่เท่านั้น ที่จะอยู่ในระดับเดียวกับเขา
เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉินยู่หยาง ก็อยากรู้เช่นกัน ลูกชายของนางลึกลับมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้นางจะเป็นแม่ แต่ก็ไม่สามารถทำความเข้าใจกับตัวเขาได้
หลี่ฟู่เฉินชิมซุป และตอบกลับอย่างอ่อนโยน“ท่านพ่อ ท่านแม่ ในตอนนี้ข้าอยู่ขั้นที่ห้าของขอบเขตพลังลมปราณ และยังสำเร็จสองทักษะดาบระดับเหลืองขั้นกลางฝึกฝนจนบรรลุระดับย่อย ข้าอยู่ห่างจากระดับต่อไปไม่ไกล คาดว่าอีกไม่นานก็ระดับก็จะเพิ่มอีกครั้ง”
เขาไม่กล้าประกาศว่าทักษะการต่อสู้ทั้งหมดของเขาอยู่ในขั้นสมบรูณ์แล้ว
เนื่องจากนี่เป็นการท้าทายตรรกความรู้มากเกินไป และมันก็ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะบอกพวกเขา
“เจ้าใกล้จะสำเร็จแล้วหรือ?”
หลี่เทียนฮั่นและเฉินยู่หยาง ทอดถอนลมหายใจที่หนาวเหน็บ พวกเขากำลังครุ่นคิดว่า ว่าบุตรชายของพวกเขาอาจจะเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่ง ยากที่จะเกิดขึ้นในรอบศตวรรต มันเป็นความจริงที่รู้กันดี ว่าการทะลวงทักษะสีเหลืองขั้นกลางนั้น มันช่างยากแสนเข็ญ
“แล้ววิชาหยกแดงล่ะ?” หลี่เทียนฮั่นถามอีกครั้ง
หลี่ฟู่เฉินยังโกหกต่อไป“ระดับที่สี่ขั้นสูงสุด”
“อืม!”
หลี่เที่ยนฮั่นและเฉินยู่หยางนิ่งไปชั่วขณะ หลี่เที่ยนฮั่นกล่าวออกมาอย่างเบิกบานใจ“เจ้าเป็นดั่งเทพจำแลงมา!ฟู่เฉินต่อจากนี้ถ้าเจ้าฝึกอย่างหนัก เจ้าอาจจะมีโอกาสสูงมากกว่าหลี่หยุ่นไห่ ในการเข้าสู่สำนักนิกายคังเหลียน!”
“ท่านพ่อ ท่านแม่ การที่ข้าจะเข้าสู่นิกายคังเหลียนจริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องง่าย”
หลี่ฟู่เฉินเต็มไปด้วยความหวังสำหรับเรื่องนี้
“มา มาเอาไก่ชิ้นนี้ไป” เฉินยู่หยางยื่นไก่ให้บุตรชายของเธออย่างร่าเริง นางได้ลิ้มรสความหวานดั่งน้ำผึ้งอยู่ในหัวใจที่ปลื้มปิติของเธอ ในโลกนี้ ซึ่งอยู่ได้ด้วยกฎ ผู้แข็งแกร่งกลืนผู้อ่อนแอ่ การที่หลี่ฟู่เฉินสามารถเข้าสู่นิกายคังเหลียนได้ มันจะเป็นการตัดสินอนาคตของตระกูลหลี่
ในฐานะที่เป็นแม่ นางย่อมได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย
ในความเป็นจริง นางเองก็มาจากตระกูลใหญ่เช่นกัน แต่ไม่ได้อยู่ที่เมืองหยุ่นวู่
ทุกครั้งที่นางกลับบ้าน ทุกคนมักจะเอาลูกของกันและกันมาเปรียบเทียบ ทว่านางไม่ได้มุ่งหวังว่าบุตรชายจะเป็นดั่งที่ทุกคนคาดหวัง ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม เขาก็ยังเป็นบุตรชายของนาง แต่ถ้าบุตรชายของนางเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ได้จริงๆ สิ่งนี้ก็นับเป็นสิ่งที่ล้ำค่าสำหรับนางมากแล้ว..