บทที่ 6 เครื่องประดับจอมยุทธ์(ฟรี)
บทที่ 6
เครื่องประดับจอมยุทธ์
ฮึบ!
หลี่ฟู่เฉินกำลังต่อสู้กับหมาป่ากรงเล็บโลหะ บนภูมิทัศน์ที่ตะปุ่มตะป่ำ
หมาป่ากรงเล็บโลหะ มีการป้องกันที่อ่อนแอกว่าจิ้งจอกกระดูกเหล็ก แต่การโจมตีนั้นห่างชั้นกว่ามาก การใช้กรงเล็บที่มีความยาวครึ่งเมตรสามารถทำลายลำต้นของต้นไม้ใหญ่ได้อย่างง่ายดาย
ชิ้งงง!
ประกายไฟปลิวกระจายขณะดาบเหล็กของหลี่ฟู่เฉินไถลไปตามกรงเล็บโลหะของหมาป่าและพุ่งสู่คอหอยของมัน
“การเคลื่อนไหวทั้งหมดสี่ครั้ง มันยังมีส่วนที่ต้องปรับปรุง”
หลังจากเผชิญหน้ากับจิ้งจอกกระดูกเหล็กแล้ว หลี่ฟู่เฉินก็สามารถปะทะกับหมาป่ากรงเล็บโลหะอย่างเย็นอารมณ์ และใช้เพียงสี่ตวัดเท่านั้นเพื่อชนะมัน
หากมีใครรู้เรื่องนี้เข้า ผู้นั้นคงต้องขากรรไกรค้าง
สำหรับผู้เยี่ยมยุทธระดับห้าของขอบเขตพลังลมปราณ มันคงจะเหนื่อยมากถ้าต้องสู้ตัวต่อตัวกับจิ้งจอกกระดูกเหล็กหรือหมาป่ากรงเล็บโลหะ มีผู้เยี่ยมยุทธระดับห้าของขอบเขตพลังลมปราณ เพียงไม่กี่คนที่จะกล้าเผชิญหน้ากับพวกมัน
หลี่ฟู่เฉินสามารถฆ่ามันสองตัวโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมาก ทักษะของเขาอาจจะเปล่งแสงเด่นชัดกว่าผู้ฝึกฝนส่วนใหญ่ของขอบเขตพลังลมปราณ
ชัดแจ้งว่า ผู้เยี่ยมยุทธขอบเขตพลังลมปราณปกติขั้นห้า จะไม่สามารถผ่านบรรลุขั้นที่สองของศิลปะดาบสีเหลืองระดับกลาง แม้ว่าหลี่ฟู่เฉิน ปัจจุบันอยู่ในขั้นที่ห้าของขอบเขตพลังลมปราณ แต่วิชายุทธ์ของเขาก็ทำให้มันยอมจำนนได้ หมาป่ากรงเล็บโลหะนั้น เปรียบไม่ได้เลย
จิ้งจอกกระดูกเหล็ก, หมาป่ากรงเล็บโลหะ, หมีคลั่งสังหาร, เสือดาวลายทอง ...
ในวันเดียวหลี่ฟู่เฉินได้ทำลายสัตว์ปีศาจขั้นหนึ่งไปสี่ตัว สำหรับสัตว์อสูรในระดับงูลายทางเขียว เขาได้ดูแลมันเหล่านั้นมากกว่าสิบตัวแล้ว
เมื่อจำนวนการต่อสู้ทวีคูณ วิชายุทธ์การต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉินก็ดีทวีคูณเช่นกัน ทักษะเพลงดาบของเขาไม่เหมือนแต่ก่อน ทว่า... แม้ดูงดงาม แต่ยังร้ายกาจ
เมื่อฟ้ามืดลงหลี่ฟู่เฉินก็รุดกลับไปที่ตระกูลหลี่
การเก็บเกี่ยวในวันนี้ยอดเยี่ยมมาก เจ็ดก้านสมุนไพรระดับต่ำขั้นสีเหลือง กรงเล็บโลหะยี่สิบอันและห้าหนังสัตว์เดียรัจฉาน มูลค่าทั้งหมดยี่สิบเหรียญทอง
เมื่อกลับมาที่ตระกูลหลี่ท้องฟ้าถูกปกคุมด้วยความมืดมิดหลี่ฟู่เฉินวางแผนที่จะคัดแยกแยะสมุนไพรและของสัตว์ร้าย
“ฟู่เฉินทำไมวันนี้เจ้าถึงดูยุ่งมาก” หลี่เทียนฮั่นถามขณะอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“ท่านพ่อ ข้าปักหลักอยู่ที่หนึ่งเพื่อฝึกฝนทักษะดาบ” หลี่ฟู่เฉินไม่กล้าที่จะเปิดเผยการเดินทางของเขาสู่เทือกเขาม่านหมอก
“อืมม์…” หลี่เทียนฮั่นไม่คลางแคลงอะไร เพราะเมื่อหลี่ฟู่เฉินยังเด็ก เขามักชอบหาที่เงียบ ๆ เพื่อฝึกฝนทักษะการใช้ดาบมากกว่าจะอยู่ในตระกูล
หลังอาหารเย็น หลี่ฟูเฉินก็กลับไปที่ห้อง
หลี่ฟูเฉินนั่งไขว้ขาบนเสื่อในห้อง เขาเริ่มโคจรรอบวิชาหยกแดง จากนั้นหยิบขวดหยกออกมา และกลืนยาเม็ดจากขวดนั้นเข้าไป
นี่คือยาเม็ดวิญญาณระดับต่ำสีเหลืองและมีมูลค่าถึงยี่สิบเหรียญทอง เมื่อฝึกบ่มเพาะทรัพยากรก็สำคัญพอ ๆ กับความสามารถ
เมื่อมีทรัพยากรเพียงพอ สามารถเกิดทางลัดในการฝึกฝนได้ แต่ไม่ควรพึ่งพิงเพียงอย่างเดียว เนื่องจากจะมีขั้นที่ร่างกายจะตามไม่ทันและติดชะงักอยู่เป็นเวลานาน
เมื่อยาเม็ดแห่งวิญญาณถูกกลั่นให้บริสุทธิ์เต็มที่ หลี่ฟูเฉินสามารถรู้สึกถึงคลื่นระลอกสำคัญที่มีผลต่อการฝึกฝนของเขาและมันก็ใกล้ถึงจุดสูงสุดของขั้นที่ห้าของขอบเขตพลังลมปราณ
***
เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่ฟู่เฉินเข้ามาในเมือง เพื่อมายังโรงกลั่นปีศาจ
“ท่านนายน้อยฟู่เฉินขอรับ สำหรับกรงเล็บโลหะทุกอัน มีค่าหนึ่งเหรียญเงินและยี่สิบอันมีค่าเท่ากับทองคำสองชิ้น ในบรรดาสัตว์อสูรทั้งสี่ตัว เสือดาวลายทองนั้นราคาดีกว่าอยู่ที่ สองเหรียญทอง สำหรับหมีบ้าคลั่งมีค่าห้าหรียญเงินหมาป่ากรงเล็บโลหะสองเหรียญเงินและหมาป่ากระดูกเหล็กที่หนึ่งเหรียญเงิน ทั้งหมดเท่ากับเจ็ดเหรียญทองคำและเจ็ดเหรียญเงิน ท่านคิดว่าอย่างไร?” ราคาถูกเสนอโดยผู้ดูแลร้านค้าที่โรงกลั่น หลังจากที่ได้ประเมินวัตถุทั้งหมดบนโต๊ะ
“ก็ได้” หลี่ฟู่เฉินผงกศรีษะ โรงกลั่นปีศาจเป็นธุรกิจของตระกูลหลี่ ราคาของมันแน่นอนว่าจะย่อมดีกว่าที่ตระกูลอื่น
หลี่ฟู่เฉินออกเดินทางจากโรงกลั่นปีศาจมุ่งหน้าไปยังร้านสมุนไพรของตระกูลหลี่และขายก้านสมุนไพรระดับต่ำชั้น สีเหลืองเจ็ดต้นในราคาสิบเอ็ดเหรียญทอง
ใกล้เวลาเที่ยงแล้ว หลี่ฟู่เฉินไม่มีเวลาพอที่จะไปเทือกเขาม่านหมอกเพราะต้องการจะกลับมาในช่วงเย็น เวลาเดินทางไปกลับใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในแต่ละเที่ยว
เมื่อเห็นว่ามีเวลาว่างหลี่ฟู่เฉินก็ออกไปซื้อของรอบเมืองหยุ่นวู่
ตั้งแต่สูญเสียพลังยุทธ์ เขาไม่ได้ซื้อของในเมืองที่คุ้นเคยแห่งนี้มาตลอดทั้งปี
เขาพบว่าตนเองอยู่ที่หน้าร้านสมบัติ โดยไม่รู้ตัว
นี่เป็นร้านขายเครื่องประดับ แต่มันเป็นเครื่องประดับเฉพาะสำหรับจอมยุทธ์ อุปกรณ์เสริมการต่อสู้เหล่านี้สามารถช่วยส่งเสริมการฝึกบ่มเพาะ
มีผู้คนหนาแน่นเข้าออกร้านค้า แสดงให้เห็นว่าธุรกิจนี้คอนข้างดี คนเหล่านั้นที่เข้าออกเป็นล้วนเป็นผู้ฝึกขอบเขตพลังลมปราณ บางครั้งผู้ฝึกขอบเขตก่อกำเนิดก็จะเข้ามาเช่นกัน
“ท่านพี่ใหญ่ฟู่เฉิน!”
เมื่อหลี่ฟูเฉินเข้าไป เขาได้ยินสุ้มเสียงเอียงอายเปล่งมาจากทางด้านหลัง
“เซี่ยวตี้”
เมื่อหลี่ฟู่เฉินมองกลับไป เขามองเห็นหญิงสาวผู้หนึ่ง ช่างงดงามและบอบบาง
หลี่เซี่ยวตี้ เป็นหนึ่งของครอบครัวสาขาของตระกูลหลี่พ่อแม่ของเธอไม่ได้อยู่ในสถานะอันสูงส่ง แต่หลี่ฟู่เฉินจำนางได้ดี เมื่อเขาสูญเสียพรสวรรค์ จิตใจอันดีงามของเซี่ยวตี้ก็เป็นกำลังใจสำคัญให้เขา
“ข้าได้ยินว่าพรสวรรค์ของท่านพี่ใหญ่ฟู่เฉินหวนคืนแล้ว เซี่ยวตี้ขอแสดงความยินดีด้วย” เซี่ยวตี้มอบรอยยิ้มอันแสนหวานให้เขา
หลี่ฟู่เฉินหัวเราะอย่างเต็มที่“ข้ายังไม่ได้ขอบคุณที่เจ้าให้กำลังใจข้าเลย”
“ท่านพี่ใหญ่ฟู่เฉินยกย่องข้ามากเกินไป กำลังใจของข้าจะเป็นประโยชน์ได้อย่างไร” หลี่เซี่ยวตี้แสดงอากัปกิริยาจริงจังใส่เขา
หลี่ฟู่เฉินตอบว่า “เจ้ามาที่นี่เพื่อมาซื้อเครื่องประดับใช่ไหม? มาดูข้างในกันดีกว่า”
“ข้าไม่อาจรบกวนท่านพี่ใหญ่ฟู่เฉิน”
จริงๆแล้วหลี่เซี่ยวตี้อยู่ที่นี่เพื่อมองหาเครื่องประดับ ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นางจับตามองสร้อยข้อมือเส้นหนึ่งอยู่ แต่ในช่วงเวลานั้น มีทองคำไม่เพียงพอ หลังจากออมเงินไปได้สองสามเดือนควบคู่กับเงินเบี้ยเลี้ยงที่ได้รับจากพ่อแม่ ในที่สุดนางก็มีเพียงพอ
หลี่ฟู่เฉินสังเกตว่า ราคาเครื่องประดับในร้านขายสมบัติแห่งนี้ช่างล่อตาล่อใจ รายการที่ถูกที่สุดราคาแค่ยี่สิบเหรียญทอง และชิ้นถัดไปที่ดูเหมือนจะดีกว่า ราคาห้าสิบถึงหกสิบเหรียญทอง รายการที่ถูกวางอยู่ลึกลงไปในร้านอาจจะเท่ากับร้อยหรือถึงสองสามร้อยเหรียญทอง
“ข้าอยากจะดูแหวนวงนี้”
ลึกเข้าไปด้านในตู้แสดงผลึกอัญมณี หลี่ฟู่เฉินจ้องไปที่แหวนพลอยสีฟ้า แหวนงามไม่มีที่ติ ตัวเรือนมีสีทองประกายเงิน ประดับด้วยอัญมณีสีฟ้ารูปไข่ขนาดใกล้เคียงกับนิ้วก้อย แหวนส่องประกายแวววาวอยู่ภายในตู้แสดง
พนักงานร้านจำหลี่ฟูเฉินได้ เขาจึงรีบนำแหวนออกมาอย่างรวดเร็วและเอ่ยว่า“ท่านนายน้อยฟู่เฉินขอรับ แหวนนี้เป็นสินค้าใหม่ในร้านของเรา อัญมณีสีฟ้าที่อยู่บนยอดมีคุณภาพเยี่ยมยอด มันมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมในการรวมพลังงานจากสวรรค์และพิภพ ตัวเรือนของแหวนทำด้วยก้อนโลหะเย็น ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความทนทาน”
ขณะที่หลี่ฟู่เฉินทำการประเมินแหวน เขาคิดว่าราคาน่าพึงใจนัก
อัญมณีสีฟ้าเป็นผลึกพลังงานมีความสามารถในการรวมพลังสวรรค์และพิภพ สามารถแบ่งได้เป็นสี่ระดับ ต่ำ, กลาง, สูงและสูงสุด ในเมืองหยุ่นวู่ ผลึกชั้นสูงเป็นสิ่งที่หายากยิ่งสำหรับผลึกอัญมณีระดับสูงสุด แม้ว่าจะมีอยู่ในตลาด แต่ก็ไม่สามารถหาซื้อได้ง่าย
“ข้าแค่กำลังมองหา ข้าจะซื้อมันในครั้งต่อไป”
แหวนนี้มีราคาสามร้อยเหรียญทอง หลี่ฟู่เฉินเป็นผู้ที่มัธยัสถ์ เขาสะสมเหรียญทองไว้ได้เกือบร้อยเหรียญ
“เมื่อเดือนที่แล้วไม่ใช่แค่ราคาห้าสิบห้าเหรียญหรอกหรือ มันเพิ่มมาถึงเจ็ดสิบเหรียญทองได้อย่างไร!”
“สร้อยข้อมือนี้เป็นชิ้นสุดท้ายของแบบนี้เจ็ดสิบเหรียญทองก็สมเหตุสมผลแล้ว”
“แต่ตอนนี้ข้าไม่มีเหรียญทองมากพอ ข้าจะมาจ่ายทีหลังได้มั้ย”
“ขอโทษด้วย ร้านของเราขายให้นายท่านไม่ได้”
ที่ด้านหน้าร้านหลี่เซี่ยวตี้และพนักงานร้านกำลังถกเถียงกัน น้ำเสียงของพนักงานแสดงออกอย่างไม่พอใจ
“มีเรื่องอะไรเหรอ เซี่ยวตี้” หลี่ฟู่เฉินเขยิบมาใกล้
หลี่เซี่ยวตี้มองดูสร้อยข้อมือเป็นครั้งสุดท้ายอย่างไม่เต็มใจ สร้อยข้อมือที่ฝังผลึกอัญมณีสามเม็ด นางส่ายศรีษะ “ไม่มีอะไรหรอกท่านพี่ใหญ่ฟู่เฉิน”
“เจ้าต้องการอีกเท่าไหร่ นี่พอมั้ย”
หลี่ฟู่เฉินเหลือบมองอย่างเร็วไปที่สร้อยข้อมือที่อยู่ในมือของพนักงานร้าน มันเป็นงานที่ประณีต สีของมันคือสีคราม ที่ฝังอยู่ในนั้นเป็นผลึกอัญมณีระดับต่ำ สามสี แดง เหลืองและน้ำเงินตามลำดับ มันดูงดงามและล้ำค่า เขาดึงทองคำของเขาออกมาแล้วผลักไปให้หลี่เซี่ยวตี้ “นี่เป็นชิ้นสุดท้าย ถ้าเจ้าพลาด มันจะไม่มีโอกาสครั้งที่สอง”
“ท่านพี่ใหญ่ฟู่เฉิน…”
ความลังเลปรากฏบนใบหน้าของหลี่เซี่ยวตี้
"ซื้อมัน! แล้วค่อยจ่ายเงินคืนข้าเมื่อเจ้ามี” หลี่ฟู่เฉินพูดพร้อมออกท่าทาง
“ท่านพี่ใหญ่ฟู่เฉิน ข้าสัญญาว่าจะคืนเงินนี้ให้กับท่าน”
หลี่เซี่ยวตี้หลงไหลได้ปลื้มสร้อยข้อมือนี้มาก ไม่เพียงแต่มันจะสง่างามเท่านั้นแต่ยังใช้งานได้จริงเช่นกัน ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของหลี่ฟู่เฉิน เธอรับทองคำจากเขาและดึงเหรียญทองออกมาสิบห้าเหรียญ เพื่อเติมลงไปในเหรียญทองห้าสิบห้าเหรียญที่เธอมีอยู่ ณ ตอนนี้ เพื่อซื้อสร้อยข้อมือ จากนั้นก็ส่งคืนเหรียญทองคำที่เหลือคืนให้หลี่ฟู่เฉิน
นางชายตามองประกายบนสร้อยในมือ พวกเขาเต็มไปด้วยความอิ่มเอิบ
“ข้าเป็นเจ้าของสร้อยข้อมือนี้”
พริบตานั้นเอง....มีมืออันดูบอบบาง...คว้าสร้อยข้อมือออกไปจากมือของหลี่เซี่ยวตี้....
ติดตามอัพเดทตอนใหม่ได้ที่นี่ Fanpage IndyNovel