ตอนที่แล้วบทที่ 122 - ทุกคนรวมพลังเป็นหนึ่ง (6) [อ่านฟรีวันที่ 16/02/2562]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 124 - ทุกคนรวมพลังเป็นหนึ่ง (8) [อ่านฟรีวันที่ 20/02/2562]

บทที่ 123 - ทุกคนรวมพลังเป็นหนึ่ง (7) [อ่านฟรีวันที่ 18/02/2562]


บทที่ 123 - ทุกคนรวมพลังเป็นหนึ่ง (7)

 

หลังจากเปิดใช้งานบาเรีย ยูอิลฮานได้ใส่ใจกับตารางเวลาเป็นอย่างมาก

ถึงแม้ว่าการขึ้นของดวงอาทิตย์หรือการขึ้นของดวงจันทร์จะไม่มีในบาเรียนี้ แต่เขาก็ได้กะเวลา 24 ชั่วโมงของหนึ่งวันได้ ด้วยเวลา 12 ชั่วโมงแรกเขาได้จัดการทำอุปกรณ์ที่หลากหลาย สิ่งของที่เขาสร้างขึ้นมาต่างมีมีระดับแรร์เป็ฯอยย่างน้อยทั้งนั้น

เพราะแบบนี้ทำให้เขาได้ผลิตอุปกรณ์ออกมาได้อย่างน้อย 500 ชิ้นต่ออัน เนื่องจากว่าเขาได้ใช้วัสดุของมอนสเตอร์เลเวลต่ำตั้งแต่แรกทำให้การสร้างของเขาไม่ได้มีความยากเลย แถมเขายังไม่ได้ทำการหัตถกรรมมานาอีกด้วย

 

ในตอนแรกสเปียร่าก็ยังถามออกมาในขณะที่มองดูกองอุปกรณ์ที่เขาสร้างขึ้น

[นายมีแผนที่จะกระจายไอเทมพวกนี้ไปบนโลกจริงๆงั้นหรอ?] (สเปียร่า)

"ใช่สิ"

เมื่อยูอิลฮานหยักหน้า เธอได้แต่เอียงหัวและถามออกมาต่อ

[แล้วถ้างั้นมันไม่ใช่ว่าคนพวกนั้นก็จะรู้ตัวหรอกหรอที่ว่าคนที่พวกนั้นเรียกว่าซูซาโนะกับแวนการ์ดมีความเกี่ยวข้องกัน?] (สเปียร่า)

"ก็อาจจะ"

ยูอิลฮานได้ยอมรับกับเธอ หากว่าอุปกรณ์ที่เขาทำได้กระจายผ่านแวนการ์ด ผู้คนก็จะรู้ได้ว่าซูซาโนะที่เป็นคนกวาดล้างหมาป่าในครั้งดีและแวนการ์ดมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกัน

"ฉันซ่อนมันไปตลอดไม่ได้หรอก แล้วฉันก็ไม่ได้คิดจะซ่อนมันอยู่แล้วด้วย แบบนี้มันจะได้ไม่มีไอ้โง่คนไหนบนโลกมากวนแวนการ์ดไง"

[ฮ่า ทุกคนจะต้องตะลึงแน่ล่ะ] (สเปียร่า)

แน่นอนก็มีบางคนที่พูดเรื่องแบบนี้ออกมาบ้างแล้ว แต่ว่าเมื่อไหร่ที่มีการปล่อยอุปกรณ์ออกไปมันจะเป็นการยืนยันเรื่องนั้น ผู้คนจะต้องตกใจในความเป็นจริงที่ว่ามันมีการเชื่อมต่อกันระหว่างร้านขายอุปกรณ์ที่ดีที่สุดบนโลกกับคนที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลก แม้ว่าจะไม่มีใครเคยคิดว่าทั้งสองคนนี้เป็นคนๆเดียวกันเลยก็ตาม

[เกาหลีได้เจอเข้ากับแจ๊คพ็อตแล้ว]

"ฉันรู้สึกยินดีจริงๆที่การศึกษาของประเทศฉันมันไม่ได้สอนให้ฉันกลายเป็นผู้โดดเดี่ยวแห่งจักรวาล ฉันได้โบกธงชาติเกาหลีเยอะแล้วนะ หวังว่าพวกเขาจะลดภาษีให้ฉันหน่อยล่ะกัน"

[นายนี่มันจริงๆเลย] (สเปียร่า)

และเมื่อ 12 ชั่วโมงในการสร้างอุปกรณ์ได้ผ่านไปยูอิลฮานก็จะหยุดการส้รางและไปยืนยันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับถังก่อนที่จะเปลื่ยนมันใหม่ โดยปกติแล้วสิ่งของที่เอาออกมาจากเป็นมื้ออาหารของเขาในทุกวัน

ทุกๆคนรวมไปถึงยูอิลฮานที่ทำงานในชั้นใต้ดิน เลียร่ากับเอิลต้าที่ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ คนที่เข้ารับการฝึกที่ดูเหมือนจะอยู่ในเครื่องซักผ้าตลอดเวลา ยูมิลที่มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ และสเปียร่าที่เฝ้ามองทุกๆคน พวกเขาทั้งหมดนี้ต่างก็จะมารวมตัวกันเพื่อกินอาหารในทุกๆมื้อ

เพราะแบบนี้เองทำให้ทุกๆคนได้เติมเต็มกระเพาะด้วยเนื้อ ไวน์ ข้าวและขนมปัง

โดยเฉพาะราชวงศ์หมาป่าเอริเซียที่ดูจะมุ่งมั่นกว่าเหล่าเอลฟ์ได้ถูกยูอิลฮานเปลื่ยนแปลงไปด้วยอาหาร เมื่อเธอกินข้าวเธอจะโยนศักดิ์ศรีในฐานะราชวงศ์ทิ้งไปและจะกระดิกหูอย่างมีความสุขขณะที่อาหารเต็มปากของเธอจนกระทั่งเธออิ่ม

"นายท่าน ไม่ว่าเราจะเหมือนมนุษย์มากแค่ไหน แต่ในท้ายที่สุดเราก็ยังเป็นมอนสเตอร์ มอนสเตอร์ที่เป็นเผ่าพันธ์ที่จะแข็งแกร่งขึ้นจากการกลืนกินกันเอง นี่คือวิธีที่จะไม่ทำให้พลังโดยรวมเราลดลงไปให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และนี่ก็คือสัญชาตญาณที่ถูกปลูกฝังลงไปภายในมอนสเตอร์เกือบทั้งหมด"

"เพื่อที่จะไม่ให้พลังโดยรวมลดลง..."

ไม่ว่ายูอิลฮานจะกินเนื้อหมาป่าไปมากแค่ไหนความแข็งแกร่งเขาก็เท่าเดิม แต่ว่าสำหรับเธอทั้งพลัง มานาและเลเวลต่างก็เพิ่มขึ้นมาถาวรเพียงแค่การกินเนื้อ

แน่นอนว่ามันก็ไม่ได้มากมายนัก ดังนั้นเรื่องแบบที่ว่ามอนสเตอร์บ้าคลั่งจนกินญาติพี่น้องตัวเองจึงเกิดขึ้นได้ยากมากๆ ถึงแม้ว่าจะเกิดขึ้นแบบนั้น พวกมันจะต้องเป็นพวกที่มีกระบวนการคิดที่คล้ายๆกัยกองทัพปีศาจแห่งการทำลาย

เธอได้ถามขึ้นมาอีกอย่างระมัดระวังกับยูอิลฮานที่เพิ่งจะได้รับความรู้ใหม่มา

"นี่มันทำให้ท่านรังเกียจไหม?"

"ไม่เลย ฉันก็แค่รู้สึกเหมือนฉันเจอแจ๊คพ็อตน่ะ"

ยูอิลฮานได้จัดการตัดความกังวลของเอริเซียออกไปภายในคำพูดเดียว ได้ยังไงกันล่ะ? นั่นก็เพราะว่าเขามีเนื้อหมาป่ากว่าหนึ่งแสนชิ้นอยู่ในช่องเก็บของเขายังไงล่ะ

"นับจากนี้ฉันจะให้เธอจัดการเนื้อหมาป่าทั้งหมด เธอน่าจะต้องกินอย่างน้อยร้อยชิ้นต่อวัน อืมม มากกว่านั้นก็ยิ่งดี"

"เข้าใจแล้วค่ะนายท่าน ฉันจะกินพวกมันทั้งหมดและแข็งแกร่งขึ้น"

เอริเซียได้ตื่นเต้นกับการที่อารมณ์ของยูอิลฮานไม่ได้เปลื่ยนไปเลย ไม่ว่าเขาจะเข้าใจในความจริงที่เธอเป็นมอนสเตอร์หรือไม่ก็ตาม เขาก็น่าจะรู้สึกปฏิเสธการกระทำที่แตกต่างไปจากมนุษย์สิ แต่ว่านี่เขากลับยอมรับความจริงด้วยแค่ 'โอ้ เธอไม่ใช่มนุษย์นี่' แค่นี้เอง นี่มันทำให้เธอได้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของตัวเขา

เอริเซียได้แอบมองดูยูอิลฮานที่เอาอาหารมาให้เธอเป็นครั้งคราวและคิดว่าชายคนนี้คือคนที่คุ้มค่าแล้วที่เธอได้ตามรับใช้เขาในฐานะลูกน้อง

ในตอนนี้เอง

"พ่อ ผมด้วยครับ! ผมก็เป็นพวกกลืนกันเองเหมือนกัน"

"...หือ"

ยูมิลได้ทิ้งระเบิดออกมา

"มังกรก็ยังกินตัวอื่นๆด้วยเหมือนกัน แม่บอกแบบนั้น!"

"..."

คำพูดของยูมิลไม่มีเศษเสี้ยวของความเข้าใจผิดเลย ยูอิลฮานรู้สึกได้ลางๆหลังจากได้ยินมัน แต่ว่าไม่นานนักเขาก็เรียกเลียร่ากับเอิลต้าเพื่อคุยเรื่องนี้

"พวกเราจะทำยังไง?"

[มิลอยากจะแกร่งขึ้น ดังนั้นเราจะต้องให้เขากิน] (เลียร่า)

[ฉันก็รู้สึกผิดที่มีเพียงแค่เราที่กินมัน แต่ว่าในตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าพวกนั้นก็เป็นพวกกินกันเองด้วย นี่มันยอดมาก ให้เขากินเถอะน่า] (เอิลต้า)

"โอเค!"

นี่คือการอนุมัติแบบ 100% จนทำให้เขาสงสัยว่าเขาจะไปถามพวกเธอทำไมกัน ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมาอย่างสุภาพบุรุษในขณะที่หยิบเอาเนื้อมังกรออกมาจากช่องเก็บของ

"มิล กินแล้วก็พัฒนาเยอะๆ โอเคนะ?"

"ครับ!"

หลังจากได้เห็นกองเนื้อจำนวนมหาศาล มิลได้ดีใจมาก

มีหลายสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจจะเข้าใจในตัวมอนสเตอร์ได้ ถ้าหากว่ามีคนที่อยากจะเข้าใจ คนๆนั้นจะต้องเคารพในการใช้ชีวิตของผู้อื่นก่อน ยูอิลฮานที่เปลื่ยนพื้นฐานความคิดอยู่ตลอดเวลาบางทีอาจจะเป็นพรสวรรค์ของเขาที่อยู่เหนือมอนสเตอร์ทั้งมวลก็ได้

เมื่อทำเรื่องนี้แล้วก็มีเพียงปัญหาเดียวที่หลงเหลืออยู่ก็คือมื้ออาหารของคนอื่น แม้ว่าพวกเขาจะไม่อาจกินเนื้อมังกรได้ตามใจแล้วนับจากนี้เพราะยูมิลจะต้องใช้มันทำให้ตัวเองแข็งแกร่ง แต่ว่าก็ยังมีสิ่งอร่อยอื่นๆอีกมากในโลกใบนี้ ดังนั้นยูอิลฮานก็ตัดสินใจไม่ไปใส่ใจกับมัน

ในขณะเดียวกัน เอริเซียที่กำลังกินเนื้อหมาป่าอยู่ได้พึมพัมออกมาอย่างประหลาดใจด้วยตาเบิกกว้าง

"เนื้อมังกรนี่มัน... หลังจากเห็นอาวุธฉันก็พอจะเดาได้ แต่มันกลับถูกต้องด้วย ท่านกระทั่งล่ามังกร..."

"เธอจะต้องตกใจแน่ถ้ารู้ถึงสิ่งที่ท่านจักรพรรดิทำในดาเรย์"

ผู้จัดการกับเนื้อมังกรและเนื้อหมาป่าที่พิเศษก็ได้เกิดขึ้นมา ยังไงก็ตามเนื่องจากว่าเนื้อเผ่ามังกรมีกระทั่งมากกว่าเนื้อหมาป่าและเนื้อมังกรรวมกันซะอีกทำให้มันไม่มีสถานการณ์ที่พวกเขาไม่มีเนื้อจะกิน

ไม่ว่ายังไงหลังจากมื้ออาหารประมาณนึ่งชั่วโมง พวกผู้รับการฝึกก็จะอยู่ภายใต้การฝึกนรกหลังมื้ออาหาร พวกเขาจะได้นอนแค่สาม ชั่วโมงหลังจากการถูกอัดแปดชั่วโมง และนี่คือรูปแบบชีวิตของพวกเขา

ยังไงก็ตามยูอิลฮานต่างออกไป ถ้าหากว่าเนื้อมอบความสุขให้เหล่าทูตสวรรค์ เพิ่มกล้ามเนื้อให้เหล่าเอลฟ์ เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเอริเซียกับยูมิลแล้ว เนื้อสำหรับยูอิลฮานก็คือการฟื้นฟูพลังงานการพักผ่อนให้กับเขา

หรืออีกอย่างก็คือเขาไม่จำเป็นต้องนอน เมื่อเขาเติมพลังด้วยอาหารแล้ว เขาก็จะไปฝึกหอกไร้วิถีและวิชาหอกไร้สาระด้วยหอกไม้ต่อหน้าก้อนเนื้อยักษ์ของเขา

"เอิ๊กก ลมหายใจสมบูรณ์แบบจริงๆ แต่ว่าปัญหาก็คือมันทำให้ฉันเมานี่สิ ฉันน่าจะต้องไปล่าโทรลล์แล้ว"

[ฉันคิดว่าฉันใช้ชีวิตมานานจนเห็นมาเยอะแล้วนะ แต่นายเป็นคนแรกเลยที่ใช้การดื่มเลือดของมังกรกับโทรลล์แทนการนอนน่ะ] (สเปียร่า)

"เธอจะพูดมันว่าเป็นการรวมกันที่น่าอัศจรรย์ของสกิลการทำอาหารกับสกิลการต้านทานพิษระดับสูงก็ได้"

ยูอิลฮานได้ตัดสินใจจะมุ่งหน้าไปดันเจี้ยนที่แกรนด์แคนยอนหลังจากที่เวลาของบาเรียหมดลง เป้าหมายของเขาไม่ใช่การไปเจอพวกเอลฟ์ แต่เป็นการไปล่าเอาเลือดของโทรลล์ในพื้นที่นั้นเท่านั้น

[ไม่ว่ายังไงนี่ก็พอแล้ว ยูอิลฮานตั้งใจด้วย นายจำเป็นจะต้องงดึงขีดสุดของศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดออกมาด้วยการโจมตีในครั้งเดียว] (สเปียร่า)

ความเร็วของแส้ได้ข้ามความเร็วเสียงมาแล้วต่อให้ไม่ใช่มานาก็ตาม ความคมของดาบก็สามารถจะตัดได้ทุกๆสิ่งที่ขวางทางด้วยการโจมตีที่ใส่ความตั้งใจทั้งหมด ความหนักของอาวุธไร้คมก็ยังทำลายได้ทุกๆสิ่งที่อยู่ในเส้นทางที่มันผ่าน

นำเทคนิคเหล่านี้มาปรับรวมกันด้วยเทคนิคการควบคุมร่างกายที่พิเศษทำให้เขาอัดมันลงไปภายในการโจมตีหอก

'ถึงฉันจะคิดซ้ำสองสามครั้ง ฉันก็ยังคิดว่ามันบ้ามาก...'

แต่ในตอนนี้เขาตัดสินใจจะทำมัน เขาจะต้องทำมันโดยที่ไม่แสดงด้านจุดอ่อนออกมา สำเร็จ!

'25 ปีงั้นหรอ? มันจะไม่แปลกหากจะมีหายนะครั้งใหญ่ครั้งที่สองเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นฉันจะผ่อนคลายไม่ได้'

ยูอิลฮานได้เปิดใช้งานพลังเหนือมนุษย์ ถ้าหากว่าเขาทำมันด้วยความสามารถของเขาอย่างเดียวไม่ได้ เขาก็แค่เสริมพลังให้ตัวเองซะสิ! ถ้าเขาไม่เข้าใจในหลักการของมัน เขาก็แค่ต้องทำมันซ้ำๆไปเหมือนคนโง่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

สเปียร่าก็สังเกตเห็นว่าเขาใช้สกิลเช่นกัน แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ขัดขวางเขา กลับกันเลย เธอกลับภูมิใจเพราะความคิดที่ว่าเาจริงจังกับการเรียนสกิลนี้

'งั้นนายจะลองมันงั้นหรอ เอาเถอะ มันก็เป็นเรื่องจริงที่ร่างกายภาพของนายอ่อนแอมากๆในตอนนี้... นอกไปจากนี้หอกสะบั้นจักรวาลก็ยังเป็นสกิลฟิวชั่นด้วยอยู่แล้ว มันจะไม่แปลกหากมีสกิลอื่นอีกเสริมผสมเข้าไป ต่อให้ผลลัพธ์มันออกมาแตกต่างมันก็ดูน่าสนใจในตัวมันเองเหมือนกัน'

สกิลของสเปียร่ากับสกิลของยูอิลฮานก็ไม่ได้เหมือนกันไปทั้งงหมดอยู่แล้ว ถ้าหากว่าคนจะแข็งแกร่งขึ้นเหมือนเธอจากการเดินไปในเส้นทางเดียวกันถ้างั้นก็คงมีคนแบบนี้มามากแล้ว

ในอนาคตยูอิลฮานจะต้องเจอกับความลังเลในเส้นทางของเขานับไม่ถ้วน บางทีเขาอาจจะไปไม่ถึงปลายทาง หรือไม่ปลายทางของเขาก็อาจจะแตกต่างไปจากปลายทางที่สเปียร่าไปถึงก็ได้

ยังไงก็ตามถ้าจะมีอะไรที่มั่นใจได้ มันก็คงเป็นยูอิลฮานกำลังไปต่อไปโดยไม่หยุดแม้แต่นิด ทุกๆความผิดพลาดที่เขาเจอ ทุกๆความผิดพลาดที่เขาทำมันจะกลายเป็นบันทึกของเขาและทิ้งร่องรอยเอาไว้ชั่วนิรันดร์

สเปียร่าคิดว่าเธอก็อยากจะเห็นมันในสักวัน ในตอนนี้เธออยากจะชื่นชมเส้นทางที่มนุษย์คนนี้ทำขึ้นมา มนุษย์ผู้ที่จะทำให้โลกต้องสั่นสะเทือนและแม้กระทั่งเขยาหัวใจของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเนื่องจากทางที่เขาเดินไม่มีใครรู้ได้

'แต่ว่าฉันก็ไม่อาจจะมัวมาชื่นชมได้มากเกินไป ที่นี่ฉันก็มีงานต้องทำ'

'งาน' งานการสังเกตุการเปลื่ยนแปลงไปในเชิงพวกของทูตสวรรค์รอบตัวยูอิลฮานและถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากจะปรับมันเข้ากับตัวเอง และสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการหาคนทรยศ

'ทหารปีศาจแห่งการทำลายมันไม่น่าจะมีปัญหาเนื่องจากการเคลื่อนไหวของพวกมันมีรูปแบบที่ง่ายๆ ฉันไม่อาจจะทำอะไรกับพวกสวนอาทิตย์อัสดงได้เพราะพวกนั้นมีนิสัยแปลกๆที่ฉันไม่อาจจะเข้าใจได้ไม่ว่าฉันจะขุดค้นยังไง ดังนั้นพวกนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ยังไงก็ตาม...'

กองทัพจรัสแสง (เทวดาตกสวรรค์) นั้นต่างออกไป พวกมันคือผู้ที่มีปีกสีดำทมิฬที่ดูหมิ่นในพลังของพระเจ้าและหวังที่จะบิดเบือนบันทึกแห่งอคาชิค

แม้ว่าเธอจะรู้สึกเหมือนพวกมันซ่อนตัวอยู่ใต้การกระทำของกองทัพปีศาจแห่งการทำลายมาจนถึงวันนี้ แต่สเปียร่าก็ยังรู้ว่านี่่คือความตั้งใจของพวกมันเอง

คนทรยศที่แอบกระทำบางสิ่งต่อสวรรค์ คนที่มีปีกเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์และคนที่คอยเวลาที่จะสร้างความเสียหายที่ยิ่งใหญ่ให้กับทูตสวรรค์และพระเจ้า

เจ้าพวกนี้มันอยู่บนโลก ดูถูกสิ่งมีชีวิตทั้งมวล พวกมันรอคอยเวลาที่จะทำการปฏิวัติ!

'เอิลต้ากับเลียร่าไม่ได้สงสัยอะไรนักเพราะพวกเธอไร้เดียงสาเกินไป ยังไงก็ตามฉันต่างออกไป'

สิ่งมีชีวิตชั้นสูงโดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่อาจจะใช้พลังของตัวเองได้บนโลกระดับต่ำ ยังไงก็ตามมันก็มีอยู่บางกรณีที่กฏจะถูกละเว้นอยู่

พวกนั้นจะใช้พลังของพวกนั้นเองได้เมื่อเจอกับคนทรยศที่อยู่ฝั่งเดียวกัน และเพื่อการที่จะลงโทษคนทรยศเหล่านั้นจึงทำให้เกิดการต่อสู้ขึ้นไป

ก็เหมือนอย่างในอดีตในตอนที่เลียร่ายังเป็นลิต้า เธอได้จัดการอัดทูตสวรรค์ที่ร่วมมือกับจอมเวทย์คลาส 4 ที่เปิดเกตขึ้นมาบนโลก

'คนทรยศ ฉันไม่รู้ว่าแกเป็นใครและฝั่งแกมันใหญ่แค่ไหน'

แต่ว่าเธอจะหาพวกมันให้เจอ ด้วยคู่หูคนใหม่ที่เธอเพิ่งจะได้รับมา เธอจะต้องหาพวกมันให้เจอไม่ว่าเธอจะต้องไปในทุกซอกทุกมุมของโลกนี้

และเธอก็จะ

พรีบ!

ทันใดนั้นความคิดของสเปียร่าได้หยุดลง เธอได้เปิดตาขึ้นมาและเงยหน้าขึ้นทันที เธอได้เห็นยูอิลฮานกับหอกที่พังอยู่ เขาก็ยังกระพริบตาหันกลับมามองที่เธอ

"โว้ว"

ยูอิลฮานได้พึมพัมเบาๆ เมื่อดูจากภาพนี้แล้ว ริมฝีปากสเปียร่าได้สั่นนิดๆ

[นาย... อย่าบอกฉันนะว่า...?] (สเปียร่า)

"ฉันคิดว่าฉันทำขั้นตอนแรกได้แล้ว"

ยูอิลฮานได้ตอบกลับไปอย่างถ่อมตน ยังไงก็ตามสเปียร่าไม่อาจจะยอมรับได้

[นายบอกว่าขั้นตอนแรก ในจุดที่นายถ่ายเทพลังเข้าไปในหอก นายก็....] (สเปียร่า)

ก้อนโลหะยักษ์ที่อยู่ด้านหลังเขาได้มีลอยยาวแหลมคมที่ไม่อาจจะเกิดขึ้นได้จากหอกไม้อยู่

ความคมของดาบที่มีความพิเศษยิ่งในการตัด เขาได้ประสบความสำเร็จในการยัดพลังของมันลงไปในหอกแล้ว

แน่นอนวาถึงแม้ว่าหอกกับดาบมันจะมีความเกี่ยวข้องกันด้วยที่มากกว่าอาวุธอื่นๆ แต่ว่าความเร็วในการฝึกฝนที่ผิดปกตินี่มันก็ยัง...

[นะ นี่มันเพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งเดือน] (สเปียร่า)

สเปียร่าพูดอะไรไม่ออกแล้ว

เธอรู้ว่ายูอิลฮานไม่ปกตินับตั้งแต่ที่เธอได้ยินว่าเขาทนฝึกศิลปะการต่อสู้เพียงลำพังเป็นเวลาพันปีแล้ว ยังไงก็ตามในสายตาเธอความอดทนนั่นมันไม่ใช่สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดในตัวเขา

พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คนทำพันธสัญญาของเธอมี มันไม่ใช่บุคลิกเชิงบวกของเขา ไม่ใช่ความอดทนของเขา แต่เป็นพรสวรรค์ของเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด