ตอนที่แล้วตอนที่ 208 ชางเย่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 210 เขตแดนอสูรฟ้าลี้ลับ

ตอนที่ 209 ได้รับลูกสมุน


จิตสังหารที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากชางเย่ แม้แต่คนที่มีจิตใจที่แข็งแกร่งก็ยังต้องตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ดวงตาของเขากระจ่างใสราวกับดวงตาของทารก ไม่รู้ทำไมแต่ออร่าจากจิตสังหารและดวงตาที่กระจ่างใสกลับสามารถผสานรวมกันเป็นหนึ่งได้

นั่นเพราะเขาเกิดมาเพื่อเป็นผู้ใช้กระบี่ เขาชักกระบี่ออกมาเพียงเพื่อโค่นล้มศัตรูตรงหน้าและเพื่อบรรลุจุดสูงสุดของวิถีกระบี่

หลิงฮันเคยสัมผัสถึงออร่าเช่นนี้จากจักรพรรดิกระบี่ตะวันมาก่อน

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายถึงชางเย่จะสามารถเป็นจักรพรรดิกระบี่ตะวันคนที่สอง เขาเพียงแค่มีศักยะภาพที่จะเป็นเช่นนั้นได้ แต่ถ้าเขาใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่ในแคว้นพิรุรแห่งนี้ จุดสูงสุดที่เขาจะสามารถบรรลุได้ก็คงเป็นระดับแก่นแท้จิตวิญญาณเท่านั้น

หลิงฮันขยับดาบอย่างเชื่องช้า และเพราะตอนนี้เขากำลังต้านทานจิตสังหารจากชางเย่อยู่ หน้าผากของเขาจึงมีเหงื่อออกมาเต็มไปหมด

หากทั้งสองคนสู้กันด้วยระดับพลังที่เท่ากันก็ยังยากเลยที่จะตัดสินว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะ ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่หลิงฮันมีพลังต่ำกว่าอีกฝ่ายมาก จึงไม่แปลกที่เขาจะถูกกดดันอย่างมหาศาล แต่ยิ่งถูกกดดันเท่าไหร่ ดวงตาของหลิงฮันก็เปล่งประกายเท่านั้น สายตาของเขาดูราวกับว่ามันสามารถทิ่มทะลวงผ่านท้องนภาไปได้

สัตว์ประหลาดสองตัว! กว่างหยวนแอบคิดในใจ

เพียงแค่ออร่าที่ทั้งสองคนปลดปล่อยออกมาก็เพียงพอที่จะทำให้ศัตรูสูญเสียความหวังแล้ว

ชางเย่ไม่พูดอะไรมากและเริ่มลงมือ ‘ฉัวะ’ เขาฟันกระบี่ออกไปจนเกิดแสงกระบี่อันเยือกเย็นทิ่มแทงไปยังหลิงฮัน เขาไม่คิดจะให้โอกาสหลิงฮันรวบรวมพลังเพื่อใช้กระบวนท่าที่เขาเห็นก่อนหน้านี้เด็ดขาด

ในสายตาของชางเย่ ตราบใดที่ศัตรูบังคับให้เขาชักกระบี่ นั่นก็หมายถึงอีกฝ่ายมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นศัตรูของเขา และเขาเป็นคนประเภทที่จะใช้พลังทั้งหมดเพื่อจัดการและทำลายศัตรูให้ราบคาบ

แม้แววตาของเขาจะกระจ่างใสบริสุทธิ์ แต่กระบี่ของเขานั้นเป็นราวกับยมทูตแห่งความตายที่กำลังยกเคียวเตรียมพร้อมจะเก็บเกี่ยวชีวิตของมนุษย์

แน่นอนว่าหลิงฮันไม่คิดจะใช้กระบวนท่านั้น เพราะก่อนที่เขาจะรวบรวมพลังได้หนึ่งในสาม ร่างของเขาคงถูกผ่าครึ่งจนโลหิตกระจัดกระจายไปทั่วทิศทางก่อนแน่นอน! เขายืดมือซ้ายออกไปและได้มีแสงสีดำพุ่งออกมาตรงหน้าพร้อมกับปกคลุมทั่วทั้งร่างของเขาจนดูราวกับเป็นลูกบอล

ปัง!

ลำแสงกระบี่พุ่งชนเป้าหมาย แต่ลูกบอลสีดำนั้นทนทานและแข็งแกร่ง มันไม่ถูกผ่าครึ่งหรือเกิดร่องรอยอะไรแม้แต่น้อย แต่จากแรงปะทะอันรุนแรงของกระบี่และบอลสีดำ หลิงฮันที่อยู่ภายในจึงถูกแรงปะทะทำให้กระเด็นไปพร้อมกับลูกบอล

ฟุบ บอลสีดำเปลี่ยนรูปร่างกลางอากาศกลายเป็นร่มยักษ์และช่วยลดความเร็วของหลิงฮันที่กำลังร่วงสู่พื้น

หลิงฮันราวกับเป็นเทพเจ้าที่ลอยจากท้องนภาลงมาสู่ผืนปฐพี ร่มยักษ์สีดำเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นกำไลและพันข้อมือของหลิงฮันเอาไว้อย่างรวดเร็ว

‘แค่กๆ’ หลิงฮันกระอักเลือดออกมา ถึงแม้เขาจะใช้ทองคำก่อเกิดผลาญโลหิตในการสลายการโจมตีของชางเย่ได้ แต่เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บหนักตอนที่การโจมตีของกระบี่ปะทะกับลูกบอลทองคำก่อเกิดผลาญโลหิต อวัยวะภายในของเขาสั่นสะเทือนจนทำให้รู้สึกทรมาน

เมื่อเทียบกันแล้ว ชางเย่ทรงพลังมากกว่าจริงๆ ก่อนหน้านี้ด้วยหนึ่งดาบของหลิงฮันก็เพียงพอที่จะจัดการกับหนานกงฉิง แต่ตอนนี้ถ้าใช้เพียงพลังของตนเอง เขาทำไม่ได้แม้แต่รับหนึ่งการโจมตีจากชางเย่...

แม้พลังบ่มเพาะของชางเย่จะสูงกว่าหลิงฮัน และอยู่ในระดับก่อเกิดธาตุขั้นห้า แต่ไม่ว่าใครก็สามารถดูออกว่าชายหนุ่มคนนี้มีพรสวรรค์ในวิถีแห่งกระบี่ขนาดไหน

กว่างหยวนและหลิวอู๋ตงตกตะลึงตาดวงตาเปิดกว้าง แม้จะเป็นดวงตาที่เฉียบแหลมของทั้งสองก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าหลิงฮันสลายการโจมตีของชางเย่ด้วยอะไร นั่นมันเป็นอาวุธวิญญารแบบใดกัน? ทำไมมันดูทรงพลังเช่นนั้น

หลิงฮันฟื้นฟูบาดแผลอย่างรวดเร็ว เขามีกายาต้นไม้มรณะ และด้วยการโคจรของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ภายในร่าง ตราบใดที่ไม่ตายไม่ว่าบาดแผลของเขาจะสาหัสขนาดเขาก็สามารถรักษาได้ หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและพูด “ลูกสมุนน้อยชางเย่ พวกเราจะต่อหรือไม่?”

ชางเย่ยืนตรงโดยมีกระบี่อยู่ในมือ ดวงตาของเขาปิดสนิท หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ เขาก็ส่ายหัวและเปิดตาออกมา “ไม่จำเป็น ข้าไม่สามารถทำลายกระบวนท่าเมื่อกี้ของเจ้าได้”

ถึงแม้เขาจะพูดว่าไม่สามารถทำลายกระบวนท่าเมื่อกี้ของหลิงฮันได้ แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงสงบนิ่ง ราวกับเขาแม้จะชนะหรือแพ้เขาก็จะไม่รู้สึกยินดีหรือเสียใจ

“งั้นตั้งแต่วันนี้เจ้าจะเป็นลูกสมุนของข้า” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่เลวๆ เขาได้รับลูกสมุนที่มีอนาคตไร้ขีดจำกัดมาแล้ว เขาคงต้องไปหาไวน์มาดื่มฉลองเสียหน่อยแล้ว

ชวงเช่คิดชั่วขณะแล้วพูด “เมื่อข้าสามารถทำลายทักษะป้องกันของเจ้าได้ ข้าจะท้าประลองเจ้าอีกครั้ง ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าต่อ แต่ถ้าเจ้าไม่ชนะ... เจ้าจะต้องเสียชีวิต”

“ก็ยุติธรรมดี!” หลิงฮันยิ้ม

ชางเย่พนักหน้า “งั้นข้าขอตัวก่อน ถ้ามีอะไรก็เป่านักหวีดอันนี้และข้าจะรีบมุ่งหน้าไปหาทันที” เขาสะบัดมือโยนนกหวีดให้หลิงฮัน

หลิงฮันคว้าเอาไว้และอดที่จะทำสีหน้าประหลาดไม่ได้ ‘เจ้าเกิดมาในปีสุนัขรึไง?’

“เจ้าหนู เจ้าช่างขี้โกงจริงๆที่ใช้วิธีไร้ยางอายเช่นนั้นหลอกลวงอัจฉริยะแห่งกระบี่!” หลังจากชางเย่จากไป กว่างหยวนโผล่พรวดเข้ามาตำหนิหลิงฮัน

หลิงฮันพลักเขาออกไปและพูด “เจ้าหมายความว่ายังไงที่ว่าหลอกลวง? หลอกลวงน้องสาวเจ้าสิ! ข้าใช้พลังที่แท้จริงในการสยบหมอนั่น ถ้าเจ้าไม่เชื่อล่ะก็...”

กว่างหยวนหัวเราะและพูด “ถ้าข้าไม่เชื่อแล้วจะทำไม? เจ้าต้องการสู้กับข้าและบังคับให้ข้ายอมรับ?”

“ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ประตูก็อยู่ตรงนั้น รีบออกไปได้เลย ข้าขอไม่ส่งเจ้านะ” หลิงฮันพูดอย่างเฉื่อยชา

ทันใดนั้นเอง กว่างหยวนสูญเสียความเยือกเย็นไปทันที เขายังจำเป็นต้องพึ่งหลิงฮันให้ชี้แนะการบ่มเพาะทักษะหัวใจดวงตะวัน ถ้าเขาเดินออกประตูไป ทุกๆสิ่งก็จะจบสิ้น

“นี่ จะอย่างไรข้าก็คือจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณนะ เจ้าจะไม่เคารพข้าสักหน่อยหรือ?” กว่างหยวนถามด้วยเสียงแผ่วเบา

หลิงฮันพูดกลับไป “พี่ชายกว่าง อย่าพูดอะไรน่าคลื่นไส้เช่นนั้นอีก!”

กว่างหยวนหัวเราะดังลั่น เขาไม่ใช่จอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณจากตระกูลใดตระกูลหนึ่งแต่เป็นจอมยุทธพเนจร ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่คนประเภทที่ศักดิ์ศรีอยู่เหนือทุกอย่าง ถ้าเขาเป็นจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณจากตระกูลใหญ่ เขาคงเดินจากไปด้วยความโกรธเพราะคำพูดเมื่อสักครู่ของหลิงฮันแล้ว

เขาถอนหายใจและพูด “เจ้าหนูคนเมื่อกี้ไม่เลวเลยจริงๆ เขาเป็นอัจฉริยะในวิถีแห่งวรยุทธ โชคร้ายที่เขาเป็นผู้ใช้กระบี่ ไม่งั้นข้าคงคิดจะรับเขาเป็นศิษย์แล้ว”

“โชคดีที่เขาไม่ใช่ผู้ใช้หมัด ถ้าเจ้ารับเขาเป็นศิษย์จริงๆ เจ้าจะต้องถูกทุบตีโดยเหลียนกวงซูแน่นอน” หลิงฮันยักไหล่

กว่างหยวนประหลาดใจ “เจ้าหนูนั่นเป็นศิษย์ส่วนตัวของเหลียนกวงซู?”

“ใช่แล้ว” หลิงฮันตอบ

กว่างหยวนชะงักไปชั่วขณะก่อนที่จะเข้าไปแกล้งกระชากคอหลีกฮัน “เจ้าเด็กโง่! เจ้ากล้าหลอกศิษย์ส่วนตัวของปรมาจารย์เหลียนให้เป็นลูกสมุนของเจ้า ถ้าปรมาจารย์เหลียนรู้เรื่องนี้เข้า เขาจะต้องสังหารเจ้าแน่นอน แม้แต่ข้าก็จะถูกลากเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย!”

หลิงฮันหัวเราะและพูด “ไม่มีปัญหา เมื่อถึงตอนนั้นข้าก็จะโบ้ยความผิดทุกอย่างให้พี่ชายกว่างหยวน ใครจะเชื่อล่ะว่าข้าที่มีพลังเพียงรวมธาตุขั้นหนึ่งจะมีความสามารถสยบชางเย่ได้?”

กว่างหยวนรู้ราวกับอยากจะแหงนหน้าคำรามใส่สวรรค์ เขาไม่เคยเป็นฝ่ายได้เปรียบหลิงฮันแม้แต่ครั้งเดียว กลับกันด้วยซ้ำ เขาเป็นฝ่ายถูกหลิงฮันจูงจมูกอยู่ตลอด เขาเผยสีหน้าประหลาดออกมาและถาม “เจ้าอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นหนึ่งจริงๆ?”

“แน่นอน” หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย

“บัดซบ ถ้าข้าเชื่อเจ้า ข้าก็เป็นหมูโง่แล้ว!” กว่างหยวนขึ้นเสียงพร้อมกับถุยน้ำลายใส่พื้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด