ตอนที่แล้วตอนที่ 207 คนตาบอด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 209 ได้รับลูกสมุน

ตอนที่ 208 ชางเย่


ฝ่ายตรงข้ามถูกปราบแล้วโดยไม่มีเวลาแม้แต่จะโจมตีออกมา

หนานกงฉิงไม่กล้าที่จะขยับตัวแม้แต่น้อย มันรู้สึกราวกับว่าถ้ามันขยับแม้แต่นิดเดียว มันจะถูกการโจมตีที่เป็นเหมือนพายุจากฝ่ายตรงข้ามโจมตีมาอย่างแน่นอน และแน่นอนว่ามันไม่สามารถป้องกันได้

เมื่อเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้มันรู้สึกสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง

ฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับรวมธาตุ แต่ทำไมเขาถึงสร้างกดดันให้กับมันได้มากขนาดนี้...?

หลิงฮันได้ชักดาบออกมา ด้วยการฟาดฟันของเขา ดาบที่ถูกสร้างขึ้นจากพลังงานก่อเกิดได้พุ่งออกมาในอากาศเหมือนกับดวงอาทิตย์ขึ้นและทำให้ดวงตาได้รับความเจ็บปวด

ร่างกายของหนานกงฉิงถูกพัดปลิวออกไปทันทีและตกลงพื้นพร้อมกับเสียงดังโครม และมีเลือดไหลออกมาจากหน้าอกของมัน

ดวงตาของกว่างหยวนเบิกกว้าง มันเห็นการโจมตีครั้งนี้อย่างชัดเจน การโจมตีของหลิงฮันได้ส่งดาบแสงออกมาเก้าเล่ม และดาบแสงแต่ละเล่มถูกสร้างขึ้นมาจากพลังปราณ  มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจเล็กน้อย แต่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ แต่สิ่งที่น่าตกใจคือพลังของดาบพลังก่อเกิดแต่ละเล่มมันเต็มไปด้วยการโจมตีสุดพลังของหลิงฮัน

อีกนัยหนึ่งคือ ในเวลานั้น มีการโจมตีเก้าครั้งของหลิงฮันโจมตีมาที่หนานกงฉิง แล้วหนานกงฉิงจะปกป้องกันมันได้อย่างไร?

กว่างหยวนขบคิดว่า...ถ้าเขาเป็นหนานกงฉิง เขาจะป้องกันการโจมตีครั้งนี้ได้อย่างไร? คำตอบที่ได้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ เขาต้องพึ่งพาพลังที่เหนือชั้นกว่างหลิงฮันและส่งหลิงฮันกระเด็นออกไปพร้อมกับการโจมตีที่ครอบคลุมพื้นที่วงกว้างเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับการโจมตีของหลิงฮันโดยตรง

หากเป็นจอมยุทธระดับเดียวกัน เขาไม่มีทางที่จะป้องกันการโจมตีนี้ได้

มันน่ากลัวขนาดไหนกัน?

"แฮ่ก! แฮ่ก!" หนานกงฮิงนอนกองอยู่บนพื้นและกระอักเลือดออกมาไม่หยุด หลิงฮันออมมือไว้แล้ว แต่มันก็ยังได้รับบาดเจ็บหนัก

คนอื่นๆต่างพูดไม่ออก เขาเป็นจอมยุทธระดับรวมธาตุขั้นแรกจริงรึ? จอมยุทธระดับรวมธาตุขั้นแรกสามารถทำอะไรแบบนี้ได้ด้วยรึ?

หลิงฮันเก็บดาบของเขาและกล่าวออกไปอย่างไม่แยแสว่า "พามันออกไป!"

หนานกงฉิงหยุดไอและกระอักเลือดอีกกองออกมา มันไม่แม้แต่จะถูกหลิงฮันนับเป็นศัตรูในสายตาของหลิงฮัน ขณะที่มันถูกอุ้มออกไปสายตาของมันจับจ้องไปที่หลิงฮันไม่หยุด

'เรื่องนี้มันจะต้องไม่จบง่ายๆ มันยังไม่จบ!'

"นายน้อยฮัน..." ชูหวู่จิวไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี แม้ว่าเขาจะถูกหลิงฮันปกป้อง แต่เขาก็ยังคิดว่ามันไร้ความหมาย เพราะจอมยุทธระดับรวมธาตุจะต่อต้านสำนักหู่หยางได้อย่างไร?

แน่นอนว่าเขาไม่ได้เชื่อฟังกฎของสำนัก

"ถ้าเจ้าใช้พลังของเจ้าเพื่อก่อความรุนแรง ข้าคงจะไม่ช่วยเหลือเจ้าอย่างแน่นอน" หลิงฮันมองไปที่เขาและกล่าวต่อว่า "แต่หนานกงจื้อสมควรที่จะถูกลงโทษ ดังนั้นข้าจึงช่วยเหลือเจ้าในครั้งนี้"

ชูหวู่จิวกัดฟันของเขา ถ้าสำนักต้องกล่าวโทษใครแล้วล่ะก็ เขาจะรับข้อกล่าวหาทั้งหมดไว้และไม่ลากหลิงฮันเข้ามาเกี่ยว

กว่างหยวนเฝ้าดูด้วยความขบขัน ตามความรู้สึกของเขาก่อนหน้านี้ เขาคิดแค่ว่าหลิงฮันเป็นเพียงแค่นายน้อยที่มั่งคั่งมากคนหนึ่งเท่านั้นที่ใช้เงินไปเพื่อทำให้สมาคมวารีล้างปฐพียอมจำนน ตอนนี้ เขาได้รู้อีกว่าหลิงฮันเป็นคนที่ใจร้อนและกล้าที่จะเผชิญหน้ากับสำนักหู่หยาง

สมาคมวารีล้างปฐพีสามารถเทียบได้กับสำนักหู่หยางได้หรือไม่?

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กเหลือขอนี่จะมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา แม้แต่องครักษ์จักรพรรดิยังไว้หน้าเขา มันจึงดูไม่เหมือนว่าเขาทำตัวประมาท

จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่กว่างหยวนจะยิ้มออกมา เจ้าเด็กนี่น่าสนใจยิ่งนักและเขาต้องการรู้ว่าหลิงฮันจะรับมือกับปัญหาต่างๆในอนาคตได้อย่างไร

หืมมม?

หลิงฮันหันหลังกลับไปและจ้องมองออกไปในระยะไกล เขาเห็นรุ่นเยาว์คนหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาหา แขนซ้ายของมันไม่มีเห็นได้ชัดว่าแขนขาด ในสำนักหู่หยางมีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่สูญเสียแขนข้างซ้ายไป นั่นคือเฟิงหลัวและ...ชางเย่!

อย่างไรก็ตาม เฟิงหลัวนั้นสูญเสียแขนข้างขวาของมันไป คนผู้นี้ยังคงมีแขนขวาอยู่ ดังนั้นมันจะต้องเป็นคนคนนั้นแน่นอน

หนึ่งในสามศิษย์หลักของสำนักหู่หยาง ชางเย่ผู้ที่เป็นศิษย์ส่วนตัวของเหลียนกวงซู

อาจารย์และปรมาจารย์นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

อาจารย์จะได้รับค่าจ้างจากสำนักเพื่อชี้นำการบ่มเพาะพลังให้กับศิษย์และสอนเรื่องทั่วไป แล้วปรมาจารย์ล่ะ? พวกเขาจะทุ่มสุดชีวิตเพื่อสอนศิษย์คนนั้น ความสนิทสนมของความสัมพันธ์ดังกล่าวของพวกเขาเปรียบได้เหมือนพ่อกับลูก

เหลียนกวงซูมีศิษย์เพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นคือชางเย่ ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มพิการ

ชางเย่เดินเข้ามาใกล้อย่างช้าๆพร้อมกับกระบี่ยาวที่อยู่ด้านหลัง สายตาของเขาแหลมคมเหมือนกับกระบี่ ซึ่งทำให้รู้สึกราวกับว่าแม้จะมีภูเขาขนาดใหญ่มาขวางทางเขา เขาก็สามารถแยกมันออกได้

"เขามีกลิ่นอายของปรมาจารย์!" กว่างหยวนรู้สึกประหลาดใจ ระดับบ่มเพาะพลังของชางเย่นั้นไม่เท่าไหร่ แต่ตัวตนของเขาทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ

หลิงฮันพยักหน้าเห็นด้วย เขามองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับเด็กหนุ่มคนนี้ที่มีศักยภาพที่จะกลายเป็นปรมาจารย์กระบี่ ความรู้สึกนี่เป็นสิ่งที่เขารู้สึกได้จากจักรพรรดิดาบและจักรพรรดิกระบี่ตะวัน  แต่ชางเย่นั้นยังไร้ประสบการณ์และแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ดังกล่าวเท่านั้น

"การโจมตีเมื่อครู่ มันทรงพลังมาก!" ชางเย่จ้องมองไปที่หลิงฮันด้วยความรู้สึกที่อยากจะปะมือด้วย

"เจ้าอยากปะมือกับข้า?" หลิงฮันยิ้มกว้างออกมา 'เจ้านี่ไม่เลวเหมือนกัน' หลิงฮันมีความคิดที่จะพามันบินอยู่ใต้ปีกของเขา

ชางเย่ขบคิด แล้วพูดว่า "การโจมตีเมื่อครู่ ข้ามั่นใจแค่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะหลบมันได้" เขาหยุดพูดชั่วขณะแล้วพูดต่อว่า "ถ้าข้าคิดหาวิธีที่จะป้องกันมันสักสามวัน ข้ามั่นใจว่าจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นเป็นสามสิบเปอร์เซ็นต์"

เขาค่อนข้างเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมา

"งั้นพวกเราจะต่อสู้กันอีกสามวันให้หลัง?" หลิงฮันกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม

ช่างเย่ส่ายหัวและพูดว่า "ระดับพลังของเจ้ายังอ่อนแอเกินไป ข้าสามารถแยกเจ้าออกเป็นสองส่วนได้ด้วยการโจมตีเดียวและเจ้าไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบของเจ้าออกมา"

เขาค่อนข้างเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมา แต่ความตรงไปตรงมาของเขาทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกฟังไม่เข้าหู

หลิงฮันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า "งั้นพวกเรามาเดิมพันกันเถอะ!"

"เดิมพันอะไร?" ชางเย่ถาม

"ถ้าสู้กันแล้วเจ้าเอาชนะข้าไม่ได้ เจ้าจะต้องเป็นสหายของข้า" หลิงฮันกล่าว

"เจ้าไม่คู่ควรที่จะเป็นฝ่ายตรงข้ามของข้า เจ้ากำลังจะถูกแยกออกเป็นสองส่วนด้วยการโจมตีครั้งเดียวของข้า" ชางเย่พูดออกมาอย่างเย็นชา

"นั่นอาจเป็นไปไม่ได้" หลิงฮันหัวเราะ "มาต่อสู้กันและถ้าข้าถูกเจ้าสังหาร นั่นถือว่าเป็นเพราะโชคชะตาของข้า ถ้าข้าไม่ตาย เจ้าจะต้องมาเป็นสหายของข้า"

ชางเย่ทำให้เขาคิดถึงจักรพรรดิกระบี่ตะวัน บางที สักวันหนึ่งผู้ชายคนนี้อาจกลายเป็นจักรพรรดิกระบี่คนที่สอง

ชางเย่คิดไตร่ตรอง แล้วพูดออกมาว่า "เมื่อใดที่ข้าโจมตีออกไป ข้าไม่คิดที่จะหยุดมันและเจ้าจะต้องตายจริงๆ"

"ข้าไม่เกรงกลัวต่อความตาย แล้วเจ้าจะกลัวอะไร?" หลิงฮันฉีกยิ้มออกมา "มา มา เข้ามา และยอมเป็นสหายของข้าซะดีๆ"

ฉางเย่ดูสับสนกับท่าทีของหลิงฮัน ไม่ว่าเขาจะมองยังไง ฝ่ายตรงข้ามของเขาไม่มีทางที่จะมีชีวิตรอด  ในสายตาของเขา ชีวิตของผู้คนนั้นไม่ได้แตกต่างไปจากชีวิตของสุนัข

หากเป็นเช่นนั้น เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกและดึงกระบี่ของเขาออกมา

เมื่อมือของเขาจับกระบี่ยาว อารมณ์ของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างกระทันหัน จากชายแขนด้วนกลายเป็นยมฑูต ดวงตาที่เยือกเย็นและจิตสังหารที่ปรากฏออกมาแม้แต่กว่างหยวนยังรู้สึกกระอักกระอ่วมและต้องการที่จะสังหารเด็กคนนี้เพราะเขารู้สึกเป็นอันตราย

"หลิงฮัน!" หลิ่วอู๋ตงตะโกนออกมาด้วยความกังวล

ดวงตาของฮูหนิวเปล่งประกาย  จิตสังหารของชางเย่ทำให้นางกำมือแน่น แต่เมื่อนางเห็นว่าจิตสังหารนั่นเพ่งเล็งไปที่หลิงฮัน ทำให้สาวน้อยระเบิดความดุร้ายออกมาทันทีและคำรามใส่ชางเย่

"หนิวหนิว ฝ่ายตรงข้ามเป็นของข้า!" หลิงฮันยิ้มและชักดาบออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ชางเย่เป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แม้แต่คนอย่างเขายังต้องระมัดระวังตัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด