ตอนที่ 207 คนตาบอด
เขาเป็นแค่จอมยุทธระดับรวมธาตุจริงหรือถึงกล้าทำตัวอวดดีขนาดนี้?
หรือมันคิดว่าเพราะได้ปะมือกับเฟิงหยานแล้วเลยคิดว่าตัวเองเป็นจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุ?
หนานกงฉิงไม่เชื่อแม้แต่น้อย มันคิดว่าคนที่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นพูดเกินจริง สิ่งที่พวกมันได้เห็นและข่าวลือบิดเบือนความจริง ซึ่งได้นำไปสู่ความคิดที่โง่เขลาแบบนี้
ระดับก่อเกิดธาตุจะจัดการกับศัตรูที่อยู่ระดับก่อเกิดธาตุได้อย่างไร? ไร้สาระ!
หนานกงฉิงกล่าวออกมาอย่างไม่ไยดี "หากเป็นแบบนั้น อย่าได้ตำหนิข้าที่ใช้กำลัง! เจ้ากำลังปกป้องอาชญากรของสำนัก ดังนั้นโทษของเจ้าจึงเหมือนกัน ข้าเป็นหัวหน้ากลุ่มหน่วยที่สี่ของฝ่ายคุมกฎ และภายใต้คำสั่งให้จับกุมคนผิด ถ้าใครกล้าหยุดข้า ข้าจะมีสิทธิที่จะฆ่าทุกคนที่ขวางทางข้า"
หลิวอู๋ตงก้าวเดินออกมา นางคิดว่าหลิงฮันล้มเหลวที่จะทะลวงผ่านระดับ ทำให้ระดับบ่มเพาะพลังของเขาถดถอยกลับไปอยู่ที่ระดับรวมธาตุขั้นแรก ดังนั้นนางจะยืนดูหลิงฮันต่อสู้กับจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุขั้นสามได้อย่างไร?
หลิงฮันหัวเราะออกมาและดึงนางไปอยู่ด้านข้าง จากนั้นเขาได้กล่าวพร้อมกับรอยยิ้มว่า "เจ้าไม่เห็นหรือแม้แต่พี่ใหญ่กว่างยังไม่เข้ามายุ่ง? แล้วเจ้าจะออกมาปกป้องข้าเพื่อ? ข้าสามารถจัดการคนอย่างมันได้อย่างง่ายดาย"
"ถูกต้อง เจ้าสามารถปล่อยให้เจ้าเด็กนี่จัดการเองได้" กว่างหยวนกล่าว "มันมีบางอย่างแปลกๆเกี่ยวกับเจ้าเด็กนี่...ไม่สิ มันเป็นอะไรที่แปลกมาก!" เขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแปลก แม้ว่าเขาจะมีเมล็ดก่อเกิดเพียงเมล็ดเดียว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้จากตัวหลิงฮันมันเหนือกว่าระดับก่อเกิดธาตุมาก
เมื่อได้ยินกว่างหยวนพูดเช่นนั้น หลิวอู๋ตงรู้สึกใจเย็นลงเล็กน้อยและเดินไปอยู่ด้านข้างอย่างเชื่อฟัง นางเชื่อว่าด้วยพลังของจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณ แม้ว่าหลิงฮันจะตกอยู่ในอันตรายใดๆก็ตาม กว่างหยวนก็ยังคงสามารถช่วยเขาได้ทันเวลา
ชูหวู่จิวยังคงยกหน้าขึ้นสูง เขาควรที่จะเป็นคนรับผิดชอบกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไป ถึงกระนั้นเขาก็ถูกผลักออกมาอยู่ด้านข้างด้วยฝีมือของหลิงฮันและจ้องมองหลิงฮันด้วยสีหน้าที่บูดบึ้ง
"คนปลายแถวอย่างเจ้าเป็นคนที่ตาบอดจริงๆ เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังจะแสดงความสามารถ? เจ้าต้องการที่จะฉกฉวยโอกาสที่จะแสดงความสามารถไปจากข้างั้นรึ! ลองหันไปมองพี่ใหญ่กว่างหยวนดู เขาเป็นคนที่ฉลาดมาก" หลิงฮันพูดตลกออกมา
"หึ่ม!" กว่างหยวนแสดงท่าทีดูถูกออกมา เขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องง่ายมากที่เขาจะลงมือ รุ่นเยาว์ที่อยู่แค่ระดับก่อเกิดธาตุขั้นสาม...เพียงแค่เขาใช้นิ้วเดียวมันก็เพียงพอที่จะจัดการมันได้แล้ว แต่จากคำพูดของหลิงฮัน ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด
"ท่านพูดคุยกับเจ้าเด็กสารเลวนี่จบหรือยัง?!" หนานกงฉิงถามขณะกัดฟัน ที่นี่คือสำนักหู่หยางและศิษย์ฝ่ายคุมกฎมีอำนาจมากที่สุดในที่นี่ แต่พวกมันทั้งสองคนกล้าที่จะเล่นตลกและพูดจาไร้สาระต่อหน้ามัน นั่นถือว่าเป็นการดูหมิ่นและไม่สนใจมันใช่หรือไม่?
"เจ้าอยากถูกทุบตีไวๆงั้นหรือ? ก็ได้ เช่นนั้นเข้ามา!" หลิงฮันกำหมัด
"หลิงฮันเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าในตอนแรก!" หนานกงฉิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม "แต่เจ้ายืนกรานที่จะเข้ามายุ่งเอง! คนอย่างเจ้ามักจะตายเร็ว!"
"แล้วมันเป็นเรื่องของเจ้ารึ?" หลิงฮันชูนิ้วกลางใส่มัน
"****!"หนานกงฉิงไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป มันกระโจนออกไปข้างหน้าทันที และมีแสงดาบที่หนาวเย็นส่องแสงออกมาเหมือนกับสายฟ้าและพุ่งตรงเข้าหาหลิงฮัน
หลิงฮันยิ้มออกมาอย่างใจเย็น และจับไปที่ดาบของหนานกงฉิง
"หืม?"
ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ ด้วยความสามารถของหนานกงฉิงในระดับก่อเกิดธาตุขั้นสาม ดาบของเขาควรเหมือนกับการโจมตีด้วยสายฟ้า หลิงฮันไม่ควรที่จะมองเห็นวิถีของดาบ ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ควรที่จะจับมันได้ด้วยมือเปล่าของเขา อย่างไรก็ตาม อะไรถึงทำให้เขาจับมันได้? นิ้วมือของหลิงฮันควรที่จะถูกตัดขาด
"เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!" หนานกงฉิงสบถออกมาอย่างเย็นชาและกำลังจะบิดดาบของเขา
แต่แล้วสีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปทันที เพราะดาบของมันถูกหลิงฮันจับไว้อย่างเหนียวแน่น ไม่ว่ามันจะออกแรงมากขนาดไหน ดาบก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย
มันเป็นไปได้ยังไงกัน!?
เขาเป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับรวมธาตุขั้นแรก แล้วทำไมถึงมีพลังมากมายขนาดนี้?
หลิงฮันยิ้มและกล่าว "ให้ข้าได้กล่าวเตือนอะไรเจ้าสักหน่อย ปล่อยดาบของเจ้าซะไม่เช่นนั้นเจ้าจะเจ็บตัว"
"หึ่ม ดาบคือหลักฐานของนักดาบ ถ้าทิ้งดาบ แล้ว....อ๊ากกก!" หนานกงฉิงยังคงแสดงความกล้าหาญและพูดคำพูดที่สวยหรูออกมา แต่แล้วมันก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาทันทีและรีบปล่อยมือออกจากดาบ มันมีแสงสีแดงอยู่บนฝ่ามือของมันเหมือนกับว่ามือของมันจับเหล็กร้อน
นั่นเป็นเพราะหลิงฮันได้ใช้จิตวิญญาณเปลวเพลิงของเขา และส่งความร้อนสูงผ่านใบดาบ โชคดีที่ความร้อนนั้นถูกส่งผ่านดาบ มิฉะนั้น ถ้าหลิงฮันตั้งใจที่จะเผามันด้วยจิตวิญญาณเปลวเพลิงจริงทั้งฝ่ามือของมันคงถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน
หนานกงฉิงหันไปมองรอบๆ และทุกคนกำลังจ้องมองมาที่มันด้วยสายตาแปลกๆ ทำให้มันควบคุมตัวเองไม่อยู่ มันจ้องมองไปที่หลิงฮันและถามว่า "หลิงฮัน เจ้ายืนกรานที่จะปกป้องมันใช่หรือไม่?"
"สมองของเจ้าผิดปกติหรือเปล่า? เขาเป็นลูกน้องของข้าและอยู่ภายใต้การคุ้มครองของข้า ถ้าเจ้าต้องการท้าทายเขา ข้าจะไม่เข้าไปยุ่ง แต่ถ้าเจ้าตั้งใจที่จะใช้วิธีที่ไม่เป็นธรรมเพื่อกลั่นแกล้งลูกน้องของข้า เช่นนั้นอย่าได้ตำหนิข้าว่าโหดร้าย!" หลิงฮันกล่าว
"มันเป็นคนที่ทำให้น้องชายของข้าต้องพิการ มันไม่ควรถูกสำนักลงโทษงั้นรึ?" หนานกงฉิงกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว
"นั่นหมายความว่าน้องชายของเจ้าอ่อนแอเอง ข้าเชื่อว่าตัวเจ้าน่าจะเข้าใจถึงความขัดแย้งระหว่างเขาและหนานกงจื้อ ถ้าเจ้าต้องการทำการแก้แค้นของเจ้า มันก็ไม่เป็นไร ชูหวู่จิวสามารถยอมรับคำท้าของเจ้าได้ ถึงกระนั้นเจ้าก็ยังใช้สถานะของเจ้าเพื่อพูดข่มขู่? ไปให้พ้น!" หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา
"หลิงฮัน สิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่มันเป็นการต่อต้านสำนักหู่หยาง!" หนานกงฉิงสบถคำพูดออกมา ใบหน้าของมันซีดขาว
หลิงฮันหยักไหล่และพูดว่า "แล้วมันจะทำไมหรือ? ไม่ว่ายังไง ถึงแม้พวกเจ้าจะมากันหลายคน ข้าก็ยังมีพี่ใหญ่กว่างอยู่ที่นี่"
"เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว เมื่อใดกันที่ข้าพูดว่าจะช่วยเหลือเจ้าต่อต้านสำนักหู่หยาง?" กว่างหยวนรีบสบัดมืออย่างรวดเร็ว
"พี่ใหญ่กว่างหยวนช่างเป็นคนที่ถ่อมตัวเสียจริง ไม่ใช่ว่ามันเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับท่านหรอกหรือ!" หลิงฮันกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมา
อย่างไรก็ตาม กว่างหยวนยังคงส่ายหน้าปฏิเสธ สำนักหู่หยางมีจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณอยู่ เฉพาะในกรณีที่เขาบ้าคลั่งไปแล้วเท่านั้นเขาถึงกล้าเข้าไปหาเรื่องตัวตนเหล่านั้น
ถึงกระนั้นหนานกงฉิงก็รู้ว่ามันไม่อาจที่จะจับกุมชูหวู่จิวได้ในตอนนี้ ดังนั้นมันจึงกล่าวออกไปด้วยความเกลียดชังว่า "เรื่องนี้มันจะไม่จบลงง่ายๆ หลิงฮัน ถึงแม้สำนักจะไม่ทำอะไรเจ้า แต่ตระกูลของข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!"
"เจ้ากำลังพูดข่มขู่ข้า?" หลิงฮันหดม่านตาลง
"แล้วข้าพูดล่ะ?"
"สิ่งที่ข้าเกลียดมากที่สุดคือการข่มขู่!" หลิงฮันเดินตรงไปหาหนานกงฉิง "การจัดการกับคนแบบนั้น วิธีการปกติของข้าคือจะทุบตีพวกมันจนกว่าจะยอมจำนน"
"เจ้าชักจะมั่นใจตัวเองเกินไปแล้ว!" หนานกงฉิงยิ้ม "ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าหมายถึงอะไร แต่หลังจากที่ข้าได้รับประสบการณ์พ่ายแพ้ ข้าจะไม่หลงกลเจ้าเป็นครั้งที่สอง"
"เช่นนั้นหรอกรึ?" หลิงฮันชักดาบของเขาออกมา เขาสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อทดสอบพลังของทักษะสามดาบเร้นลับได้ และหวังว่าเขาจะควบคุมพลังของตัวเองได้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่การทำให้หนานกงฉิงพิการด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
"ส่งดาบมาให้ข้า!" หนานกงฉิงเหยียดมือออกไปด้านข้าง และใครบางคนชักดาบของตัวเองออกมาและส่งมันให้กับหนานกงฉิง แล้วพูดอวดฝีมือดาบของตัวเองว่า "เช่นนั้นข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงพลังของทักษะเจ็ดดาบพิศวงของตระกูลข้า!"
หลิงฮันหัวเราะออกมาและตั้งท่า ปลายดาบถูกกดลงเล็กน้อย และทันใดนั้นคลื่นพลังได้แผ่ออกมาจากปลายดาบเหมือนกับการโยนก้อนหินลงไปในทะสาบและทำให้เกิดระลอกคลื่น
คลื่นแผ่กระจายออกมาและสีหน้ากว่างหยวนกลายเป็นเคร่งขรึมทันที จากนั้นสีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างมากและเขาดูตกตะลึง
เขายังไม่เคยเห็นความสามารถที่แท้จริงของทักษะดาบนี่ แต่เพียงแค่มองมัน เขาก็สามารถรู้สึกได้ราวกับว่ากำลังจะเกิดพายุ ถ้าทักษะนี่ถูกใช้ออกมา มันจะทำให้พื้นปฐพีต้องสั่นไหวและทรงพลังมากอย่างแน่นอน
ทักษะดาบนี่มันคืออะไรกัน และเหตุใดมันถึงปรากฏอยู่ในมือของจอมยุทธระดับรวมธาตุ?
ชั้นเหงื่ออันหนาวเย็นปรากฏอยู่บนหน้าของหนานกงฉิงทันที และเม็ดเหงื่อของมันได้หยดไหลลงมาจากใบหน้าของมัน ร่างกายของมันกำลังสั่นเทา ราวกับว่ามันกำลังถูกตัดเป็นชิ้นๆ