ตอนที่ 206 จับกุม
หลิงฮันหัวเราะและพูด “เรื่องเล็กๆเพียงแค่นั้น?”
เรื่องเล็กๆ?
ไม่ต้องพูดถึงสถานะของหนานกงจื้อ แต่กฎของสำนักก็บอกเอาไว้อยู่แล้วว่าสามารถประลองกันได้แต่การทำให้คู่ต่อสู้พิการหรือเสียชีวิตนั้นคือข้อห้าม ใครก็ตามที่ฝ่าฝืนกฎจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง และด้วยสถานะของหนานกงจื้อ มันเป็นนายน้อยของตระกูลชั้นกลางและมีพี่ชายเป็นศิษย์ที่แท้จริงของสำนัก ตระกูลหนานกงจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆได้อย่างไร?
ชูหวู่จิวเป็นคนสันโดษและไม่มีครอบครัว ถ้าใครต้องการชีวิตของเขา พวกมันก็สามารถนำไปได้อย่างอิสระ
สำหรับจอมยุทธ การทำลายการบ่มเพาะก็ไม่ต่างกับการสังหารอีกฝ่ายตรงๆ โดยเฉพาะกับตระกูลที่มีอำนาจ ชื่อเสียงของจอมยุทธที่ถูกทำให้พิการจะทำให้ชื่อเสียงของตระกูลตกต่ำลงไปด้วย
เห็นได้ชัดว่าชูหวู่จิวมีความสามารถเพียงพอที่จะสังหารหนานกงจื้อ แต่เขาก็ลงมือทำให้อีกฝ่ายพิการเพื่อให้หนานกงจื้อรู้สึกสิ้นหวัง ซึ่งเป็นการแก้แค้นที่รุนแรงที่สุด
“เจ้าอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะรอดูว่าใครจะกล้ามาจับเจ้า” หลิงฮันพูดอย่างใจเย็น
ช่างเป็นน้ำเสียงที่โอ้อวดนัก เมื่อคนของฝ่ายคุมกฎ เจ้าจะยังพูดแบบนี้อยู่อีกไหม? และถึงแม้เจ้าจะกล้าพูดแล้วมันจะได้อะไร? สำหรับจอมยุทธระดับรวมธาตุ ไม่ใช่ว่าเจ้าพยายามทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่หรอกรึ?
แต่เมื่อเห็นว่าหลิงฮันปรารถนาดี ชูหวู่จิวก็พยักหน้าและพูด “ขอบคุณมาก แต่ถ้าข้าเป็นคนสร้างปัญหาขึ้นเอง ดังนั้นข้าจะไม่ลากเจ้าเข้ามาเกี่ยว”
หลิงฮันทำเพียงยิ้ม ถ้าเขายังคงพูดอะไรต่อไป ชูหวู่จิวคงจะคิดว่าเขาทำตัวโอ้อวด เขาไม่อยากจะถูกมองอย่างดูถูกโดยทายาทของเผ่าจันทราสีเงิน
“เจ้าหนู มีคนมากมายเดินทางมาที่นี่!” กว่างหยวนเดินเข้ามา เขาได้ยินเสียงกลุ่มคนเดินเข้ามาและเมื่อนึกได้ว่าเขาเป็นผู้คุ้มกันของหลิงฮัน เขาจึงเรียกมารายงานและคอยยืนดูอยู่ข้างๆ
“พวกมันมาเพื่อจับกุมข้า” ชูหวู่จิวพูดอย่างสงบ เขาเติมเต็มความปรารถนาในใจแล้ว ดังนั้นจึงไม่สนใจว่าตัวเองจะมีชีวิตต่อไปหรือไม่
“ใช่แล้ว มาเพื่อจับกุมเจ้า!” กลุ่มคนสิบคนเดินเข้ามา คนที่เดินนำคือชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบกลางๆ มันมีสีหน้าที่เกรียดเกรี้ยวและหยิ่งยโส
หัวหน้าของฝ่ายคุมกฎหน่วยสี่ หนานกงฉิง มันคือพี่ชายของหนานกงจื้อและมีพลังระดับก่อเกิดธาตุขั้นสาม!
ตอนนี้มันโกรธเป็นอย่างมาก ชูหวู่จิวกล้าทำให้ตันเถียนของน้องชายมันพิการ นี่คือการท้าทายอำนาจของตระกูลหนานกงและยังเป้นการตบหน้ามันด้วย
“ในเมื่อเจ้ารู้ตัวอยู่แล้ว เจ้าจะไม่ยอมมอบตัวและให้จับแต่โดยดี?” หนานกงฉิงถามอย่างเย็นชา มันมองไปยังหลิงฮันด้วยสายาตาท้าทาย
แน่นอนอยู่แล้วมีทันมองเช่นนั้น มดปลวกที่มีพลังเพียงระดับรวมธาตุกล้าที่จะสร้างคลื่นลูกใหญ่ในสำนักและกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในสำนักหู่หยาง แถมจากข่าวลือ แม้แต่สาวงามทั้งสองอย่างหลิวอู๋ตงกับหลีซื่อฉางก็มีความใกล้ชิดกับหลิงฮัน
ดวงตาของมันกลายเป็นแดงก่ำเพราะความริษยา!
ในสายตาของมัน หลิงฮันเพียงแค่โชคดีเพราะมีชื่อเสียงในตอนที่ขัดแย้งกับเฟิงหยาง ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงฮันโชคดีที่อาจารย์ของฝ่ายปรุงยาบังเอิญเดินผ่านมาช่วย เขาคงจะถูกเฟิงหยางฉีกกระชากออกมาเป็นชิ้นๆแล้ว
มันมองไปยังหลิงฮันและปรากฏรอยยิ้มเย็นชา “หลิงฮัน เจ้าจะปกป้องอาชญากรคนนี้?”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหลิงฮัน!” ชูหวู่จิวก้าวออกมา นั่นเพราะหลิงฮันช่วยให้เขาสามารถอยู่เหนือหนานกงจื้อและแก้แค้นได้สำเร็จก็เป็นความเมตตาที่มากพอแล้ว เขาจะยอมให้หลิงฮันซวยไปด้วยเพราะตัวเขาเองได้อย่างไร?
“นับว่าเจ้าพอจะฉลาดอยู่บ้าง” หนานกงฉิงเค้นเสียงพูด ถ้าหลิงฮันกล้าออกหน้าในครั้งนี้ มันจะลงมือจับกุมเพิ่มอีกคนหนึ่งแน่นอน
...ไม่ใช่ว่าเจ้ายิ่งใหญ่รึไง? งั้นข้าจะจับกุมเจ้าและดูว่าเจ้าจะยังมีหน้าไปพบใครอีกรึไม่
“จับกุมและพามันกลับไป!” หนานกงฉิงสะบัดมือ
ทันใดนั้น ชายสองคนก็เดินเข้ามาทางชูหวู่จิว คนหนึ่งมีโซ่อยู่ในมือ ซึ่งโซ่นี้สร้างมาจากแร่เหล็กโลหิตทมิฬ เมื่อถูกมัดด้วยโซ่นี่ แม้แต่จอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้
“หยุด!” หลิงฮันก้าวออกไปและยื่นมือไปขวางทางทั้งสองคน “นี่คือคนของข้า พวกเจ้าจะจับกุมตัวเขา พวกเจ้าได้รับคำอนุญาตจากข้ารึยัง?”
ฮ่าๆๆ!” หนานกงฉิงมีความสุข หลิงฮันกล้าแส่เข้ามายุ่งเรื่องนี้ งั้นก็ยอดเลย มันกำลังลำบากใจที่ไม่มีความขัดแย้งอะไรกับหลิงฮันพอดี และเจ้าหนูนี่ก็เสนอหน้าเข้ามาเอง
“หลิงฮัน เจ้ากล้าดีอย่างไร!” มันตระโกนออกมา “นี่คืออาชญากรที่สำนักมีคำสั่งให้มาจับกุม!”
“ผิดแล้ว!” หลิงฮันชูนิ้วและกระดิกไปมา “จะเป็นอาชญากรรมหรือไม่ เขาต้องถูกพิจารณาไต่สวนเสียก่อน แต่เจ้ากลับเรียกเขาว่าอาชญากรอยู่ได้ เจ้ามีอำนาจอยู่เหนือสำนักรึไง? จากมุมมองของข้า เจ้านั่นแหละที่ทำตัวอวดดี”
หนานกงฉิงชะงักจนพูดอะไรไม่ออก ก่อนที่จะตะโกนด้วยความโมโหและอับอาย “หลิงฮัน เจ้าเพียงแค่กำลังบิดเบือนความจริง! ข้าถูกสั่งให้มาจับกุมมัน และหากเจ้ากล้าเข้ามาแทรกแซง ข้าจะจับกุมเจ้าด้วยเช่นกัน!”
“ฮ่าๆ ถ้าใครกล้าแตะต้องคนของข้า ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะหักขาของพวกมันหรอกนะ” หลิงฮันกวาดตามองไปยังกลุ่มคนของฝ่ายคุมกฎและยิ้ม “ถ้าพวกเจ้าไม่กลัวก็ลองดูได้ แต่อย่าพูดล่ะว่าข้าไม่เตือนพวกเจ้า!”
สีหน้าของสมาชิกหน่วยคุมกฎเปลี่ยนไป เมื่อพวกมันนึกถึงเหตุการที่หลิงฮันตัดแขนของเฟิงหลัว... ตามกฎของสำนักแล้ว ความผิดที่เขาก่อขึ้นไม่ได้เบากว่าการที่ชูหวู่จิวทำให้ตันเถียนของหนานกงจื้อพิการแม้แต่น้อย
แต่หมอนี่ก็ยังปลอดภัยและไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน แม้แต่เฟิงหยางที่มีอิทธิพลในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถทำอะไรหลิงฮันได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดว่าคำขู่ของเขาเป็นเพียงแค่ลมปาก
เมื่อเห็นสีหน้าหวาดกลัวของลูกน้องของมัน หนานกงฉิงอดที่จะรู้สึกโมโหและอัปยศไม่ได้ “ที่นี่คือสำนักหู่หยาง ใครกล้าทำตัวเหนือกฎของสำนัก?”
เมื่อได้ยยินคำพูดนี้ ผู้คนมากมายก็กรอกตามองบน
แน่นอนว่าหากเป็นเมื่อก่อนไม่มีใครแน่นอนที่กล้า แต่ดูเมื่อไม่กี่วันก่อนสิ เฟิงหลัวได้ทำลายกฎและไล่หลี่เฮ่าออกจากสำนักโดยไม่มีเหตุผล จากนั้นหลิงฮันก็มาตัดแขนของเฟิงหลัว แต่ก็ไม่ได้รับการลงโทษอะไรแม้แต่น้อย ตอนนี้เมื่อพูดถึงกฎของสำนัก ไม่ว่าใครก็จะพูดด้วยน้ำเสียเหยียดหยาม
“นายน้อยฮัน ข้าไม่อยากลากเจ้าลงไปลำบากด้วย” ชูหวู่จิวพูดพร้อมกับหันหน้าไปหาหลิงฮัน เขายอมรับความหวังดีของหลิงฮันแต่ไม่สามารถลากหลิงฮันมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เพื่อตัวเขาได้
“ไร้สาระ หากเจ้าอยากจะเสี่ยงชีวิตเพื่อข้าในอนาคต เจ้าก็มีโอกาสมากมายที่จะทำ แต่ตอนนี้จงอยู่เฉยๆและยื่นข้างหลังข้าอย่างเชื่อฟังซะ” หลิงฮันสะบัดมือใส่ชูหวู่จิว และหันไปมองหนานกงฉิง “ที่นี่ไม่ต้อนรับคนแปลกหน้า เจ้าอยากจะกลับออกไปเองหรืออยากจะให้ข้าโยนออกไป?”
“หลิงฮัน อย่าอวดดีเกินไป!” หนานกงฉิงเดินเข้ามาและชักดาบออกจากฟัก มันจ้องไปยังหลิงฮันชั่วขณะก่อนที่จะแสยะยิ้มแล้วพูด “เจ้าเป็นบ้าจากการบ่มเพาะพลังไปแล้วรึ? พลังของเจ้าถึงได้ลดลงมาอยู่ที่ระดับรวมธาตุขั้นหนึ่ง? ด้วยความสามารถเล็กน้อยเท่านี้ เจ้ายังกล้าทำตัวโอหังต่อหน้าข้า? คอยดูแล้วกันว่าข้าจะสยบเจ้าด้วยการโจมตีเดียว!”
ชูหวู่จิวกัดฟันเดินไปข้างหน้าหลิงฮัน เขาชักดาบออกมาเช่นกัน “หนานกงฉิง ข้าจะไปกับเจ้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับนายน้อยฮัน อย่าบังคับให้ข้าลงมือ!”
หนานกงฉิงลังเลอยู่ชั่วขณะ ชูหวู่จิวอยู่ในระดับก่อเกิดธาตุเช่นเดียวกันมัน ถึงแม้ความสามารถจะด้อยกว่าตัวมัน แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกต้อนให้จนมุม แม้จะสามารถจับกุมชูหวู่จิวได้ แต่มันก็คงต้องจ่ายค่าตอบแทนที่มหาศาล
มันเพียงแค่อิจฉาหลิงฮันและอยากจะทำให้หลิงฮันอับอายก็เท่านั้น แต่หากลงมือกับหลิงฮันมันเองก็ต้องบาดเจ็บสาหัส มันไม่ใช่คนโง่ขนาดนั้น
“ก็ได้!” หนานกงฉิงหยักหน้า
“จิวจิวน้อย ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าเป็นผู้ตัดสินใจได้? ไปยืนดูอยู่เฉยๆ!” หลิงฮันตบไปยังไหล่ของชูหวู่จิวและดึงกลับมา นิสัยชอบปกป้องพวกพ้องของหลิงฮันถูกกระตุ้นเต็มที่ เขาสะบัดมือไปทางหนานกงฉิงและพูด “รีบไสหัวไป อย่ามาพูดทีหลังว่าข้ารังแกเจ้า ไปหาคนที่แข็งแกร่งกว่านี้มาซะ”
‘บัดซบ!’ หนานกงฉิงโมโหจนทั่วทั้งใบหน้าบิดเบี้ยว