ตอนที่ 204 สามดาบเร้นลับ
กว่างหยวนกล่าว "ถ้าจอมยุทธระดับรวมธาตุทั่วไปปิดด่านฝึกตนเกือบหนึ่งเดือน คนผู้นั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน แต่เจ้ายังสามารถเปิดปากของเจ้าพูดคุยได้อยู่ มันเป็นเรื่องที่แปลกยิ่งนัก!"
ในความเป็นจริง หลิงฮันยังคงกินอาหารอยู่ในสิบวันแรก แต่ยี่สิบวันหลังจากนั้นเขาไม่ได้กินอะไรเลย แม้แต่ตัวเขายังไม่ตระหนักเลยว่าเวลาผ่านไปนานขนาดนั้น เขาได้ผสานเมล็ดก่อเกิดธาตุทั้งห้าเข้าด้วยกันและเมื่อเขาทำเสร็จสิ้น เขาก็ตระหนักว่ามันผ่านไปยี่สิบวันแล้ว
ในเวลานั้นพลังปราณเป็นอาหารของเขาและช่วยหล่อเลี้ยงเขา
หลังจากที่จอมยุทธก้าวเข้าสู่ระดับบุปผาผลิบาน พวกเขาต้องการแค่ดูดซับพลังปราณเท่านั้นเพื่ออยู่รอดและไม่จำเป็นต้องพึ่งอาหาร
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาหลุดจากการฝึกฝนแล้ว มันทำให้เขารู้สึกหิวกระหายและอ่อนแรงขึ้นมาทันที
หลิ่วอู๋ตงออกไปหาผลไม้บางอย่างมา และหลิงฮันเริ่มกินทันที เขาต้องเติมท้องก่อนที่จะกินเนื้อสัตว์ มิฉะนั้นร่างกายของเขาจะไม่สามารถย่อยมันได้
กว่างหยวนจ้องมองไปที่หลิงฮัน เขารู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่มันไม่ใช่ เขาปรบมือขึ้นมาอย่างกระทันหันแล้วพูดอุทานออกมาว่า "ใช่แล้ว ทำไมพลังของเจ้าถึงตกลงไปอยู่ที่ระดับรวมธาตุขั้นแรก?" ก่อนหน้านี้ เจ้าหนูนี่เป็นจอมยุทธระดับรวมธาตุขั้นเก้า
เมื่อใดที่จอมยุทธปิดด่านฝึกตน นั่นก็เพื่อจุดประสงค์ในการฝ่าฟันอุปสรรค์เพื่อทะลวงผ่านระดับที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเกิดความล้มเหลว ระดับบ่มเพาะพลังก็ไม่ควรลดลงแม้แต่น้อย แล้วนี่มันอะไรกันจากขั้นเก้าตกลงไปอยู่ขั้นแรก
เรื่องแบบนี้แทบจะไม่เคยได้ยินมาก่อน ในโลกแห่งจอมยุทธผู้คนสามารถทำแบบนั้นได้ด้วย?
หลิ่วอู๋ตงเริ่มรู้สึกกังวล นางจ้องมองไปที่หลิงฮันอย่างไม่ละสายตาและรู้สึกได้ว่ากลิ่นอายที่ออกมาจากตันเถียนของหลิงฮันมีเมล็ดก่อเกิดเพียงเมล็ดเดียว ทำให้สีหน้าของนางซีดขาวทันที แต่เมื่อนางขบคิดข้อเท็จจริงที่ว่าหลิงฮันอาจจะรู้สึกแย่กว่านาง นางจึงรีบพูดปลอบโยนเขาทันที "มันต้องไม่เป็นไร อย่างเจ้าใช้เวลาแค่สองถึงสามเดือน เจ้าก็กลับมาอยู่ที่ขั้นเก้าแล้ว"
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาย่อมรู้สถานการณ์ของตัวเองดี แม้ว่าเขาจะมีเมล็ดก่อเกิดเพียงเมล็ดเดียวในตันเถียน แต่มันทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เขาอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้า อย่างไรก็ตาม หลิงฮันไม่ได้พูดอธิบายอะไรมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น มันมีโอกาสที่จะไม่มีใครเชื่อเขาถ้าเขาพูดอธิบายออกมา
"ไม่ใช่!" กว่างหยวนรู้สึกตื่นตระหนกขณะที่ดวงตาของเขาจดจ่อไปที่ตันเถียนของหลิงฮัน และพูดออกมาว่า "เห็นได้ชัดว่าเจ้าอยู่เพียงแค่ระดับรวมธาตุขั้นแรก แต่ทำไมข้ากลับรู้สึกได้ถึงพลังที่ทรงพลังออกมาจากตัวเจ้า เหมือนกับว่า... ข้ากำลังเผชิญหน้ากับจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุขั้นแรก!"
ระดับรวมธาตุขั้นแรกมันเทียบได้กับระดับก่อเกิดธาตุขั้นแรกได้หรือไม่? ถ้าเขาพูดแบบนั้นในที่สาธารณะ เขาคงถูกคนอื่นทุบตีและคิดว่าเขาคงดื่มมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม หลิงฮันพยักหน้าอยู่ในใจ จอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณยังไงก็คือจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณ ดวงตาของเขามีความแหลมคมมาก
"ฮ่าฮ่าฮ่า มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน? สายตาของข้าคงพร่ามัว" กว่างหยวนหัวเราะออกมาเสียงดังขณะที่เขาตบหัวตัวเอง
ตุบ!
หลิงฮันแทบจะสำลักออกมา เขาเพิ่งจะชมเชยกว่างหยวนว่ามีสายตาที่แหลมคมมากอยู่หยกๆ
"เอาล่ะ เมื่อไม่กี่วันก่อนมีเด็กเหลือขอคนหนึ่งมาที่นี่เพื่อมาหาเจ้าเขากล่าวอะไรบางอย่างเกี่ยวกับสัญญาหนึ่งเดือน แล้วก็จากไปเพื่อทำอะไรบางอย่าง แล้วเขาจะกลับมาเพื่อฟังคำสั่งของเจ้า" กว่างหยวนกล่าว
โอ้ว มันน่าจะเป็นชูหวู่จิว เขาน่าจะทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุได้แล้ว
เขาพูดว่าไปเพื่อทำอะไรบางอย่าง? เขาจะต้องไปท้าหนานกงจื้อสู้เป็นแน่ เพราะเขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์
หลิงฮันพยักหน้าอยู่ในใจ
หลังจากที่กินผลไม้เสร็จ หลิงฮันเริ่มมีเรี่ยวแรงมากขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เริ่มกินอาหารมื้อหนัก
หลังจากนั้นหลิงฮันได้บอกกับคนอื่นว่าเขาตั้งใจจะออกไปฝึกฝนด้านนอก เขาได้เดินเข้าไปในป่าเล็กๆตามลำพัง เขาต้องการที่จะประเมินพลังของเขาในปัจจุบัน
เขาโคจรพลังปราณไปไว้ที่กำปั้น และเมื่อถึงขีดจำกัด เขาปล่อยหมัดออกไปทันที พลังของกำปั้นที่ระเบิดออกมามีขนาดเทียบเท่าหัวมนุษย์และพุ่งออกไปข้างหน้า
ปัง ปัง ปัง ด้านหน้าของหลิงฮัน ต้นไม้ขนาดใหญ่สิบต้นถูกโค่นล้มและมีฝุ่นตลบไปทั่วพื้นที่พวกมันล้มลงมา
หลิงฮันดึงกำปั้นกลับมา แล้วปรากฏความพึงพอใจบนใบหน้าของเขา
ความแรงของกำปั้นของเขาเทียบได้กับจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุขั้นแรก เหมมือนกับว่าระดับรวมธาตุขั้นสิบเป็นระดับก่อเกิดธาตุขั้นแรก
'การทะลวงผ่านจากระดับรวมธาตุไประดับก่อเกิดธาตุเป็นการก้าวกระโดดที่มั่นคง มันมีพลังเพิ่บขึ้นถึงสิบเท่า จากนั้น เมื่อถึงเวลาที่ข้าจะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุ ความแข็งแกร่งของข้าควรจะเทียบได้กับขั้นที่หกหรือเจ็ด
ยิ่งระดับพลังสูงจะทำให้ท้าทายฝ่ายตรงที่มีระดับพลังสูงได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผสานเมล็ดก่อเกิด ความสามารถในการท้าทายใครบางคนที่แข็งแกร่งกว่าข้ามีเพิ่มมากขึ้น เมื่อข้าอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นแรก ข้ามีพลังต่อสู้ประมาณห้าถึงหกดาวเท่านั้น
ด้วยการสนับสนุนจากพลังดังกล่าว ข้าควรเริ่มฝึกฝนทักษะระดับดำเลยหรือไม่?
หลิงฮันขยับตัว ถ้าตอนนี้เขาสามารถใช้ทักษะระดับดำได้ พลังต่อสู้ของเขาก็จะน่าสะพรึงกลัวมากยิ่งขึ้น
"ลองดูละกัน!"
เขาสำรวจพลิกดูเนื้อหาภายในความทรงจำของเขาเพื่อดูทักษะที่เหมาะสมกับเขา อย่างไรก็ตาม เพราะเขาสามารถใช้ธาตุทั้งห้าได้ นอกเหนือจากธาตุสายฟ้าแล้ว เขาสามารถฝึกฝนทักษะชนิดใดก็ได้ ดังนั้นมันจึงมีทางเลือกมากมายให้กับเขา
'เช่นนั้น ข้าจะฝึกฝนทักษะนี่ละกัน 'สามดาบเร้นลับ' มันเป็นทักษะดาบที่จักรพรรดิดาบเคยใช้มาก่อน ตามข่าวลือ เขาคิดค้นทักษะดาบนี่ขึ้นมาได้จากรัศมีดาบ เมื่อเขามาหาข้าขอให้ปรุงยาให้ ข้าจึงขอทักษะดาบนี่เป็นการแลกเปลี่ยน มันเป็นเพียงแค่บางสิ่งที่ข้าคิดจะใช้มันเพื่อฆ่าเวลา และข้าไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะได้ใช้ประโยชน์จากมัน"
หลิงฮันนั่งขัดสมาธิและเริ่มวิเคราะห์ทักษะดาบนี่อยู่ในหัว
มันเป็นทักษะระดับดำขั้นสูง อย่างไรก็ตาม มันยังมีทักษะที่เหนือกว่าและด้อยกว่าแม้ว่าพวกมันจะเป็นทักษะระดับดำขั้นสูงเหมือนกัน บางทักษะมันทรงพลังมากจนเกือบมีระดับใกล้เคียงกับระดับปฐพี ถ้าหากมีการให้คะแนนทักษะจากหนึ่งถึงสิบ เช่นนั้น ทักษะระดับดำขั้นสูงส่วนใหญ่จะมีคะแนนต่ำกว่าห้าคะแนน ขณะที่บางทักษะอาจได้มีค่าเท่ากับหกหรือเจ็ดคะแนน
อย่างไรก็ตาม ทักษะสามดาบเร้นลับมีค่าถึงสิบคะแนน!"
มันอยู่ห่างจากระดับปฐพีเพียงนิดเดียวเท่านั้น มันอาจพูดได้ว่ามันเป็นทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับทุกคนที่ยังไม่ทะลวงผ่านระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ
อย่างไรก็ตาม...คำพูดของมันมีความซับซ้อนและยากที่จะทำความเข้าใจ
โชคดีแม้ว่าหลิงฮันจะเป็นจอมยุทธระดับรวมธาตุเท่านั้น แต่ด้วยความเข้าใจในเรื่องวิถียุทธและในฐานาอดีตจอมยุทธระดับสวรรค์ บางทีมันอาจจะยังคงเป็นเรื่องยากเล็กน้อยสำหรับเขาที่จะทำความเขาใจทักษะระดับสวรรค์ แต่ทักษะระดับปฐพีเป็นของกล้วยๆสำหรับเขา แล้วทักษะที่ต่ำกว่าระดับปฐพีจะนับว่าเป็นอันใดได้
"กระบวนท่าแรก ดาบลึกลับสามพันเล่ม!"
หลิงฮันเริ่มกวัดแกว่งดาบของเขา การเคลื่อนไหวของเขาแข็งทื่อ และไม่มีพลังทิ้งไว้เบื้องหลังมันมากนัก ในความเป็นจริง มันออกมาจากด้านข้าง ถ้าใครเห็นแบบนี้ พวกมันอาจตกตายไปขณะหัวเราะ
'จักรพรรดิดาบเป็นคนที่บ้าบิ่นอย่างแท้จริง ถีงเรียนรู้ทักษะดาบนี่เมื่อเขายังเป็นแค่จอมยุทธระดับรวมธาตุ!' หลิงฮันด่าอยู่ในใจ แม้ว่าเขาจะมีความสามารถในการทำความเข้าใจในฐานะอดีตจอมยุทธระดับสวรรค์ แต่มันก็ยังทำให้เขารู้สึกตึงเครียดเล็กน้อยที่ฝึกฝนทักษะนี่ ซึ่งมันได้เผยให้เห็นว่าจักรพรรดิดาบเป็นสัตว์ประหลาดขนาดไหน
แต่เขายังคิดมากขึ้นไปอีกว่าจักรพรรดิดาบเชี่ยวชาญทักษะดาบนี่ได้ภายในกี่วัน?
หลิงฮันกวัดแกว่งดาบไม่หยุดและทักษะดาบของเขาเริ่มนุ่มนวลขึ้นและนุ่มนวลขึ้น นั่นเป็นเพราะเขาเป็นถึงอดีตจอมยุทธระดับสวรรค์ผู้ที่กำลังฝึกฝนทักษะนี่อยู่ มันคงจะเป็นเรื่องแปลกถ้าเขาฝึกฝนมันไม่สำเร็จ
หลิงฮันกวัดแกว่งดาบและพลังก่อเกิดได้ถูกยิงออกมาหลอมรวมเข้ากับพลังปราณโดยรอบแล้วกลายเป็นดาบที่แหลมคมหลายสิบเล่มที่บินไปข้างหน้าเพื่อโจมตี
ปัง!
พื้นดินสั่นสะเทือนและต้นไม้ที่อยู่ด้านหน้าเขาถูกสับออกเป็นชิ้นๆ
หลิงฮันรู้สึกตกตะลึง มันเป็นทักษะที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!