ตอนที่ 202 เลือกเส้นทางบ่มเพาะ
“งั้นพวกเราจะทำยังไงดี?” ใบหน้าของหญิงสาวทั้งสาวปรากฏร่องรอยความกังวล
“แน่นอน... พวกเจ้าต้องหนี!” หลิงฮันสะบัดมือใส่ทั้งสาม “ตอนนี้เลย พวกเจ้าทุกคนปลอมตัวและออกจากเมืองจักรพรรดิไปซะ”
“หืม เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเรารู้ทักษะปลอมตัว?” ลิ่วลู่เอ๋อตกตะลึงอีกครั้ง
หลิงฮันถอนหายใจและมองไปที่นางอย่างเยาะเย้ย “ถ้าลืมซิ ข้าเคยเห็นรูปร่างของพี่สาวเจ้าตอนที่ปลอมตัวมาก่อน”
“โอ้ จริงด้วย!” ลิ่วลู่เอ๋อปรบมือและมีท่าทางหดหู่เล็กน้อย นางช่างสมองน้อยจริงๆ ถึงได้ถูกหมอนี้เยาะเย้ยอยู่ตลอด
“รีบหน่อย พวกเจ้ามีเวลาเหลือไม่มาก” หลิงฮันเร่งเร้า
หญิงสาวทั้งสามเริ่มปลอมแปลงร่างกาย พี่น้องลิ่วเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้อยู่แล้ว พวกนางปลอมตัวของพวกนางก่อนและค่อยมาช่วยหยุนชวงชวงปลอมตัว ในไม่นานพวกนางทั้งสามคนก็กลายเป็นชายหนุ่ม สิ่งที่ทำให้หลิงฮันตกตะลึงคือหน้าอกที่แบนราบและลูกกระเดือกบนคอของพวกนาง
พวกนางสวมใส่ชุดของหลิงฮันพร้อมรับเงินจำนวนหนึ่งไปด้วย ชุดของพวกนางอย่างเช่นกระโปรงได้ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านแล้ว
“นายน้อยฮัน ขอบพระคุณมาก ในอนาคตหากมีโอกาส ชวงชวงจะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนความเมตตาของนายน้อย!” หยุนชวงชวงกล่าวขอบคุณเขา
หลิงฮันยักไหล่และพูด “ถ้าเจ้าไม่ถูกสองพี่น้องนำไปขายเสียก่อน พวกเราค่อยว่ากันอีกที”
“เพ้ย พวกเราไม่ใช่พวกค้ามนุษย์เสียหน่อย!” ลิ่วลู่เอ๋อหรอกตา นางคิดในใจว่าหลิงฮันช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจยิ่งนัก เขาเอาแค่ชวนนางทะเลาะตลอด
“คุณชายหลิง พวกเราต้องได้พบกันอีกครั้งแน่” ลิ่วเฟิงเอ๋อก้มหัวขอบคุณ อย่างไรก็ตาม เพราะตอนนี้นางอยู่ในสภาพเป็นชายหนุ่ม การเคลื่อนไหวของนางจึงดูแปลกประหลาด
“ไปได้แล้ว” หลิงฮันสะบัดมือไล่พวกนาง
หญิงสาวทั้งสามเดินจากไปจนมองไม่เห็นแม้แต่เงา
“ฮ่าๆๆ ในที่สุดที่นี่ก็จะเงียบสงบเสียที” หลิงฮันหัวเราะ ที่จริงแล้วนี่คือเป้าหมายที่แท้จริงของเขา ในที่สุดเขาก็ไล่คนมาขออาศัยอยู่ฟรีสองคนออกไปได้ ตอนนี้เขามีความสุขเป็นอย่างมาก
“เย้!” ฮูหนิวเองก็ปรบมืออย่างมีความสุข ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่าหลิงฮันดีใจเรื่องอะไรก็ตาม
อย่างไรก็ตาม การคาดเดาของหลิงฮันก็ไม่ผิดอะไร หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง กองทัพองครักษ์จักรพรรดิได้มาถึงที่พักของเขา ถึงแม้น้ำเสียงของพวกเขาสุภาพและขอโทษหลิงฮันที่มารบกวน พวกเขาก็ยังยืนกรานที่จะตรวจค้นที่พักของหลิงฮัน
แน่นอนว่าพวกเขาไม่พบอะไรทั้งสิ้น
พวกเขาขอโทษที่เสียมารยาทและกลับไป พวกเขาทั้งมาเร็วไปเร็ว
หลิงฮันถอนหายใจ ดูเหมือนว่าคุณหญิงหยานจะกลายเป็นศัตรูของเขาเสียแล้ว
เพื่อประโยชน์ของบุตรตนเอง คุณหญิงหยานถึงกลับคิดแผนชั่วร้ายขึ้นมาและใช้บุตรสาวบุญธรรมที่นางดูแลมาหลายปีเป็นเหยื่อในแผนของนางเอง
“ช่างเถอะ ก็แค่เป็นศัตรูกับนางเอง ยังไงข้าก็มีศัตรูเยอะอยู่แล้ว จะมีเพิ่มอีกสักคนก็ไม่เห็นเป็นอะไร” หลิงฮันยืดแขนออกอย่างขี้เกียจ เขาควรจะไปเตรียมอาหารได้แล้ว ตอนนี้ฮูหนิวกำลังเกาะคอของเขาและตะโกนไม่หยุด “เนื้อ เนื้อ เนื้อ...!”
สามวันผ่านไป ในที่สุดกว่างหยวนก็มาถึง อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เลือกอาศัยอยู่ในลานที่พักของหลิงฮันแต่ไปอยู่ลานที่พักใกล้ๆแทน เพราะอย่างไรในพื้นที่นี้ก็มีที่พักว่างเยอะแยะอยู่แล้ว
ด้วยความคุ้มครองจากจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณ หลิงฮันรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก นี่คือพลังต่อสู้ที่แท้จริง ตราบใดที่ไม่มีจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณปรากฏตัวกว่างหยวนก็ไม่สามารถถูกโค่นล้มได้ง่ายๆ และด้วยการชี้แนะจากหลิงฮันกว่างหยวนจะสามารถกลายเป็นตัวตนไร้พ่ายในระดับห้วงจิตวิญญาณ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หลิงฮันไม่มีอารมณ์ทำอะไรแบบนั้น
ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขารวดเร็วเกินไป ตอนนี้เขาบรรลุระดับรวมธาตุขั้นเก้าชั้นสูงสุดแล้ว เขาจะต้องทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุหรือไม่ก็คงพลังบ่มเพาะระดับนี้เอาไว้
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้วิธีทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุ แต่เขากำลังตัดสินใจบางอย่างอยู่ เขายังคิดที่จะพยายามท้าทายทะลวงขั้นไปยังระดับรวมธาตุขั้นที่สิบ
นี่คือระดับพลังที่เป็นตำนานและมีเพียงทฤษฎี อย่างน้อยทีหลิงฮันรู้ ไม่เคยมีสักคนเลยที่บรรลุระดับพลังนี้ได้
ทะลวงผ่านขีดจำกัดเก้าขั้นและบรรลุความสมบูรณ์แบบ
มันเป็นไปได้จริงๆรึ?
ในจดหมายของตัวตนผู้ยิ่งใหญ่ มันเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น แต่ไม่เคยมีการทำได้สำเร็จมาก่อน
หลิงฮันพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จอย่างเคร่งเครียด
มีโอกาสสำเร็จอยู่เท่าไหร่?
หลิงฮันพยายามคาดเดาผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็ยังไม่สามารถสรุปออกมาได้
ในทางทฤษฎีนั้นมันเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการพิสูจน์ให้เห็นจริงๆ ทุกอย่างก็เป็นเพียงคำพูดปากเปล่า
ความบ้าคลั่งคอยปรากฏขึ้นในแววตาของหลิงฮัน เขาตัดสินที่จะเดิมพันกับมัน
ในชีวิตนี้ เขาบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ มันคือสุดยอดทักษะบ่มเพาะ ด้วยระดับของทักษะที่ไม่สามารถรู้ได้ว่าอยู่ในระดับใด ด้วยทักษะนี้ เขายังไม่มั่นใจอีกรึว่ารากฐานของเขาจะไม่มั่นคง?
ระดับรวมธาตุคือระดับพลังที่สองของจอมยุทธ บางคนบอกว่ามันเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่เป็นก้าวที่สำคัญ เพราะระดับพลังอีกเจ็ดระดับที่เหลือจะเกี่ยวข้องกับระดับพลังนี้
หลิงฮันตัดสินใจรับความเสี่ยง!
เขาเริ่มเก็บตัวบ่มเพาะขั้นที่สิบของระดับรวมธาตุ ที่ไม่เคยมีใครบรรลุมาก่อน
ในตันเถียนของเขามีเมล็ดก่อเกิดเมล็ดใหญ่อยู่เก้าเมล็ด และเมล็ดก่อเกิดเมล็ดเล็กๆอีกสี่สิบห้าเมล็ดที่เรียงกันเป็นรูปร่างหยินหยาง พวกมันเรียงกันอย่างมั่นคงและลึกลับ
ถ้าเขาตัดสินใจแทรกเมล็ดก่อเกิดเพิ่มเข้าไป เขาจะนำมันไปแทรกที่ไหน?
หลิงฮันรู้สึกปวดหัว แม้เขาจะตัดสินใจยอมรับความเสี่ยงและลองพยายามดู แต่เขาไม่รู้สักนิดว่าจะเริ่มยังไงดี
เขาครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้หลายๆอย่าง แต่ก็ปฏิเสธมันทิ้งไปทั้งหมด นั่นเพราะหากเขาสามารถคิดมันได้ ตัวตนที่ยิ่งใหญ่ผู้นั้นก็ต้องคิดได้เช่นกัน ถึงแม้คนผู้นั้นจะไม่มีโอกาสทดลองเอง แต่รุ่นเยาว์ของเขาจะไม่เคยลองได้อย่างไร?
การจะทำให้ขั้นตอนนี้สมบูรณ์ เขาจำเป็นที่จะต้องเบี่ยงเบนออกจากเส้นทางธรรมดา
หลิงฮันลังเลอีกครั้ง ถ้าเขาเดินตามรอยเท้าเดิมของชีวิตที่แล้ว ตราบใดที่มีพื้นฐานที่มั่นคง รากฐานวิญญาณระดับนิรันดร์ และคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ เขาจะต้องก้าวหน้าได้รวดเร็วยิ่งกว่าชีวิตที่แล้วแน่นอน เขาไม่จำเป็นต้องมาเสี่ยงอันตรายอะไรแบบนี้...
อย่างไรก็ตาม ในชีวิตนี้เขาอยากจะเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด
จิตใจของเขากลับมาสงบอีกครั้ง และเริ่มพิจารณาถึงวิธีที่จะบรรลุสู่จุดสมบูรณ์
มีหลายวิธีที่หากทำแล้วร่างกายเขาจะแหลกสลายทันที แต่ในที่สุด เขาก็คิดวิธีที่เป็นไปได้จนเหลือสองวิธี
วิธีแรกคือทำให้เมล็ดก่อเกิดขนาดใหญ่ทั้งเก้าตีตัวออกห่างกันจนเกิดช่องว่างให้เขาสร้างเมล็ดก่อเกิดเมล็ดที่สิบ วิธีที่สองคือการผสานเมล็ดก่อเกิดขนาดใหญ่ทั้งเก้าให้กลายเป็นเมล็ดก่อเกิดขนาดมหึมาเพียงเมล็ดเดียว นี่สามารถเรียกได้ว่าเป็น ‘หนึ่งเดียว’ และสอดคล้องกับวิถีแห่งเต๋าของโลกพอดี
เมื่อเทียบกันแล้ว วิธีที่สองนับว่าบ้าบิ่นกว่ามาก
ดังนั้นหลิงฮันจึงตัดสินใจลองทำวิธีแรกก่อน
เขาพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้เมล็ดก่อเกิดทั้งเก้าขัดแย้งกันเองและสร้างช่องว่างระหว่างพวกมัน
วิธีนี้มีโอกาสเป็นไปได้อยู่ แต่ปัญหาคือเมล็ดก่อเกิดขนาดใหญ่ทั้งเก้าเป็นแหล่งพลังของเขา ตอนนี้พวกมันตีตัวออกห่างกัน... แล้วเขาจะไปเอาพลังมาจากไหนในการสร้างเมล็ดก่อเกิดเมล็ดที่สิบ?
หลิงฮันพยายามหลายอย่างแต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้
เวลาสิบวันผ่านพ้นไป เขายังอยู่ในสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
วิธีนี้เป็นไปไม่ได้งั้นรึ?
หลิงฮันถอนหายใจ เขาเสียเวลาอันมีค่าไปถึงสิบวันแล้ว เขาไม่อยากจะทำให้เรื่องนี้มันล่าช้าอีกต่อไป เขาต้องการจะทะลวงผ่านระดับก่อเกิดและเข้าไปดูความลับของหอคอยทมิฬ
เมื่อคิดเสร็จ เขาได้เริ่มทดลองทำวิธีที่สอง