ตอนที่แล้วDBWG ตอนที่ 14 ทักษะเเก่นเเท้สวรรค์ระดับเชี่ยวชาญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDBWG ตอนที่ 16 เก้าดัชนีปีศาจวายุ

DBWG ตอนที่ 15 การประลองภายในตระกูล


วันที่ 25 กรกฎาคม การประลองยุทธ์ภายในตระกูลได้เริ่มขึ้นในวันนี้ ตระกูลหยางได้เชิญทุกกลุ่มอิทธิพลในเมืองไป่เห๋อหยางเข้าร่วมชมการเเสดงประลองยุทธ์ภายในตระกูลครั้งนี้

 

ด้านตะวันออกของที่พักอาศัยของตระกูลหยางมีลานขนาดใหญ่เพื่อฝึกฝนทักษะการต่อสู้ ที่นั่งสำหรับงานจัดเลี้ยงได้รับการจัดเตรียมไว้แล้ว ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน แขกผู้มาเยือนที่น่าเคารพนับถือได้เริ่มทานอาหารตั้งนานแล้ว และสิ่งที่ตามมาคือการเริ่มต้นการประลองแข่งขันภายในตระกูลของตระกูลหยาง สำหรับรุ่นเยาว์ของตระกูลหยางผู้ที่อยู่ในการแข่งขัน มันเป็นแบบทดสอบเพื่อดูว่าพวกเขาจะยอมจำนนต่อความกดดันของฝูงชน ในทางกลับกัน ตระกูลหยางเป็นตระกูลขนาดใหญ่หนึ่งในสองแห่งเมืองไป่เห๋อหยาง นี่เป็นวิธีการแสดงความสามารถที่น่ากลัวของคนในตระกู,ให้ตระกูลอื่นๆทราบโดยทั่วหน้า

 

ด้านหน้ามีหลายเวทีสำหรับการประลอง มีเวทีสูงซึ่งผู้อาวุโสของตระกูลหยางนั่งอยู่ เนื่องจากตระกูลหยางเป็นกองกำลังใหม่ที่เพิ่มเข้ามาของเมืองไปเห๋อหยาง จำนวนสมาชิกของพวกเขาจึงมีไม่มากนัก ในหมู่พวกเขามีชายชราคนหนึ่งที่มีผมสีขาวและแข็งแกร่ง มีแววตาดูตื่นเต้น ชายชราคนนี้เป็นผู้ก่อตั้งตระกูลหยาง

 

จากบรรดาผู้คนตระกูลหยาง หยางฉิงซวน, หยางเสวี่ยฉิง และผู้อาวุโสคนอื่น ๆ นั่งอยู่ด้านข้างผู้ก่อตั้งตระกูลหยาง

 

ด้านข้างหยางเสวี่ยฉิง มีร่างที่สะดุดตาจากตระกูลไป่ แม้ว่าผู้ก่อตั้งตระกูลไป่จะไม่ได้มา แต่ส่งบุตรชายคนที่สามของเขาไป่จ้านซ่งและบุตรคนที่สี่ของเขามาด้วยแทน นอกเหนือจากนั้นยังมีชายหนุ่มที่มีทักษะสูงส่งยืนอยู่ข้างหลังไป่จ้านซึ่ง ซึ่งคือ 'ไป่ฉวี่ฉื่อ' ที่กำลังเกี้ยวหยางหลิงเยว่ ไป่ฉวี่ฉื่อเป็นพี่ชายของไป่ฉวี่ชิง เขาเป็นบุตรชายคนโตของไป่จ้านซ่ง และพลังของเขา......ได้อยู่เหนือเหล่ารุ่นเยาว์ของเมืองไป่เห๋อหยาง กลุ่มอื่นๆของเมืองไป่เห๋อหยางได้นั่งแยกกัน สมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลหยางยังไม่มีที่นั่งบนเวทีสูง ดังนั้นพวกเขาจึงมารวมตัวกันนอกเวทีเพื่อเฝ้าดู

 

ในเวลานี้ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางเผชิญหน้ากับไป่จ้านซ่งและหัวเราะพร้อมกล่าวว่า "พี่ชายไป่ เป็นพี่ชายของข้า ดังนั้นจ้านเอ๋อร์ เจ้าไม่จำเป็นต้องสุภาพมาก ข้าล้วนไม่ว่างเพราะการเเข่งขันภายในตระกูลที่กำลังจะเริ่มขึ้น ดังนั้นข้าจึงเกรงว่าข้าจะไม่สามารถเป็นเจ้าภาพที่ดีให้กับเจ้าได้ เช่นนั้นข้าจะให้ฉิงเอ๋อร์อยู่ดูเเลเจ้าเเทน

 

ไปจ้านซ่งหัวเราะในทันทีและกล่าว "ข้ามักจะมาที่ตระกูลหยางและทุกครั้งเป็นน้องสาวฉิงที่อยู่กับข้าเสมอ ดังนั้นข้าจึงคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ ท่านลุงหยางเชิญไปเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันภายในตระกูลเถิด ข้าเองก็อยากจะชื่นชมและดูความสามารถพิเศษของรุ่นเยาว์ของตระกูลหยางเหมือนกัน"

 

หยางเสวี่ยฉิงที่อยู่ข้างไป่จ้านซ่ง มองไปทางเขาและยิ้มด้วยความรู้สึกที่ซ่อนอยู่

 

ด้านบนเวทีประลอง การต่อสู้แต่ละครั้งได้แสดงออกมาอย่างงดงามและการต่อสู้โดยใช้รูปแบบการกำจัด เมื่อผู้แข่งขันที่แข็งแกร่งผ่านไปในแต่ละรอบฝูงชนที่เข้าร่วมงานได้ปลดปล่อยความกระปรี้กระเปร่าอย่างต่อเนื่อง ทั้งตระกูลไป่และตระกูลหยางพยักหน้าชื่นชมความสามารถของรุ่นเยาว์ของตระกูลหยาง

 

บุตรชายคนแรกของผู้ก่อตั้งตระกูลหยาง หยางฉิงซวนหันไปมองชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังเขาแล้วกล่าวว่า "อู่เอ๋อร์ เจ้าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?"

 

ชายหนุ่มคนนี้มีลักษณะคล้ายกับหยางฉิงซวน เขามีใบหน้าที่แข็งกระด้างราวกับถูกแกะสลักด้วยใบดาบและเอวของเขาก็เหมือนเสาหนา มันเป็นเรื่องลำบากที่จะมาด้วยความสามารถและเขาเป็นอันดับแรกในรุ่นเยาว์ที่อายุน้อยที่สุดของตระกูลหยาง เขาคือหยางอู่

 

เขาได้รับตราประทับมังกรและบ่มเพาะเป็นระยะเวลานานแล้ว

 

"น้องสาวหลิงเยว่เป็นคนเดียวที่อยู่ในขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 6 ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก อย่างไรก็ตามหลิงฉิงที่ได้ชนะ 'หยางซ่ง' ก่อนหน้านี้ทำให้ข้าประหลาดใจเล็กน้อย มองไปที่หลิงฉิงดูเหมือนว่านางจะเข้าใจหมัดดาวตกอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นการตัดผ่านขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 6 จึงขึ้นอยู่กับเวลาเพียงเท่านั้น อย่างไรก็ตามครั้งนี้นางยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงเยว่"

 

หยางอู่ได้วิเคราะห์อย่างชัดเจนแล้ว หยางฉิงซวนพยักหน้ากล่าวว่า "ทำไมข้าถึงไม่เห็นน้องสองที่นี่? ถึงแม้น้องสองจะสูญเสียบุตรชาย แต่บุตรสาวยังโดดเด่นอยู่ ข้าคิดว่ามันจะทำให้เขารู้สึกสบายใจเล็กน้อย"

 

ดวงตาของหยางวู่ประกายเย็นชาและกล่าวว่า "อาสองได้จากไปก่อนหน้านี้ ข้าคิดว่ามันจะรักษาความเศร้าโศกของเขา ท่านพ่อบุตรชายของอาสาม ข้าได้เห็นเขาเพียงไม่กี่ครั้ง แต่จากสิ่งที่ข้าได้ยินเขาก็เล่นบทบาทของคนรับใช้อย่างสมบูรณ์ ข้าไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเขาสามารถเอาชนะจ้านเอ๋อร์ได้อย่างไร "

 

"ส่วนมากเขาได้รับความอัปยศตลอดเวลาขณะที่เขาปกปิดความแข็งแกร่งของเขา ไม่มีใครสามารถยกระดับการบ่มเพาะของตนไปถึงขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 3 ได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ แต่พรสวรรค์โดยธรรมชาติของเขาไม่เลวร้ายเพียงแค่ว่า ......โชคชะตาของเขาไม่ดีเท่าไหร่นัก "

 

"ถ้าความคิดของเขาชั่วร้ายและเขาวางแผนที่จะฆ่าพี่น้องของตัวเองด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียวควรจะเพียงพอสำหรับเขาที่จะโดนสับเป็นพันๆชิ้น โอ้ ใช่ ท่านพ่อ เห็นว่าก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าเขาอยากจะชนะหลิงเยว่ในการแข่งขันภายในตระกูล ท่านคิดว่าเขาจะปรากฏตัวในวันนี้หรือไม่? "

 

หยางฉิงซวนยิ้มและกล่าวว่า "มันเป็นเพียงเรื่องลวงโลกสำหรับหลิงเยว่เท่านั้น ไม่สมควรที่จะกล่าว น้องสองเองก็ต้องการชีวิตของเขา ดังนั้นนอกจากว่าเขากำลังรนหาที่ตายให้ตัวเอง เขายังคงกล้าที่จะกลับมา?"

 

เมื่อหยางอู่กำลังจะตอบกลับ ทันใดนั้นก็มีการประกาศในลาน

"ทุกคน การประลองภายในตระกูลของรุ่นเยาว์ที่อายุน้อยที่สุดของตระกูลหยางเรากำลังจะจบลง สองคนสุดท้ายที่ปรากฎออกมาจะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายและผู้ชนะจะได้รับรางวัลด้วยทักษะที่ดีที่สุดที่เรามีทักษะ [ตราประทับมังกร]"

 

"การต่อสู้ครั้งสุดท้าย! บนเวทีเรามีหยางหลิงเยว่ และ หยางหลิงฉิง! "

 

ไป่จ้านซ่งยิ้มบางๆและกล่าวว่า "น้องฉิง เด็กสาวในตระกูลหยางของเจ้าดูไปก็ไม่ธรรมดาเลย แม้กระทั่งการต่อสู้ครั้งสุดท้านก็เป็นหญิงสาวทั้งคู่"

 

มองไป่จ้านซ่งยกย่อง หยางเสวี่ยฉิงรู้สึกหอมหวานภายในใจและตอบว่า "รุ่นเยาว์ในตระกูลไป่พิเศษยิ่งกว่า ไป่ฉวี่ฉื่ออยู่ในขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 7 และบุตรชายของพี่ชายท่าน 'ไป่ฉวี่เฉิน' มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองไป่เห๋อหยาง หยางอู่เมื่อเทียบกับเขายังคงแตกต่างมากนัก"

 

"เฉินเอ๋อร์ เด็กคนนี้ไม่เลวเลยแทบจะไล่ตามข้าได้แล้ว" ไป่จ้านซ่งกล่าว

 

บนเวที หยางหลิงฉิงได้ปิดเปลือกตา คนที่โผล่ขึ้นมาในใจของนางนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่

 

"แน่นอน เขาจะไม่กล้ามาที่นี่ ใครจะเอาชีวิตมาเสี่ยงในการเดิมพันเช่นนี้"

 

ด้านล่างของเวทีฝูงชนได้อภิปราย

 

"พวกเจ้าคิดว่าใครจะชนะ?"

 

"ไร้สาระ แน่นอนมันจะต้องเป็นน้องสาวหลิงเยว่ ด้วยความแตกต่างของระดับขอบเขตพลังชีพจรมังกร 1 ระดับ นางจะต้องชนะอย่างเเน่นอน"

 

การที่หลิงเยว่ได้รับ [ตราประทับมังกร] คือผลที่ฝูงชนคาดการณ์ไว้

 

"พวกเจ้าจำเด็กอีกคนได้หรือไม่? คนที่กล่าวว่าจะเผชิญกับหลิงเยว่ในการประลองภายในตระกูล? ตอนนั้นข้าได้กล่าวว่าเขาเพียงสมองเลอะเลือนเท่านั้นเพื่อให้หลิงเยว่ปล่อยเขาปล่อย ตอนนี้เขาไปไหนซะเเล้วเล่า?"

 

"หึ ทุกคนรู้แล้วว่ามันเป็นแค่เรื่องตลกโดยที่เจ้าไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องนี้"

 

บนเวทีหยางหลิงเยว่และหยางหลิงฉิงได้เริ่มการต่อสู้แล้ว

 

"หมัดดาวตก!"

 

"เก้าดัชนีปีศาจวายุ!"

 

แสงดาวขนาดใหญ่ส่งเสียงหวีดหวิวและปกคลุมทั่วทั้งเวที หยางหลิงฉิงได้ทำการบ่มเพาะอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาหลายปีเพื่อช่วงเวลานี้ ดังนั้นหมัดนี้มีพลังทั้งหมดในขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 5 ของนาง การฝึกด้วยคำแนะนำของหลงเฉิน การโจมตีด้วยหมัดดาวตกนี้ ได้ใกล้เคียงกับขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 6!

 

"หมัดดาวตกของหยางหลิงเยว่น่าตกใจนิดหน่อย "การแสดงออกของนางกลับเป็นเย็นชา คิดว่า "อายุของเสี่ยวฉิงน้อยกว่าข้าถึงสองปี ข้าเกรงว่าสองปีต่อมานางจะเข้าสู่ขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 6 ในเวลานั้น นางจะได้รับการดูแลจากตระกูลมากกว่าข้า นี่ไม่ใช่สิ่งที่ดี "

 

นอกเวที หยางเสวี่ยฉิงขมวดคิ้วและกล่าวว่า "การพัฒนาของเสี่ยวฉิงเร็วมากกว่าก่อนหน้านี้ ที่เยว่เอ๋อร์ได้แสดงเก้าดัชนีปีศาจวายุ เนื่องจากนางรู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม"

 

การแสดงเก้าดัชนีปีศาจวายุ ทำให้ฝูงชนโดยรอบยกย่องชมเชยอย่างไม่หยุดหย่อน

 

ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางมองออกไป สายตาของเขาจับจ้องด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชติ

 

"ทั้งสองคนจากรุ่นเยาว์ ได้ฝึกฝนทักษะการต่อสู้ของพวกเขากันอย่างดี [เก้าดัชนีปีศาจวายุ]ของเยว่เอ๋อร์สามารถส่ง 7 ดัชนีออกมาได้อย่างต่อเนื่อง แต่เสี่ยวฉิงได้ทำความเข้าใจกับ [หมัดดาวตก] อย่างครบถ้วนและยิ่งไปกว่านั้น ถ้าทั้งสองบ่มเพาะปราณฉีแบบเดียวกัน ถึงอย่างไรความเเตกต่างระหว่างทั้งสองก็ยังคงมีให้เห็น เสี่ยวฉิง ย่อมเป็นผู้ชนะอย่างเเน่นอน"

 

ความแข็งแกร่งของผู้ก่อตั้งตระกูลหยางยิ่งใหญ่มาก ดังนั้นเขาจึงสามารถประเมินสถานการณ์เเละผลการประลองหลังจากที่ทั้งสองคนเข้าปะทะกัน

 

"เด็กน้อยที่ได้เรียนรู้หมัดดาวตก ดูเหมือนเขาจะไม่ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เเน่นอนว่าตอนนี้ตระกูลหยางเป็นเหมือนภูผาแห่งกริชและทะเลแห่งไฟ... "

 

[TL : "ภูผาแห่งกริชและทะเลแห่งไฟ" หมายถึงอันตรายสุด ๆ ]

 

หลงเฉินได้คำนวณเป็นอย่างดี แม้ว่าเขาจะทำให้หยางจ้านตกตาย แต่ความจริงที่ว่าเขาได้เรียนรู้หมัดดาวตกภายใน 3 วัน ทำให้ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางรู้สึกประหลาดใจ

 

เก้าดัชนีปีศาจวายุภายใต้ปราณฉีมหาศาลของหยางหลิงเยว่ โจมตีไปที่หมัดดาวตกของหยางหลิงฉิงอย่างต่อเนื่อง หยางหลิงฉิงได้รับความลำบากและเริ่มควบคุมปราณฉีของนางอีกครั้ง แต่ไร้ประโยชน์ ในตอนท้ายเมื่อหยางหลิงเยว่ใช้เก้าดัชนีปีศาจวายุ และส่งดัชนีที่ห้าออกไป หยางหลิงฉิงสูญเสียการต้านทานในที่สุด และถูกโจมตีออกนอกเวที

 

ผลการต่อประลองเป็นที่ชัดเจน หยางหลิงเยว่กำลังแย้มรอยยิ้มและยืนอยู่บนเวทีได้รับเสียงปรบมือที่ฟังดูเหมือนคลื่นซัดถาโถม

 

เมื่อมองขึ้นไปที่ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางและสมาชิกในตระกูล พวกเขาก็ยิ้มด้วยความชื่นชม

 

ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับบิดาของหยางหลิงเยว่ บุตรชายคนโตของผู้ก่อตั้งตระกูลหยาง หยางฉิงซวนไม่สามารถปกปิดรอยยิ้มได้

"ผู้ชนะในการประลองภายในตระกูลในครั้งนี้คือ หยางหลิงเยว่!"

 

ไป่จ้านซ่งและหยางเสวี่ยฉิงมองกันและกัน และยิ้ม กล่าวว่า "ความจริงที่นางอยู่ภายใต้การแนะนำของเจ้าทำให้หลิงเยว่มีจิตวิญญาณที่เปรียบได้กับบุรุษ นี่ไม่นับเกินเลยไปจริงจริง!"

 

หยางเสวี่ยฉิงยิ้มบางๆ และกล่าวว่า "พี่ชายไป่ ท่านกล่าวยกยอข้าเกินไป การให้คำแนะนำกับรุ่นเยาว์ของตระกูลเป็นความรับผิดชอบของเสวี่ยฉิง"

 

นางมองไปที่ความตื่นเต้นของหลิงเยว่ และรู้สึกมีความสุขในใจด้วย การเดิมพันของหลงเฉิน นางเคยได้ยินเรื่องนี้มามากแล้วและนางกังวลว่าเขาจะมาที่นี่โดยไม่ทราบว่าอะไรดีสำหรับเขา แต่จากที่ดูแล้วก็เป็นแค่คนขี้ขลาด

"ลักษณะของมันก็ไม่ต่างไปจากพ่อของมันมิมีผิด ใจปราถนาฟ้าร้องกึกก้อง แต่กลับเป็นได้เพียงปลายฝนที่ตกเพียงเล็กน้อย"

 

[TL :  "ฟ้าร้องกึกก้อง แต่ฝนตกเพียงเล็กน้อย" หมายถึง พอเอาเข้าจริงก็ไม่กล้าหรือเก่งแต่ปาก

]

สำหรับบุตรชายสองคนที่อยู่ข้างไปจ้านซ่ง หยางเสวี่ยฉิงพอใจกับพวกเขามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุตรชายคนโตอย่าง ไป่ฉวี่ฉื่อ เขาแสดงความสุภาพต่อนางเสมอ และสำหรับบุตรชายคนเล็ก คิดเรื่องนั้นดวงตาของหยางเสวี่ยฉิงก็สาดประกาย

 

"ถ้าข้ารู้ว่าใครเป็นคนที่ใช้วิธีการโหดร้ายเช่นนี้ แน่นอนข้าจะทำให้แม้แต่ซากศพของมันต้องหายไป!"

 

ในขณะนี้ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางเริ่มหัวเราะเสียงดังและยืนขึ้น เดินช้าๆขึ้นไปที่เวที ทุกคนสามารถมองเห็นผ้าหนังแกะที่ผูกมัดไว้ในมือของเขา นี่ย่อมเป็นทักษะ [ตราประทับมังกร]

 

กลุ่มเล็ก ๆ บางกลุ่มไม่สามารถช่วยได้ ได้แต่รู้สึกอิจฉา

 

ผู้ก่อตั้งตระกูลหยางมองหยางหลิงเยว่ด้วยความใจดีและกล่าวว่า "เสี่ยวเยว่เอ๋อร์ วันนี้เจ้าได้กลายเป็นผู้ชนะแล้ว ตอนนี้ข้า ปู่ของเจ้าในฐานะผู้นำตระกูลจะมอบ ทักษะ[ตราประทับมังกร] นี้ให้กับเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะขยันหมั่นเพียรและก้าวเข้าสู่ขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 7 ได้โดยเร็ว เพื่อความรุ่งโรจน์ของตระกูลหยางที่ยิ่งใหญ่ของเรา! "

 

"ค่ะ เยว่เอ๋อร์ขอบคุณท่านปู่เช่นเดียวกับผู้อาวุโสทุกท่านที่มาร่วมงาน!"

 

สิ่งที่นางปรารถนา ในที่สุดก็ลงมาอยู่ต่อหน้านาง หยางหลิงเยว่รู้สึกกระตือรือร้นอย่างมาก

 

นอกเวทีหยางหลิงฉิงกำลังมองไปที่ฉากนี้และมีอาการขมขื่นในใจเพราะนั่นเป็นสิ่งที่นางปราถนาเป็นระยะเวลานาน

 

"คราวนี้ไม่สามารถรับ[ตราประทับมังกร] ได้ ข้าก็เพียงเเต่ทำได้เเต่ทนฝึกฝนให้มากขึ้นเพียงเท่านั้นและตัดผ่านขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 6 ด้วยวิธีนี้ข้าอาจจะยังมีโอกาสอยู่"

 

ทันใดนั้น นางรู้สึกถึงแรงตบเบา ๆ บนหลังของนาง หยางหลิงฉิงคิดว่าเป็นเพียงพี่น้องคนอื่นๆ แต่หลังจากหันกลับไปและได้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

 

"เจ้า......เจ้ากลับมาจริงๆ?"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด