บทที่ 4 พรสวรรค์หวนคืน(ฟรี)
บทที่ 4
พรสวรรค์หวนคืน
หลี่ฟู่เฉินเปิดเปลือกตาขึ้น เขากล่าวอย่างไม่แย่แสว่า “หลี่หยุ่นเหอ มันคงจะเป็นวันที่สำราญใจสำหรับเจ้าสินะ”
หลี่ฟู่เฉินไม่ได้เห็นหลี่หยุ่นเหออยู่ในสายตาของเขา แม้ว่าหลี่หยุ่นเหอจะอยู่ในขอบเขตพลังลมปราณขั้นที่ห้าก็ตาม ความแข็งแกร่งไม่ใช่เพียงแค่สิ่งเดียวที่ใช้วัดผลการบ่มเพาะของคนๆ หนึ่ง ประสาทสัมผัสในการต่อสู้ต่างหาก ที่ทำให้สามารถทำให้เอาชนะผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย
“หยุดไร้สาระ! จับดาบเจ้าขึ้นมาซะ!” หลี่หยุ่นเหอกล่าวพร้อมกับแกว่งดาบเหล็กของเขา
“ตามที่เจ้าปรารถนา”
หลี่ฟู่เฉินไปถึงสนามซ้อม และก็ยืนห่างจากหลี่หยุ่นเหอราว 5เมตร
“หลี่ฟู่เฉิน เมื่อเร็วๆ นี้ ดาบล่องลอยของข้ามาถึงขั้นเริ่มต้น (ยังไม่บรรลุผลย่อย) ข้าคงต้องให้เจ้าเป็นหนูทดลองแล้ว” ทันใดนั้น ดาบเหล็กของหลี่หยุ่นเหอ ก็พุ่งตรงมาหาหลี่ฟู่เฉิน พลิ้วประดุจสายน้ำ
เมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว หลี่ฟู่เฉิน คงไม่สามารถต้านทานดาบลอยล่องของหลี่หยุ่นเหอได้
แต่ตอนนี้ในสายตาของหลี่ฟู่เฉิน รูปแบบดาบของหลี่หยุ่นเหอนั้นเต็มไปด้วยช่องว่าง
พร้อมกับดาบที่กวัดแกว่งมา หลี่ฟู่เฉินหลบหลีกดาบเหล็กได้อย่างง่ายดาย
“เจ้ากล้าดียังไง” หลี่หยุ่นเหอคลั่ง และเริ่มเร่งความเร็วดาบขึ้น
แม้ว่าความเร็วดาบของเขาจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถโจมตีหลี่ฟู่เฉินได้ ราวกับว่าเขากำลังฟาดฟันใส่สายลม แสดงประกายเจิดจรัสที่เต็มไปออกมาจากวิชา
“เป็นไปได้อย่างไร?”
หลี่หยุ่นเหอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เขาเค้นพลังลมปราณ และส่งดาบลอยล่องพุ่งออกไปสุดกำลัง
แต่ทุกอย่างมันช่างสูญเปล่า
“หลี่หยุ่นเหอ ถึงตาข้าบ้างแล้ว”
หลังจากพูดจบ ในฉับพลัน ดาบเหล็กก็ถูกดึงออกมาจากเอวของเขา
เคร๊ง!!!
ดาบของหลี่หยุ่นเหอหลุดออกจากมือ
อ๊อก!
โลหิตสดๆ พุ่งออกมา หลี่หยุ่นเหอถอยครูดอย่างเร็ว อาภรณ์บนแผ่นอกเขาขาดกระจัดกระจายออก มีรอยฝ่ามือประทับอยู่ด้านบน
“หลี่หยุ่นเหอพ่ายแพ้?!!!”
ที่สนามซ้อม ผู้ชมทั้งหมดต่างประหลาดใจ
“จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร!? เมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว หลี่ฟู่เฉินไม่แม้แต่จะเป็นคู่ต่อสู้ของหลี่หยุ่นเหอ พรสวรรค์ของเขาหวนคืนกลับมาในช่วงสองสัปดาห์นี้งั้นหรือ?”
“ถึงแม้ว่าพรสวรรค์จะหวนคืนมา แต่การใช้เวลาแค่ครึ่งเดือน เพื่อชนะหลี่หยุ่นเหอได้นั้น มันไม่ดูเกินจริงไปหน่อยเหรอ?”ความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ อยู่ในใจของทุกคน ทุกอย่างช่างดูน่าเหลือเชื่อ
“หลี่หยุ่นเหอ ในอดีตเจ้าก็ไม่เคยทัดเทียมข้าได้ แม้แต่กระทั่งตอนนี้เองก็ตาม ข้าหวังว่าเจ้าจะปรับปรุง”
หลี่ฟู่เฉินใส่ดาบกลับเข้าไปในฝัก หมุนตัวกลับแล้วก็จากไป ไม่นานนัก หลังจากหลี่ฟูเฉินจากไปตระกูลหลี่ก็กลายเป็นเดือดพล่าน
***
“ฟู่เฉิน พรสวรรค์ของเจ้าหวนคืนกลับมาดั่งเดิมแล้ว?”ที่โต๊ะอาหาร น้ำเสียงของหลี่เทียนฮั่นสั่นเครือ เฉินยู่หยาง แม่ของเขามองไปที่หลี่ฟู่เฉินด้วยแววตาอันอบอุ่น
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พลังของข้าได้ฟื้นคืนกลับมาแล้ว เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ข้าวางแผนทำให้ท่านประหลาดใจ” หลี่ฟู่เฉินยอมรับอย่างใจจริง
“เจ้าเด็กโง่ ถ้าพลังยุทธ์เจ้ากลับมาทำไมถึงไม่พูดให้มันเร็วกว่านี้?” เมื่อเห็นหลี่ฟู่เฉินสารภาพ หลี่เทียนฮั่นกลายเป็นประหลาดใจ
“ฮ่าฮ่า! ในที่สุดสวรรค์ก็ไม่ละทิ้งเจ้าหรือแม้แต่ข้า หลี่เทียนฮั่น”
หลี่เทียนฮั่นหัวเราะอย่างเต็มกำลัง เมื่อภาระในใจของเขาหมดลงไปแล้ว
เขาอยู่ในสถานะเช่นเดียวกับหลี่ฟูเฉิน ที่ถูกกดขี่ แต่ก็ไม่มีใครที่จะแบ่งเบาเรื่องนี้ได้
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้นำตระกูลหลี่ และมีตำแหน่งสูงส่ง แต่ในเมืองหยุ่นวู่ ตระกูลหลี่ของพวกเขาเสื่อถอยลงทุกวัน ไม่เพียงแต่พวกเขาจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังโดยตระกูลหยาง แม้แต่กระทั่งตระกูลกวนเองก็ยังแซงหน้าพวกเขาขึ้นไปแล้ว
เดิมที หลี่หยุ่นไห่และหลี่ฟู่เฉินเป็นความหวังของตระกูลหลี่ พวกเขามีโอกาสสูงที่จะเป็นศิษย์ของสำนักนิกายคังเหลียน เมื่อพวกเขาทั้งสองประสบความสำเร็จ ตระกูลหลี่ก็จะมีโอกาสกลับไปยืนอยู่จุดสูงสุด อย่างน้อยพวกเขาก็จะไม่อยู่ในสถานะถดถอยดังเช่นทุกวันนี้
เมื่อย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ แม้ไม่ได้เป็นภาระให้กับตระกูล แต่พ่อคนไหนเล่า ที่จะไม่คาดหวังเรื่องอนาคตของลูก
ใครจะคาดคิด ว่าความสามารถของหลี่ฟุ่เฉินจะหายไปอย่างไร้เหตุผล และไม่มีวิธีใดที่จะนำฟื้นคืนมาได้ แม้ภายนอกเขาจะดูสงบ แต่ในใจนั้นว้าวุ่นอยู่เสมอ แต่ตอนนี้ ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมแล้ว
“โอ้ ใช่แล้ว ฟู่เฉิน เจ้าเอาชนะหลี่หยุ่นเหอได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าไม่ได้ฝึกฝนในปีที่ผ่านมา?” เฉินยู่หยางถาม
หลี่ฟูเฉินเตรียมคำกล่าวของเขาไว้ก่อนแล้ว“ในปีที่ผ่านมา ข้าพยายามฝึกฝนทุกวันและทุกๆวันก็ไม่มีอะไรนอกจากความเจ็บปวด เมื่อวิชายุทธ์ของข้าฟื้นคืนมา ข้าเองก็ตระหนักได้ว่า สมาธิของข้าดีขึ้นกว่าเดิมสิบเท่า ดังนั้นทักษะดาบของข้าจึงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว”
“นี้เป็นสิ่งที่น่ายินดีและก็เป็นคำสาปไปพร้อมๆกันในการที่ฟู่เฉินไม่สามารถฝึกฝนได้ทั้งปีนี้ เจ้าต้องมุ่งมั่นและฝ่าอุปสรรคที่ขว้างอยู่ไปให้ได้ เพราะในตอนนี้เจ้าสามารถฝึกฝนได้โดยการใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียวเพื่อสำเร็จผล” หลี่เทียนฮั่นให้เหตุผลที่เป็นธรรมโดยไม่ต้องสงสัย
เฉินยู่หยางรู้สึกท่วมท้น เธอรู้สึกว่าโลกเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ที่ยากจะอธิบายได้ บรรยากาศของค่ำคืนนี้และเป็นครั้งแรกของปีนี้ ที่โต๊ะอาหารล้วนมีความสุขยิ่ง
***
แต่บรรยากาศในการทานอาหารเย็นของครอบครัวอื่นดูเหมือนจะค่อนข้างหดหู่ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว
“หยุ่นเหอเล่าให้ข้าฟังสิ ว่าเกิดอะไรขึ้น?” หลี่ตี๋เชียนถามหลี่หยุ่นเหอ
หลี่หยุ่นเหอยังรู้สึกคล้ายกับแตกสลาย ได้แต่พึมพำว่า “ข้าไม่รู้.. ข้าไม่รู้จริงๆ…...”
เมื่อมองดูสถานะปัจจุบันของหลี่หยุ่นเหอ พี่ชายของเขาหลี่หยุ่นไห่ ส่งเสียงฮึดฮัด “ข้าเตือนเจ้าแล้ว รูปแบบดาบของเจ้ามีช่องว่างมากเกินไป และพื้นฐานเองก็ยังไม่ขนัดแน่น มันเป็นเพียงแค่หลี่ฟูเฉินเท่านั้น แต่เจ้าก็ยังถูกมันจัดการลงไปได้ เจ้ามันช่างน่าสังเวช”
“พอแล้วหยุ่นไฮ่ เจ้ายังคงเป็นพี่ชายของเขา ปราณีเขาบ้าง” แม่ของทั้งสองคนตวาดใส่หลี่หยุ่นไห่
“หากเจ้ารับไม่ได้กับความล้มเหลวเพียงเล็กน้อยนี้ เจ้าจะประสบความสำเร็จในครั้งต่อไปอย่างไร”
หลี่ตี้เชียนไม่พอใจกับผลงานของหลี่หยุ่นเหอเขาแข่งขันกับหลี่เทียนฮั่นมาหลายปีแล้ว และเขามักเป็นผู้ที่ด้อยกว่าเสมอ
แม้แต่ตำแหน่งผู้ปกครองก็ถูกพรากไปจากเขา เรื่องนี้ทำให้เขาคาดหวังอย่างมากจากลูกชายของเขา คนโตของเขาเป็นอัจฉริยะของตระกูล มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะไปเป็นลูกศิษย์สำนักคังเหลียน และคนเล็กสุดของเขาก็พัฒนาได้ดีเช่นกันในปีนี้ แต่การต่อสู้ของเขาในวันนี้ มันช่างหน้าผิดหวังเสียจริง
เมื่อเห็นว่าพ่อของเขาอารมณ์เสีย หลี่หยุ่นไห่กล่าวขึ้น“ท่านพ่อ โปรดทำใจให้สบาย เมื่อมีโอกาส ข้าจะช่วยท่านสั่งสอนหลี่ฟู่เฉินให้เอง”
เขาไม่เคยเห็นหลี่ฟู่เฉินอยู่ในสายตา แม้แต่กระทั้งเมื่อหนึ่งปีก่อนา เขาก็ไม่ได้คิดว่าพรสวรรค์ของหลี่ฟู่เฉินจะดีกว่าเขา
***
แฮ่ก….แฮ่ก…
ลมหายใจของหลี่ฟูเฉินหอบเหนื่อย ทุกลมหายใจมีแสงสีแดงเรื่อเรืองรอง สีเปล่งประกายอยู่รอบท้องของเขา
ปีที่แล้วหลี่ฟูเฉินอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นที่สี่ของขอบเขตพลังลมปราณ ถ้าเขาไม่ได้ล่าช้าไปนานกว่าหนึ่งปี การที่เขาเอื้อมถึงระดับสูงสุดของขั้นที่ที่ห้าของขอบเขตพลังลมปราณก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้
เพื่อชดเชยเวลาที่สูญไปกว่าหนึ่งปี มันไม่เรื่องง่ายๆ
หลี่ฟู่เฉินให้ความสำคัญในการที่จะทะลวงวิชาหยกแดงอันดับไปยังระดับห้าเป็นหลัก เพื่อที่จะเร่งการฝึกฝนของเขาขึ้น วิสัยทัศน์ในสายตาของเขานั้น เขาปรารถนาที่จะทะลวงไปสู่อันดับที่เจ็ดของเทคนิคหยกแดงให้ได้โดยเร็ว
ลึกลงไปไปในจิตใจของเขา ขณะที่หลี่ฟู่เฉินกำลังบ่มเพาะลมปราณ…ภายในดวงจิตวิญญาณสีเขียวจางๆ มีริ้วสีเขียวราวกับว่าเป็นเส้นบางอย่าง กำลังถักทอตัวเองอยู่รอบๆเครื่องรางทองคำ
***
กลางดึกในคืนนั้น
ประกายสีแดงเรื่อเรืองรองบนหน้าท้องของหลี่ฟู่เฉินพุ่งพวยออกมาโดยฉับพลัน! ภายในร่างกายของเขา พลังลมปราณได้แยกเส้นสีแดงออกเป็นทั้งหมดสี่เส้น เป็นตามเทคนิคหยกแดงขั้นที่สี่ สิ่งที่ต้องทำคือแยกแสงออกจากกัน
หนึ่งเส้นวง สองเส้นวง… ..
พลังลมปราณปลดปล่อยเส้นทั้งหมด5เส้น ทำให้การไหลเวียนพลังลมปราณของ
หลี่ฟูเฉินไหลไปสู่เส้นโคจรที่สลับซับซ้อน
“เทคนิคหยกแดงขั้นที่ห้า !”
หลี่ฟูเฉินถอนลมหายใจ เขาลืมตาขึ้น ความดีใจฉายอยู่บนใบหน้าของเขา
การก้าวไปสู่ขั้นที่สูงขึ้นในเทคนิควิชาต่างๆ จะช่วยเร่งการฝึกบ่มเพาะของเขาได้มาก ในเวลาเดียวกัน พลังลมปราณของเขาก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น
…………………….