DBWG ตอนที่ 8 เดิมพัน
"ทักษะหมัดดาวตก...?"
มองไปที่หมัดนี้ซึ่งคล้ายกับดาวตก หลงเฉินยังคงสงบและหัวเราะในใจ
"ข้าไม่รู้ว่าการก่อปัญหาครั้งนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างกับข้า เเต่หลังจากที่สตรีคนนั้นรับรู้เข้า นางจะมองข้าต่างจากเดิมหรือไม่? ข้าอยากให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ..."
หลงเฉินรู้ดีว่าในสายตาของหยางเสวี่ยฉิงเห็นเขาเป็นคนอย่างไร เเละเขาต้องการให้นางเปลี่ยนเเปลงลักษณะท่าทีที่เคยปฏิบัติต่อเขา
"ไอ้ขยะนั่น ภายใต้ทักษะหมัดดาวตกของพี่ชายหยางจ้าน มันคงกำลังหวาดกลัวอยู่เป็นเเน่"
ได้ยินคำพูดดังกล่าวหลงเฉินปลดปล่อยเสียงหัวเราะและมองไปที่หยางจ้าน
"ทักษะหมัดดาวตก? หากเป็นทักษะอื่นก็พอว่า เเต่ถ้าเป็นทักษะนี้ข้ารู้ดีกว่าเจ้านับหมื่นเท่า!"
สิ่งที่หลงเฉินตั้งใจไว้คือใช้หมัดพยัคฒ์เหี้ยมสู้กับหมัดพยัคฒ์เหี้ยม และใช้หมัดดาวตกสู้กับหมัดดาวตก เพื่อกำราบหยางจ้านโดยสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ จากนี้หลงเฉินจะกลายเป็นบาดแผลในจิตใจของหยางจ้าน ซึ่งทำให้มันทุกข์ทรมาณจากความเจ็บปวดไปชั่วชีวิต
แสงดาวระเบิดออกมา และภายใต้การสนับสนุนจากทักษะแก่นแท้สวรรค์ หมัดดาวตกมีความสามารถในการต่อสู้ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน ปะทะเข้ากับหมัดดาวตกของหยางจ้าน แต่สิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่หายใจติดขัดก็คือหยางจ้านได้ถอยหลังไปพร้อมกระอักเลือดก้อนโตออกมาและล้มลงบนพื้น ในขณะที่หลงเฉินได้กระโดดเข้าไปแล้วใช้มือข้างหนึ่งกระชากคอเสื้อของมัน และยกร่างมันขึ้นมา
เหล่าพี่น้องตระกูลหยาง ภายใต้การจ้องมองของหลงเฉินพวกมันได้ถอยกลับไปหลายก้าวและใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
"เขาใช้หมัดดาวตก และเอาชนะพี่ชายหยางจ้านผู้ซึ่งอยู่ในขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 4 นี่มันเป็นไปไม่ได้..."
"พี่ชายหยางจ้านมีพลังในการต่อสู้ที่เเข็งเเกร่ง เเต่ไอ้ขยะนี่... เป็นไปได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้เราไม่ได้เห็นอย่างชัดเจน คนผู้นี้ต้องใช้เล่ห์กลบางอย่างแน่นอน!"
"แย่แล้ว ดูเหมือนว่ามันกำลังจะลงมือต่อพี่ชายหยางจ้าน!"
ฝูงชนจ้องมองอย่างหืดกระหอบ เพียงเห็นหลงเฉินจับหยางจ้านด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างหนึ่งกลายเป็นกำปั้น และจ้องมองอย่างเย็นชาไปที่หยางจ้าน
ณ จุดๆนี้ หยางจ้านมีเลือดกลบเต็มปาก ดวงตาของมันเเลดุจไร้วิญญาณ เเม้อาการบาดเจ็บจะไม่สาหัสเท่าไหร่ เเน่นอนว่ามันยังคงมีสติอยู่
"เจ้าเห็นหรือไม่? ตอนนี้ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า ขยะไร้ประโยชน์ที่เจ้ากล่าวหาข้าจะดีกว่าถ้าข้ามอบมันกลับให้เจ้า อย่างไรก็ตาม หยางจ้าน ความอัปยศที่เจ้าได้มอบแก่ข้าก่อนหน้านี้ ไม่ใช่สิ่งเล็กน้อยเพียงแค่นี้เท่านั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปหลังจากนี้คือ เจ้าต้องจ่ายราคาของความอัปยศที่เจ้าได้มอบแก่ข้าไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของเจ้า และทุกครั้งมันจะเลวร้ายยิ่งทวีคูณขึ้นเจ้าต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้ดีสำหรับเรื่องนี้..."
"สารเลว..."
หยางจ้านกระอักเลือดออกมา มองไปยังหลงเฉินที่ยิ้มอย่างมีความสุขมาที่มัน ภายใต้ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารอันรุนแรงที่ปลดปล่อยออกมา ทันใดนั้นมันค้นพบว่าคนที่อยู่เบื้องหน้ามันตอนนี้ ไม่ใช่คนที่มันเคยข่มเหงและรังแกมาก่อนหน้านี้ ลึกลงไปแล้วมันหวาดกลัวอย่างแท้จริง ทำให้มันสั่นสะท้านด้วยความกลัว
"เจ้ากำลังกลัว?"
นี่เป็นผลลัพธ์ที่หลงเฉินต้องการ แต่ความเกลียดชังในใจเขา ไม่สามารถแก้ไขได้โดยเพียงแค่หมัดเดียวจากทักษะหมัดดาวตก ในหลายปีที่ผ่านมาความทุกข์ทรมาณที่เขาได้รับจากหยางจ้านไม่สามารถลบล้างได้โดยง่าย
เขาหัวเราะดังลั่นและในขณะที่เขาเตรียมจะจัดการมันอีกหลายครั้งเพื่อระบายความเกลียดชังที่ฝังลึกลงไปในใจ ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนอันดุดันมาหยุดเขาไว้
"หยุดเดี๋ยวนี้!"
หลงเฉินไม่จำเป็นต้องหันกลับไปมองเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร พี่สาวของหยางจ้าน คนที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 2 ของคนรุ่นใหม่ บุตรสาวของท่านลุงใหญ่ นางคือหยางหลิงเยว่ผู้หยิ่งผยอง
ในตอนนี้หยางหลิงเยว่รีบพุ่งมาข้างหน้า ด้านหลังนางเป็นบุรุษสองคน หนึ่งในนั้นเป็นบุรุษที่อยู่กับนางในวันนั้น
บุรุษอีกคนมีอายุใกล้เคียงกับหลงเฉิน บุรุษทั้งสองมีหน้าตาที่คล้ายกัน
ทั้งสองคนนี้เป็บบุตรชายของไป่จ้านซ่งแห่งตระกูลไป่
หลงเฉินให้ความสนใจเล็กน้อยกับบุตรชายคนเล็กของไป่จ้านซ่ง คนผู้นี้นามว่า 'ไป่ฉวี่ชิง' มันเคยไปเรือนหยกเขียวมรกต และใช้ประโยชน์จากระดับพลังของมันข่มเหงหลงเฉินหลายครั้งในอดีต
เมื่อมาถึงจุดนี้ไป่ฉวี่ชิงมองเห็นหลงเฉินเอาชนะหยางจ้านได้ ทำให้มันเกิดความรู้สึกไม่สบายใจและถอยหลังไปหลบอยู่หลังบุรุษอีกคน ซึ่งเป็นพี่ชายของมัน
"ไอ้ขี้ขลาด!"
หลงเฉินหัวเราะดังสนั่น และหันความสนใจกลับไปที่หยางหลิงเยว่
"การใช้สายตารังเกียจจ้องมองมาที่ข้าเช่นนั้น เป็นไปได้ว่าหยางหลิงเยว่ผู้นี้ต้องการให้ข้าตายมากที่สุด" หลงเฉินคิดและแสยะยิ้มที่มุมปาก
มองไปที่หยางหลิงเยว่ผู้กำลังรับเร่งเข้ามา มือขวาของหลงเฉินก็พลันเคลื่อนไหว อาภรณ์เสื้อผ้าทั้งหมดของหยางจ้านถูกฉีกขาดไปแล้ว และในขณะนี้หยางจ้านผู้เปลือยเปล่าได้ถูกหยางเฉินโยนออกไป ลอยไปทางหยางหลิงเยว่
ด้วยการกระทำนี้ของหลงเฉิน ทำให้ชั่วขณะนั้นมีเสียงกรีดร้องของเหล่าสตรีมากมาย พวกนางหันหลังและหลบหน้าหนีไป ในขณะที่หยางหลิงเยว่มองเห็นร่างผิวขาวถูกโยนมาทางนาง ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อและขาทั้งสองข้างกลายเป็นอ่อนแรง ด้วยการกระทำเช่นนี้นางยังคงหลงเหลือความกล้าที่จะโจมตีหลงเฉิน?
โชคดีที่บุรุษที่อยู่ด้านหลังนางไหวตัวทันและรีบวิ่งมาข้างหน้านาง จากนั้นก็คว้าตัวหยางจ้านไหวแล้วพยายามจะมอบเสื้อคลุมให้หยางจ้าน ในเวลานั้นหยางจ้านก็ได้ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และส่งเสียงร้องดังลั่นออกมากระทันหัน ฉวยโอกาสนั้นวิ่งหนีไปพร้อมกับแก้มก้นทั้งสองข้างของมันแกว่งไปมา นี่เป็นภาพที่น่าอดสู่เป็นอย่างมาก
"หยางจ้านบุรุษร่างสูงใหญ่ ไม่เคยคิดเลยว่าก้นของเขาจะอ่อนนุ่มมาก นี่คุ้มค่าแก่การยกย่องอย่างแท้จริง ข้าคิดว่าแม้เขาจะไม่ได้ฝึกฝนบ่มเพาะในอนาคต เขาสามารถหางานทำได้ไม่ยากเย็นอะไร"
หลงเฉินหัวเราะเสียงดัง และหลังจากฝูงชนได้ยินคำพูดของเขาแล้ว หูของพวกมันก็กลายเป็นแดงและตะโกนด่าว่าเขาเป็นคนไร้ยางอาย
สำหรับท่าทางสง่างามตามปกติของหยางหลิงเยว่ ตอนนี้โดนหลงเฉินทำลายอย่างสิ้นเชิงโดยไม่เหลือไม่แต่จุดเดียว นางเกือบจะล้มลงก่อนหน้านี้ เมื่อมาถึงจุดที่หยางจ้านหลบหนีไป นางได้ประเมินหลงเฉินอีกครั้งหนึ่ง เบื้องหลังการจ้องมองอย่างสุภาพเรียบร้อยของนาง จิตสังหารของนางได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"หยางเฉิน เจ้าไม่เพียงแต่ฝ่าฝืนกฎตระกูลหยางโดยการโจมตีพี่น้องของเจ้า เจ้ายังกระทำการไร้ยางอายเช่นนี้ซึ่งยากจะอธิบายได้ ในฐานะที่ข้าเป็นพี่สาวของเจ้าวันนี้ ข้าจะต้องสั่งสอนเจ้า!"
มันยากที่จะจินตนาการว่าหยางหลิงเยว่ผู้รักษาภาพลักษณ์ของพี่สาวผู้ลึกลับอยู่เสมอ จะโกรธจนถึงจุดที่คนทั้งสองด้านหลังนางไม่สามารถหยุดยั้งนางได้
"วันนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการฝึกซ้อม แล้วความวุ่นวายใหญ่โตก็ได้เกิดขึ้น ถ้าข้า หลงเฉินได้ทำอะไรบางอย่างและทำร้ายผู้บริสุทธิ์ โดยปกติ เหล่าพี่น้องตระกูลหยางได้ข่มเหงและทุบตีข้า ไม่ปฏิบัติกับข้าแม้ในฐานะมนุษย์ ข้าก็ไม่เคยเห็นผู้ใดก้าวขึ้นมาช่วยข้าเลย!!"
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ แววตาของหลงเฉินสะท้อนความโกรธ และไม่แสดงความหวาดกลัวต่อหยางหลิงเยว่แม้แต่น้อย
"สิ่งที่ท่านพ่อบอกถูกต้องอย่างแท้จริง คนที่ไร้ความแข็งแกร่งจะเปรียบได้กับสุนัข วันนี้เหตุผลที่นางสามารถดุด่าข้าได้เป็นเพราะความแข็งแกร่งของข้ายังมีไม่พอ วันนี้ข้าสามารถเอาชนะหยางจ้านได้ ต่อไปข้าก็คงสามารถเอาชนะนางได้!"
หลงเฉินถอยหลังไปหลายก้าวและกล่าวอย่างเย็นชาว่า "หยางหลิงเยว่ ถ้าเจ้าตาไม่บอด ก็เห็นได้ชัดว่าหยางจ้านมาที่นี่ในตอนเช้าเพื่อมาสร้างปัญหาให้กับข้าและข่มขู่ข้า ทุกคนรู้เรื่องนี้กันทั้งนั้น แต่พวกมันหาได้รู้ว่าข้าได้ฝึกฝนบ่มเพาะแล้ว ข้าก็เเค่ทุบตีเขา เเต่ถึงอย่างนั้นเจ้ากลับใส่ความข้าฝ่ายเดียว สำหรับเจ้าด้วยสถานะพี่สาวคนโตเจ้ามีเจตนาอะไร เจ้ากำลังจะลงโทษข้าเพราะความแค้นส่วนตัวที่ข้าได้เหยียดหยามสถานะพี่สาวคนโตของเจ้า?"
หลังจากที่หลงเฉินได้กล่าวออกมา จากนั้นหยางหลิงเยว่ที่ขุ่นเคืองก็สงบลง นางหายใจเข้าลึก ๆ และคิดถึงแขกที่ยังคงอยู่เบื้องหลังนาง นางก็จัดการกับอารมณ์ความรู้สึกในปัจจุบันของนาง จากนั้นนางก็เดินไปตรงหน้าหลงเฉินและจ้องมองเขาอย่างเย็นชา
แม้ว่าหลงเฉินมีอายุเพียงสิบหกปี แต่ความสูงของเขาสูงกว่าหยางหลิงเยว่มาก
"หยางเฉิน ข้าไม่เคยเห็นเจ้าในด้านดีมาก่อน เเละข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะปกปิดความสามารถของเจ้าอย่างมิดชิดเช่นนี้ เจ้าได้รอเวลาเข้าสู่ขอบเขตพลังที่สามารถเข้าปะทะกับขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 4 ได้ก่อนที่จะเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจ้า แต่พวกเรา เหล่าพี่น้องตระกูลหยาง ทำไมเราต้องมาทำอะไรเช่นนี้ หรือว่าเจ้ามีเจตนาแอบแฝง? "
"โอ้ ดี เจ้าได้ทุบตีหยางจ้านและสร้างความอับอายให้แก่เขาเช่นเดียวกัน แต่ลุงสองและป้าสาม พวกเขาจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไป และแม้ว่าข้าจะไม่ลงโทษเจ้าในวันนี้ ก็ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าที่จะหนีการลงโทษ"
หลงเฉินหัวเราะและกล่าวว่า "แล้วข้าจะรอคอย เรามาดูกัน ข้าคิดว่าเจ้าควรรีบไปจะดีกว่า คนรักทั้งสองข้างหลังเจ้ากำลังรอเจ้าอยู่"
คำพูดดังกล่าวของหลงเฉินที่พูดต่อหน้าทุกคนตอนนี้เป็นจุดประสงค์ร้ายของเขา
บุรุษหนุ่มคนแรกที่อยู่ข้างหลังนางมีความรู้สึกที่ดีกับหยางหลิงเยว่ ทุกคนต่างรู้เรื่องนี้ แต่บุรุษอีกคนเป็นน้องชายของเขา แต่ในขณะที่ทั้งคู่อยู่ข้างหลังหยางหลิงเยว่ และหลงเฉินก็ได้กล่าวว่าคนรักทั้งสองทำให้ทุกคนเกิดความคิดไปต่างๆนานา และความหมายแอบแฝงนี้ก็บ่งบอกถึงความหลายใจของหยางหลิงเยว่
ไม่ว่าหยางหลิงเยว่จะจัดการอารมณ์ของนางได้ดีแค่ไหน แต่ในขณะนี้นางก็โกรธมาก นางส่งมือข้างหนึ่งพุ่งเข้าปะทะหลงเฉินแล้วความแข็งแกร่งของนางในขั้นที่ 6 ของขอบเขตพลังชีพจรมังกรก็ได้ถูกนำมาใช้ ราวกับว่ามีภูเขาปะทะกับเขา หลงเฉินพบว่ามันยากที่จะสูดลมหายใจและแม้ว่าเขาจะได้ฝึกฝน ทักษะแก่นแท้สวรรค์ แต่กล้ามเนื้อของเขาก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
"นางไม่ได้โจมตีข้าเลย แต่มันก็เจ็บปวดแล้ว ความแข็งแกร่งของหยางหลิงเยว่ได้เกินความคาดหมายของข้า ตอนนี้ข้าไม่มีโอกาสแม้แต่นิดเดียวเมื่ออยู่ต่อหน้านาง!"
เมื่อถึงจุดนี้มีมือข้างหนึ่งยื่นออกไปข้างหน้าและยับยั้งหยางหลิงเยว่ไว้ บังคับให้นางต้องปล่อยมือจากหลงเฉิน
หลงเฉินคิดว่าเขาจะถูกทำร้ายแล้ว ไม่เคยคาดหวังว่าจะมีใครมาปกป้องเขาจริงๆ มองลงไปคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือหยางหลิงฉิง? เป็นนาง?
หลังจากที่ข้าทำให้พี่ชายของนางได้รับบาดเจ็บ แต่ตอนนี้นางกลับมาอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเขา โลกนี้ช่างแปลกจริงๆ
หยางหลิงฉิงรวบผมหางม้าและสวมชุดนักสู้สีฟ้าอ่อน ความกล้าหาญของนางและความงดงามของนางไม่น้อยไปกว่าหยางหลิงเยว่
เห็นได้ชัดว่าเป็นหยางหลิงฉิงจริงๆ หยางหลิงเยว่กล่าวถามอย่างเร่งรีบว่า :"น้องสาวฉิงเจ้ากำลังทำอะไร? คนผู้นี้ได้ทำร้ายพี่ชายของเจ้า เเละข้ากำลังจะลงโทษเขา"
หยางหลิงฉิงขอโทษและกล่าวว่า "พี่สาวเยว่ ข้ารู้ แต่ท่านพ่อและท่านลุงใหญ่ของข้าต้องการให้ข้าพาเขาไปหาพวกเขา ดังนั้นข้าจึงต้องทำหน้าที่ของข้าเป็นอันดับแรก ขออภัย”
ได้ยินดังนั้น หยางหลิงเยว่จ้องมองที่หลงเฉินและกล่าวอย่างเย็นชาว่า "เจ้ากำลังจะถูกลงโทษในเร็ว ๆนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถเดินออกมาจากบทลงโทษทั้งยังมีชีวิตอยู่ได้ ถ้าเจ้าทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจะไม่ทำให้เจ้ามีชีวิตที่ดี!"
หลงเฉินย่นจมูกของเขาแล้วกล่าว "แม้ว่าเจ้าจะมีเวลามากพอที่ให้บทลงโทษกับข้า แต่ข้าก็ไม่มีเวลาที่จะต้องมากังวลเรื่องนี้ ให้ข้าเสนอบางอย่างกับเจ้า เราจะจบเรื่องราวทั้งหมดในครั้งนี้ เจ้าว่าอย่างไร?"
หยางหลิงเยว่ขมวดคิ้วและกล่าวว่า: "เจ้าพยายามที่จะทำอะไร?"
"การแข่งขันภายในตระกูล ยังคงเหลือเวลาครึ่งเดือน ตอนนั้นข้าก็จะเข้าร่วมด้วย ความบาดหมางของเราจะสิ้นสุดในเวลาครึ่งเดือนนี้ เจ้ากล้าหรือไม่?"
หลงเฉินกล่าวประโยคนี้ทำให้เกิดความสนใจและการแสดงความคิดเห็นไปต่างๆของผู้คน
"เจ้าคนโง่เขลาผู้นี้พูดเรื่องตลกอันใด? ด้วยขั้นที่ 3 ของขอบเขตพลังชีพจรมังกรแต่เขาต้องการที่จะเอาชนะพี่สาวหลิงเยว่ในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนี้? เขากำลังเพ้อฝันหรือไม่"
"ไม่ดีแน่ นี่จะต้องเป็นอุบาย คนผู้นี้กำลังใช้กลยุทธ์ถ่วงเวลา ในเวลาครึ่งเดือนข้ากลัวว่าพวกเราจะไม่อาจรู้ได้ว่าเขาจะมีเเผนอะไรบ้าง!"
หยางหลิงเยว่มองอย่างสงสัยไปที่หลงเฉิน นางหัวเราะพร้อมกล่าวว่า: "อาจจะเป็นเพราะความก้าวหน้าล่าสุดของเจ้า ซึ่งเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก ดังนั้นเจ้าจึงพึงพอใจ การบ่มเพาะ คือการเดินทางที่ยากลำบาก ข้า หยางหลิงเยว่ ได้ดำเนินการเพื่อให้ประสบความสำเร็จถึงในระดับตอนนี้ที่ข้ามี เป็นระยะเวลาถึง 10 ปีของการบ่มเพาะพลัง และเจ้าต้องการเอาชนะระดับของข้าในเวลาเพียงครึ่งเดือน? โอ้ ข้าจะปล่อยให้เจ้าได้ใช้ชีวิตของเจ้าอย่างสงบอีกครึ่งเดือน และในช่วงเวลาของการเเข่งขันภายในตระกูล ข้าจะบดขยี้ความฝันที่โง่เขลาของเจ้าต่อหน้าทุกคน! "
หลังจากกล่าวจบแล้ว นางก็จากไป
อย่างไรก็ตามข่าวเรื่องการต่อสู่ระหว่างหลงเฉิน และ หยางหลิงเยว่ เริ่มกระจายไปทั่วทั้งตระกูลหยาง หลงเฉินกับความหลงละเมอของเขากลายเป็นที่หัวเราะต่อทุกคน
ระหว่างทาง.
หยางหลิงฉิงใช้สายตาที่สงสัยมองหลงเฉิน ในที่สุดก็ไม่สามารถที่จะอดทนได้อีกต่อไปแล้วถาม "นี่ เจ้าสามารถทำมันได้อย่างไร?"
"ทำอะไร?"
หยางหลิงฉิงมองเขาอย่างเคร่งขรึมและกล่าว "ครั้งสุดท้ายที่ข้ารู้คือเจ้าอยู่ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 2 ดังนั้นเจ้าสามารถเอาชนะพี่ชายข้าได้อย่างไร?"
เกี่ยวกับความลับของหยกมังกรลึกลับ หลงชิ่งหลานได้เตือนหลงเฉินหลายครั้งว่าห้ามเปิดเผยมัน ดังนั้นหลงเฉินจึงกล่าว "ที่ผ่านมาข้าไม่ได้อยู่ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 2 มันเป็นเพราะเจ้าไม่ได้สังเกตอย่างชัดเจน"
"เป็นเช่นนั้นหรือ?"
หยางหลิงฉิงเชื่อเขาเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น นางหันกลับไปและเห็นการแสดงออกที่ไม่แยแสของเด็กหนุ่ม และพบว่าเขาได้กลายเป็นคนที่ลึกลับ มันจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะเข้าใจ
หยางหลิงฉิงรู้สึกว่าจิตใจของนางไม่สามารถคิดหาเหตุผลดังกล่าวได้ นางจึงตัดสินใจที่จะไม่คิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป และโดยไม่รู้ตัวพวกเขาได้ไปถึงจุดหมายปลายทาง หยางหลิงฉิงกล่าวอย่างกังวลว่า "ท่านพ่อและท่านลุงใหญ่ของข้าอยู่ด้านใน มีเเต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าจะเกิดสิ่งใดต่อจากนี้ ข้าเองก็ไม่สามารถช่วยเหลือเจ้าได้ ดังนั้นข้าจะไม่เข้าไป เจ้าเองก็คงรู้ดีว่าการกระทำใดที่เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์ในตอนนี้"
หลงเฉินพยักหน้าและกล่าว "หลิงฉิง ขอบคุณที่เจ้าช่วยข้าในวันนี้"
หยางหลิงฉิงตอบว่า "ใครบอกว่าข้ากำลังพยายามช่วยเจ้า เจ้าทำร้ายพี่ชายของข้า อย่างไรก็ตามเจ้าเป็นคนตลกจริงๆ พี่สาวหยางหลิงเยว่อยู่ในขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 6 ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะจับแม้แต่รองเท้าของนางได้ และเจ้ายังคงบอกว่าเจ้าต้องการที่จะเอาชนะนางในเวลาครึ่งเดือน เจ้าไม่กลัวโดนหัวเราะเยาะ?"
หลงเฉินเพียงยิ้มเท่านั้นเขาไม่ปฏิเสธหรือออกความเห็นเเต่อย่างใด