DBWG ตอนที่ 6 ทักษะเเก่นเเท้สวรรค์
สำหรับหลงเฉิน แม้ว่าเสี่ยวฮวางจะเป็นข้ารับใช้ที่ขี้ขลาด แต่มันก็ติดตามเขามาเป็นระยะเวลามากกว่าหกปี เป็นคนที่จงรักภักดีต่อเขา ถ้าหลงเฉินไม่ได้ปรารถนาสิ่งใด เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เสี่ยวฮวางออกไปไหน หลงเฉินไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่ต้องการคิดจะเล่นงานเขา แต่แท้จริงแล้วพวกมันกลับได้ลักพาตัวเสี่ยวฮวางไป เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถทนได้
หลงเฉินรู้ดีว่าครอบครัวของเสี่ยวฮวาง มีบิดามารดาที่กำลังป่วยซึ่งต้องได้รับการดูแล ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเสี่ยวฮวาง หลงเฉินคงจะตำหนิตัวเองอย่างรุนแรงเป็นเเน่!
เขารีบวิ่งออกไปจากที่พักของตระกูลหยางอย่างเร็วที่สุด ความเร็วของเขาดุจสายลมและมุ่งหน้าไปที่โรงเตี๊ยมตะวันลอย!
โรงเตี๊ยมตะวันลอยแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับเรือนหยกเขียวมรกต ซึ่งหลงเฉินรีบก้าวเดินและผู้คนที่เดินตามถนนก็รู้สึกว่ามีลมมรสุมพัดผ่านและไม่ทิ้งเงาใดๆไว้เบื้องหลัง!
เงยหน้าขึ้นมองโคมไฟที่สว่างไสวซึ่งส่องให้เห็นทางในคืนที่มืดมิดได้อย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าหลงเฉินก้าวเดินไปยังโรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว มีผู้คนหลายคนกำลังเดินอยู่ด้วย ดังนั้นหลงเฉินจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลดความเร็วของตน มองไปยังประตูกว้างขวางที่กำลังเข้าใกล้!
ในขณะนั้น ทางด้านซ้ายของถนนมีรถม้าที่กำลังวิ่งมา ซึ่งทำให้ผู้ที่สัญจรผ่านไปต้องหลบและสาปแช่ง แต่รถม้าไม่ได้ตั้งใจที่จะชะลอความเร็วลงแต่อย่างใด เดิมทีหลงเฉินสามารถหลบมันได้อย่างง่ายดาย แต่เพียงชั่วอึดใจนั้น ข้างหลังเขามีเด็กเล็กๆ คนหนึ่งที่กำลังมองไปยังรถมาที่พุ่งมาและเริ่มร้องไห้
รถม้าคันนี้พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงสุด ถ้ามันพุ่งชนเด็กน้อยผู้นี้ มันจะไม่ทิ้งแม้แต่ซากศพไว้เบื้องหลัง หลงเฉินรู้สึกตื่นตระหนก โดยไม่พิจารณาสิ่งอื่นใด เขาได้กระโดดไปหันกอดเด็กเอาไว้แน่น เขาระเบิดปราณฉีออกมาปกคลุมทั่วร่าง ในขณะนี้รถม้าได้พุ่งชนไปที่หลังของหลงเฉิน ส่งให้เขาลอยกระเด็นไปไกล
เสียงดังลั่นได้ยินไปทั่วทั้งถนน ฝูงชนต่างคิดว่าทั้งหลงเฉินและเด็กน้อยต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่พวกเขากลับไม่คาดคิดว่าหลงเฉินจะสามารถเปลี่ยนท่วงท่ากลางอากาศเเละพุ่งลงพื้นได้อย่างปลอดภัย เขาไม่ได้อยู่เพื่อปลอบใจเด็กน้อยคนนั้น ก่อนที่ฝูงชนจะได้เห็นว่าเขาเป็นใคร หลงเฉินก็หายตัวไปทันที เพราะเขายังมีหน้าที่จะต้องรีบไปช่วยเสี่ยวฮวาง
หลังจากผ่านเหตุการณ์ความสับสนวุ่นวาย หลงเฉินต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดที่หลังของเขา และเดินเข้าสู่โรงเตี๊ยมตะวันลอยโดยไม่สนใจสิ่งใด
ขณะที่เดินผ่านประตูเขาแทบจะชนกับใครบางคนที่อยู่ข้างหน้า เขาเงยหน้ามอง มันเป็นเด็กหนุ่มรุ่นเยาว์ที่ทำให้สายตาของตกตะลึง
เด็กหนุ่มคนนี้ดูจะอายุสิบสี่หรือสิบห้าปี ซึ่งค่อนข้างอายุน้อยกว่าหลงเฉิน หลงเฉินมีลักษณะท่าทีที่ดูสุภาพอ่อนโยนมาก แต่เด็กหนุ่มเบื้องหน้าเขาดูสวยงามและมีเสน่ห์เกินไป ถ้าไม่ใช่ลูกกระเดือกที่คอของเขา หลงเฉินแทบจะคิดว่าเขาเป็นหญิงงามที่ปลอมตัวมา
"ท่านเป็นบุรุษหรือสตรี?" เขาไม่สามารถที่จะควบคุมปากของเขาได้ หลงเฉินก็โพล่งออกมา
ได้ยินคำถามของตนเอง แม้แต่หลงเฉินยังรู้สึกอับอาย แต่เด็กหนุ่มพร้อมด้วยหน้าตาประณีตงดงามผู้นี้ไม่โกรธแต่อย่างใด เขามองไปที่หลงเฉินอย่างหนักแน่นแล้วชี้ไปที่ลูกกระเดือกของเขาและกล่าวว่า "ข้าเป็นบุรุษ"
ท่าทางของเขาน่าเกรงขามแม้เเต่เสียงยังไพเราะ หลงเฉินผู้ซึ่งระลึกถึงเสียงเหย้าแหย่ของสตรีจากเรือนหยกเขียวมรกต หลังจากที่ฟังเขาพูด แท้จริงแล้วเขาถูกกระตุ้นความรู้สึกที่อยากจะขบขันออกมา แต่เขาก็ต้องอดกลั้นไว้
เขาเงียบแล้วตำหนิตนเองว่าชั่วร้าย แต่เมื่อคิดได้ว่าชีวิตของเสี่ยวฮวางยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ เขารีบเดินผ่านเด็กหนุ่มแล้วเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมตะวันลอย
"ก่อนหน้านี้ท่านได้ช่วยเหลือเด็กและรักษาชีวิตเขาได้อย่างหวุดหวิด...... "
ด้านหลังหลงเฉิน เด็กหนุ่มพูดขึ้น แต่ไม่คิดว่าหลงเฉินจะรีบวิ่งเข้าไปในโรงเตี๊ยม เขาปิดปากเงียบ สังเกตด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในความเป็นจริงเขาไม่ได้มีความรู้สึกไม่พอใจกับหลงเฉิน เขาคิดว่าการช่วยเหลือของหลงเฉินก่อนหน้านี้เป็นเรื่องที่น่ายกย่อง
"ชายคนนี้คล้ายกับพี่ชายข้า ร่างของเขาข้าสัมผัสได้ถึงแก่นแท้ดารา ลางๆ จากเขาเขาคงจะเคยฝึกทักษะยุทธ์บางอย่างที่มีความสัมพันธ์กับ [ทักษะแก่นแท้สวรรค์] พูดถึงทักษะนี้ข้าเองก็เกือบที่จะหลงลืมมันไปเเล้ว..."
เด็กหนุ่มจ้องมองหลงเฉินหายไปวับขณะที่เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง
เมื่อมาถึงหลงเฉินเห็นฉากที่บังคับให้เขาต้องรีบหันหลังกลับมา เขาเห็นหยางจ้านกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าหน้าต่างและด้านหน้าของมันก็เป็นหญิงงาม
"ไม่คาดคิดว่าจะเป็นหยางจ้านที่อยู่ที่นี่ มันอาจเป็นไปได้ว่าการลักพาตัวเสี่ยวฮวางถูกตระเตรียมโดยมัน?"
มองไปที่หญิงสาวที่อยู่ด้านหน้าของมันอีกครั้ง หลงเฉินส่ายศีรษะพร้อมกล่าวครุ่นคิดในใจ "ถ้าหยางจ้านต้องการจัดการกับข้า มันคงจะไม่ใช้วิธีเช่นนี้หรอก หากไม่เเล้ว มันก็แค่คนขี้ขลาดคนนึงเท่านั้น.....”
เมื่อคิดได้ดังกล่าว หลงเฉินไม่ได้รั้งยืนอีกต่อไป เข้าเร่งตรงไปยังชั้นสองของโรงเตี๊ยม กระดาษแผ่นนั้นบอกว่าเป็นชั้นสองห้องแรก และเมื่อมาถึงจุดนี้ เขาไม่สามารถระงับความโกรธของเขาได้อีกต่อไปและวิ่งไปยังจุดหมายปลายทางเขาเปิดประตูอย่างองอาจ พร้อมกับเห็นการต้อนที่เต็มไปด้วยสายตาอำมหิต
เพียงแค่เข้ามาในห้อง หลงเฉินรู้สึกได้ถึงการกวัดแกว่งจากดาบสั้นที่ฟาดฟันมาที่เขา เขารีบหลบอย่างรวดเร็ว และจากนั้นเขาก็มองเห็นสถานการณ์ภายในห้อง ในตอนนั้น คนที่โจมตีก่อนหน้านี้ได้เคลื่อนย้ายไปยืนอยู่หน้าประตูและปิดมันอย่างเงียบๆ จากนั้นมันก็มองไปที่หลงเฉิน ในขณะที่ฝั่งตรงข้าม หลงเฉินมองเห็นร่างของเสี่ยวฮวางที่ถูกมัดด้วยเชือก ปากของมันถูกมัดด้วยผ้าพร้อมด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยวและสิ้นหวังซึ่งมองไปที่หลงเฉินขณะที่ร้องครวญคราง
ด้านข้างของมัน มีคนยืนอยู่ ทั้งสองคนสวมหน้ากาก แต่จิตสังหารที่พวกมันปลดปล่อยออกมานั้นนับว่าอันตรายอย่างเเท้จริง
มันคล้ายเหมือนกับสองคนที่ตั้งใจจะลอบทำร้ายเขาในคืนนั้น จนกระทั่งบัดนี้หลงเฉินยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมปลาตัวเล็กๆเช่นเขาจึงได้มีคนส่งมือสังหารมาลอบฆ่าได้
"พวกเจ้าทั้งสองเป็นใครกัน? ทำไมพวกเจ้าต้องมาจัดการกับข้า?"
"พวกเราได้รับการจ้างวานให้มาช่วยกำจัดบุคคลที่ยุ่งยากคนนึง เจ้าไม่ต้องถามให้มากความ เพียงเเค่มอบความตายให้พวกข้าซะ !!"
ดาบสั้นทั้งสองถูกกวัดแกว่งและฟาดฟันมาที่หลงเฉิน ทักษะดาบสั้นช่างเเข็งเเกร่งมาก มันสร้างเสียงความเร็วของใบดาบซึ่งอาจทำให้ผู้พบเห็นตัวสั่นด้วยความกลัว
"ทั้งคู่มีความสามารถใกล้เคียงกับข้า แต่พวกมันมีประสบการณ์การต่อสู้มากกว่าและน่าจะเคยสังหารคนมามากพอดู เมื่อเทียบกับเฉินหลิวเจ้าขี้แพ้แล้ว พวกมันกลับน่ากลัวกว่าเป็นร้อยเท่า ถ้าวันนี้ข้าไม่ได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ ข้าต้องถูกฆ่าตายที่นี่อย่างแน่นอน!"
"จากที่ดูการเคลื่อนไหวของพวกมัน พวกมันน่าจะใช้รูปแบบสังหารเป็นคู่ ดังนั้นแล้วข้าต้องเอาชนะคนหนึ่ง แล้วจากนั้นข้าอาจจะพอมีโอกาสที่จะจัดการพวกมันได้อีกคน"
ในความมืด ดวงตาของหลงเฉินจ้องมองอย่างเย็นชา ขณะที่ดาบสั้นทั้งสองพุ่งเข้ามาหาเขา เขาใช้ความคล่องตัวของเขาพลิกตัวไปด้านข้าง และด้วยการพลิกตัวนี้ เขาเอาชนะความชำนาญในการเผชิญหน้ากับคนทั้งสองคนได้ในเวลาเดียวกัน
"คมดาบวายุคลั่ง!"
คนที่อยู่ด้านหน้าได้นำดาบมาใกล้เขาแล้วตะโกนออกมา มองไปที่การประสานของพวกมันที่ล้มเหลวในการโจมตีเขา หลงเฉินขบฟันของเขา เขาสร้างคลื่นพลังฉีด้วยพลังทั้งหมดของเขา เขาไม่ได้ถอยกลับแต่เขาก้าวไปข้างหน้าและพุ่งไปทางชายชุดดำแทน
"หมัดดาวตก!!"
ในห้องที่มืดครึ้ม ชั้นของแสงดาราได้ปะทุออกมา ดวงตาของชายชุดดำเบิกกว้าง รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังฉีอันแข็งแกร่ง มันได้หลบหลีกทักษะดาบของมัน แล้วจากนั้นก็โจมตีมาที่ร่างของมันอย่างรุนแรง
ป่ง!!
ชายที่อยู่ด้านหน้ากระอักเลือดออกมาและล้มกระเด็นไปหาชายอีกคนที่อยู่ด้านหลัง
หลงเฉินพุ่งไปข้างหน้า และชั่วอึดใจเขาได้ฉกฉวยดาบมาจากศัตรู แผดเสียงคำราม แล้วแทงทะลุหัวใจของชายผู้นั้น เมื่อมาถึงจุดนี้เลือดได้ไหลออกมาย้อมชุดคลุมของมันใบหน้าของหลงเฉินถูกย้อมด้วยเลือด
ฉากก่อนหน้านี้อาจดูเหมือนง่าย แต่มันเป็นประสบการณ์ที่น่าหวาดผวาอย่างแท้จริง สิ่งที่น่าตกตะลึงที่สุดก็คือทักษะหมัดดาวตกได้ปลดปล่อยแสงดาราซึ่งบดบังวิสัยทัศน์ของฝ่ายตรงข้าม ทักษะหมัดดาวตก ซึ่งเป็นทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีขั้นกลาง มีพลังเทียบเท่าการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 3 เพราะฉะนั้นเขาจึงสามารถทำร้ายชายชุดดำและสังหารมันได้ในภายหลัง
ชายอีกคนที่เห็นคู่หูของมันตกตายไป โดยไม่คำนึงสิ่งอื่นใด มันได้กระโดดออกไปทางหน้าต่าง หลงเฉินตั้งใจที่จะไล่ตามมันไปและซักถามถึงตัวคนบงการ แต่ตอนนี้ประตูกระแทกเปิดเข้ามา และหยางจ้านยืนอยู่ตรงประตู มองมายังหลงเฉินที่ใบหน้าถูกย้อมด้วยเลือดและด้านขวาใกล้ๆกับเขามีศพอยู่
มันขมวดคิ้วชั่วครู่แล้วกล่าวว่า "เจ้าสารเลว เจ้าคิดว่าตัวเองเเน่นักหรือไง? เพียงแค่ประสบความสำเร็จเล็กๆน้อยๆ เจ้ากลับกล้าที่จะสังหารบางคนในโรงเตี๊ยมตะวันลอย มันอาจเป็นไปได้ว่าเจ้าคงจะไม่รู้จักเถ้าแก่ฉิงของโรงเตี๊ยมและข้าก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา?"
หลงเฉินเมินเฉยมัน เขาหันกลับมาแก้เชือกออกจากร่างของเสี่ยวฮวางและกล่าว "เสี่ยวฮวาง ออกจากสถานที่แห่งนี้ก่อนเถอะ พวกเราจะพูดถึงเรื่องนี้กันในภายหลัง"
จากมือสังหารสองคน คนหนึ่งตายและคนหนึ่งหลบหนีไปได้ เซี่ยวฮวางรู้สึกประหลาดใจขณะมองไปที่หลงเฉิน แต่หยางจ้านผู้ที่พึ่งเข้ามามีสายตาที่โหดเหี้ยมมาก ดังนั้นเสี่ยวฮวางจึงรู้สึกหวาดกลัวเมื่อมองไปที่หยางจ้าน แม้ว่ามันจะกังวลเรื่องความปลอดภัยของหลงเฉิน แต่มันเข้าใจดีว่าตัวมันไร้ประโยชน์เเม้จะอยู่ข้างกายนายน้อยต่อ ดังนั้นมันจึงวิ่งหนีไปเพื่อหาคนมาช่วยเหลือ
ถูกเมินเฉยโดยหลงเฉิน ใบหน้าของหยางจ้านกระตุกพร้อมด้วยความโกรธเกรี้ยว
ด้านหลังของหยางจ้าน ร่างอ้วนที่แต่งอาภรณ์หรูหราเดินเข้ามา มองไปที่ฉากนองเลือด หน้ามันกลับซีดขาวและกล่าวว่า "นายน้อยท่านนี้ดูเหมือนจะเสียสติเล็กน้อย จึงได้เกิดฉากนองเลือดอันน่ากลัวขึ้นที่นี่ ตอนนี้กิจการที่นี่ต้องขาดทุนมหาศาลแน่นอน"
พวกมันทั้งคู่รวมตัวกันเพื่อด่าทอหลงเฉิน ฉากที่พวกมันสร้างมานั้นเพียงเพื่อสร้างความยุ่งยากให้หลงเฉิน หลงเฉินที่พึ่งสังหารใครบางคนมาเมื่อครู่ เมื่อถึงจุดนี้สายตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้เถ้าแก่ฉิงต้องล่าถอยไป
ตอนนี้เขายังไม่ต้องการมีปัญหากับหยางจ้าน เพราะหยางจ้านเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 4 และได้ศึกษาทักษะการต่อสู้มามากมาย ตอนนี้เขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางจ้าน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงอย่างเดียว อดทน!!
แม้ว่าหลงเฉินจะล่าถอยแล้ว แต่หยางจ้านยังเผยเเววตาเเห่งความโกรธ
เมื่อนานมาแล้วหยางจ้านได้คิดว่าหลงเฉินเป็นเพียงตัวตนที่เกะกะสายตาในอดีตมันคุ้นเคยกับการโตมาโดยการเหยียบย่ำหลงเฉิน แต่บัดนี้แท้จริงแล้วคนผู้นี้กลับมีพลังบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ที่หลงเฉินทำร้ายเฉินหลิวได้ มันได้กล้ำกลืนรสชาติอันเลวร้ายหลังจากนั้น และตอนนี้ควบคู่ไปกับความเกลียดชังแต่เดิม และความโกรธในตอนนี้ มันมองไปที่หลงเฉินด้วยสายตาอาฆาต
"....ก่อนหน้านี้แม้ว่าเจ้าจะทำร้ายเฉินหลิว ข้าพอจะให้อภัยเจ้าได้ แต่วันนี้เจ้าอีกครั้งที่ทำลายชื่อเสียงของตระกูลหยาง ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าต้องสอนวินัยให้กับเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้หยุดกระทำความผิด!"
หลังจากนั้นมันได้ก้าวไปข้างหน้า และแผ่กระจายแรงกดดันกดทับลงมาที่หลงเฉิน
"มัน... แข็งแกร่งมาก"
ขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 4 เป็นขอบเขตพลังที่ไม่ควรมองข้ามดวงตาทั้งคู่ของหยางจ้านสาดทอประกาย และจากนั้นมันได้เผยกลิ่นอายของมันไปยังหลงเฉินเพื่อกดดันเขา ซึ่งหลงเฉินรู้สึกราวกับขุนเขาขนาดใหญ่ที่กดทับลงมาที่ ร่างของเขา
อย่างไรก็ตามดาบสั้นก่อนหน้านี้ยังคงอยู่ในมือของหลงเฉิน เลือดยังคงหยดลงมาจากใบดาบอย่างต่อเนื่อง คู่กับการจ้องมองอย่างดุร้ายของเขา บางทีเขาอาจจะมีวิธีการที่จะจัดการหยางจ้าน
มองดูหลงเฉินเช่นนี้ หยางจ้านรู้สึกโกรธมาก มันขบฟันและกล่าวว่า "เจ้าสวะนี่ แท้จริงแล้วเจ้าคิดว่าจะสามารถที่จะเผชิญหน้ากับข้าได้ วันนี้ถ้าเจ้าไม่คุกเข่าร้องขอต่อข้า อย่าได้คิดจะจากไปทั้งที่ยังมีชีวิต!"
หลงเฉินไม่ตอบ เขาเพียงจ้องมองมันอย่างเย็นชา
เขารู้ ถ้าหยางจ้านกดดันเขามากเกินไป แม้จะต้องเเลกด้วยชีวิต เขาก็จะทำให้มันต้องจ่ายราคาเเพงจากการกระทำของมัน
เมื่อมองไปที่คนทั้งสองที่กำลังจะสู้กัน ข้างเถ้าแก่ฉิงกลับปรากฏตัวเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ใบหน้าของนางซีดขาวแล้วนางร่นถอยออกมา
"พี่ชายจ้าน อย่าทำแบบนี้เลย พวกเราออกไปกันเถอะ พวกเราควรรีบไปจากที่นี่..... "
หยางจ้านกักเก็บปราณฉีของเขา มองกลับไปที่หญิงสาว แล้วกลับมามองที่หลงเฉิน จากนั้นมันกล่าวเตือนว่า "เอาล่ะ ก็ได้ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่ออีกสักวัน พรุ่งนี้เช้าเจ้าจะได้เรียนรู้วิธีการเขียนคำว่า ตาย...."
จากนั้นมันก็โอบกอดหญิงสาวผู้นั้นแล้วเดินจากไป
หลงเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นดาบสั้นก็ร่วงหล่นลงบนพื้น
"หยางจ้าน หนี้แค้นระหว่างเรานั้นได้เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้ข้าเกือบจะตัดผ่านเข้าสู่ขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 3 แล้ว เมื่อข้าแข็งแกร่งมากกว่าเจ้า มันจะเป็นเจ้าที่จะได้เรียนรู้วิธีการเขียนคำว่าตาย.... "
หนึ่งในคนที่พยายามสังหารเขาได้ตกตายไป แต่เขาไม่รู้ว่าจะเกิดปัญหาใดๆขึ้นมาอีก ตั้งแต่ที่ไม่สามารถรับรู้ถึงตัวตนผู้บงการมันก็ยังเป็นปริศนา ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่ดีนัก ดังนั้นหลงเฉินจึงตัดสินใจที่จะไปจากที่นี่
วิ่งลงบันไดไป เขามองเห็นเสี่ยวฮวางซึ่งกำลังรอคอยเขาอย่างกังวล
หลังจากที่เห็นว่าหลงเฉินปลอดภัยดีแล้ว มันก็ถอนหายใจทันที และรีบกล่าวว่า "นายน้อยเฉิน ก่อนหน้านี้ที่ข้าวิ่งลงมา มีเด็กหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งอยากให้ข้าส่งมอบสิ่งนี้ให้แก่ท่าน เขาบอกว่าท่านสมควรได้รับความเคารพจากเขา แต่เขามีธุระบางอย่างที่จะต้องรีบไปทำ ดังนั้นเขาจึงจากไปก่อน"
หลงเฉินรู้สึกงุนงง นึกถึงเด็กหนุ่มที่มีความงดงามราวสตรีคนดังกล่าวและนึกถึงเสียงไพเราะและใบหน้าที่ดุดัน เขารู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าขบขัน เขาหยิบทักษะการต่อสู้จากมือของเซี่ยวฮวางมา และมองไปที่มัน แท้จริงแล้วมันมีคำสี่คำว่า [ทักษะแก่นแท้สวรรค์]
"คนผู้นั้นกล่าวว่า สิ่งนี้เข้ากันได้กับทักษะหมัดดาวตกของท่าน เมื่อเขาเห็นว่าวันนี้ท่านช่วยชีวิตเด็กเอาไว้ เเละเห็นท่านเป็นคนดีดังนั้นเขาจึงต้องการมอบสิ่งนี้เเก่ท่าน"
หลงเฉินพยักหน้าและวิเคราะห์ทักษะแก่นแท้สวรรค์
"สิ่งนี้แท้จริงแล้วเป็นทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีขั้นกลาง....."
"ข้าเพียงช่วยชีวิตเด็กน้อยคนนึง กลับได้รับมอบทักษะแก่นแท้สวรรค์ ที่เป็นทักษะระดับปฏพีขั้นกลาง ดูเหมือนว่าภูมิหลังของเขาต้องไม่ธรรมดาเเน่ เขาไม่น่าจะมาจากเมืองไป่เห๋อหยาง เขาอาจจะเป็นศิษย์จากจากสำนักใหญ่หรือตระกูลที่ทรงอิทธิพลอย่างเเน่นอน
"โอ้ ดี ทุกสิ่งที่ข้าเจอในวันนี้ล้วนเป็นเพราะโชคชะตา ข้าจะขอรับทักษะนี้ไว้และในอนาคตหากข้ามีโอกาสได้พบกับเขาอีกครั้ง ข้าจะตองตอบแทนเขาอย่างแน่นอน"
หลงเฉินยิ้มให้เสี่ยวฮวาง พวกเขาเดินออกไปแล้วกลับไปที่พักของตระกูลหยาง
"......ดูดซับแก่นแท้สวรรค์จากดวงดารา รวบรวมไว้ในผิวหนัง,กระดูก,โลหิตและกล้ามเนื้อ......ดับทิวาและราตรี และจากนั้นจะสามารถบรรลุถึงร่างกายแก่นแท้สวรรค์ได้...... เพียงเเค่เคลื่อนไหวหมัดง่ายๆ ข้าก็สามารถใช้มันเป็นจุดเเข็งได้..."
"ทักษะแก่นแท้สวรรค์นี้ แท้จริงแล้วถูกจัดเป็นประเภทคัมภีร์ยุทธ์ เมื่อเปรียบเทียบกับทักษะยุทธ์ คัมภีร์ยุทธ์ล้วนมีค่ากว่ามาก"
"ทักษะแก่นแท้สวรรค์ มีทั้งหมด 2 ระดับ คือระดับรู้แจ้งและระดับเชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตามแม้ว่าคัมภีร์นี้จะลึกลับ แต่ข้าก็สามารถเข้าใจได้ ตอนนี้แสงดารากำลังเปล่งแสงสว่างไสว ข้าต้องใช้แสงดาวในคืนนี้และฝึกฝนทักษะแก่นแท้สวรรค์ ถ้าข้าสามารถควบคุมมันได้ การโจมตีธรรมดาของข้าจะแข็งแกร่งเทียบได้กับการใช้ทักษะต่อสู้! ถ้าข้าพบหยางจ้านอีกครั้ง ข้าควรจะสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของมันหรือบางทีมันข้าอาจจะพอเป็นคู่มือมันได้บ้าง! "
สำหรับหลงเฉิน ทักษะแก่นแท้สวรรค์นี้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจ ภายใต้ความโชติช่วงของแสงดาว เขาฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง บางครั้งก็เห็นได้ชัดว่าแสงจากดวงดาวบนฟ้าได้ส่องสว่างลงมาบนร่างกายของเขา ร่างกายของเขาราวกับดาวฤกษ์ที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า เปล่งประกายแวววาวด้วยแสงดาว
ทันใดนั้นหลงเฉินก็ลืมตาขึ้น
"ทักษะแก่นแท้สวรรค์ข้ายังคงไม่เข้าใจมันทั้งหมด แต่หลังจากการลองพยายามดูในคืนนี้ ควบคู่กับการหล่อเลี้ยงร่างกายของข้าภายใต้เเสงดาว ผนวกกับสิ่งที่ข้ามีจี้หยกลึกลับ ปราณฉีของข้าได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง และตอนนี้ มันสามารถทำให้ข้าตัดผ่านขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 3! "