ตอนที่แล้วบทที่ 2 เครื่องรางทองคำ(ฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 พรสวรรค์หวนคืน(ฟรี)

บทที่ 3 หอคัมภีร์(ฟรี)


บทที่ 3

หอคัมภีร์

 

 

“นายน้อยฟู่เฉิน สิ่งใดดลใจให้ท่านมาที่นี่?”

 

วันนี้ หลี่ฟู่เฉินมายังหอคัมภีร์เทพยุทธ์  ที่ทางเข้า ทหารยามมาต้อนรับหลี่ฟู่เฉิน

 

หอคัมภีร์แห่งนี้ คือสถานที่ที่สำคัญของตระกูลหลี่  ในนั้นรวบรวมทักษะการต่อสู้เอาไว้หลากหลายประเภท สำหรับศิษย์ทั่วไป จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติก่อน  อย่างไรก็ตามหลี่ฟู่เฉินเป็นข้อยกเว้น

 

หลี่ฟู่เฉินหัวเราะอยู่ในใจ “ข้ามาที่นี่ไม่ได้หรือไร?”

 

“แน่นอน ท่านทำได้!”ทหารยามตอบกลับพร้อมยิ้มเชิงขอโทษ

 

เมื่อหลี่ฟู่เฉินเข้าไปในหอคัมภีร์เทพยุทธ์แล้ว หนึ่งในทหารยามกระซิบ “แปลก… นายน้อยฟู่เฉินไม่สามารถฝึกฝนการบ่มเพาะได้ แล้วทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?นายน้อยดูต่างไปจากปกติ ท่านเหมือนจะเบิกบานขึ้น?”

 

“บางทีอาจเป็นเพราะท่านไม่ได้มาที่นี่นาน และต้องการที่จะเห็นมันอีกครั้ง”ทหารยามอีกคนตอบด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย

 

***

 

หอคัมภีร์มีทั้งหมดสามชั้น

 

ชั้นที่หนึ่งคือที่ที่เก็บคัมภีร์ระดับต่ำ, คัมภีร์ขั้นเหลืองอยู่ที่นี่ทั้งหมด

 

ระดับกลางอยู่บนชั้นที่สอง และระดับสูงอยู่บนชั้นที่สาม

 

หลี่ฟู่เฉินตรงดิ่งไปยังชั้นสอง และเริ่มมองหาคัมภีร์วิชาดาบ

 

หลี่ฟู่เฉินเคยฝึกฝนสองวิชาระดับต่ำ วิชาดาบขั้นเหลือง และอีกวิชาคือเขี้ยวพยัคฆ์พิฆาตที่สำเร็จไปก่อนหน้านี้ ยังมีดาบเสี้ยวจันทรา ที่หลี่ฟู่เฉินฝึกสำเร็จไปตั้งแต่ปีที่แล้ว

 

เนื่องจากวิชาเขี้ยวพยัคฆ์พิฆาตมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น มันจึงใช้เวลานานกว่าจะฝึกสำเร็จ ครั้งนี้เขาต้องการตระหนักรู้ถึงความสามารถในการรู้เรียนของเขา ว่ามันจะรวดเร็วขนาดไหน ที่จะเรียนรู้ทักษะดาบขั้นเหลืองระดับกลาง

 

“วิชาดาบพิฆาตวายุ: ด้วยความเร็วที่มากล้น ควบคู่ไปกับการคุมดาบพลังลมปราณ รู้สึกได้เพียงแค่สายลม แต่ดาบไม่อาจมองเห็น”

 

“กระบี่อินทรีผงาดฟ้า : นกอินทรีทะยานขึ้นท้องฟ้า มิอาจเปรียบได้กับดาบพลังลมปราณ”

 

“เพลงกระบี่แห่งเส่าชาง : ดาบที่มีเพิ่มพูลพละกำลังแบบทวีคูณ มีพลังทะลายโลกา”

 

“ดาบสวรรค์เซี่ยวโห…”

 

“เพลงกระบี่ลอยล่อง…”

 

“ดาบมัจฉาแหวกว่าย…”

 

“อิทธิฤทธิ์แปดกระบี่…”

 

…..

 

ภายในหอคัมภีร์ คัมภีร์ส่วนใหญ่เกี่ยวกับทักษะดาบ  หลี่ฟู่เฉินกวาดตามองไปที่คัมภีร์ดาบทั้งหมด และชั่วขณะนั้นเอง เขาก็มองภาพของขุนพลที่กำลังตวัดดาบไปมา

 

ท้ายที่สุด  หลี่ฟู่เฉินเลือกคัมภีร์วิชาดาบพิฆาตวายุ และเพลงกระบี่แห่งเส่าชาง

 

วิชาดาบพิฆาตวายุให้ความรู้สึกที่ซับซ้อนมากกว่าวิชาอื่น และวิชาเพลงกระบี่แห่งเส่าชางที่มีความแข่งแกร่งแบบที่ไม่อาจคาดเดาได้

 

และคัมภีร์ท้ายสุดที่หลี่ฟู่เฉินเลือก คือวิชาลูกเตะสะท้านฟ้า

 

รูปแบบการเตะนี้ เน้นไปที่ความเร็ว มันมีค่ามากสำหรับการบ่มเพาะ เมื่อบรรลุวิชา ไม่เพียงแต่จะมีการเตะที่แม่นยำ แต่ทว่าความเร็วก็เพิ่มขึ้นมากด้วย

 

***

 

“เลือกทั้งสามคัมภีร์เลยหรือ?

 

อาวุโสที่รักษาการอยู่ในหอคัมภีร์ ซึ่งเขาเป็นตาของลูกพี่ลูกน้องหลี่ฟู่เฉิน หลี่อี้เสียง เขามีผมสีเทาและคิ้วที่ขมวดเป็นปม เขากล่าว  “ฟู่เฉิน ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ค่อยมั่นใจ ว่า ในตอนนี้เจ้าจะสามารถบ่มเพาะได้อย่างราบลื่นแล้วหรือไม่ แม้ว่าเจ้าจะบ่มเพาะได้อย่างราบรื่นแล้ว แต่การเรียนรู้หลายวิชาในครั้งๆ เดียว ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด หลักสำคัญของทักษะการต่อสู้ มันไม่ได้อยู่ที่ปริมาณ เจ้าต้องเข้าใจอย่างหนึ่ง ว่าการเป็นเจ้านายของวิชาทักษะทั้งหมด มันหมายความว่าเจ้าจะไม่ได้เป็นเจ้านายของทักษะวิชาใดวิชาหนึ่ง

 

หลี่ฟู่เฉินน้อมคำนับ “ถูกแล้วท่านอาวุโส ข้าเข้าใจดี  แต่ข้าต้องการดูมันแต่เพียงเท่านั้น”

 

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะไม่หยุดเจ้า”

 

เมื่อคิดถึงเรื่องที่ว่าหลี่ฟู่เฉินที่ไม่สามารถบ่มเพาะได้ หลี่อี้เสียงรู้สึกเวทนาในตัวเขา เมื่อปีที่ผ่านมา ในแง่ของพรสวรรค์ของหลี่ฟุ่เฉิน ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าอัจฉริยะไหนๆ เขาไร้คู่ใดเปรียบ อย่างไรก็ตาม คนที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบันของตระกูลหลี่  หลี่หยุ่นไห่ ช่างน่าสมเพชร….

 

***

 

เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่ฟู่เฉินนำดาบเหล็กกลับมาที่หลังยอดเขาอีกครั้ง

 

“วิชาดาบพิฆาตวายุ ประณีตและไร้คาดเดา เมื่อบรรลุระดับย่อย จะสามารถฟันตวัดดาบ 3 ครั้งได้ในพริบตา เมื่อฝึกฝนเสร็จสมบูรณ์ ผู้นั้นจะสามารถฟันตวัดได้อย่างน้อย 6 ครั้ง”

 

ก่อนที่จะทำการฝึกฝน หลี่ฟู่เฉินได้ทดสอบความเร็วดาบของเขา และรู้ว่าเขาสามารถตวัดดาบได้แค่ดีที่สุด2 ครั้ง แม้ว่าจะแกว่งดาบและตวัดสองถึงสามครั้ง แต่ก็ยังช้าไปหนึ่งตวัด ความแตกต่างนี้อาจส่งผลต่อผลลัพธ์การต่อสู้ เมื่อสู้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่า

 

สายลมที่พัดผ่าน ล่อลวงให้หลี่ฟู่เฉินหลับตาลง เพื่อที่จะได้สัมผัสกับจิตใจ ขณะที่กำลังฝึกซ้อมวิชาดาบพิฆาตวายุ

 

ไม่นานนัก หลี่ฟู่เฉินก็ลืมตาขึ้น ร่างของเขาสั่นสะท้านอย่างแรง ดาบเหล็กในมือของเขากวัดแกว่งอย่างบ้าคลั่ง

 

ด้วยลมที่โชยพัดผ่านไม่หยุดหย่อน ดาบของหลี่ฟู่เฉินแกว่งเร็วขึ้นและเร็วขึ้น คล้ายกับสายลมถูกห่อหุ้มโดยบางอย่าง ทุกๆที่ ที่มีลม ดาบก็จะตามมา  เมื่อเขาจับหลักได้ พลังลมปราณของเขาก็ลดไปมากแล้ว เขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่ออ้าปากค้างเพื่อสูดอากาศ

 

“เหมือนดั่งที่ข้าคิดไว้ วิชาดาบพิฆาตวายุ มันผลาญพลังลมปราณค่อนข้างมาก”

 

เมื่อระดับของทักษะเพิ่มสูงขึ้น การใช้พลังลมปราณก็ยิ่งเพิ่มขึ้นในการฝึกฝน ดังนั้นหลี่ฟู่เฉินจึงค่อนข้างล้าสำหรับการกวัดแกว่งดาบตามทักษะสีเหลืองระดับกลาง หากเขาจะฝึกฝนทักษะดาบสีเหลืองระดับสูง เขาอาจสามารถแกว่งดาบได้เพียงแค่สิบครั้ง ก่อนที่พลังลมปราณของเขาจะหมดลง

 

เมื่อพลังลมปราณของเขาถูกเติมเต็ม หลี่ฟู่เฉินก็เริ่มฝึกฝนต่อ และฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

***

 

ห้าวันผ่านไป

 

“ฮ๊ะ!”

 

พร้อมกับสายลมเอื่อยอ่อย หลี่ฟู่เฉินก็ตวัดดาบไปแล้วนับร้อย ความเร็วของการตวัดดาบ เกิดขึ้นในพริบตาเดียว ราวกับว่ามันถูกหลอมรวมเข้ากับลม ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่สาดส่อง ดูเหมือนมีภาพลวงตาเกิดขึ้นที่เบื้องหน้าเขา

 

“สี่การตวัดดาบในชั่วพริบตา” หลี่ฟู่เฉินถอนหายใจ แล้วก็ใส่ดาบของเขาลงไปที่ฝัก

 

เขาเริ่มเข้าใจถึงสาระสำคัญของวิชาดาบพิฆาตวายุ  ในแง่ของคนธรรมดา มันคือการรวมพลังดาบเข้ากับสายลมตามธรรมชาติ ให้ดาบกลายเป็นลม ให้พลังลมปราณกลายเป็นลม โดยที่พลังดาบและพลังลมปราณ ต้องหลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน

 

แน่นอนว่าการพูดมักง่ายกว่าการกระทำ หากไม่ใช่เพราะจิตวิญญาณสีเขียวอ่อนของเขา และการรับรู้ที่น่าอัศจรรย์ เขาก็คงจะไม่สามารถบรรลุผลได้แบบนี้ ภายในหนึ่งหรือสองเดือนแน่

 

หลี่ฟู่เฉินออกเดินทางตอนเช้า และเดินกลับออกมาในตอนเย็น เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

***

 

ในบ่ายวันที่สิบ

 

ฟึบบ!

 

เพียงแค่ปะทะฝ่ามือลงบนต้นไม้ ใบไม้ก็ร่วงโปรยปรายลงมา

 

แสงดาบปรากฏ

 

มันกระจัดตัวออกไป…

 

ใบไม้ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในสภาพสมบรูณ์ เแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ในชั่วพริบตา หลี่ฟู่เฉินสามารถตวัดดาบได้ถึงหกครั้ง

 

“ในที่สุด ข้าก็สำเร็จวิชา”

 

ภายในดวงตาของหลี่ฟู่เฉิน มันเต็มไปด้วยแสงแห่งตระหนักรู้

 

วิชาดาบพิฆาตวายุ ใช้ประโยชน์จากความเร็วเพื่อคว้าชัยชนะ เมื่อความว่องไวถึงขีดสุด ผู้นั้นจะสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ช้าลง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เช่นการดูว่าวิถีไหนที่จะรวดเร็วที่สุดเมื่อทำการโจมตี ความแตกต่างของมุมท่าทาง และวิถี

 

ความเร็วคือความจริง ด้วยความเร็วนี้ เมื่อผู้อื่นยืนอยู่ข้างหน้า จุดอ่อนจะถูกค้นพบในทันที ทุกสิ่งมีความเร็วเป็นหลักการ แต่ด้วยความเร็วเช่นนี้ การโจมตีด้วยดาบของเขาจะไม่สมดุล

 

หลี่ฟู่เฉินไม่เพียงแต่บรรลุวิชาลมดาบพิฆาตเท่านั้น แต่ยังได้สมบัติที่ก็ไม่อาจจับต้องได้ มันเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกดาบจำนวนมากจ้องที่จะแย่งชิงกัน....วิถีแห่งดาบ

 

ในการทำความเข้าใจวิถีแห่งดาบ ผู้นั้นอาจจะต้องการการรับรู้ที่ดีเยี่ยมหรืออาจไม่ก็แล้วแต่

 

สำหรับบางคนที่พรสวรรค์น้อย การฝึกอย่างหนักและการฝึกบ่มเพาะมานานหลายปี ทำให้พวกเขาหยั่งถึงวิถีของดาบได้ และกลายเป็นนักรบดาบที่ดีที่สุดได้ทันที ถึงกระนั้นผู้ที่มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าพวกเขาจะสามารถเข้าใจวิถีทางของดาบได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ไม่อาจสามารถเข้าใจถ่องแท้ได้

 

การตระหนักรู้บวกกับความรับรู้ รวมถึงความสามารถในการแยกแยะ... มันจึงสามารถจินตนาการได้ว่า เพียงแค่การรับรู้อย่างเดียว มักอาจก่อให้เกิดผลเช่นนี้

 

***

 

หลี่ฟูเฉินหวนกลับไปที่ตระกูลหลี่ เขาได้ผ่านสนามซ้อม และเห็นคนในตระกูลหลี่หลายคนต่อสู้กัน แต่ในมุมมองของเขา ทุกรูปแบบดาบของคนเหล่านั้นเต็มไปด้วยช่องโหว่ หากให้โอกาสเขา เขาสามารถใช้หลากร้อยวิธีเพื่อเอาชนะพวกเขาเหล่านั้นได้

 

หลี่หยุ่นเหอชนะศิษย์คนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย สายตาเขาตรงลงไปที่หลี่ฟู่เฉิน

 

“หลี่ฟู่เฉิน คราวนี้เจ้าคงจะไม่ปฏิเสธการท้าดวลของข้าใช่มั้ย!” หลี่หยุ่นเหอยิ้มเยาะและมองหลี่ฟู่เฉินอย่างดูถูก

 

“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า…” หลี่ฟู่เฉินส่ายหัว

 

“เจ้าว่าอะไรนะ? ข้าคงได้ยินผิดไป!?”

 

“มันคงเป็นเพียงแค่การวางท่า! ก่อนที่หลี่หยุนเหอจะอยู่ในขั้นที่ห้าของขอบเขตพลังลมปราณ หลี่ฟูเฉินก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเขาแล้ว ก็แล้วก็อย่าพูดถึงตอนนี้เลย ใครจะรู้ว่าหลี่หยุนเหอจะเอาชนะหลี่ฟูเฉินได้ง่ายดายเพียงไร”

 

ในทันที บรรยากาศของสนามซ้อมทั้งหมดถูกปลุกกระตุ้น

 

“หลี่ฟู่เฉิน นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยินมา เจ้าคิดว่าการวางตัวเหมือนโง่เง่าจะช่วยเจ้าได้อย่างงั้นหรือ?” หลี่หยุ่นเหอเย้ยหลี่ฟู่เฉิน ดูแคลนเค้าอย่างไม่มีสิ้นสุด

 

.....................

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด