DBWG ตอนที่ 5 หยางหลิงฉิง
สามวันต่อมา หลงเฉินยืนอยู่เบื้องหน้าหินที่สูงนับ 3 เมตร
ด้านซ้ายของเขาเป็นป่า และและด้านขวาเป็นแม่น้ำ ข้างริมแม่น้ำมีหินขนาดมหึมาที่สามารถมองเห็นได้จากทุกที่ตั้งอยู่
หลงเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมระเบิดปราณฉีไหลเวียนไปทั่วร่าง เขาเคลื่อนที่รวดเร็วดั่งกระสุนปืนใหญ่ และพุ่งเข้าหาก้อนหินขนาดมหึมา เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่งแล้วใช้หมัดทะลวงเข้าต่อยไปที่หิน หมัดของเขาราวกับดาวตกที่ร่วงหล่นลงมาพุ่งชนไปที่หินก้อนนั้น!
บึ้ม!!
หินขนาดมหึมาแตกกระจายออกเป็นชิ้น ๆ พวกมันถูกเเรงส่งจากหมัดกวาดออกไป ประมาณครึ่งหนึ่งของหินที่เหลือลอยตกลงไปในแม่น้ำแตกกระเด็นไปทั่วทุกที่
"ร่างกายเหมือนดารายามค่ำคืน กำปั้นเหมือนอุกกาบาตที่ร่วงหล่น ความเร็วคล้ายลำเเสงอสนี... หมัดดาวตกนี้ มีทั้งความเร็วและความหนักเเน่น ดังนั้นจึงสามารถแสดงความเเข็งเเกร่งดังกล่าวออกมาได้ แม้ว่าข้าจะอยู่เพียงเเค่ขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 2 เพียงเเต่ด้วยความสามารถของข้าในตอนนี้มันจึงยากมากที่จะดึงประสิทธิภาพของหมัดดาวตกออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ว่า..." ดวงตาของหลงเฉินส่องประกายอย่างเย็นชา "ถ้าข้าเจอเฉินหลิวในครั้งต่อไป ข้าสามารถสังหารมันด้วยการโจมตีเมื่อครู่ได้อย่างเเน่นอน!"
"ภายในสามวัน ข้า หลงเฉิน สามารถที่จะเรียนรู้ทักษะหมัดดาวตกนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยจนคนอื่นรับรู้ มีหวังข้าคิดว่าพวกเขาจะต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน"
เดินไปตามริมฝั่งแม่น้ำ หลงเฉิน จ้องมองใบหน้าตัวเองผ่านเงาสะท้อนบนผิวน้ำ
"วันนี้ข้าได้ฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง และร่างกายของข้าดูเหมือนได้รับการขัดเกลามากขึ้น สีผิวยังคล้ำเล็กน้อย แต่กระนั้น..ข้าก็หล่อเหลามาก แน่นอนว่าตัวข้าในยามนี้ไม่ได้อ่อนเเอเหมือนในอดีต"
เมื่อคิดเกี่ยวกับมัน หลงเฉินยิ้มอย่างเยาะออกมา
ทันใดนั้น เสียงกรอบแกรบก็ดังมาจากด้านหลังของเขา ซึ่งทำให้หลงเฉินตื่นตระหนก เขาหักตัวหลบเพียงเเต่ขาข้างหนึ่งของเขาเหมือนถูกอะไรบางอย่างกระทบ แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือความรู้สึกนุ่มที่สัมผัสที่ขาของ หลังจากนั้นก็มีร่างเงาร่างนึงพุ่งล้มผ่านเขาไป
หลงเฉินยืนขึ้นแล้วมอง เขาตระหนักได้ทันทีว่าคนที่อยู่ด้านหลังเขาตอนเมื่อครู่นี้ได้ล้มลงไปในเเม่น้ำและตัวตนของบุคคลผู้นี้เป็นหญิงสาว หญิงสาวคนนี้ไม่ได้อ่อนแอเลยดังนั้นเเม้จะสะดุดขาหยางเฉินก็ใช่ว่านางจะล้มโดยง่ายที่นางล้มลงไปนั้นเป็นเพราะลื่นสะดุดเพียงเเค่นั้น
ใบหน้าของนางปรากฏออกมาพร้อมความเกรี้ยวโกรธไม่นานนางก็รีบกระโดดขึ้นมาจากแม่น้ำยืนอยู่ที่ริมฝั่ง นางเม้มริมฝีปากแน่น จ้องไปที่หลงเฉินด้วยความเเววตาที่ดูเหมือนจะกลืนกินหลงเฉิน
อายุของหญิงสาวผู้นี้ดูไล่เลี่ยกับหลงเฉิน นางมีรูปพรรณสง่างาม ดวงตาเปล่งประกายสีสันสดใส ฟันสีขาว ใบหน้าราวกับหยกประดับ นางสวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อน หลงเฉินไม่เคยเห็นหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้มาก่อน และทำให้เขารู้สึกตื่นตกตะลึงไปชั่วขณะ
หญิงสาวนางนี้เพิ่งจะขึ้นมาจากแม่น้ำ อาภรณ์ของนางจึงเปียกโชก ณ เวลานี้ รูปร่างส่วนเว้าโค้งเผยให้เห็นชัดมากขึ้น ผิวพรรณที่ขาวราวกับหิมะและสัดส่วนของร่างกายที่มีสเน่ห์ดึงดูดใจเกินห้ามใจ แม้แต่ชั้นในของนางก็สามารถมองเห็นได้ในยามนี้ ในสายตาของหลงเฉินบริเวณหน้าอกที่เด่นสะดุดตาของนาง ทำให้หลงเฉินลอบกลืนน้ำลายอยู่อึกนึง
จากสายตาของหลงเฉิน ทำให้หญิงสาวรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรไม่ดี นางโกรธและกล่าวว่า "เจ้าคนโรคจิต!"
นางระเบิดปราณฉีออกมา คลื่นของพลังฉีผลักดันให้หลงเฉินต้องถอยหลังไปหลายก้่ว และทันใดนั้นอาภรณ์ที่เปียกโชกของนางก็กลับเป็นปกติ แล้วนางจ้องมองอย่างดุดันไปที่หลงเฉิน นางขบฟันและพูดว่า "เจ้า... ก่อนหน้านี้เจ้าเห็นรึไม่?"
หลงเฉินรีบตอบกลับไปว่า "ไม่... ผิดแล้ว ข้าไม่ได้เห็นอะไรเลยเเม้เเต่น้อย..."
เห็นการแสดงออกที่จริงจังของหลงเฉิน นางได้แต่ให้อภัยเขาเท่านั้น แต่เมื่อคิดย้อนกลับไปแล้วนางจึงกล่าวออกมาอย่างไม่พึงพอใจว่า "ทำได้ดีนิ หยางเฉิน พี่สาวของเจ้าเพียงต้องการกลั่นแกล้งให้เจ้าตกใจ ไม่คิดเลยว่าเจ้ากลับหลบข้าเเละเหยียดขาออกมาเพื่อทำให้ข้าสะดุดล้มเช่นนี้"
พี่สาว?
แต่หลงเฉินไม่รู้จักหญิงสาวผู้นี้ ดังนั้นเขาจึงถามว่า "ท่านเป็นใคร?"
ภายใต้คำถามที่ตรงไปตรงมาของหลงเฉิน หญิงสาวได้ยินพลันโกรธและตำหนิเขาว่า "เจ้าคนโง่ เจ้ากระทั่งไม่รู้จักพี่สาวของเจ้า ข้า 'หยางหลิงฉิง' บุตรสาวคนที่สองของหยางหยุนเทียน ที่เป็นลุงสองของเจ้า"
"โอ้ เเท้จริงเเล้วกลับเป็นท่านนี่เอง..."
หลงเฉินได้คิดตามที่หญิงสาวคนนี้บอก พูดได้ว่านางเป็นผู้ที่มีชะตากรรมบางอย่างร่วมกับเขา เพราะพวกเขาเกิดในปีเดียวกัน เดือนเดียวกัน และวันเดียวกัน แต่ในขณะที่หลงเฉินเกิด เขาเกิดในยามเฉิน ดังนั้นชื่อของเขาจึงเป็น 'เฉิน'
หยางหลิงฉิงมักจะซ่อนตัวอยู่แต่ภายในบ้านและไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นที่ใดหลงเฉินเคยเห็นนางเพียงไม่กี่ครั้ง ดังนั้นเขาจึงเกือบลืมไปแล้วว่าเคยมีพี่สาวคนนี้อยู่ อย่างไรก็ตามเมื่อคิดถึงเรื่องบางอย่างอีกครั้ง หลงเฉินยิ้มอย่างชั่วร้ายพร้อมกล่าว "แม่นางน้อย ท่านบอกให้ข้าเรียกท่านว่าพี่สาว? แม้ว่าเราจะเกิดในปีเดียวกัน เดือนเดียวกัน และวันเดียวกัน แต่ข้านั้นเกิดในยามเฉินขณะที่ท่านเกิดในยามจื่อ กล่าวได้ว่าข้าควรจะเป็นพี่ชายของท่านสิถึงจะถูก..."
[TL: ยามเฉิน = 07.00 น. - 08.59 น.
ยามจื่อ = 23.00 น. - 24.59 น .]
หลังจากกล่าวจบ เขาไม่ได้กังวลใดๆกับความโกรธของหยางหลิงฉิง แต่เขามองหาก้อนหินในป่าที่สามารถนั่งได้
"เจ้าคนโง่เง่า เจ้ามัน...!"
หยางหลิงฉิงเดินมาเบื้องหน้าหลงเฉินและพูดอย่างเย็นชาว่า "เอาล่ะ เกี่ยวกับเรื่องใครเกิดก่อนชั่งมันเถอะ อย่างไรก็ตามเราเกิดวันเดียวกันและมีอายุเท่ากัน เมื่อครู่นี้ข้าได้เดินผ่านมาที่นี่และได้เห็นเจ้าใช้ทักษะหมัดดาวตก และเจ้ายังฝึกฝนได้อย่างเหมาะสม แท้จริงแล้วเจ้าทำได้อย่างไร?"
ที่เเท้นางก็เห็นเขาตอนฝึก
หลงเฉินนึกถึงเรื่องเมื่อครู่นี้ เขาคิดว่ามันไม่สำคัญหรอกถ้านางจะเห็นเขา แม้ว่าแม่นางผู้นี้จะหยิ่งยโสเล็กน้อย แต่นางก็ไม่เคยข่มเหงเขามาก่อนนอกจากนี้นางไม่ได้มีลักษณะท่าทีของการเหยียดหยาม เพราะฉะนั้นหลงเฉินจึงมีความประทับใจที่ดีต่อนาง เขาจึงเต็มใจที่จะพูดคุยกับนาง
เขายิ้มอย่างมีความสุขมองไปที่อีกฝ่าย กล่าวขึ้น "ทำไมล่ะ? หรือว่าข้าไม่สามารถที่จะฝึกฝนทักษะหมัดดาวตกนี้ได้ด้วยตัวเองได้? เจ้าคงอิจฉาข้าสินะ? ช่างน่าเสียดายนัก เจ้าและข้ามีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกัน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก ถ้าเจ้าเป็นคนอื่น บางทีข้าอาจคงชี้เเนะเจ้าเป็นการส่วนตัว"
หยางหลิงฉิงหลังจากได้ฟังที่เขากล่าวก็กลายเป็นโกรธและเมินเฉยทันที นางเหวี่ยงหมัดออกไปที่หินขนาดใหญ่ก้อนนึงจนถูกเป่าเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยสมบูรณ์
"เจ้าเห็นนี่ไหม ข้ารู้เกี่ยวกับทักษะหมัดดาวตกเป็นอย่างดี นอกจากนี้ข้ายังอยู่ในขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 5 ข้าแข็งแกร่งกว่ามากเมื่อเทียบกับเจ้า!"
หลงเฉินตกตะลึงเล็กน้อย ใครจะคาดคิดว่าหญิงสาวที่มีอายุเท่ากับกันเขาจะมีระดับการบ่มเพาะที่ดีกว่าพี่ชายของนาง 'หยางจ้าน'
มองไปที่ท่าทีของนางที่จ้องมองเขาด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว หลงเฉินหัวเราะอยู่ในใจ เขาพอจะรู้จุดประสงค์ของนางเเล้วมันคงไม่ดีนักที่จะเหยียบย่ำความภาคภูมิใจของนาง ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า "แท้จริงแล้วเจ้าก็ได้เรียนรู้ทักษะหมัดดาวตกเหมือนกัน แต่ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่เชี่ยวชาญมันเท่าใด ถ้าข้ามีระดับปราณฉีเท่ากันกับเจ้า พลังของทักษะหมัดดาวตกของข้าจะมีพลังมากกว่าเจ้าถึง 2 เท่า โอ้ ดี วันนี้ข้าอารมณ์ดี ข้าเองก็เป็นคนที่ใจกว้างข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังว่าควรจะทำอย่างไร"
หยางหลิงฉิงตกตะลึง และคิดว่า "เจ้านี่...ข้าเพียงเหวี่ยงหมัดออกไป แต่แท้จริงแล้วเขาสามารถบอกได้ว่าข้ายังไปไม่ถึงระดับที่ใช้ทักษะหมัดดาวตกได้อย่างเชี่ยวชาญ"
"เอาล่ะ ข้าเห็นแล้วว่าเจ้ามีความกระตือรือร้น แม้ว่าข้าไม่เต็มใจจะยอมรับข้อเสนอของเจ้า แต่ถ้าเจ้าตั้งใจที่จะสอนข้า ข้าจะลองรับฟังดูก็ได้ ข้าบอกไว้ก่อน อย่าได้คิดหาสิ่งตอบแทนใดๆจากข้า ข้าแทบจะอดตายเพราะความจนของข้า..."
"แม่นางน้อยจอมเซ่อซ่า พี่ชายของเจ้าตั้งใจจะสอนเจ้าอย่างแท้จริง ข้าใช่หวังต้องการอะไรจากเจ้า?"
"อะไรนะ?"
หยางหลิงฉิงโกรธมาก แม้แต่ริมฝีปากของนางยังบิดเบี้ยว ตั้งแต่โตมาจนถึงตอนนี้ไม่มีใครเคยเรียกนาง'เซ่อซ่า'มาก่อน
"ตอนนี้ข้าจะปล่อยให้เจ้าอวดดีไปก่อน และหลังจากที่เจ้าสอนข้าแล้ว ข้าจะให้เจ้าพบเจอกับความทุกข์ทรมาณที่กล้ามาล้อเลียนข้า!"
นางระงับความโกรธของนางเเละสงบสติอารมณ์
แน่นอนว่าหลงเฉินไม่สามารถได้ยินความคิดของนางได้ เขาเพียงมองนางด้วยความรู้สึกเบิกบานใจเพราะเขาเองก็ไม่มีเพื่อนมากมายนัก วันนี้เขาตั้งใจที่จะกระทำเช่นนี้ เพราะเขามีความชำนาญพอที่จะสอนทักษะหมัดดาวตก
"...ทักษะหมัดดาวตกนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดจะเป็นเรื่องเกี่ยวการออกท่าทาง ก็เหมือนกับดาวตกพวกนั้นพวกมันทั้งหมดจะมุ่งไปข้างหน้าเสมอ และไม่มีอะไรที่จะสามารถหยุดพวกมันได้..."
"เมื่อเจ้าใช้หมัดของเจ้า เจ้าจะต้องปราศจากความลังเลใดๆ อย่าได้คิดที่จะออมมือเด็ดขาด หัวใจของเจ้าต้องคิดเพียงเเต่สิ่งเดียวซึ่งก็คือการทำลายและพิชิตชัยศัตรูเพื่อก้าวไปข้างหน้า เพียงเท่านี้เจ้าจะสามารถเข้าใจความหมายที่แท้จริงของทักษะหมัดดาวตก"
หลังจากอธิบายเป็นเวลานานแล้ว หยางหลิงฉิงก็ได้รู้แจ้งในที่สุด อย่างไรก็ตามความรู้สึกของหยางหลิงฉิงที่มีต่อหลงเฉินได้เปลี่ยนเป็นความเคารพ
นางไม่อาจจินตนาการได้ว่าขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 2 จะมีความรู้แจ้งอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับทักษะต่อสู้ขนาดนี้
หยางหลิงฉิงกล่าวว่า "วันนี้ข้าตองขอบคุณเจ้ามาก ที่ข้าได้มีโอกาสเรียนรู้ทักษะหมัดดาวตกนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ข้ามีโอกาสสูงที่จะแข่งขันกับพี่สาวข้า'หลิงเยว่' ในการแข่งขันของตระกูล ใครจะรู้ ข้าอาจจะชนะนางและได้รับทักษะตราประทับมังกรของตระกูลเรา"
เมื่อได้ยินเรื่อง[ตราประทับมังกร]ดวงตาของหลงเฉินสาดประกายและถามว่า "แม่นาง การแข่งขันในตระกูลจะจัดขึ้นเมื่อไหร่?"
"ควรจะเป็นอีกครึ่งเดือนหลังจากนี้ แต่เจ้าไม่ต้องคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป พี่สาวหลิงเยว่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นที่ 6 ในหมู่คนรุ่นใหม่นอกจากพี่ชาย'หยางอู๋'ข้าเกรงว่าจะไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้ นอกจากนี้พี่ชายหยางอู๋ก็ได้รับทักษะตราประทับมังกรมานานแล้ว ดังนั้นรอบนี้ผู้ชนะเห็นได้ชัดว่าอาจจะเป็นพี่สาวหลิงเยว่.... เอาล่ะ ข้าจะไม่คุยกับเจ้าอีกต่อไป ข้าเองก็ต้องรีบกลับไปและทำการบ่มเพาะเพื่อหาโอกาสทะลวงเข้าสู่ขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 6"
กล่าวอีกเล็กน้อยเสร็จ นางก็วิ่งหนีไป เห็นชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนที่โบกสะบัดไปมาด้านหลังของนาง มันช่างดูเย้ายวนอย่างมาก
หลงเฉินมองดูนางจากไป และลอบกลืนน้ำลายลงคอ
"ดูแม่นางคนนี้มีพรสวรรค์ที่ดีอย่างเเท้จริง สวรรค์ช่างไร้ตาอย่างแท้จริงที่ทำให้นางเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า ข้าเลยไม่มีโอกาสที่จะเจ้าชู้ใส่นางนัก"
นั่งอยู่บนก้อนหินสีฟ้า หลงเฉินมองไปทางที่ทิศตะวันตกที่เป็นที่พักของตระกูลหยาง
"ระดับขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 6... ครึ่งเดือนหลังจากนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับข้าที่จะทะลวงผ่านได้ทัน แต่ท่านพ่อเตือนข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่า ข้าจะต้องได้รับทักษะ[ตราประทับมังกร]มาให้ได้ แม่นางน้อยคนนี้เองก็กำลังมุ่งมั่นฝึกฝนอย่างหนัก ข้าเองก็ชักช้าไม่ได้เเล้ว ระดับขอบเขตพลังชีพจรมังกรขั้นที่ 6 ข้าจะต้องฝึกฝนและบ่มเพาะราวกับว่าชีวิตของข้าขึ้นอยู่กับมัน ข้าจะต้องทำได้แม้โอกาสนั้นจะมีเพียงเล็กน้อย!"
“บ่มเพาะ! มุ่งมั่น! อดทน!”
หยาดเหงื่อพลันไหลริน
ตลอดจนกระทั่งท้องฟ้ามืดสนิท หลงเฉินจึงกลับไปที่พักของตระกูลหยาง ตระกูลหยางตอนนี้ได้จุดโคมไฟแล้วทำให้ทางสว่างขึ้น
ขณะที่เขากำลังเดินเข้าไป มีกลุ่มคนเดินออกมาด้วยท่าทางสง่างาม หลงเฉินเงยหน้าขึ้นมองและกำลังยืนขวางอยู่กลางกลุ่มของคนเหล่านั้น ดังนั้นคนเหล่านั้นที่คุยกันอย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นจึงสังเกตเห็นเขา
หัวหน้ากลุ่มเป็นหญิงงามวัยกลางคน นางคือ'หยางเสวี่ยฉิง'มารดาของหลงเฉิน
ด้านหลังหยางเสวี่ยฉิง เป็นหญิงสาวที่อ่อนเยาว์คนหนึ่งที่หยางหลิงฉิงกล่าวว่านางอยู่ในขั้นที่ 6 ของ ของขอบเขตพลังชีพจรมังกร 'หยางหลิงเยว่' นางอายุ 18 ปี เป็นบุตรสาวของท่านลุงใหญ่'หยางฉิงซวน' พี่ชายคนโตของหยางเสวี่ยฉิง
บุตรชายคนโตของตระกูลหยางชื่อ 'หยางฉิงซวน'ปัจจุบันเขาเป็นตัวแทนของตระกูลสำหรับดูเเลกิจการทั่วไป บุตรชายคนที่สอง 'หยางหยุนเทียน' รับผิดชอบด้านการคลังของตระกูล และบุตรสาวคนที่สาม 'หยางเสวี่ยฉิง' ได้รับการแต่งตั้งให้สอนเเนวทางการบ่มเพาะให้กับรุ่นเยาว์ในตระกูล
บุตรชายคนโตของตระกูลหยาง 'หยางฉิงซวน' มีบุตรชายและบุตรสาวอย่างละคน ชื่อ 'หยางอู๋' และ 'หลิงเยว่' ตามลำดับ หยางอู๋เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของตระกูลหยาง ขณะที่หยางหลิงเยว่เองก็เป็นทั้งสาวงามเเละสาวเเกร่ง
บุตรชายคนที่สองของตระกูลหยาง 'หยางหยุนเทียน' มีบุตรชายและบุตรสาวอย่างละคน ชื่อ 'หยางจ้าน' ผู้ที่ข่มเหงหลงเฉินตลอดหลายปีมานี้และ 'หยางหลิงฉิง' ที่เขาได้พบกันก่อนหน้านี้
หยางเสวี่ยฉิงเป็นสตรีเพียงคนเดียวในรุ่นที่มีการบ่มเพาะที่ลึกซึ้ง ดังนั้นหยางหลิงเยว่ จึงคอยติดตามหยางเสวี่ยฉิงอยู่ตลอดเวลาจึงละม้ายคล้ายว่าเป็นบุตรสาวคนหนึ่งของเธอ
ในขณะที่ด้านนี้มีสตรีสองคน ในอีกด้านมีบุรุษสองคน
หนึ่งในนั้นที่กำลังสนทนากับเสวี่ยฉิงอย่างมีความสุขเป็นบุรุษผู้หล่อเหลาวัยกลางคน คู่กับเครายาวและอาภรณ์สีขาวดูสง่างาม และด้านหลังเขาเป็นบุรุษหนุ่มที่จ้องมองเขาเป็นเป้าหมายในการฝึกตน กิริยาท่าทางของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังคล้ายคลึงกับบุรุษวัยกลางคน
บุรุษสองคนควรมีความสัมพันธ์เป็นบิดาและบุตร
ขณะที่พวกเขาพบว่าหลงเฉินยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาอย่างฉับพลัน หยางเสวี่ยฉิงงงวยเล็กน้อยและหันหน้าไปทางบุรุษวัยกลางคนและหัวเราะออกมาพร้อมกล่าวว่า "พี่ใหญไป่ เดิมทีข้าอยากให้ท่านชมสระกล้วยไม้และสระบงกชของตระกูลหยาง, แต่ฟ้าพลันมืดค่ำเสียแล้ว..."
"ไม่เป็นไร น้องสาวฉิง เจ้าและข้าอยู่ในเมืองไป่เห๋อหยางด้วยกันทั้งคู่ เราสามารถที่จะพบกันได้ตลอดเสมอ ถ้ามีเวลาว่างข้าจะมาเยี่ยมเจ้าที่นี่อีกครั้ง ข้าได้ว่าชื่อเสียงของกล้วยไม้และสระบงกชของตระกูลหยางเป็นที่โด่งดังอย่างมาก...... "
ทั้งสองคนพูดอย่างร่าเริงอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การคุ้มกันของทหาร พวกเขาเดินผ่านหลงเฉินไปโดยไม่เเยเเส
มีเพียงเฉพาะหยางหลิงเยว่ที่หันกลับไปหลงเฉินครู่นึงจากนั้นก็หันกลับมาพูดคุยกับคนที่อายุน้อยกว่าข้างๆนางเป็นครั้งคราว
"ดีมาก เมินเฉยการมีตัวตนของข้าไปให้ได้ตลอดเถอะ เพราะข้ามันก็ไม่ต่างอะไรไปจากอากาศธาตุในสายตาของท่าน"
หลงเฉินกำหมัดแน่น
"ทันทีที่พ่อของข้าตกตายตาย ท่านก็รีบพุ่งเข้าหาชายคนใหม่ อย่าง 'ไป่จ้านซ่ง' ก็ดี ข้าจะทำให้ท่านไม่ได้ตกเเต่งกับมัน! เป็นท่านที่เริ่มมันขึ้นมาก่อนอย่าหาว่าข้า หลงเฉิน เป็นคนไร้ศีลธรรม เพียงแต่เลือดและเนื้อของข้าส่วนหนึ่งก็ได้รับมาจากท่านข้าคงไม่ใจร้ายกับท่านเกินไปวางใจได้...... "
"ไปจ้านซ่งภายนอกดูเหมือนสุภาพบุรุษ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้มีดีอะไรเลย ครั้งก่อนนางคณิกาจากเรือนหยกเขียวมรกตทั้งหมดได้ถูกสังหารโดยมัน...... "
มองดูบุรุษวัยกลางคนซึ่งกำลังหัวเราะกับหยางเสวี่ยฉิง หลงเฉินระลึกถึงความทรงจำที่ไม่ต่อเนื่องและนางคณิกาจากเรือนหยกเขียวมรกตทุกคนเป็นเพื่อนของเขา พวกนางขายศิลปะแต่ไม่เคยขายร่างกายของพวกนาง แต่พวกมันแอบลักพาตัวพวกนางไป ถ้าหลงเฉินไม่ได้เห็นฉากนี้ก็ไม่มีใครจะล่วงรู้เรื่องนี้ได้ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขารู้ว่าไปจ้านซ่งไม่ต่างอะไรไปจากสัตว์เดรัจฉาน
"ต่อหน้าไป่จ้านซ่ง ท่านกลับดูหมิ่นข้าอย่างแท้จริง เมินเฉยการมีตัวตนของข้า แต่ข้าหลงเฉินไม่ใช่คนที่กลัวความโดดเดี่ยว ยิ่งท่านต้องการให้ข้าหายไปมากแค่ไหน ข้าก็จะไปอยู่ต่อหน้าท่านมากยิ่งขึ้น ข้าจะแสดงให้ดู ว่าเราสองพ่อลูกที่ท่านไม่เหลียวเเลนั้น เเท้จริงเเล้วเป็นเช่นไร ข้าจะต้องแข็งแกร่งให้มากขึ้นกว่านี้อีก! "
"จนถึงวันหนึ่งที่ข้าสามารถยืนอยู่ตรงหน้าท่านเเละทำให้ท่านไม่เมินหน้าหนีใส่ข้าเมื่อนั้น ข้าจะทำให้ท่านคุกเข่าต่อเบื้องหน้าของข้า! ท่านเป็นแม่ข้าแต่ไม่เคยทำอะไรให้ข้าในสิ่งที่คนเป็นแม่ควรจะทำ! ข้าเกลียดท่าน! แต่ข้ากลับไม่สามารถเมินเฉยท่านแบบเดียวกับที่ท่านทำกับข้า! "
ในขณะนี้กลุ่มคนได้ผ่านเขาไปแล้ว หลงเฉินก้มหน้าของเขา กำหมัดแน่นจนเล็บของเขาฝังลึกลงไปในเนื้อ เลือดได้ไหลซึมออกมา
ร่างกายของเขารู้สึกพลุ้งพล่านขึ้นมาราวกับคลื่นไฟที่ถาโถม
ในใจของเขาราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังคำรามออกมาอย่างรุนเเรง
กลับมาที่บ้านของเขา หลงเฉินเริ่มเตรียมตัวชำระร่างกายและเตรียมพร้อมที่จะฝึกฝนการบ่มเพาะ
ทันใดนั้นเขาก็เห็นกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ใต้ถ้วยชาบนโต๊ะ เขาหยิบมันขึ้นมาชั่วครู่จนขยำมันเเน่นด้วยความโกรธ
ในนั้นเขียนไว้ว่า "ถ้าเจ้าต้องการให้เสี่ยวฮวางมีชีวิต เช่นนั้น มาที่โรงเตี๊ยมตะวันลอย บนชั้นสองห้องแรก โดยทันที! เเล้วก็ อย่ามาสาย!"