ตอนที่ 193 รวบรวมกำลังพลเสร็จสิ้น
กว่างหยวนไม่ได้จงใจพูดเสียงเบา ดังนั้นผู้คนโดยรอบจึงสามารถได้ยินเต็มสองหู
“ว่าไงนะ เจ็ดหมัดทลายภูผากว่างหยวนยอมรับภารกิจงั้นรึ?”
“นั่นคือปรมาจารย์กว่างหยวนเชียวนะ!”
“ด้วยการมีปรมาจารย์กว่างหยวนอยู่ด้วย พวกเราจะต้องกลัวอะไรอีก?”
“ข้ารับภารกิจด้วย!”
เมื่อทุกคนเห็นว่ากว่างหยวนรับคำร้องขอของหลิงฮัน จอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุจำนวนมากได้อุทานขึ้นมาด้วยความแปลกใจ พร้อมกับเริ่มมีความรู้สึกสนใจในภารกิจนี้ขึ้นมา
“เชิญไปรับภารกิจที่ห้องโถงหลัก” หลิงฮันพูดและยิ้ม “จากนั้นค่อยกลับมารวมตัวกันใหม่ที่นี่”
“วันนี้นับว่าเป็นวันแรกของภารกิจเลยรึเปล่า?” พวกเขาทุกคนรู้สึกว่าเรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป
“แน่นอน” หลิงฮันพูดอย่างไม่คิดมาก
เด็กหนุ่มคนนี้ช่างมีเงินมาใช้ล้างผลาญมากมายเสียจริง วันนี้ก็เกือบเป็นเวลาบ่ายโมงแล้ว ซึ่งก็หมายถึงเขาได้จ่ายค่าจ้างครึ่งวันไปแล้ว อย่างไรก็ตาม นายจ้างที่มั่งคั่งเช่นนี้แหละถึงจะเป็นที่ชื่นชอบไม่ใช่รึไง?
ด้วยการเข้าร่วมของจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณ จอมยุทธคนอื่นก็เริ่มรู้สึกกล้าหาญไปด้วย ต่อให้ท้องฟ้าร่วงหล่นลงมาก็ยังมีคนคอยแบกท้องฟ้านั้นเอาไว้ให้พวกเขา พลังของเงินตราช่างยิ่งใหญ่จริงๆ ภายในเวลาไม่นาน จอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณคนอื่นๆก็ตัดสินใจยอมรับภารกิจจากหลิงฮัน ด้วยกองกำลังขนาดนี้ ถ้าพวกเขาบุกไปยังสมาคมวารีล้างปฐพีแล้วจะทำไม?
ยิ่งจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณรับคำร้องขอจองหลิงฮันมากเท่าไหร่ ภารกิจนี้ก็กลายเป็นจุดสนใจมากขึ้นเท่านั้น เพราะอย่างไรหน้าที่ของพวกเขาก็แค่คุ้มครองหลิงฮันให้ปลอดภัยเท่านั้น พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปทำเรื่องผิดกฎหมายอันใด
หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง หลิงฮันก็สามารถรวบรวมจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุหนึ่งร้อยคนได้สำเร็จ ที่จริงมีจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุอีกหลายคนที่อยากจะเข้าร่วม แต่หลิงฮันไม่ได้ต้องการจอมยุทธระดับนี้มากมายขนาดนั้น ส่วนจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณนั้นเข้าร่วมกับเขาเพียงแค่เจ็ดคน
ไม่ว่าอย่างไรจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณก็ถือว่าเป็นตัวตนอันทรงพลัง มีจอมยุทธพเนจรไม่กี่คนที่สามารถบรรลุมาถึงระดับนี้ได้ ที่จริงการที่สามารถหาจอมยุทธระดับนี้มาได้เจ็ดคนภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็เรียกได้ว่าปาฏิหาริย์แล้ว
เหตุผลข้อแรกที่ตัวตนเหล่านั้นยอมเข้าร่วมเป็นเพราะเงินรางวัลของหลิงฮันนั้นน่าดึงดูดมากพอ และข้อสองเป็นเพราะการเข้าร่วมของกว่างหยวน เขามีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจของเหล่าคนที่ยังลังเลในการเข้าร่วมอยู่
จอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณเจ็ดคนน่าจะเพียงพอแล้ว
หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ถึงจะหาไม่ได้ถึงสิบคน แต่เท่านี้ก็ไม่ได้แย่อะไร
“นายน้อยฮัน พวกเราจะไปกันตอนไหน?” เหล่าคนที่มารวมตัวกันถามหลิงฮัน แม้พวกเขาจะมีพลังบ่มเพาะสูงกว่าหลิงฮัน แต่ใครใช้ให้หลิงฮันกลายเป็นนายจ้างของพวกเขาล่ะ? จอมยุทธพเนจรไม่ได้มีเกียรติสูงส่งเหมือนกันสมาชิกของตระกูลใหญ่ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่เรียกหลิงฮันอย่างสุภาพเช่นนี้... นอกเสียจากว่าพวกเขาจะรู้เบื้องหลังของหลิงฮัน
“เมื่อคนที่ไปรับภารกิจมารวมกันครบ พวกเราจะออกเดินทางทันที” หลิงฮันพูด
“รับทราบ!” ทุกคนพยักหน้า หากมองให้ดีจะเห็นว่าในแววตาของพวกเขานั้นกำลังถูกล่อลวงด้วยเงินจำนวนมาก
“หมอนั่นไง!” ในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งได้ชี้นิ้วมายังหลิงฮัน ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความโกรธ มันคือหย่วนซื่อจงที่บังคับให้หลิงฮันซื้อสินค้าของมันและพยายามบังคับให้หลิงฮันคืนสินค้าให้มัน รอบๆตัวมันมีคนอยู่พรรคพวกตามมาด้วย นั่นคือลูกน้องของมันทั้งสี่กับชายวัยกลางคนที่มีพลังบ่มเพาะระดับก่อเกิดธาตุ
ชื่อของชายวัยกลางคนคืออ้ายซง มันคือหนึ่งในระดับหัวหน้าของสมาคมวารีล้างปฐพี เมื่อมันได้ยินหย่วนซื่อจงเล่าเรื่องเหตุการณ์ของหินบุปผาทองคำให้ฟัง มันกลายเป็นหยุดยั้งความโลภเอาไว้ไม่ไหวและไล่ตามหลิงฮันมาที่นี่
“เจ้าหนู หย่วนซื่อจงเผลอขายสมบัติของสมาคมผิดไป คืนมันมาให้เราซะ!” อ้ายซงตะโกนใส่หลิงฮัน ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง
เหล่าคนที่รับภารกิจของหลิงฮันมีท่าทางดุร้ายขึ้นมาทันที ภารกิจของพวกเขาคือทำให้หลิงฮันปลอดภัย พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าศัตรูจะโผล่มาเร็วขนาดนี้ หากพวกเขาเดินออกจากหอกองทัพสวรรค์ไป คงจะมีเรื่องน่าสนุกเกิดขึ้นเป็นแน่
จอมยุทธพเนจรเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่บนขอบเหวแห่งความตาย กล่าวได้ว่าที่พวกเขาสามารถก้าวเดินบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะจนมาถึงตอนนี้ได้ มีไม่น้อยในหมู่พวกเขาที่เคยทำงานที่สกปรกอย่างการฆ่าชิงทรัพย์มาก่อน
พวกมันมีประสบการณ์และชอบฆ่าฟันมากกว่าพวกคนที่เกิดมามีการคุ้มครองจากตระกูล
น่าเสียดายที่อ้ายซงมั่นใจในตัวเองมากเกินไป และคิดว่ามันสามารถจัดการรุ่นเยาว์อย่างหลิงฮันได้อย่างง่ายดาย
หลิงฮันยิ้มและพูด “มันขายให้ข้าแล้ว ดังนั้นของสิ่งนั้นก็ต้องเป็นของข้า ข้าไม่คิดจะขายคืนให้พวกเจ้า ไสหัวไปซะ!”
‘ไสหัวไป!?’
ใบหน้าอันหยิ่งผยองก่อนหน้านี้ของอ้ายซงกลายเป็นอัปลักษณ์ราวกับถูกหมัดกระแทกใส่หน้า มันถามขึ้นมาอย่างมืดมน “เจ้าหนู เจ้ารู้รึไม่ว่าข้าเป็นใคร?”
“ตัวโง่งมที่พยายามสร้างเสียงหัวเราะให้ข้า” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม
“ว่าไงนะ?!” อ้ายซงชะงักไปชั่วขณะก่อนที่จะรู้สึกโมโห
หลิงฮันพูดต่อ “ข้ารู้ดีว่าพวกโง่งมมักจะมีนิสัยชอบพูดว่า ‘รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?’ หรือ ‘เจ้ารู้รึเปล่าว่าข้าคือใคร?’ เหอะ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าเป็นใคร!”
“เจ้ากำลังแส่หาความตาย!” ในที่สุดอ้ายซงก็ทนไม่ไหว มันพุ่งออกไปพร้อมกับปล่อยหมัดใส่หลิงฮัน มันต้องทำให้เจ้าหนูที่กล้าพูดจาอวดดีใส่มันบาดเจ็บสาหัสให้ได้
“ถอยไปซะ!” ร่างหนึ่งพุ่งออกมาและปล่อยหมัดใส่อ้ายซง
ปัง หมัดทั้งสองเข้าปะทะกันจนเกิดเป็นระลอกคลื่นกระจายไปทั่วทิศทาง ร่างของอ้ายซงสั่นสะท้านและถอยกลับไปสิบสามเก้า ชายอีกคนหนึ่งที่พุ่งออกไปก็ถูกบังคับให้ล่นถอยเช่นกัน แต่เขาถูกบังคับให้ถอยกลับเพียงเจ็ดก้าวเท่านั้น
อ้ายซงแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา “ถึงว่าทำไมเจ้าถึงกล้าพูดจาอวดดีกับข้า! ที่แท้ก็มีคนคอยหนุนหลังเจ้าอยู่นี่เอง! แล้วเจ้าเป็นใครกัน? เจ้ารู้รึไม่ว่าข้าเป็นใคร?” เมื่อมันพูดจบ มันอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดของหลิงฮันและรู้สึกอับอาย
“ข้าจะรู้จักตัวโง่ง่มเช่นเจ้าได้อย่างไร!” ชายคนนั้นยักไหล่ เขาเป็นหนึ่งในคนคุ้มกันที่หลิงฮันจ้างมา ชื่อของเขาคือหูซาน มีระดับพลังอยู่ก่อเกิดธาตุขั้นสี่
“ฮ่าๆๆๆ” คนอื่นๆเริ่มหัวเราะออกมา
อ้ายซงเค้นเสียงเย็นชาและพูด “อย่าคิดว่าเจ้าแข็งแกร่งพอที่จะจัดการข้าได้ เมื่อครู่ข้าเพียงประมาทไปเท่านั้น” นั่นคือความจริง มันไม่สามารถลงมือกับหลิงฮันจนตายได้ หมัดเมื่อสักครู่ของมันจึงปล่อยออกไปด้วยพลังเพียงเล็กน้อย
“ข้าคืออ้ายซง หนึ่งในหัวหน้าของสมาคมวารีล้างปฐพี เจ้ายังคิดจะต่อต้านข้าอยู่รึไม่?” มันพูดเสริม
ทุกคนส่งเสียง ‘โอ้’ ออกมา ไม่แปลกใจเลยที่มันจะมีความบาดหมางกับหลิงฮัน เพราะหลิงฮันเองกำลังจะไปจัดการกับสมาคมวารีล้างปฐพีเช่นกัน
“ไสหัวไป!” หูซานจ้องอย่างดุร้าย แม้จอมยุทธพเนจรจะไม่มีผู้หนุนหลัง แต่พวกเขาก็ยังมีข้อดีอยู่ นั่นคือการที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความบาดหมางระหว่างตระกูลใดๆ ถ้าพวกเขาอยากจะสู้ พวกเขาก็จะสู้ ถ้าไม่แข็งแกร่งพอจะจัดการอีกฝ่ายได้ก็แค่หนีและหลบซ่อนตัว
“ยอดเยี่ยม เจ้าช่างกล้านักที่ต่อต้านสมาคมวารีล้างปฐพีของเรา” อ้ายซงพูดอย่างเกรี้ยวกราด
หลิงฮันเดินไปทางหย่วนซื่อจงและยิ้ม “พอดีว่าข้าไม่รู้ที่ซ่อนของสมาคมวารีล้างปฐพี ช่วยพาพวกข้าไปหน่อยสิ”
“อวดดี!” อ้ายซงลงมืออีกครั้ง แต่หูซานก็ป้องกันการโจมตีของมันได้ทันเวลา
หลิงฮันยืนมือออกไปคว้าตัวหย่วนซื่อจงและสยบมันอย่างง่ายดาย “ข้าให้โอกาสเจ้าไปแล้ว แต่เจ้าก็ไม่รักษามันเอาไว้และกลับมาสร้างปัญหาให้ข้า เจ้าควรจะรู้เอาไว้ว่าชีวิตคนเราไม่มีครั้งที่สอง!”
ปัก มือของหลิงฮันเคลื่อนไหว และแขนขวาของหย่วนซื่อจงได้หักจนไปอยู่ในสภาพที่น่าสยดสยองจนทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกในทันที
“อ้ากก….!” หย่วนซื่อจงร้องโอดครวญด้วยความทรมาน
ครั้งนี้ไม่ใช่แค่อ้ายซง แต่ขนาดกว่างหยวนก็ต้องรู้สึกตกใจ เพราะการสร้างทำร้ายผู้อื่นในพื้นที่สาธารณะของเมืองจักรพรรดินั้นไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ
เด็กหนุ่มคนนี้จะโหดเหี้ยมเกินไปรึเปล่า?