ตอนที่ 190 บังคับซื้อ
ในแคว้นพิรุณมีจอมยุทธพเนจรอยู่มาก และเบื้องหลังพวกเขาก็ไม่มีใครคอยสนับสนุน แล้วพวกเขาจะไปหาเงินจากที่ไหนล่ะ?
แน่นอนว่าต้องรับงานว่าจ้างจากคนอื่น
ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาอาจจะเลือกงานคอยคุ้มกันพ่อค้าขณะเดินทาง ล่าฆ่าหัวเหล่าคนชั่วร้าย รวบรวมสมุนไพรที่นายจ้างต้องการ เมื่อเวลาผ่านไป จึงได้เกิดสถานที่หรือสมาคมที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้จอมยุทธพเนจรคอยรับภารกิจ นั่นคือหอกองทัพสวรรค์
ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าไปยังหอกองทัพสวรรค์ได้ คนคนนั้นเพียงแค่ลงทะเบียนโดยใช้ข้อมูลส่วนตัวเท่านั้น แน่นอนว่าหอกองทัพสวรรค์ยินดีต้อนรับเหล่าคนที่ร่ำรวยเพื่อมอบหมายภารกิจ หลังจากภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว หอกองทัพสวรรค์จะเก็บเงินรางวัลบางส่วนไว้เพื่อเป็นค่าธรรมเนียม
อย่างไรก็ตาม หากเหล่าจอมยุทธพเนจรมารวมตัวกัน พวกเขาก็จะกลายเป็นขุมอำนาจที่ไม่อาจสั่นคลอนได้ง่ายๆ ดังนั้นในการสร้างหอกองทัพสวรรค์ขึ้นมาจึงมีตระกูลจักรพรรดิเข้ามาเกี่ยวด้วย ไม่เพียงแต่ตระกูลจักรพรรดิจะได้รับกำไรส่วนแบ่ง พวกเขายังส่งกำลังคนจำนวนมากเข้าไปคอยตรวจตราเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครบางคนแอบรวบรวมจอมยุทธพเนจรอย่างลับๆและกลายเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจของตระกูลจักรพรรดิได้
อย่างไรก็ตาม ยังมีภารกิจบางอย่างที่ไม่สามารถลงทะเบียนอย่างเปิดเผยได้ คนเหล่านั้นจะต้องไปแอบรับภารกิจกันเอง แต่นั่นก็หมายถึงจะไม่มีความปลอดภัยคุ้มครอง หากนายจ้างไม่จ่ายค่าตอบแทนให้ก็ต้องรับความเสี่ยงเอาเอง
กฎข้อเดียวของหอกองทัพสวรรค์คือทุกๆอย่างจะสำเร็จได้หากมีเงินมากพอ
หลิงฮันมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกของเมืองจักรพรรดิซึ่งเป็นที่ตั้งของหอกองทัพสวรรค์
หลิวอู๋ตงเดินตามหลิงฮันไป ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวลใจ ถึงแม้สมาคมวารีล้างปฐพีจะมีชื่อเสียงในทางไม่ดี แต่ผู้นำของพวกมันก็เป็นถึงตัวตนระดับห้วงจิตวิญญาณ ถ้าคิดจะต่อต้านก็ต้องมีการช่วยเหลือจากจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณคนสองคนเป็นอย่างน้อย
แต่เมื่อบรรลุถึงระดับห้วงจิตวิญญาณแล้ว ใครจะยังต้องทำงานรับจ้างอยู่อีก? เพียงแค่เข้าร่วมกับขุมอำนาจที่ทรงพลังและรับตำแหน่งผู้อาวุโสมาพวกเขาก็สามารถนั่งบ่มเพาะอยู่เฉยๆได้แล้ว และถึงแม้จะไม่บ่มเพาะพลังต่อและใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยก็ไม่มีปัญหา พวกเขาเพียงแค่ออกมาจัดการปัญหาของตระกูลนิดๆหน่อยบางครั้งบางคราวก็พอแล้ว
การจะจ้างตอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุสักร้อยคนก็ไม่มีประโยชน์เช่นกัน กับคู่ต่อสู้ระดับห้วงจิตวิญญาณ แค่การโจมตีเดียวพวกเขาก็ถูกสังหารแล้ว
ในขณะเดียวกัน ฮูหนิวนั้นปราศจากความกังวล นางเดินเล่นไปมาพร้อมกับหัวเราะ
“เด็กน้อย! ผู้ปกครองของเจ้าอยู่ไหน!” เสียงอันเกรี้ยวกราดดังขึ้นและดึงดูดความสนใจของหลิงฮัน เสียงที่ว่าเป็นของชายร่างกำยำคนหนึ่งที่กำลังตะโกนใส่ฮูหนิว
ดูเหมือนว่าฮูหนิวจะเดินไปชนสินค้าบางอย่างของมัน แต่นั่นก็เป็นเพราะมันแผงร้านของมันกินพื้นที่มากเกินไป มันวางสินค้าของมันเต็มทั่วถนน ทำให้ใครที่ต้องการจะเดินผ่านไปชนอย่างไม่ได้ตั้งใจ
แน่นอนว่าฮูหนิวไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกง่ายๆ นางแยกเขี้ยวและจ้องกลับไปยังชายร่างกำยำ
หลิงฮันเดินเข้าไปลูบหัวฮูหนิวและถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
“เด็กของเจ้าทำสินค้าของข้าร่วงพื้น เจ้าต้องจ่ายค่าชดเชยมา!” ชายร่างกำยำพูด สายตาของมันจ้องเขม็งไปที่หลิงฮัน ในขณะที่มันพูดอยู่ ชายรูปร่างกำยำอีกสี่คนได้เดินมาอยู่ด้านหลังของมัน พวกมันยืนกอดอกและแสยะยิ้มอย่างเย็นชา
หลิงฮันเข้าใจทันที ชายคนนี้จะต้องจงใจจัดวางสินค้าให้เต็มพื้นที่ถนน และเมื่อมีใครบังเอิญเดินชนสินค้าของมัน มันก็จะใช้โอกาสนั้นเรียกร้องค่าชดเชยทันที ชายอีกสี่คนคงเป็นพรรคพวกของมันที่มีเอาไว้เพื่อกดดันเหยื่อ
ดวงตาของหลิงฮันกวาดผ่านสินค้าที่ชายคนนั้นวางขาย พวกมันเป็นของปลอมทั้งหมด บางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นโสมที่จริงก็เป็นเพียงแครอทที่ถูกนำหัวกับรากของโสมมาต่อเอาไว้ สินค้าสีทองบางอันนั้นไร้ค่าอย่างแท้จริง ภายในของสิ้นค้าเหล่านั้นเต็มไปด้วยทองเหลืองอย่างเห็นได้ชัด มันคิดว่าของเหล่านี้จะหลอกตาเขาได้งั้นรึ?
เขากำลังจะมอบบทเรียนให้ชายทั้งห้า แต่สายตาของเขาก็ถูกดึงดูดไปโดยหินรูปร่างประหลาดก้อนหนึ่ง หลิงฮันอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ “หินนั่นมีราคาเท่าไหร่?”
พ่อค้าแผงลอยกำลังจะระเบิดความโกรธออกมา แต่เมื่อมันเห็นว่าหลิงฮันสนใจซื้อสินค้าของมัน มันได้เปลี่ยนเป็นยิ้มและตอบคำถามของหลิงฮัน “ข้าจะขายให้เจ้าในราคาถูกๆเพียงหนึ่งพันเหรียญ”
“หนึ่งพันเหรียญ? มันอยากได้เงินจนบ้าไปแล้วรึ?”
นั่นสิ หินนั่นก็เป็นแค่เศษหินไร้ค่า ต่อให้มันเป็นหินเพลิงพิรุณหรือหินกวีสวรรค์ ด้วยขนาดเพียงเท่านั้นราคาของมันก็อยู่เพียงหนึ่งร้อยกว่าเหรียญ”
“เห้อ พวกมันมาจากสมาคมวารีล้างปฐพี พวกเจ้าห้ามไปยั่วยุพวกมัน!”
“พวกมันเอาแต่รังแกชาวบ้านตาดำๆ ไม่มีใครเลยที่ก้าวออกมาจัดการพวกมัน!”
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาทนไม่ไหวจนต้องพูดต่อว่าชายทั้งห้า แต่แล้วก็มีใครบางคนเปิดเผยตัวตนของอันธพาลทั้งห้าและแนะนำให้คนที่ต่อว่าพวกมันระวังคำพูดเอาไว้
“บัดซบ ถ้าพวกเจ้ากล้าพูดไร้สาระมากกว่านี้ข้าจะเฉือดพวกเจ้าให้ตายซะ!” พ่อค้าแผงลอยจ้องมองอย่างดุร้าย ชายสี่คนข้างหลังมันแสยะยิ้มอย่างเย็นชา เหล่าคนที่พูดต่อว่าเมื่อสักครู่กลายเป็นตัวสั่นและไม่กล้าพูดอะไรต่อ
“น้องชาย นี่คือหินวิญญาณชั้นยอด ดูที่รูปร่างอันแปลกประหลาดของมันสิ ที่มันเป็นเช่นนี้เพราะถูกสร้างขึ้นมาโดยธรรมชาติ!” พ่อค้าแผงลอยแต่งเรื่องขึ้นมา
“ข้าไม่ชอบมัน!” หลิงฮันส่ายหัว หลังจากรู้ว่าคนเหล่านี้มาจากสมาคมวารีล้างปฐพี เขาก็เกิดแรงกระตุ้นในการยั่วยุพวกมัน
“ไม่ชอบงั้นรึ?” พ่อค้าแผงลอยหัวเราะอย่างเย็นชา “ถ้าเจ้าไม่ชอบแล้วจะถามทำไม? เจ้าคิดจะล้อเล่นกับข้างั้นรึ? มันสายไปแล้ว เจ้าจะชอบหรือไม่เจ้าก็ต้องซื้อ!”
“ช่างกดขี่อะไรอย่างนี้!”
“มาบังคับซื้อเช่นนี้ได้อย่างไร!”
“ใครใช้ให้พวกมันมาจากสมาคมวารีล้างปฐพีล่ะ? ก่อนหน้าเมื่อมีคนไปนำเรื่องของพวกมันไปแจ้ง และองครักษ์จักรพรรดิมาถึง แทนที่พวกเขาจะเข้าไปจับกุมพวกมันแต่กลายเป็นเข้าไปพูดคุยเล่นกับพวกมันแทน” ใครบางคนเริ่มตัดพ้อในความไม่ยุติธรรม
หลิงฮันแกล้งทำเป็นกลัว “ถ้าข้าไม่ซื้อพวกเจ้าจะทุบตีข้างั้นรึ?”
“เหอะ เด็กสาวนั่นชนสินค้าของข้าตก และเจ้าก็ทำให้ข้าเสียเวลา ถ้าเจ้าซื้อหินก้อนนี้ข้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมดไปซะ แต่ถ้าไม่... เหอะๆๆ!” พ่อค้าแผงลอยให้สัญญาณ จากนั้นชายข้างหลังสี่คนได้ชักมีดออกมาควงเล่น เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังข่มขู่
“ไม่ต้องอารมณ์ร้อนขนาดนั้น!” หลิงฮันส่ายมือและรีบพูด “ก็ได้ ข้าจะซื้อมัน”
“ดีมาก!” พ่อค้าแผงลอยยิ้มอย่างเย็นชา เมื่อมันเห็นหลิงฮันทำตัวอ่อนแอและรังแกง่าย ความโลภของมันได้เพิ่มขึ้นและพูดออกไป “ตอนนี้ราคามันสูงขึ้นเป็นสองพันเหรียญแล้ว!” มันจ้องอย่างโหดเหี้ยมไปยังหลิงฮันและถาม “อะไร? เจ้าไม่อยากจ่ายรึ?”
“รับไปเลย” หลิงฮันพูดพร้อมกับมอบสัญญาเงินตราสองแผ่นให้มัน
“ฮ่าๆๆๆ!” พ่อค้าแผงลอยหัวเราะอย่างโอ้อวด เจ้าหนูนี่ต้องเป็นไอ้โง่จากตระกูลร่ำรวยสักตระกูลแน่ๆ ถึงได้ยอมจ่ายเงินอย่างเชื่อฟังเช่นนี้
“ตอนนี้หินก้อนนี้เป็นของข้าแล้ว?” หลิงฮันถามแล้วยิ้มขึ้นมา
“มันเป็นของเจ้าแล้ว!” พ่อค้าแผงลอยสะบัดมือไล่ มันพบหินก้อนนี้ในสวนหลังที่พักของมันเมื่อไม่กี่วันก่อน เพราะว่าหินมีรูปร่างประหลาดและใช้เป็นของประดับได้ มันจึงนำเอามาขาย ตอนแรกมันคิดจะหลอกไอ้โง่บางคนให้หลงซื้อ แต่มันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะสามารถขายออกไปได้ในราคาสองพันเหรียญ
หลิวอู๋ตงมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความสับสน ด้วยความสามารถของหลิงฮัน แค่จัดการอันธพาลห้าคนนั้นเป็นเรื่องง่ายราวกับปลอกกล้วยเข้าปาก แต่ทำไมเขาถึงจงใจยอมถูกรังแกเช่นนั้น?
หลิงฮันหัวเราะและเคาะหินก้อนนั้นเบาๆ ด้วยพลังของปราณก่อเกิด พื้นผิวของหินเกิดรอยแตก และแสงสีทองได้ปรากฏออกมาจากภายใน
“หืม?” ทุกคนอดที่จะหันมามองไม่ได้