ตอนที่ 189 วิเคราะห์เมล็ดก่อเกิดเม็ดที่สิบ
เมื่อการประมูลจบลง ทุกคนต่างกลับบ้านกลับช่องของตัวเอง บรรดาผู้คนที่สามารถซื้อของที่ตัวเองต้องการได้ต่างรู้สึกมีความสุข ขณะที่คนไม่ได้ของที่ตัวเองต้องกลับต่างกลับบ้านไปด้วยความโศกเศร้า ขณะเดียวกัน หลิงฮันเป็นผู้ชนะของวันนี้เขาได้รับเงินมากถึง 200 ล้าน ถ้าข่าวนี่แพร่งพรายออกไป มันคงจะมีหลายคนที่พยายามปล้นเขาระหว่างทางกลับ ถ้าพวกมันทำการปล้นได้สำเร็จ พวกมันก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องเงินในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกมัน
ต้องขอบคุณที่ไม่มีคนตาบอดพวกนั้นปรากฏตัวออกมาแม้แต่คนเดียว
เมื่อหลิงฮันกลับไปที่สำนักหู่หยาง เขานอนลงบนเตียงนอนทันที เงินหนึ่งร้อยล้านหรือสองร้อยล้านมันไม่ได้แตกต่างกันมากนักมันเป็นเพียงแค่เศษกระดาษในสายตาของเขา ดังนั้นหลิงฮันจึงไม่นับเงินของเขาเหมือนกับคนขี้เหนียวบางคน
เช้าวันรุ่งขึ้น เขาตื่นขึ้นมาเพื่อฝึกฝนบ่มเพาะพลังตามปกติ ตอนนี้อัตราการก้าวหน้าของเขารวดเร็วเกินไป เขาเพิ่งทะลวงผ่านระดับรวมธาตุขั้นเก้าเมื่อสองวันก่อน แต่ตอนนี้เขาใกล้ที่จะถึงจุดสูงสุดของขั้นเก้าแล้ว เหลืออีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นเขาก็จะอยู่จุดสูงสุดและพร้อมที่จะทะลวงผ่านระดับรวมธาตุ
'หรือข้าควรลองทำสิ่งนั้น?' หลิงฮันขบคิดหลังจากที่ฝึกฝนบ่มเพาะพลังเสร็จ
ในชีวิตที่แล้ว เขาเสี่ยงอันตรายไปยังโบราณสถานมานับไม่ถ้วนและได้รับทักษะบ่มเพาะกับทักษะยุทธมามากมาย รวมถึงจดหมายฉบับหนึ่งที่คาดเดาว่าจะถูกเขียนขึ้นโดยจอมยุทธระดับทลายมิติ สิ่งที่ถูกเขียนเอาไว้ในจดหมายคือ...
ระดับรวมธาตุขั้นสิบ!
ขั้นที่เก้าคือขั้นสูงสุดของระดับบ่มเพาะของโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นระดับหลอมกายาจนหรือระดับสวรรค์ ขั้นที่เก้าเรียกได้ว่าเป็นขั้นสูงสุดที่สามารถบรรลุถึง
อย่างไรก็ตาม มีตัวตนอันทรงพลังผู้หนึ่งได้กล่าวไว้ ทุกๆระดับพลังจอมยุทธสามารถบ่มเพาะขั้นพลังพิเศษเพิ่มขึ้นมาได้จนกว่าจะถึงขีดจำกัดที่สมบูรณ์แบบ
จดหมายที่หลิงฮันได้รับกล่าวเอาไว้ว่า มีความเป็นไปได้ที่จะสร้างเมล็ดก่อเกิดเมล็ดที่สิบขึ้นในระดับรวมธาตุเพื่อทำลายขีดจำกัดเก้าขั้นและบรรลุถึงจุดที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบ
ข้อได้เปรียบของการบรรลุขั้นนั้นมีมากมายมหาศาล
ต้องเข้าใจว่าหลังจากทะลวงผ่านระดับรวมธาตุไปก็จะเป็นระดับก่อเกิดธาตุ ซึ่งในระดับนี้จอมยุทธจะควบแน่น ’เมล็ดก่อเกิด’ ให้กลายเป็น ‘น้ำพุ’ เพื่อหล่อเลี้ยงปราณก่อเกิดเข้าไปในตันเถียน หลากจากระดับก่อเกิดธาตุคือระดับห้วงจิตวิญญาณ ซึ่งจะควบแน่น ‘น้ำพุ’ ให้กลายเป็น ‘มหาสมุทรก่อเกิด’ อันไร้ขอบเขต
ระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ ระดับบุปผาผลิบาน ระดับตัวอ่อนวิญญาณ ระดับก้าวสู่เทวา... ระดับพลังในภายหลังเองก็จะมีความเกี่ยวข้องกัน ซึ่งระดับก่อรวมธาตุจะเป็นรากฐานจอมยุทธว่าจะสามารถพัฒนาไปไกลได้แค่ไหน
...ระดับหลอมกายาเป็นเพียงการขัดเกลาโลหิต กล้ามเนื้อ กระดูกและเส้นเอ็น ในขณะที่ระดับรวมธาตุจะต้องเปิดตันเถียนออกมาและกลายเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่แท้จริง
ดังนั้น การที่สามารถบรรลุขีดจำกัดสูงสุดของร่างกายมนุษย์ในระดับรวมธาตุและทะลวงผ่านขีดจำกัดนั้นไปยังจุดสมบูรณ์ได้ ผลประโยชน์ที่ได้รับนั้นจะคงอยู่ไปตลอดชีวิต
ปัญหาก็คือตัวตนอันทรงพลังผู้นั้นเพียงแค่กล่าวทฤษฎีที่เป็นไปได้เอาไว้เท่านั้น แต่ตัวของเขาเองก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ นั่นเพราะเขาเพิ่งจะนึกถึงเรื่องนี้ได้หลักจากที่มีระดับพลังสูงแล้ว ซึ่งกาลเวลานั้นไม่สามารถย้อนกลับ เขาจึงไม่อาจกลับไปยังระดับรวมธาตุเพื่อเริ่มฝึกฝนใหม่อีกครั้งได้
ประวัติศาสตร์ของวิถีแห่งวรยุทธล่วงเลยมาเป็นเวลาหลายหมื่นปีแล้ว และสูตรเม็ดยาหลากหลายชนิดเองก็สูญหายไปตามกาลเวลา ดูเหมือนว่าในยุคสมัยของตัวตนอันทรงพลังผู้นั้นจะเกิดเหตุภัยพิบัติร้ายแรงบางอย่าง ทฤษฎีของเขาจึงไม่ถูกเปิดเผยออกไป มันได้สูญหายไปตามหน้าประวัติศาสตร์จนกระทั่งหลิงฮันเป็นคนไปพบมัน
สำหรับหลิงฮันในตอนนั้น จดหมายนี้คงไม่มีประโยชน์เท่าไหร่ แต่ใครจะไปคิดว่าร่างกายของเขาจะถูกหอคอยทมิฬทำลายและวิญญาณของเขาได้มาเกิดใหม่ในร่างของชายหนุ่มในอีกหนึ่งหมื่นปีต่อมา และให้โอกาสเริ่มหนึ่งใหม่กับเขาอีกครั้งหนึ่ง
‘ดูเหมือนความโชคชะตานี้จะถูกกำหนดเอาไว้แล้ว’ หลิงฮันเท้าคางด้วยความลังเลเล็กน้อย
การสร้างเมล็ดก่อเกิดเมล็ดที่เจ็ดไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เก้าเมล็ดคือความสมดุลและขีดจำกัดสูงสุด ถ้าเขาฝืนสร้างเมล็ดที่สิบขึ้นมา นั่นจะเป็นการทำลายสมดุลและอาจจะเกิดวิกฤตร้ายแรงขึ้นได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่เช่นนั้นหลังจากที่ผ่านยุคสมัยของอัจฉริยะมาหลายรุ่นแล้ว แต่ทำไมยังไม่มีใครเคยคิดถึงความเป็นไปได้ของเมล็ดก่อเกิดเมล็ดที่สิบหรือสิบสองขึ้นมาได้?
นั่นแสดงให้เห็นว่าการทำเช่นนั้นมันยากขนาดไหน
‘ช่างมันเถอะ ข้าจะบรรลุถึงจุดสูงสุดของขั้นเก้าแล้วค่อยคิดอีกที’ หลิงฮันส่ายหัวและไม่เสียเวลาคิดเรื่องนี้อีกต่อไป
เมื่อถึงช่วงบ่าย หลิงฮันได้รับทั้งข่าวดีและข่าวร้าย
ข่าวดีก็คือม่อเกาออกมาจากการเก็บตัวบ่มเพาะพลังแล้ว รวมถึงเขายังทะลวงผ่านไปยังระดับก่อเกิดธาตุได้สำเร็จด้วย
“อาจารย์ม่อ ยินดีด้วยที่ทะลวงผ่านระดับได้สำเร็จ” หลิงฮันสัมผัสถึงคลื่นออร่าพลังก่อเกิดที่แข็งแกร่งได้และมุ่งหน้าไปยังลานของม่อเกาทันที เป็นอย่างดีคิด เขามองเห็นม่อเกาเดินออกมาจากที่พัก ผมของเขากระเซอะกระเซิงเล็กน้อย
“ฮ่าๆๆ หลังจากล่าช้ามาสิบกว่าปี ในที่สุดข้าก็ทะลวงผ่านได้สำเร็จ” ม่อเกาพูดด้วยความเศร้าเล็กน้อย
“ข้าเชื่อว่าด้วยความเจ้าใจวิถีดาบของอาจารย์ม่อ อาจารย์จะต้องสามารถทำลายอุปสรรคบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะและบรรลุระดังที่สูงกว่านี้ได้อย่างแน่นอน” หลิงฮันพูดด้วยร้อยยิ้ม เขาไม่ได้กล่าวเกินจริงแม้แต่น้อย ด้วยแก่นแท้แห่งดาบที่กำลังจะสมบูรณ์ของม่อเกา เส้นทางบนวิถีการบ่มเพาะของเขาจะต้องราบรื่นและเรียบง่ายตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
ม่อเกายิ้มจางๆ ในฐานะจอมยุทธ เขาจะไม่ปรารถนาบรรลุระดับพลังที่สูงขึ้นได้อย่างไร? เพียงแต่เมื่อเทียบความสำเร็จได้ด้านการบ่มเพาะพลังกับด้านวิถีดาบ เขาสนใจในด้านวิถีดาบมากกว่า และตอนนี้เมื่อเขาประสบความสำเร็จทางด้านวิถีดาบและพลังบ่มเพาะก็เพิ่มขึ้น จึงไม่มีอะไรที่เขาจะเสียใจแล้ว
“เจ้า...พลังบ่มเพาะของเจ้า!” สีหน้าของม่อเกาเปลี่ยนไปและชี้ไปยังหลิงฮัน ท่าทางของเขากลายเป็นตกตะลึง
ระดับรวมธาตุขั้นเก้า!
ม่อเการู้สึกราวกับจะเป็นลม เมื่อตอนที่หลิงฮันมาที่นี่ พลังบ่มเพาะของเขาเพิ่งจะอยู่ที่ระดับรวมธาตุขั้นห้า และเวลาผ่านไปเพียงเท่าไหร่กันเชียว? แค่เกือบๆหนึ่งเดือนเท่านั้น แต่หลิงฮันกลับอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้าแล้ว ดูเหมือนว่าคงจะอีกไม่นานแล้วที่หลิงฮันจะตามตัวมันทันและก้าวผ่านมันไป
สัตว์ประหลาด...
หลิงฮันพยักหน้าและพูด “ระดับพลังที่เพิ่มขึ้นมายังถือว่าช้าไป” หลิงฮันถอนหายใจ
‘อวดดี!’
ม่อเกาอดที่จะสาปแช่งไม่ได้ เจ้าเด็กคนนี้อวดดีเกินไป
“ออกไปให้พ้นหน้าข้า!” ม่อเกาพูดด้วยความขุ่นเคือง
หลิงฮันหัวเราะและเดินจากไป ม่อเกาเพิ่งจะทะลวงระดับมา เขาจึงจำเป็นต้องใช้เวลาเล็กน้อยเพื่อทำให้ระดับพลังมั่นคง
ในขณะเดียวกัน ข่าวร้ายนั้นถูกนำมาโดยหลิวอู๋ตง
ที่จริงข่าวนี้ก็ถือว่าอยู่ในการคาดเดาของหลิงฮันแล้ว เพียงแต่มันช้าไปหน่อยเท่านั้น
ร้านขายเสื้อหลายร้านที่หลิงฮันเปิดถูกปล้นชิงและได้รับความเสียหายเมื่อคืนก่อน ตอนนี้ประตูร้านถูกพังทลาย ส่วนเสื้อผ้าหากไม่ถูกขโมยไปกับถูกฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ ไม่มีร้านไหนเลยที่อยู่ในสภาพจะกลับมาเปิดใหม่ได้
เห็นได้ชัดว่านี้คือการเริ่มต้นตอบโต้ของเฉินหยุนเซียงหรือไม่ก็ซุนจือหยาน
ในเมื่อการยุติความบาดหมางอย่างสันติล้มเหลว พวกมันจึงเริ่มลงมือทันที ดูเหมือนว่าพวกมันจะยืมใช้อำนาจของสมาคมวารีล้างปฐพี เพราะอย่างไรงานแบบนี้สำหรับผู้คนเหล่านั้นก็นับว่าเป็นเรื่องง่ายๆอยู่แล้ว
“ตอนนี้พวกเราจะเอาอย่างไรต่อดี?” หลิวอู๋ตงถามหลิงฮัน
“ในเมื่ออีกฝ่ายไม่เล่นตามกฎกติกา พวกเราก็ควรใช้กำลังเช่นกัน” หลิงฮันยิ้ม
หลิวอู๋คงชะงักและพูด “เจ้าจะบุกตระกูลเฉิน? ไม่ได้เด็ดขาด!” ซุนจือหยานต้องคาดเดาเอาไว้แล้วว่าเจ้าจะทำเช่นนั้น วันนี้ตระกูลเฉินคงมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา บางทีอาจจะมีองครักษ์จักรพรรดิโผล่มาด้วยก็ได้ ถ้าเจ้าปะทะกับองครักษ์เหล่านั้นจะไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้อีก!
องครักษ์จักรพรรดิเป็นตัวแทนของตระกูลจักรพรรดิ การปะทะกับองครักษ์จักรพรรดิก็ไม่ต่างกับการเป็นกบฏ
หลิงฮันยิ้มและพูด “ในเมื่อเจ้านั่นอยากจะเล่น งั้นพวกเราก็ร่วมสนุกกับเกมของมันด้วยแล้วกัน อย่างไรข้าก็ว่างอยู่แล้ว! ก่อนอื่นก็ไปสมาคมวารีล้างปฐพี และจัดการเหล่าขี้ข้าพวกนั้นกันก่อน”
หลิวอู๋ตงปวดหัวมากกว่าเดิม “ผู้นำของสมาคมวารีล้างปฐพีคือหยางเทียนตู่ที่มีพลังระดับห้วงจิตวิญญาณ!”
“อืม... งั้นก็ไปหอกองทัพสวรรค์ก่อนแล้วกัน” หลิงฮันพูด