Chapter 46 - การโทรมาของแอนนี่
Chapter 46 ---- การโทรมาของแอนนี่
เมื่ออ่านบทเรื่อง Pretty Woman ดีๆแล้ว เจฟฟี่ ก็เกิดกังวลขึ้นมาแล้วพูดขึ้น - " เอริค ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้น่ะดีมาก เหมือนกับซิลเดอเรลล่าสมัยใหม่แต่นายคิดว่าคนดูจะโอเคกับโสเภณีงั้นเหรอ ? นายบอกว่านายต้องการที่จะแสดงถึงเทพนิยายแต่มันเหมือนกับ Boule de Suif และ Lady of the Camellias มากกว่า ---ฉันต้องบอกว่ามันคือโศกนาฏกรรมชัดๆ "
เอริค แอบถอนหายใจ มันคือเทพนิยายที่สมบูรณ์แบบแท้ๆ
บทเดิมของ Pretty Woman จริงๆแล้วมีอันที่มืดกว่านี้ที่ชื่อ 3000 และมันคือเรื่องเพศล้วนๆเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของชายและหญิงด้วยการแลกเปลี่ยนกันด้วยเงิน 3,000 ดอลลาร์ มันคือบทที่บอกถึงภาพชีวิตการเป็นอยู่ของโสเภณีใน LA
แต่ระหว่างการถ่ายทำนั้นเพราะค่าจ้างที่ไม่เพียงพอ ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์เลยต้องปรับบทใหม่และสุดท้ายมันก็เปลี่ยนเป็นแนวรักบวกกับตลก สิ่งที่น่าแปลกใจที่สุดคือหนังนั้นได้รับการตอบรับเกินกว่าที่คาดจนทำรายได้ในอเมริกาเหนือไปถึง 170 ล้านดอลลาร์ซึ่งทำให้พวกนักแสดงที่ปฏิเสธบทนี้เพราะค่าจ้างถึงกับต้องหงุดหงิด นี่เองก็ทำให้ จูเลีย มีชื่อเสียงขึ้นมา
" เจฟฟี่ เอาไว้ก่อน นายคิดยังไงกับตัวละคร วิเวียน ? "
เพราะนี่เป็นแค่โครงเรื่องและเขาไม่ได้มีอะไรไว้อ้างอิง เจฟฟี่ จึงคิดสักพักก่อนที่จะตอบกลับ - " ไม่ค่อยพูด, เบิกบานแต่ก็ยังมีความหยาบคายและแม้ว่าเธอจะเป็นโสเภณีแต่เธอน่ะไม่ใช่คนที่มีเสน่ห์...."
เอริค ตั้งใจฟังความเห็นของอีกฝ่ายก่อนจะพูดขึ้นมา - " เจฟฟี่ นายอาจจะยังไม่เห็นแต่เมื่อนายพูดถึง วิเวียน ปากของนายยิ้มออกมา มันหมายความว่าไม่ใช่แค่นายไม่มีความรู้สึกแย่ๆต่อเธอแต่นายยังคงเริ่มชอบเด็กสาวคนนี้ด้วย "
เจฟฟี่ เพิ่งพูดออกไปและไม่รู้ถึงมัน เขาพูดขึ้นมา - " ฉัน....ฉันน่ะเหรอ จริงมั้ย ?"
เอริค พยักหน้า - " นายทำ และเพราะแม้แต่นายยังรู้สึกแบบนั้น เมื่อหนังถ่ายเสร็จและปล่อยออกมา ฉันว่าคนก็น่าจะชอบเธอด้วย "
เจฟฟี่ พยักหน้าแต่ไม่นานเขาก็คิ้วขมวดแล้วถามออกมาอย่างจริงจัง -" นายหมายความว่าไงที่ว่าแม้แต่ฉัน ...มาตรฐานฉันสูงขนาดนั้นเลยเหรอ ? "
เอริค รีบปฏิเสธ - " ก็ไม่เชิง นายก็แค่พวกน่าเบื่อ "
"...."
เอริค ยิ้มออกมาและตบไหล่ เจฟฟี่ - " อย่าคิดมากน่า คนแก่ๆน่ะมักจะเป็นแบบนี้แหละ อย่าสนใจเลย "
เจฟฟี่ ที่สลดมองไปที่ เอริค - " ได้ นายเป็นบอสและนายพิสูจน์แล้วว่ามุมมองนายน่ะดีกว่าฉัน งั้นเพราะนายตัดสินใจแล้ว เราจะเริ่มเตรียมการตอนไหน ?"
" แน่นอนว่ายิ่งเร็วยิ่งดี เราควรที่จะเตรียมการให้เสร็จและหานักแสดงก่อนคริสมาสตร์ จากนั้นเราก็จะเริ่มถ่ายหนังทันทีหลังปีใหม่และปล่อยมันใกล้ๆกับวันวาเลนไทน์ "
เจฟฟี่ เริ่มนับวัน - " ช่วงวาเลนไทน์น่ะก็ถือว่าเป็นเวลาที่ดีในการปล่อยหนังแต่เราน่ะไม่มีเวลาพอที่จะถ่ายนี่สิ มันน่าจะใช้เวลามากกว่าถ่าย Home Alone อีก ใช่มั้ย ? "
เอริค ส่ายหน้า - " เจฟฟี่ นายได้เห็นแล้วว่า Home Alone ถ่ายกันยังไง ฉันไม่ต้องการเวลามากกว่าหนึ่งเดือนสำหรับ Pretty Woman เราต้องปรึกษากับ Fox ระหว่างช่วงหลังถ่ายเกี่ยวกับเรื่องการเผยแพร่ "
" ได้ งั้นเราจะเริ่มหานักแสดงกันตอนไหน นายมีใครในใจรึยัง ? "
เอริค พูดขึ้นมา - " ฉันมองไปที่ ริชาร์ดเกียร์ กับ โซฟีมาโซร์ เป็นตัวเลือกแรก เจฟฟี่ ฉันคงต้องให้นายช่วยหาช่องทางติดต่อ มาโซร์ ให้ฉันด้วยและส่งคำเชิญให้กับเธอและถ้าเธอปฏิเสธ งั้นฉันจะใช้ จูเลียโรเบิร์ต สำหรับบทอื่นๆ เราต้องจัดการคัดเลือก "
" โซฟีมาโซร์.....? นายพูดถึงนักแสดงชาวฝรั่งเศสงั้นเหรอ ? "
" ใช่ นายรู้เรื่อง The Party ใช่มั้ย ? ภาพที่ฉันได้จากเธอน่ะเหมือนกับภาพที่ฉันคิดสำหรับ วิเวียน ฉันแค่ไม่รู้ว่าเธอจะตกลงรึเปล่า "
" ได้ งั้นฉันจะติดต่อเธอให้เร็วที่สุดและถ้าเธอปฏิเสธ...เอริค ฉันคิดว่า เม็กไรอัน น่าจะเหมาะกว่า เอิ่ม เธอชื่ออะไรนะ เด็กสาวที่อยู่บ้านนาย...เอ่อ จูเลียโรเบิร์ต ? "
เอริค จำ เม็กไรอัน ได้จากหนังเรื่อง America's sweetheart' บางเรื่องเช่น Sleepless in Seattle เธอได้สร้างความประทับใจให้กับเขาแต่ตอนนี้เขาน่ะเจอ จูเลีย แล้วและรู้ว่าเรื่องราวมันจะเป็นยังไง เขาจะไม่ให้โอกาสนี้กับใครคนอื่น
" เจฟฟี่ เหตุผลที่ฉันเลือก จูเลีย น่ะให้เชื่อใจฉันในเรื่องนี้ได้ ยังไงก็ตามฉันต้องการให้นายติดต่อไปยังเจ้าของเอเจนซี่ คาปัวร์ซิด ให้เร็วที่สุดด้วย "
เจฟฟี่ รับข้อมูลที่ เอริค ส่งมา ก่อนจะพูดขึ้น - " เอริค ฉันรู้ว่า คาปัวร์ซิด น่ะมีความสามารถอย่างมาก ฉันได้ยินว่าเขาจัดการกับโปรเจ็คระดับ A หลายอันเมื่อสองปีก่อน แต่เขากับ ไมเคิลโอวิท มีเรื่องกันและเขาก็ถูกไล่ออกจาก CAA พวกเขาน่ะถือว่าเป็นคนมีอำนาจในวงการหนังเลยก็ว่าได้ ดังนั้นมันคงไม่ฉลาดในการไปหาเรื่อง ไมเคิลโอวิท "
เอริค ฮึดฮัดในใจ พวกนั้นได้แย่ง สจ๊วตรังเคิล ไป มันทำให้เขาต้องรู้สึกแย่ ไมเคิลโอวิท ตอนนี้มีสื่อคอยสรรเสริญว่าเป็นคนที่มีอำนาจในฮอลลีวูดมากที่สุด เอริค รู้ว่า CAA น่ะทำแบบนี้ได้อีกประมาณ 5-6 ปีจนกระทั่งช่วงท้ายปี 1990 แม้ว่าพวกเขาจะถือว่าเป็นยักษ์ใหญ่แต่มันก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนแต่ก่อน
ตอนนี้เขาไม่ได้ดีไปกว่าแมลงในสายตาของ CAA เลย ดังนั้นพวกนั้นคงไม่ได้สนใจอะไรเขามาก จริงที่ว่าพวกนั้นติดต่อดาวดังหลายคนแต่ เอริค น่ะสร้างได้มากกว่า
" ทำไปเถอะ เจฟฟี่ เราไม่ได้มีค่าสำหรับพวกนั้นหรอก CAA อาจจะไม่สนใจด้วยซ้ำ "
เจฟฟี่ ยักไหล่อย่างหมดหนทาง - " ตามใจนาย "
....
หลังจากที่กินมื้อเที่ยงกับ เจฟฟี่ เสร็จ เอริค ก็วางแผนว่าจะกลับไปที่ห้องหนังสือเพื่อเขียน Resident Evil ต่อแต่โทรศัพท์ที่ห้องนั่งเล่นก็ดังขึ้นมา
" สวัสดี ใช่บ้านของ วิลเลียม รึเปล่า ? " - เอริค หยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมาแต่เอาตัวรับเสียงให้ไกลจากหูเขาเล็กน้อย กว่าหลายปีที่ผ่านมา เขาได้ยินเสียงน่ารำคาญจากโทรศัพท์อยู่หลายครั้งและชายคนหนึ่งเกือบที่จะทำให้แก้วหูเขาแตกเพราะเสียงตะโกน มันคือจุดที่เขาคิดว่าเขาจะเปลี่ยนเบอร์
อีกฝั่งยังคงเงียบและ เอริค ก็กำลังที่จะวางสายโดยคิดว่ามันคือการแกล้งเล่นแต่ตอนนั้นเขาก็ได้ยิน - " สวัสดี เอริค "
เสียงอันคุ้นเคยทำให้เขาต้องลุกขึ้นจากโซฟาด้วยความตื่นเต้น - " แอนนี่ สวัสดี ฉะฉันหาทางโทรหาเธออยู่ ที่เธอเห็นเช้าวันนั้นน่ะมันก็แค่...แค่เรื่องเข้าใจผิด ฉันถาม ดรูว์ แล้วและเด็กนั่นก็บอกว่าฉันก็แค่เมาและนอนหลับไป เธอน่ะสร้างเรื่องขึ้นมา "
" มัน...มันไม่สำคัญสำหรับฉันหรอก เรา...เราเลิกกันแล้วไม่ใช่รึไง ? "
แมนฮัตตัน ในตึกในนิวยอร์ค ในตอนที่ อนิสตัน ฟังคำอธิบายของ เอริค และเสียงที่ตะกุกตะกักของเขา เธอก็พบว่าเธอน่ะโกรธเขาน้อยลง
ในวันที่สามของเธอที่นิวยอร์ค เธอไม่รู้ว่ายังไงแต่ ดรูว์ น่ะหาข้อมูลติดต่อกับเธอได้และมาอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้น
ชายที่น่าเกลียดนี่ผ่านมาตั้งหลายวันแต่ไม่ใช่แค่เขาไม่ตามหาเธอแต่เขายังไม่โทรมาเลยสักครั้ง ถ้าเธอไม่มีเรื่องสำคัญจะบอกเขา อนิสตัน คงไม่มีทางโทรหาไอ้บัดซบนี่ก่อน
ถ้า เอริค รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เขาคงกรีดร้องออกมาว่ามันไม่ยุติธรรม มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นในวันนั้นและเขายังไม่กล้าออกไปข้างนอกอีก แล้วเขาควรทำยังไง ?