Chapter 34 - BEGGAR
Chapter 34 - BEGGAR
ฮัลโหล เบบี้ คุณมีชุดราตรีไหม เอริคขมวดคิ้วเล็กน้อย กำลังดูรายกายทีวี ? แอนนี่ ผมลืมบอกไป
ใช่ๆ ผมมีบทพิเศษที่เหมาะกับคุณ.....ผมรู้ว่าคุณต้องการพึ่งพาความสามารถของตัวเอง อืมเจมบอกให้
พาเพื่อนผู้หญิงไปได้ ถ้าคุณไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร......ไม่ ผมจะไปคนเดียว โอเค บาย
เอริคถอนหายใจหลังจากวางสายลง นับตั้งแต่ Home Alone ประสบความสำเร็จ ความสัมพันธ์ระหว่าง
เขากับแอนนี่ได้เปลี่ยนแปลงไป ตอนนี้เธอยังเป็นแค่เด็กหัวรั้น นั่นทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นคงเวลาเธออยู่กับเขา
เขารู้ดีว่าบางทีคงเพราะเธอได้เห็นความคิดเห็นต่างๆเกี่ยวกับพวกเขาในหนังสือพิมพ์ ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำลง แม้ว่าเอริคจะปลอบโยนอย่างถึงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่คิดมาก ความวิตกกังวลของสาวน้อยนั้นไม่ได้ลดลง
เพื่อที่จะผ่านช่วงเวลาสับสนนี้ เธอจึงได้ขอคำแนะนำจากพ่อของเธอ เธอใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงทุกสัปดาห์เข้าร่วมการออดิชั่น ทีวีและภาพยนตร์ อย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายของเธอนั้นง่ายมาก เธออยากจะเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วเพื่อปิดปากที่พูดมากของพวกหนังสือพิมพ์
...........
บ้านของจอร์น อนิสตัน ใน เบเวอร์ลีฮิลส์ แอนนี่วางสายโทรศัพท์และถอนหายใจออกมา เธออยากจะร่วมงานของเอริคและอยากแสดงในภาพยนตร์ของเขา
แต่เธอรู้ว่าถ้าเขาทำอย่างนั้นในตอนนี้ ประชาชนจะตั้งข้อรังเกียจเธอ เพราะพึ่งพาแฟนหนุ่ม
และเธอจะถูกหมายหัวแบบนั้นตลอดไป บางทีถ้าเป็นผู้หญิงที่ไม่สนใจเรื่องพวกนี้คงมีความสุขกว่า
แต่คนที่เข้มแข็งและพึ่งพาตัวเองอย่างอนิสตันไม่สามารถยอมรับได้
เมื่ออ่านหนังสือพิมพ์ จอร์น อนิสตัน เห็นลูกสาวของเขาสับสนและทนไม่ได้พูดว่า เจนนี่ฉันกำลังจะไปพบโคเตอร์วันนี้ ไปด้วยกันไหม คิดว่าไงบ้าง ?
อนิสตันส่ายหัว ไม่ล่ะพ่อ แม้ว่าลุงโคเตอร์จะไม่คิดอะไรมาก แต่มันไม่เหมาะสม ที่เขาจะให้บทแก่ฉันอย่างนี้
เจนนี่เอริคเป็นเด็กดี เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าชายหนุ่มทั่วไปมาก พ่อคิดว่าเขาคงไม่ใส่ใจอะไรเรื่องพวกนั้นหรอกนะ
แต่ฉันคิดนี่ พ่อ อนิสตันพูด ดูสิ่งที่หนังสือพิมพ์พูดถึงสิ โอ้พระเจ้า! ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลย
ว่าผู้คนจะมองฉันแบบนั้น
เจนนี่ ถ้าลูกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป ลูกจะไม่มีความสุขเลยนะ จอร์นโน้มน้าวใจ
เอริคประสบความสำเร็จอย่างท่าทึ่งตั้งแต่ยังหนุ่ม มันไม่แปลกที่ชีวิตของเขาจะถูกตรวจสอบ
ลูกเป็นแฟนของเขา ลูกย่อมหนีเรื่องนี้ไม่พ้นหรอก นอกจากว่า.....
จอร์น อนิสตัน พูดถึงตรงนั้นก็รีบหุบปาก เขาไม่ต้องการปลูกฝังเมล็ดพันธุ์ใดๆ ในจิตใจของลูกสาวเขาเพราะเธออาจจะไม่พอใจเขาในอนาคตเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าความประทับใจในตัวเอริคของเขา
จะไม่เปลี่ยนแปลง แต่เนื่องจากความหัวดื้อของลูกสาว ตัวเขาไม่ได้มองในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของทั้งสองคน
......
หลังจากอนิสตันปฎิเสธที่มางานกับเขา เอริคเริ่มขาดความสนใจในงานเลี้ยงต้อนรับที่กำลังจะถึง
ช่วงบ่ายเอริคสวมชุดสูทที่พ่อของเขาเหลือทิ้งไว้ให้เและขับรถไปที่ห้องจัดเลี้ยงโรงแรมฮิลตัน
เขาโผล่เข้าในงานเลี้ยงในห้องโถง เจม บรูค เดินเข้ามาทางเขา แต่เมื่อเห็นชุดสูทแล้วเขาก็กระพริบตาเล็กน้อยเขาคว้าไหล่ของเอริคอย่างเป็นมิตรแล้วกระซิบว่า เอริค คุณควรให้ความสนใจเกี่ยวกับการแต่งการหน่อยนะ คุณควรคิดด้วยว่าการสวมชุดสูทแบบนี้มันเหมาะสมไหมด้วย
เอริคมองไปที่ชุดสุดราคาถูกที่ดูตัวใหญ่เกินตัว นี่เป็นชุดสูทตัวเดียวที่พ่อของเขามี เขายักไหล่และหยิบกระเป๋าสตางค์ ยื่นให้คนตรงหน้าดูแล้วพูดว่า เจมนอกเหนือจากรถแล้วนี่คือทั้งหมดที่ผมมีตอนนี้... 5 พัน 21เหรียญกับ75เซนต์ ผมต้องจำนองบ้านเพื่อทำ Home Alone ตอนนี้ผมยังไม่ได้โฉนดที่ดินคืนเลย ผมไม่มีเงินพอที่จะซื้อเสื้อผ้าใหม่หรอก
เมื่อเห็นชายที่สร้างความอิจฉาให้ผู้คนในฐานะเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดของฮอลลีวู้ด ทำตัวเหมือนขอทาน เจมได้แต่ส่ายหน้าไปมา เอาล่ะเอริค คุณดิวเลอร์กำลังรอคุณอยู่ มาทางนี้
ห้องโถงนั้นถูกอาบด้วยแสงไฟสว่างจ้า วงดนตรีกำลังเล่นเพลงนุ่มหู พนักงานเสิร์ฟก็คอยเสิร์ฟเครื่องดื่มตลอดเวลา มีคนที่มีชื่อมากมายในอดีตของเขาที่เคยเห็นผ่านหน้าจอเท่านั้น กำลังจับกลุ่มคุยกันสองสามคน
เมื่อเห็นเจม บรูค นำเด็กหนุ่มผ่านฝูงชนไป ทุกคนเริ่มสงสัยคนแปลกหน้าคนนี้ แม้ว่าทางหนังสือพิมพ์ได้ตีพิมพ์รูปถ่าย ของเอริคไปแล้วแต่หลายคนก็ยังไม่รู้จักเขา
ในที่สุดก็มีคนเอ่ยถึงชื่อเขาออกมา สายตานับไปถ้วนจับจ้องมาทางตัวเขา
ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
เมื่อถึงปลายห้องโถงเอริคก็เห็นคนรู้จักของเขา ที่มุมของโต๊ะยาว เพนนี มาร์แชล สวมชุดราตรีสีดำ
กำลังพูดคุยอยู่กับ ทอม แฮงค์ ที่อยู่ข้างๆ เธอเงยหน้าขึ้นแล้วสบตา
ทั้งสองคนยิ้มแล้วพยักหน้าให้กัน เอริคมองไปที่ทอม แฮงค์ แม้ว่าเขาจะอายุ 32 ปีแล้ว แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูสูงและหล่อ ถึงจะดูอวบนิดๆในหลายปีให้หลัง แต่ตอนนี้ใครก็ยากที่จะเทียบเขาได้
เมื่อพวกเขามาถึงห้องหนึ่ง เจมกล่าวว่า เอริคเข้าไปในนี้ คุณดิวเลอร์กำลังรออยู่ ฉันขอตัวก่อนนะ
เอริคเคาะประตูและเปิดเมื่อได้รับอนุญาติแล้ว ชายและหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่บนโซฟา เมื่อผู้หญิงสวยที่ดูดายุราว 30ปี เห็นเอริคก็กระซิบบางอย่างกับชายวัยกลางคน เธอก็ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าและออกไปจากห้อง ชายวัยกลางคนอายุราวๆ 50 ปีนี้ เห็นได้ชัดว่าคือ แบร์รี่ ดิวเลอร์ เอริคจำภาพพจน์นักธุรกิจนี้ในอดีตได้ แล้วจมูกที่ใหญ่นั่นทำให้เขาถูกจดจำให้ง่ายขึ้น
สวัสดี เอริค เขายืนขึ้นและเอื้อมมือให้เอริค
สวัสดีคุณแบรี่ ดิวเลอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก
ชายทั้งสองจับมือกันและนั่งลงโซฟา
คุณรู้ไหมเอริค ฉันคิดว่าคนจำนวนมากต้องรู้สึกผิดหวังทุกครั้งที่พวกเขาเห็นคุณ
เอริคยกคิ้วแล้วถามว่า โอ้ ? แล้วทางคุณล่ะคุณดิวเลอร์ ?
แบร์รี่ ดิวเลอร์ ไม่ได้ใส่ใจคำพูดหุนหันของเอริค เขาหัวเราะ แน่นอนว่าไม่ ฉันไม่เชื่อในโชค หรือทางลัดอะไรทั้งนั้น ฉันเชื่อมั่นในพลังของตัวเองที่ทำให้ฉันปีนจากพนักงานระดับล่างของ William Morris Agencyขึ้นมา บางทีฉันอาจชื่นชมในความสำเร็จของคุณ แต่ฉันก็ยังมีความภาคภูมิใจในอาชีพของตัวเอง
คุณดิวเลอร์ คุณคิดว่า Home Alone ประสบความสำเร็จโดยบังเอิญรึเปล่า ?
แบร์รี่ ดิวเลอร์พยักหน้าและกล่าวว่า ฉันได้ทำการวิเคาะห์พิเศษเรื่องนี้ แต่ฉันไม่คิดแบบนั้น ดังนั้นฉันล่ะอยากจะรู้จริงๆ ว่าทำไมคุณถึงได้กล้าทำเช่นนี้กับโคลัมเบียทั้งๆที่คุณมีโอกาศล้มเหลวกว่า 80%
เอริคกล่าว ผมไม่มีอะไรเลยมาตั้งแต่ต้น ถ้ามันล้มเหลว ผมก็แค่ต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเท่านั้น
แบร์รี่ ดิวเลอร์ รู้สึกว่ายังมีอย่างอื่นซ่อนอยู่ แต่เขาไม่ได้สนใจที่จะซักไซร้ เอาล่ะเอริค ในนามของ Fox ผมอยากจะเชิญคุณให้มาเข้าร่วมกับทางเรา คุณคิดว่าไงบ้าง
เอริคไม่อยากผูกตัวเองไว้กับต้นไม้ ถ้าเห็นด้วยกับคำเชิญนี้เขาต้องถูกจับเซ็นสัญญาเป็นเวลาหลายปี
เขาจึงส่ายหัวและกล่าวว่า ขอ ขอบคุณสำหรับความกรุณาของคุณ คุณดิวเลอร์ แต่ผมไม่ชอบถูกใส่กุญแจมือ ดังนั้นผมเลยวางแผนที่จะเริ่มตั้งบริษัทภาพยนตร์อิสระของตัวเองขึ้นมา ทำหนังต้นทุนต่ำ ในขณะเดียวกัน ก็เพื่อฝึกฝนตัวเองด้วย
ดิวเลอร์ที่ได้รับคำปฎิเสธนั้น ไม่ได้ยืนกรานต่อ เมื่อเอริคได้ปรากฎตัวขึ้นหน่วนงานผู้เชี่ยวชาญบางแห่งได้ทำการวิเคาะห์เกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตและบุคลิกภาพของเอริค แบร์รี่ ดิวเลอร์ ยังได้อ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้แตกต่างจากเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่นๆ เมื่อเขาตัดสินใจไปแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนความคิดเขา
สำหรับเรื่องบริษัทภาพยนตร์ของเอริค แบร์รี่ ดิวเลอร์ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงหลายคนก็ทำเช่นเดียวกันนี้เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์มากขึ้นและมีสิทธิที่จะเรียกร้องขึ้นเพื่อตัวเองมากกว่าที่จะอยู่ภายใต้ยักษ์ใหญ่ทั้ง 6 อย่างเดียว
คนเหล่านี้มักจะล้มเหลวอย่างเข็ญใจ และตระหนักได้ว่าหากพวกเขาเดินบนเส้นทางนี้เพียงลำพังวันหนึ่งพวกเขาจะชนกำแพง ในอดีตของเอริคเองแม้แต่ บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในหมู่งานนี้อย่าง DreamWorks ก็ยังต้องจบลงด้วยความล้มเหลว
ความยากลำบากของเส้นทางนี้ยากเกินจะเข้าใจ
การลงทุนในภาพยนตร์ก็เหมือนการพนัน ก่อนที่มันจะถูกปล่อยออกมาไม่มีใครรู้ว่าจะทำได้ดีหรือไม่
ความผิดพลาดของ DreamWorks ก็คือพวกเขาลงทุนในโครงการขนาดใหญ่และเมื่อมันล้มเหลว
ก็เกิดผลกระทบครั้งใหญ่ นั่นเป็นความเสี่ยงที่พวกเขาเลือกเอง
อย่างไรก็ตามความเสี่ยงในการพนันเช่นนี้ นำมาใช้กับเอริคไม่ได้ เพราะเอริคนั้นรู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว
นี่คือ ความสามารถสุดร้ายกาจที่จะช่วยให้เขาปกครองโลกนี้
บางทีพวกยักษ์ใหญ่อาจจะต่อต้านเขาเพื่อป้องกันการผูกขาด แต่เอริคไม่กลัวเรื่องเรื่องนี้แม้แต่น้อย ตราบเท่าที่ ภาพยนตร์ของเขาประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ชื่อเสียงและโชคลาภก็จะเข้ามาหาเขา
มันก็เกิดขึ้นกับ ทอม ครูช เช่นกัน ในชีวิตที่แล้วของเขาแม้ว่า ทอม ครูชกับซัมเนอร์ เรดสโตน
ได้มีข้อพิพาทกับอย่างเปิดเผยผ่านทางหนังสือพิมพ์ แต่ไม่กี่ปีให้หลังทั้งสองคนก็มานั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน
และหัวเหราะกันเหมือนเพื่อนเก่า
หลังจากพูดคุยอย่างสบายๆในหัวข้อนี้ เขาก็เริ่มหันไปหาหัวข้อสำคัญนั่นคือ Hone Alone รวมถึงลิขสิทธิ์ที่เอริคมีอยู่ในมือ ที่ดึงดูดความสนใจจากเหล่ายักษ์ใหญ่ แม้ว่ายังไม่พิจารณาเกี่ยวกับจูราสสิกปาร์คอย่างจริงจัง
เอาล่ะ ลองเอาข้อเสนอนี้ไปคิดดู ทางเราต้องการซื้อขาดลิขสิทธิ์ที่เหลืออยู่ทั้งหมดของ Home Alone
และทางเราก็ต้องการให้คุณขายภาคต่อให้แก่ทางเราด้วย ทางเราจะให้ราคาคุณอย่างเหมาะสมคิดว่าไงบ้าง?