Chapter 16 - BOLD IDEA
Chapter 16 - BOLD IDEA
ทานอะไรหน่อยไหม ? ฉันมี...เอิ่ม...ช็อคโกแลคกับแอปเปิ้ล ? เอริคถามขณะเปิดตู้เย็นที่ว่างเปล่า
สจ๊วต นั่งอยู่บนโซฟาส่ายหัวและกล่าวว่า การกินตอนดึกๆไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่ถ้าคุณมีนมให้ผมดื่มสักแก้วก็คงจะดี มันจะช่วยให้ผมหลับสบายในเวลากลางคืน
คิ้วของเอริคยกขึ้น เขาเทแก้วนมให้สจ๊วตและถามว่า นายรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน?
ในหนังสือ เอริคอย่าคิดว่าผมเป็นเด็กแล้วไม่รู้อะไรเลย ผมอายุ ตั้ง 7 ปี แล้วนะรู้ไหม
เอริคหัวเราะและพยักหน้า ดีๆพ่อหนุ่ม พ่อแม่ของนายทะเลาะกันเรื่องอะไรอีกหละวันนี้?
พ่อลาออกจากงานและเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง แล้วเมื่อเขาบอกแม่ พวกเขาก็เริ่มทะเลาะกัน เฮ้อๆผู้หญิงนี่จู้จี้จริงๆ แม่บ่นพ่อทุกวันเรื่องบริษัทที่เขาทำงานในตอนนี้มีขนาดเล็กไปและไม่มีอนาคต แต่เมื่อพ่อรวบรวมความกล้า แล้วขอลาออกจากงาน แม่บอกว่าเขาต้องมีความรับผิดชอบและหารายได้ที่มั่นคงเข้าบ้าน
เอริคนั่งอยู่บนโซฟาหน้าตาเฉย จริงๆเขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับคู่สามีภรรยารันเคิลนักหรอก
ฉันคิดว่าเพื่อนตัวน้อย ได้เห็นและได้ยินหลายๆอย่างที่ไม่เหมาะสมกับอายุของนาย
สจ๊วตยิ้มในขณะที่ได้ยินคำพูดนั้น เขากระโดดลงจากโซฟาแล้วไปนั่งข้างเอริคและถามว่า
เอริค คุณยังถ่ายหนังอยู่ใช่ไหม ?
เอริคหยักหน้า ใช่แล้ว มันกำลังจะเสร็จเร็วๆนี้ล่ะ อย่าลืมให้แม่นายพาไปดูด้วยนะ
เอริค คุณคิดว่าผมสร้างหนังเองได้ไหม ?
หาา ? สจ๊วต ทำไมนายมีความคิดอย่างนี้ ?
ดวงตาของสจ๊วตเรืองแสงด้วยความหวังในขณะที่เขาพูด ผมได้ยินมาว่า ถ้าสร้างหนังได้ ก็จะได้เงินจำนวนมหาศาล ถ้าผมทำได้แบบนั้นได้จริงๆ ผมก็จะสามารถหาเงินได้เป็นจำนวนมาก พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องทะเลาะกันอีกต่อไป
ถ้าคู่สามีภรรยารันเคิลได้ยินคำพูดเหล่านี้พวกเขาจะต้องอับอายขายหน้าอย่างแน่นอน
เอริคคิดก่อนว่า ตอนนี้นายยังเด็กเกินไป มันยากที่จะควบคุมการถ่ายหนังได้ ใครๆก็อยากให้มันเสร็จเร็วๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งเคยมีผู้กำกับที่อายุยังน้อย เขาเริ่มร้องไห้จากการควบคุมกองถ่าย และทีมงานก็มึนงงจนทำอะไรไม่ถูก นอกจากนี้ยังมีพ.ร.บ คุ้มครองเด็กอีก ฉันคิดว่า มันจะดีกว่านะ ถ้าจะรอจนนายอายุ 18 เท่าฉัน
เอริคคุณคงไม่คิดว่าผมจะเป็นแบบเด็กพวกนั้นหรอกนะ ? ผมได้ยินมาว่าคุณเป็นนักเขียนบทหนัง
คุณเขียนบทหนังให้ผมหน่อยได้ไหม ได้โปรดถ้าคุณเขียนให้ ผมจะขอบคุณมากๆเลย
สจ๊วตมองไปที่เอริคด้วยแววตานุ่มนวล
แม้ว่าเด็กคนนี้จะฉลาดกว่าวัยของเขาแต่ก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี มันไร้สาระที่คิดว่า ตราบเท่าที่เอริคเขียนบทหนังให้ แล้วเขาจะสร้างหนังได้ด้วยตัวเอง
หัวใจของเอริคเต้นขึ้นเล็กน้อย เขาลุกขึ้นและมองไปที่สจ๊วต แล้วนึกถึงใครบางคนอย่าง
แม็กเคาเลย์ คัลกิน ซูเปอร์สตาร์เด็กระดับโลกจากหนังเรื่อง Home Alone (ชื่อไทย: โดดเดี่ยวผู้น่ารัก)
บัดนี้ความคิดค่อยๆก่อตัวขึ้นในความคิดของเอริค แม้ยังไม่ชัดเจนนัก แต่เขารู้ว่าถ้าแผนของเขาสำเร็จ
เขาสามารแก้ปัญหาที่ยากที่สุดของเขาได้อย่างเช่นเรื่อง อายุและงบประมาณ รวมถึงปัจจัยอื่นๆสิ่งนี้จะทำให้ความฝันของเขาเป็นจริงได้ แม้ว่านี่จะเป็นการท้าทายที่ยาก แต่ถ้าเขาไม่ลองพยายามทำดูก็จะไม่สามารถทำอะไรสำเร็จได้ ชีวิตคือสนามรบ ! คนที่ยอมแพ้ก่อนนั้นจะถูกบดขยี้เป็นคนแรก
เขามองไปที่เด็กที่ขึ้นมานั่งบนตักเขา อย่างน้อยๆไอคิวของสจ๊วตก็น่าจะต้องสูงมาก ไม่อย่างนั้นหนังอาจไม่ประสบความสำเร็จ
เฮ้! สจ๊วต จริงๆแล้วฉันมีบทอยากให้นายเล่น ฉันจะให้นายเป็นตัวชูโรง
เมื่อได้ยิน สจ๊วตก็ยกหัวเล็กๆของเขาแล้วถาม เอริคตัวชูโรงคืออะไรหรอ ?
ตัวชูโรงคือ.....คนที่ได้ค่าตัวเยอะที่สุด
ผมจะทำมัน ผมจะทำมัน !
เอริคกล่าว แต่ฉันต้องได้รับความยินยอมจากพ่อแม่นายก่อน ดังนั้นไปที่บ้านของนายแล้วถามพวกเขากัน
เอริคออกจากประตู ในขณะที่จับมือสจ๊วต เขาได้ยินเสียงจากบ้านรันเคิล
ฉันบอกคุณไว้ก่อนนะชาล์ล ถ้ามีอะไรเกินขึ้นกับสจ๊วต ฉันจะหย่ากับคุณ !
ชาล์ล รันเติล คำรามออกมา หุบปากซะยัยบ้า! ถ้าเธอไม่หาเรื่องทะเลาะกับฉัน สจ๊วตก็คงไม่หนีออกจากบ้าน ลองไปดูที่ห้องใต้ดินสิ เขาอาจซ่อนตัวอยู่ที่นั่น
แมรี่ รันเคิล ตกใจเสียงตะโกนของสามีเธอ และนึกว่าเป็นความผิดของตัวเธอเองเหมือนกัน
เธอเริ่มเดินตามหลังสามีไป และได้ยินเสียงของเอริค ดังขึ้นใกล้ๆนี้
เฮ้ๆ คุณกับคุณนายรันเคิล ไม่ต้องห่วงสจ๊วตอยู่นี่ เอริคอุ้มสจ๊วตขึ้น ทำให้ทั่งคู่โล่งใจ
สจ๊วตกลับไปหาพ่อแม่ของเขา แล้วเมื่อคู่สามีภรรยา รันเคิลได้ยินเรื่องราวจากเอริค พวกเขาก็เสียใจมาก และสัญญาว่าจะไม่ทะเลาะกันต่อหน้าลูกอีก
อันที่จริง คุณและคุณนายรันเคิล ผมมีบางอย่างที่อยากจะคุยกับพวกคุณ สจ๊วตบอกว่าอยากจะเล่นหนัง แล้วผมเพิ่งมีบทหนังที่เหมาะกับเขาอยู่ ด้วยความเฉลียวฉลากของเจ้าตัวน้อยนี่ เขาน่าจะทำมันได้โดยไม่มีปัญหา
พวกเขาตกใจ ถ้าพวกเขาไม่รู้เรื่องราวของเอริคมาก่อน พวกเขาคงนึกว่าเป็นแค่เรื่องตลก อย่างไรก็ตาม
คนที่พูด เป็นวัยรุ่นที่หนังสือพิมพ์กล่าวถึงจำนวนมาก ถึงแม้จะกะทันหันไปบ้าง แต่พวกเขาก็รู้สึกมีความคาดหวังบางอย่าง
คู่สามีภรรยานั้นผิดหวังกับชีวิตของตัวเอง พวกเขามักจะโต้เถียงกันบ่อยครั้ง ถ้าลูกของพวกเขากลายเป็นดาราหนัง......สิ่งที่จะได้ตามมานั้น เห็นได้ชัด (เงินแหงๆ)
เอริคคุณช่วยอธิบายเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้กับพวกเราหน่อย ?
เอริคกล่าว แน่นอน มันเป็นเรื่องตลกเกี่ยวกับเด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่พบว่าตัวเองอยู่ในบ้านคนเดียว เพราะพ่อแม่ลืมสนใจเขา
ผมเพิ่งคุยกับสจ๊วตมาและพบว่าไอคิวของเขาน่าจะสูงกว่าที่ผมคาดหวังไว้อีก ถ้าคุณยังไม่เคย ลองให้เขาไปตรวจIQดูก็ดีน่ะ
ทั้งคู่ขยับไปหาลูกชายของพวกเขา ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ที่กำลังทำท่าทางเป็นเด็กดี
พ่อแม่ ผมคิดว่าผมสามารถทำมันได้และเนื้อเรื่องมันก็ยอดเยี่ยมจริงๆ
แต่ลูกยังเด็กเกินไป... ชาร์ลยังพูดไม่ทันจบเขาก็ถูกขัดโดยแมรี่
เอริคขอเวลาเราคิดเรื่องนี้หน่อยได้ไหม?
ไม่มีปัญหา เอริคพยักหน้าและพูดเพิ่มว่า ถ้าคุณเห็นด้วยให้รีบมาหาผมทันที หนังเรื่องนี้มีกำหนดการฉายในช่วงคริสต์มาสและถ้าผลออกมาดีก็จะมีภาคต่ออีก ดังนั้นถ้าคุณเห็นด้วย สจ๊วตจะเป็นนักแสดงนำแน่นอน
ภาคต่อ....แม้แต่คนธรรมดาอย่างพวกเขาก็รู้ความหมายของมัน นั่นก็คือค่าตัวจะเพิ่มสูงกว่าเดิมไปอีก (ว่าล่ะเงินแหงๆ)
ในขณะเดียวกับเอริคพบว่ามันไม่ง่ายที่เขาจะบอกคู่สามีภรรยารันเคิล ว่าตัวเขาจะเป็นคนกำกับหนังเรื่องนี้เองโดยตรง แผนยังไม่เป็นรูปร่างมากนักและเขาก็ยังไม่มั่นใจเต็มร้อยว่าจะประสบความสำเร็จ แต่เขาจะไม่ยกให้ Home Alone กับ 20th Century Fox, หรือบริษัทภาพยนต์รายอื่นๆ เป็นผู้กำกับ เขาตั้งใจจะทำมันด้วยตัวเขาเอง สำหรับคนที่เพิ่งจะเข้าสู่อุตสาหกรรมหนังได้เพียงครึ่งก้าว ความยากลำบากของการท้าทายนี้ยากเกินกว่าจะจินตนาการได้
เอริคกลับไปที่บ้านด้วยความตื่นเต้น เขารีบไปนั่งที่หน้าเครื่องพิมพ์ดีดของเขาและเริ่มเขียนบทภาพยนต์ เรื่อง Home Alone และเริ่มคิดเกี่ยวกับแผนการของเขา
อย่างแรกเรื่องเงิน นอกเหนือจากสจ๊วต ตัวละครสำคัญก็คือโจรอีกสองคน เอริคไม่ได้วางแผนที่จะเชิญ โจ เพสซิ กับ ดาเนียล สเติร์น สองนักแสดงในชีวิตที่แล้วของเขามาเล่น เพราะทั้งสองเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงและ เพสซียังได้รับรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสบทบยอดเยี่ยมอีกด้วย ด้วยเงินของเขาในตอนนี้แน่นอน ไม่สามารถที่จะจ่ายค่าตัวพวกเขาได้
เอริคจะต้องหานักแสดงตลกทางรายการทีวี(Tv shows)แทน ในยุคนี้สถานะของนักแสดงภาพยนต์และนักแสดงรายการทีวีนั้นต่างกันมาก บางคนรู้สึกอายที่จะบอกว่าพวกเขาเป็นนักแสดงในรายการทีวี ค่าสัญญา ค่าตัวของพวกเขาต่ำมาก
สำหรับสถานที่ถ่ายทำ ที่แคนาดาก็น่าจะใช้ได้ ตอนนี้ที่ลอสแองเจลิสเป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่ทางตอนเหนือของแคนาดา แน่ใจได้ว่ายังมีอีกหลายที่ ที่ยังคงมีหิมะ
สิ่งที่ต้องระวังอย่างอื่นก็คือ......
ไฟในห้องของเอริคเปิดตลอดทั้งคืนและเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นแสงแดดได้ส่องเขามาหาเอริค เขาลุกขึ้นแล้วบิดตัว
หลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมงในการวางแผนงานมีหลายอย่างที่ลดค่าใช้จ่ายลงได้ Home Alone ในอดีตของเขานั้น
มีงบประมาณอยู่ที่ 18 ล้านดอลล่า ซึ่งจากมุมมองของเอริคค่าใช้จ่ายในการถ่ายภาพและโปรโมทหนังใช้แค่เพียงไม่กี่ล้าน
งบส่วนมากจะเป็นค่าตัวนักแสดงและผู้กำกับ
ตอนนี้ในหัวของเอริคมี หนังเรื่อง Home Alone แบบสมบูรณ์อยู่ในหัวของเขาแล้ว เขาแค่ต้องนำมันออกมา
ดังนั้นเขาไม่ต้องใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น
สำหรับการประชาสัมพันธ์หนังเขามีแผนการของตัวเอง แต่ไม่ว่าเขาจะประหยัดแค่ไหน เขาก็ต้องการเงินอย่างน้อย 1 ล้านดอลเป็นอย่างน้อยถึงจะสามารถถ่ายทำหนังได้
หนึ่งล้าน....ค่าแสดงจากเรื่อง 17 Again จะได้รับในไม่ช้านี้ ประมาณ 500,000 ดอล ถ้ารวมกับค่าบทหนังก็จะมีประมาณ 600,000 ดอล
จูราสสิก ปาร์คนั้นขายได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อเขาคุยกับไมเคิลเขาควรจะได้เงินอีกจำนวน 200,000 ดอล ซึ่่งเขายังต้องการเงินอีก 200,000 ดอล เพื่อเติมช่องว่างที่เหลืออยู่
เอริคตัดสินและหาหนทางที่จะเตรียมการถ่ายทำหนังของเขาให้จงได้.