Chapter 3 - โชคดีที่ไม่ใช่ Michael Crichton
Chapter 3 - โชคดีที่ไม่ใช่ Michael Crichton
เจฟ เจ้าของร้านอาหารอิตาเลี่ยน รู้สึกได้ว่าหลายวันมานี้ เอริคได้เปลี่ยนไป
เขาไม่ได้กำลังสับสันอีกต่อไปแล้ว เมื่อเขาบริการลูกค้าก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดเหมือนเมื่อก่อน
และเขาก็มักจะหยอกล้อลูกค้าเล่น ดูเหมือนว่าเขาชำนาญในการหยอกล้อมาก
เจฟ เคยเห็นเขาหยอกล้อหญิงสาววัยสามสิบด้วยการทำสำเนียงแบบฮิปปี้ จนได้ทิปเป็นรางวัลถึงสามครั้ง
เอริค เกิดอะไรขึ้นหรอ ตอนนี้นายดูแตกต่างจากเดิม ? ในช่วงพักเจฟไม่สามารถอดทนที่จะถามได้
สำหรับลูกของเพื่อนเก่าแก่คนนี้ เขาได้ให้ความสำคัญอย่างมาก
มันเห็นได้ชัดเลยหรอ ? เอริคถามอย่างกระวนกระวาย
เจฟหัวเราะ มันเขียนอยู่บนหน้านายเลยหละ
อาจเป็นเพราะผมพบเป้าหมายในชีวิตแล้ว คุณก็รู้ว่าเมื่อคนเรามีเป้าหมายพวกเขาจะมีแรงขับเคลื่อนมากขึ้น
โอ้ เป้าหมายอะไร ? นายบอกฉันหน่อยสิ ?
แน่นอนว่าได้ เอริคตอบว่า ผมตั้งใจจะเป็นผู้กำกับ ตอนนี้ผมเริ่มเขียนงานแรกแล้ว มันกำลังจะสมบูรณ์ในอีกสองวัน
จะเป็น....ผู้กำกับงั้นหรอ? เจฟรู้สึกตกใจจนอ้าปากโดยไม่รู้ตัว เขาอยากจะเตือนไม่ให้ตั้งเป้าหมายสูงเกินไป
แต่เขาก็นึกได้ว่าเด็กคนนี้เพิ่งไว้ทุกข์ให้กับพ่อ ก็เลยกลืนคำพูดนั้นไป
เมื่อเห็นเอริคมีความคิดเช่นนี้ เขาก็ได้แต่ยิ้มให้กำลังใจเอริค
ผู้คนหลายพันคนมาฮอลลีวู้ดทุกๆปีเพื่อตามหาความฝันของเขาในวงการภาพยนต์
คนที่ปะะสบความสำเร็จได้นั้นมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น
ถ้าอย่างงั้น...เมื่อเขียนบทภาพยนต์เสร็จแล้วก็ลองเอามาให้ฉันดูได้ รู้ไหมเมื่อก่อนฉันก็อยากจะเป็นนักแสดง แต่อย่างที่เห็นตอนนี้ฉันก็เป็นแบบนี้ไปซะแล้ว เจฟ ตบลงพุงมหึมาของเขาแล้วพูดต่อว่า
ในอดีตฉันหล่อมาก และยังเคยเล่นบทเล็กๆในเรื่องThe Godfather ด้วย เวลามันผ่านไปเร็วว่าไหม
เอริครู้สึกทึ่ง เขาไม่เคยคิดเลยว่าเจฟจะมีอดีตเช่นนี้ แต่แล้วเข้าก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว
ที่นี่คือฮอลลีวู้ด สถานที่ผลิตภาพยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ไม่มีปัญหา เมื่อผมเขียนเสร็จแล้ว คุณสามารถช่วยแสดงความคิดเห็นได้ เอริคตอบเพื่อให้เจฟที่ดูอึดอัดรู้สึกสบายใจขึ้น
นอกจากนี้เขายังต้องการฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆอีกด้วย
แม้เอริคจะได้ปรับปรุงบทของเรื่องนี้แล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีข้อบกพร่อง
ความคิดเห็นจากคนอื่น อย่างเจฟอาจช่วยเขาหาช่องโหว่ได้
ทั้งสองพูดคุยสักพัก เมื่อแขกหลายคนเดินเข้าไปในห้องอาหารเอริคก็รีบเดินไปต้อนรับพวกเขา
หลังจากทำงานทั้งวัน เอริคก็ได้รีบกลับบ้านแล้วกินมื้อเย็นและวุ่นอยู่กับ นวนิยายและบทหนังเรื่อง จูราสสิก ปาร์ค
นวนิยายจูราสสิก ปาร์ค นั้นในที่สุดก็ได้เข้าสู่ขั้นตอนการตรวจอักษรขั้นสุดท้าย
เอริคตั้งใจส่งต้นฉบับไปยังสำนักพิมพ์หลายแห่งในวันพรุ่งนี้
สำหรับสคริปหนัง เอริคก็ได้ร่างไว้แล้ว แต่ยังมีอีกหลายจุดที่ต้องแก้ไข
เอริคได้วางบททั้งหมดไว้ในหัวแล้ว แต่เขายังต้องใช้เวลาอีกสองวันในการเขียนมันออกมา
เขาออกจากบ้านตอนเช้าในเวลา 7 โมง เพื่อส่งสำเนาจูราสสิก ปาร์ค เขาได้จดที่อยู่ของสำนักพิมพ์ที่มีชื่อเสียงในอเมริกาไว้แล้ว
แม้ว่าจะถูกปฎิเสธต้นฉบับ เอริคก็ไม่ได้ผิดหวัง
ต้องรู้กันก่อนว่าในอเมริกามีสำนักพิมพ์ใหญ่น้อยนับหมื่น ก็ต้องมีบางที่ที่รับงานของเขามั้งหละ
แม้ว่าจูราสสิก ปาร์คจะเคยติดรายชื่อหนังสือที่ขายดีที่สุดของ New York Times แต่นั่นไม่ใช่จุดมุ่งหมายของเอริค
เป้าหมายของเขาคือการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เมื่อหนังสือเล่มนี้ถูกวางขายแล้ว
สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหม ? เมื่อก้าวเข้าในร้านถ่ายเอกสารแล้วพนักงานหญิงผิวดำก็ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น
เอริคดึงต้นฉบับออกมาจากกระเป๋าของเขา ผมต้องการให้คุณถ่ายเอกสารพวกนี้สักสองสามฉบับ
ขณะที่สาวผิวดำมองไปที่ต้นฉบับปึกหนา ดวงตาเธอก็กว้างขึ้น พร้อมฉีกยิ้มกว้าง
ขอฉันดูหน่อยนะคะ
ไม่มีปัญหา เอริคส่งต้นฉบับให้
สาวผิวดำไม่ได้สนใจเนื้อหา แล้วเริ่มนับจำนวนหน้ากระดาษ
ทั้งหมดมากกว่า 300 แผ่น แต่ฉันคิดเป็น300แผ่นละกัน ราคาทั้งหมดก็ 30 ดอลล่า ต่อ 1 ชุด จะให้ฉันถ่ายเอกสารให้เลยไหมคะ ?
30 ดอลล่า ! ปากของเอริค สั่นเล็กน้อย ก่อนที่จะถอนหายใจ ราคามันมาก
เอริคได้ขอเงินค่าจ้างล่วงหน้าไปแล้ว ในตอนนี้เขาเหลือเพียงไม่กี่ร้อยเหรีญเท่านั้น
หลังจากต่อรองราคาไปมาในในที่สุดก็ได้สรุปราคาอยู่ที่ 4 ชุด 100 ดอลล่า
เมื่อจ่ายเงินไปแล้วสาวผิวดำก็ยกกาแฟมาให้เอริค แล้วจึงหยิบต้นฉบับไปถ่าย
เอริคนั่งจับถ้วยกาแฟมองไปที่สาวผิวดำ มันควรใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงซึ่งอาจไปไม่ทันงานเขา
แม้เขาจะรู้ว่าเจฟจะไม่หักเงินเดือนเขาแม้ว่าจะมาสายก็ตาม
แต่มิตรภาพก็คือมิตรภาพ งานก็คืองาน เอริครู้ว่าถ้าเขาต้องการรักษาความสัมพันธ์ในตอนนี้กับเจฟเขาไม่ควรทำตัวหย่อนยาน
ประมาณสิบนาทีต่อมาที่ทางเข้าร้านพิมพ์ เอริคเงิยหน้าขึ้นเห็นชายผิวขาวผมน้ำตาลคนนึง เดินถือถุงเข้ามาในร้าน
ชายคนนี้อายุราวๆ40 สูง 170 เซนติเมตร สวมแว่นตาสีทอง หน้าผากล้านนิๆ ให้ความรู้สึกเป็นคนสุภาพ
ยินดีต้องรับ โปรดรอสักครู่นะคะ
ชายผมน้ำตาลพยักหน้าช้าๆ แล้วนั่งลงข้างๆเอริค สาวผิวดำหยุดทำงานชั่วครู่แล้วเดินมาเสริ์ฟกาแฟให้กับลูกค้าที่มาใหม่
ฉันกำลังทำงานให้ลูกค้าท่านอื่น โปรอรอสัก 10 นาที รับกาแฟไปทานระหว่างนี้นะคะ
ชายคนนั้นบอกขอบคุณเธอแล้วรับถ้วยไป สายตาที่มองดูสาวผิวดำที่กำลังถ่ายเอกสาร ขณะที่
ในร้านมีเพียงสามคน มันช่วยไม่ได้ที่เขามองมาที่เอริค
ขอถามตรงๆ นะ นั่นเป็นต้นฉบับของคุณ ?
เอริคพยักหน้า ใช่แล้ว นั่นเป็นนวนิยายที่เพิ่งเขียนเสร็จของผม ตอนนี้กำลังถ่ายสำเนาอยู่
คุณดูเหมือนนักเรียนมัธยม มันน่าประทับใจมากสำหรับคนอายุเท่าคุณ
ขอบคุณ นี่เป็นนวนิยายเรื่องแรก ดังนั้นผมเลยไม่มีความมั่นใจมากนัก
ไม่หรอก คุณต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเอง...ขอผมลองอ่านต้นฉบับของคุณได้ไหม? เมื่อกล่าวเสร็จ
เขาก็ดึงนามบัตรมอบให้กับเอริค อย่างที่เห็น ผมมีสำนักพิมพ์เล็กๆอยู่
เอริค รับบัตรมาและมองดูชื่อ
ไมเคิล ไครช ผู้จัดการสำนักพิมพ์ Night Elves
คิ้วของเอริคเลิกขึ้น ขอบคุณที่ไม่ใช่ไมเคิล ไครชตัน ช่วยไม่ได้เอริคได้แต่บ่นในใจ
ชาวตะวันตกนี่ขาดความคิดสร้างสรรค์ในเรื่องชื่อจริงๆ เขาจำได้ว่าในโรงเรียนมัธยมของเอริค
ในห้องของเขามีผู้ชายสองคนชื่อ เจค และผู้หญิงสองคนชื่อ เจสสิก้า
เมื่อดูนักเรียนทั้งโรงเรียนคนที่มีชื่อเดียวกันเป็นจำนวนมาก บางคนก็ไม่ได้คิดชื่อลูกอย่างเหมาะสม
อย่าง โรเบิต ดาวนี่ ก็เพียงเติมคำว่า Jr. ลงบนชื่อลูกชายของเขาอย่างเฉื่อยชา
เอริคได้ให้ฉบับที่เพิ่งถ่ายเสร็จไป อีกฝ่ายรับหนังสือแล้วมองไปที่ชื่อเรื่อง จูราสสิก พาร์ค ชื่อฟังดูน่าสนใจมาก
เอริคยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆ ไมเคิล ไครช ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรแล้วลงมืออ่าน
ยิ่งอ่านเท่าไหร่ท่าทางแบบสบายๆของเขาเริ่มดูจริงจังมากขึ้นเรื่องๆ แม้ว่าเขาจะยกย่องเอริค
แต่เมื่อนึกถึงอายุ เขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะเขียนอะไรแบบนี้ได้ ในการทำธุรกิจผู้เขียนแทบทั้งหมดเป็นผู้ชายที่มีอายุ ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์และมีความรู้กวางขว้างดุจทะเล
หลังอ่านต้นฉบับในมืออย่างรวดเร็วและรอบคอบ เขาจัดระเบียบท่าทางของของเขาแล้วมองไปที่เอริค
ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ มันมีความตื่นเต้นและมีความมุ่งมั่น
หนุ่มน้อย ช่วยบอกชื่อหน่อยได้ไหม ?
เอริค วิลเลี่ยม เอริค ตอบอย่างตรงไปตรงมา ด้วยประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา
ไม่มีทางที่เขาจะไม่เข้าใจการแปลี่ยนแปลงในการแสดงออกของไมเคิล
แม้ว่าเขาจะไม่ได้วางแผนจะให้ จูราสสิก ปาร์ค แก่สำนักพิมพ์เล็กๆ แต่การทำความรู้จักกับไมเคิล ไครช ก็ไม่มีอันตรายใดๆ
ถ้าหาก จูราสสิก ปาร์ค ถูกปฎิเสธจากสำนักพิมพ์ที่มีชื่อเสียงอย่างน้อยมีแผนสำรองไว้ก่อนก็ไม่เสียหายอะไร