ตอนที่ 187 วงเงินหนึ่งพันล้าน
องค์ชายหนึ่งถอนหายใจโล่งอก ในที่สุดอีกฝ่ายก็เพิ่มราคาเสียที ตอนนี้เงินยี่สิบล้านของเขาปลอดภัยแล้ว
หลิงฮันหัวเราะและพูด “สุนัขเฒ่า ถ้าจู่ๆข้าเปลี่ยนใจไม่ประมูลต่อ เจ้าจะหวาดกลัวจนสลบไปเลยรึเปล่า?”
“เหอะ ก็แค่เงินยี่สิบล้าน มันไม่ใช่จำนวนเงินที่ข้าจะเก็บมาคิดมากเลยด้วยซ้ำ!” ในที่สาธารณะแบบนี้ ไม่มีทางแน่นอนที่เฉินหยุนเซียงจะยอมเสียหน้า ดังนั้นมันจึงทำใจให้สงบและตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“แขกผู้มีเกียรติชั้นสาม ท่านจะประมูลแข่งต่อรึไม่? ถ้าไม่ก็โปรดอย่าขัดจังหวะการมูล” ผู้ดูแลการประมูลกล่าวเตือน
“แน่นอน สำหรับข้าเงินทองเป็นเพียงของนอกกายเท่านั้น” หลิงฮันยิ้ม “สามสิบล้าน!”
“พรวด!”
องค์ชายหนึ่งจิบชาเพื่อพยายามทำใจให้สงบ แต่เมื่อได้ยินว่าสามสิบล้าน เขาสำลักนาชาที่ดื่มไปออกมาทันที โชคดีที่เขาสามารถหันหน้าได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นหากเขาสำลักน้ำชาใส่สาวใช้ที่ยืนอยู่ ชื่อเสียงของเขาต้องพังทลายแน่นอน
“แค่ก แค่ก แค่ก!” สีหน้าขององค์ชายหนึ่งกลายเป็นแดงก่ำและพูด “นายน้อยฮัน เจ้าเพิ่งจะเสนอราคาสามสิบล้าน?”
“ใช่แล้ว ข้าคิดว่าด้วยความมั่งคั่งขององค์ชาย การให้เงินข้ายืมสักสามสิบล้านคงขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก” หลิงฮันพูดและหัวเราะ
ไม่ร่วงน้องสาวเจ้าสิ! นั่นมันเงินสามสิบล้านเชียวนะ!
“นายน้อยฮัน เจ้าพยายามจะสังหารข้าทางอ้อมรึเปล่า?” องค์ชายหนึ่งฝืนใจถามออกมา ถ้าหลิงฮันไม่สามารถหาเงินจำนวนนี้มาคืนเขาได้ ไม่ใช่ว่าหนี้ครั้งนี้จะต้องตกมาที่ตัวเขารึไง? ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ เพราะอย่างไรพวกเขาทั้งสองคนก็อยู่ในห้องส่วนตัวห้องเดียวกัน
สามสิบล้าน... เพียงแค่คิด ใบหน้าขององค์ชายหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นมืดมน ภายในเวลาห้าปีเขาสามารถหาเงินได้เพียงสิบล้านเท่านั้น
“ฮ่าๆ!” หลิงฮันยิ้มและไม่อธิบาย
ในห้องส่วนตัวชั้นสอง ซุนจือหยานหัวเราะดังลั่น “เจ้านายน้อยจอมเสเพลนั่นช่างงี่เง่าจริงๆ! เขาใช้เงินสามสิบล้านทิ้งไปแบบนั้น! ฮ่าๆๆ เอาเลยๆ เพิ่มราคาต่อไปซิ!”
เฉินหยุนเซียงมองไปยังซุนจือหยานด้วยสายตาอันขมขื่น ‘ข้าต้องเพิ่มราคาเพียงเพราะคำพูดของเจ้างั้นรึ?’ นั่นมันสามสิบล้านเชียวนะ... ถ้าหลิงฮันตัดสินใจไม่เสนอราคาต่อ มันก็ต้องขายสมบัติอย่างน้อยหนึ่งในสามของตระกูลเฉินทิ้งเพื่อนำมาใช้หนี้
เมื่อถึงตอนนั้น มันจะไม่สามารถต่อต้านร้านขายเสื้อผ้าราคาต่ำของหลิงฮันได้อีกต่อไป
“สะ...สามสิบเอ็ดล้าน!” เฉินหยุนเซียงกัดฟันพูด หลังจากเสนอราคาออกไป มันรู้สึกได้เลยว่าหัวใจของมันเต้นเร็วผิดปกติ ราวกับว่าหัวใจของมันกำลังจะกระเด็นผ่านลำคอออกมา
มันมีชีวิตอยู่มาหลายปี แต่ไม่เคยใช้เงินสามสิบล้านรวดเดียวเช่นนี้เลยสักครั้ง ไม่สิ แม้แต่สิบห้ามันก็ยังไม่เคย เงินจำนวนมหาศาลนั่นทำให้โลหิตของมันสูบฉีดขึ้นไปที่หัวจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ หัวของมันสามารถระเบิดได้ตลอดเวลา
องค์ชายหนึ่งถอนหายใจโล่งอกอีกครั้ง มือของเขายื่นออกไปเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก เงินสามสิบล้าน... ไม่ใช่แค่เขา บางทีแม้แต่จักรพรรดิพิรุณยังต้องคิดอย่างจริงจังก่อนที่จะใช้เงินจำนวนนี้
โชคดีที่มีเจ้าโง่คนหนึ่งเสนอราคาต่อ
เขาจ้องไปยังหลินฮันและตัดสินใจแล้วว่า หากหลิงฮันมีทีท่าจะเสนอราคาต่อ เขาจะลงมือห้ามซะ
หลิงฮันยิ้ม ถ้าเขาหยุดประมูลตอนนี้ เฉินหยุนเซียงจะต้องหัวใจวายตายแน่นอน นั่นเป็นโอกาสทีในการทำลายตระกูลเฉิน แต่หลิงฮันไม่อยากพลาดยันต์อาคมเมฆาล่องเพียงเพราะเรื่องแค่นี้
“สี่สิบล้าน!” หลิงฮันเสนอราคาเพิ่มอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีใครสามารถห้ามทัน
‘ปัง’ เก้าอี้ด้านหลังองค์ชายหนึ่งพังทลาย นั่นเพราะเขากระวนกระวายเกินไปจนควบคุมปราณก่อเกิดภายในร่างไม่ได้ การเสียการควบคุมปราณก่อเกิดทำให้เก้าอี้ที่ทำจากไม้ชั้นดีพังทลาย
“นายน้อยฮัน นายน้อยจะล้อเล่นเกินไปแล้ว” องค์ชายหนึ่งส่ายหัว เขาไม่สามารถหาเงินจำนวนสี่สิบล้านมาได้แน่นอน ดังนั้นหากตำหนักสมบัติวิญญาณเข้ามาถามเรื่องการชำระเงิน เขาจะต้องแยกตัวเองให้ห่างจากหลิงฮันอย่างชัดเจน เพราะอย่างไรคนที่เสนอราคาก็คือหลิงฮัน ดังนั้นคนที่ต้องจ่ายก็ต้องเป็นหลิงฮัน
ตอนนี้เขารู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก ในขณะที่เฉินหยุนเซียงอ้าปากถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่ว่ายังไงต่อจากนี้มันก็จะไม่เสนอราคาเพิ่มอีกแล้ว
เมื่อซุนจือหยานเห็นเช่นนี้ รอยยิ้มได้ปรากฏบนมุมปากของมัน “คุณผู้ดูแล ข้ามีเรื่องอยากจะถาม ถ้าคนที่เสนอราคาไม่สามารถชำระเงินได้ เรื่องนี้จะถูกจัดการอย่างไร?”
“แน่นอน ตามกฎของตำหนัก ผู้ที่กระทำผิดจะต้องถูกทำลายการบ่มเพาะและไม่สามารถก้าวเข้ามายังตำหนักสมบัติวิญญาณได้อีกตลอดการ!” ผู้ดูแลการประมูลตอบทันที
“ดี!” ซุนจือหยานเค้นเสียงเย็นชาและพูด “ข้าสงสัยว่าแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามจะไม่สามารถชำระเงินจำนวนนั้นได้ และที่ผ่านมาเขาพยายามทำสงครามราคากับพวกเรา!”
“หืม?” ดวงตาของผู้ดูแลกลายเป็นเคร่งขรึม “ในเมื่อนายน้อยซุนสงสัยเช่นนั้น งั้นข้าขอตัวไปทำการยืนยันเสียหน่อย” ผู้ดูแลหันหลังเดินหายไปยังพื้นที่หลังเวที
ใบหน้าขององค์ชายหนึ่งกลายเป็นมืดมนทันที ถ้าเขาถูกไล่ออกจากที่นี่เพียงเพราะมีส่วนรู้เห็นในการก่อกวนการประมูล ชื่อเสียงของเขาจะยังเหลืออยู่อีกงั้นรึ? เดี๋ยวสิ เจ้าหนูนี่คงจะไม่ได้จงใจทำหรอกนะ? หรือว่าหลิงฮันจะจงในสร้างความอับอายให้เขาต่อหน้าสาธารณชน เพื่อเป็นการช่วยกำจัดอุปสรรคให้องค์ชายสาม?
เมื่อเขาคิดเช่นนี้เสร็จ ผู้ดูแลการประมูลก็กลับมาพอดีและพูด “ข้าได้รับการยืนยันจากหนึ่งในผู้อาวุโสของตำหนักแล้ว แขกผู้มีเกียรติท่านนั้นสามารถชำระเงินจำนวนสี่สิบล้านได้อย่างแน่นอน และถึงแม้แขกผู้มีเกียรติท่านนั้นจะไม่มีเงินอยู่กับตัว ตำหนักของเราก็ยินดีให้วงเงินใช้จ่ายล่วงหน้าจำนวนหนึ่งพันล้านแก่เขา”
“พรวด! พรวด! พรวด!”
ทุกคนสำลักออกมาอย่างช่วยไม่ได้
วงเงินหนึ่งพันล้าน... นั่นหมายความว่าอย่างไรน่ะรึ?
แม้หลิงฮันไม่มีเงินติดตัวสักเหรียญก็สามารถประมูลสินค้าราคาหนึ่งพันล้านได้ โดยตำหนักสมบัติวิญญาณจะเป็นคนออกเงินล่วงหน้าให้กับเขา การที่ได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้... แม้แต่ผู้นำของแปดตระกูลใหญ่ก็ต้องรู้สึกเพลิดเพลินไปกับมัน
องค์ชายหนึ่งอ้าปากค้าง ดวงตาของเขาเปิดเผยอาการตะลึงออกมา
ตำหนักสมบัติวิญญาณให้ความสำคัญกับหลิงฮันมากเกินไปรึเปล่า? พวกเขาไม่เพียงให้หลิงฮันใช้ห้องส่วนตัว แต่ยังมอบวงเงินจำนวนหนึ่งพันล้านให้เขาด้วย เมื่อองค์ชายหนึ่งคิดเช่นนี้ แม้แต่เขาเองก็ยังอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้
หลิงฮันยิ้มอย่างสงบและพูด “ในเมื่อทรัพย์สินของข้าได้รับการยืนยันแล้ว เพื่อให้ยุติธรรม ทรัพย์สินของพวกเจ้าก็ต้องได้รับการยืนยันเช่นกัน ข้าสงสัยว่าพวกเจ้าทั้งสองต่างก็ยากจนกันทั้งคู่และพยายามทำสงครามราคากับข้า”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าของซุนจือหยานและเฉินหยุนเซียงเปลี่ยนไปทันที พวกมันไม่สามารถชำระเงินจำนวนสามสิบล้านได้แน่นอน
“เหอะ ข้าคือสมาชิกของตระกูลซุน จะเป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะไม่สามารถชำระเงินเพียงสามสิบล้านได้?” ซุนจือหยานฝืนพูดออกมา
“ถ้าคำพูดเหล่านั้นออกมาจากปากผู้นำตระกูลซุนก็คงไม่มีปัญหา แต่รุ่นเยาว์เช่นเจ้าเพียงแค่สามารถชำระเงินจำนวนสามล้านได้ก็น่าประทับใจมากพอแล้ว” ใครบางคนพูดเยาะเย้ยขึ้นมา แน่นอนว่านั่นต้องเป็นหนึ่งในศัตรูของซุนจือหยาน
“ใช้แล้ว พวกเจ้าต้องถูกยืนยันด้วยเช่นกัน ไม่งั้นมันก็ไม่ยุติธรรม!” ใครอีกคนพูดเสริมขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
ไม่แปลกที่รุ่นเยาว์อารมณ์ร้อนเช่นซุนจือหยานจะสร้างศัตรูไว้มากมาย ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นโอกาสในการโจมตีซุนจือหยาน
“โปรดให้ความร่วมมือด้วยนายน้อยซุน” ผู้ดูแลการประมูลพูด ในเมื่อทรัพย์สินของหลิงฮันถูกตรวจสอบ ซุนจือหยานกับเฉินหยุนเซียงเองก็ต้องถูกตรวจสอบเช่นกัน ไม่เช่นนั้นมันคงไม่ยุติธรรม
สิ่งสำคัญที่สุดในการประมูลคือความยุติธรรม และสิ่งที่ทุกคนเกลียดที่สุดคือการจงใจเพิ่มราคา
ทันใดนั้นเอง คนของตำหนักสมบัติวิญญาณเข้าไปยังห้องส่วนตัวของซุนจือหยานกับเฉินหยุนเซียง หลังจากนั้นสักพักผู้ดูแลการปะมูลได้พูดขึ้นมา “จากผลการตรวจสอบ จำนวนเงินทั้งที่นายน้อยซุนและอาวุโสเฉินสามารถจ่ายได้คือ เก้าล้าน ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ห่างจากสามสิบล้านมาก”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นดังขึ้นมา ผู้คนจำนวนไม่น้อยได้ยิ้มเยาะเย้ยอย่างเย็นชา ถ้าพวกเขาไม่ใช่จอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณและมาที่นี่เพื่อเม็ดยาสร้างรากฐานโดยเฉพาะ ใครจะไปมีเงินติดตัวมากกว่าสิบล้าน?
ครั้งนี้ ชื่อเสียงทั้งหมดของซุนจือหยานได้พลังทลาย
ซุนจือหยานและเฉินหยุนเซียงถูกขับไล่ออกจากตำหนักสมบัติวิญญาณทันที เพราะว่าเฉินหยุนเซียงเป็นคบคิดเสนอราคาและมันไม่มีพลังบ่มเพาะแม้แต่น้อยจึงไม่มีการทำลายพลังบ่มเพาะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม พวกมันทั้งสองจะไม่สามารถเข้ามายังตำหนักสมบัติวิญญาณได้อีกตลอดกาล