บทที่ 45 เอาไงดี 3 (2) [อ่านฟรี]
บทที่ 45 เอาไงดี 3 (2)
มันไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดนักเพราะหน้ากากที่สวมเอาไว้แต่ดวงตาของเรดิก้ากลับคู้ต่ำลงราวกับเสี้ยวพระจันทร์
“ข้าต้องการเก็บสะสมพวกมันไว้ในคลังผลงานของข้า!”
ใบหน้าของคาร์ลแข็งทื่อไปชั่วขณะและเผลอเอ่ยออกมาโดยไม่ตั้งใจ
“บ้าไปแล้วรึไง?”
‘โดยปกติแล้วตัวร้ายที่จิตวิปริตเช่นนี้มักจะตายเร็ว’ คาร์ลนึกถึงเรื่องนี้ได้ก่อนจะหันไปมองเชวฮันที่ปรากฏตัวออกมาให้เขาเห็นอีกครั้ง
เชวฮันพยักหน้าให้เขาและหายตัวไปทันที
เชวฮันกำลังเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเพื่อจับตัวและฆ่านักเวทย์โรคจิตคนนี้แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเชวฮันก็ไม่ได้ขยับตัวเข้าใกล้เรดิก้าสักก้าวเดียว
เรดิก้าเหลียวมองไปที่พระราชาเซดซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่พลังเวทย์กำลังจะโจมตีถึงตัวเขาและเอ่ยขึ้น
“แล้วเจอกันใหม่!”
จากนั้นร่างของเขาก็หายไปไม่เพียงแต่ตัวเขาเท่านั้นกลุ่มคนชุดดำที่มาพร้อมกับเขาก็หายไปด้วยเช่นกัน อาวุธลับของหมอนั่นคือ ‘พลังเวทย์เคลื่อนย้ายมวลสาร’ ไม่มีทางที่กลุ่มคนที่พุ่งโจมตีตัวเขาจะสามารถรู้ว่าเขาหายตัวไปยังที่ใดได้เลย? แต่ในนิยายได้กล่าวถึงสถานที่ที่เรดิก้าและเหล่าสมาชิกขององค์กรลับจะปรากฏตัวขึ้นหลังออกจากจัตุรัสกลางเมืองนี้ไป
เชวฮัน ออน ฮงและล็อก พวกเขาทั้งหมดได้มุ่งหน้าไปยังที่นั่นก่อนหน้านี้แล้ว
ถ้าหากที่นั่นคือสถานที่ที่เรดิก้าและสมาชิกขององค์กรลับได้หายตัวเพื่อไปที่นั่นจริงๆเป็นไปได้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของเชวฮันอย่างแน่นอน
‘ฉันกลัวว่าเชวฮัน...จะโกรธและคลุ้มคลั่งมากกว่าเดิม’
นั่นเป็นสาเหตุที่คาร์ลส่งออน ฮงและล็อกให้ติดตามเชวฮันไป ทั้งสามคนสามารถช่วยให้เชวฮันมีสติมากกว่าเดิมได้ เชวฮันมักจะใจอ่อนให้แก่ผู้ที่อ่อนเยาว์กว่าและผู้ที่อ่อนแอกว่าตนเอง
คาร์ลค่อยๆลุกขึ้นยืนจากพื้นที่เขานั่งอยู่
พระราชาเซดกำลังเสด็จไปยังพระที่นั่งอีกครั้งและในขณะที่ผู้คนทั่วทั้งจัตุรัสกลางเมืองก็เริ่มส่งเสียงพูดคุยขึ้นอีกครั้งเช่นกัน คนร้ายได้หลบหนีไปได้โดยทิ้งความเลวร้ายไว้เบื้องหลังของพวกมัน พระราชาเซดเสด็จประทับยังแท่นพิธีเพื่อพยายามทำให้ฝูงชนสงบลง
“ข้าจะหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อแก้แค้นให้กับเหตุการณ์ที่โหดร้ายและน่ากลัวนี้อย่างแน่นอน...นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าอยากให้พวกท่านทุกคนเชื่อฟังในคำสั่งของพระราชาองค์นี้และแยกย้ายกลับไปรักษาตนเองและพักผ่อนเสียเถิด...เราจะเลื่อนการจัดพิธีเฉลิมฉลองนี้ออกไปก่อน”
คาร์ลละสายตาออกจากพระราชาเซดเพื่อมองดูโรสลิน อันที่จริงตามแผนที่พวกเขาวางไว้เธอควรที่จะหลบซ่อนตัวและไม่ควรปรากฏตัวออกมาเช่นนี้แต่ท้ายที่สุดเธอก็เลือกที่จะเปิดเผยตัวเองเพื่อคาร์ล
‘เธออาจจะปรากฏตัวออกมาเพราะมังกรดำไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของมันได้’
โรสลินเริ่มยิ้มหลังจากที่สบตาเข้ากับคาร์ล จากนั้นเธอก็เริ่มพูดผ่านสายตาของเธอออกมา
‘ความลับ’
คาร์ลเริ่มยิ้มออกมาเช่นกัน โรสลินเป็นคนที่มีคลื่นตรงกันกับเขาทำให้ความคิดเห็นของพวกเขามักจะตรงกันอยู่เสมอ
คาร์ลได้ให้คำแนะนำกับพรรคพวกของตนไปก่อนหน้านี้
ประการแรกมังกรดำและเหล่าสัตว์อสูรซึ่งประกอบด้วยออน ฮงและล็อกจะไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามซึ่งนับว่าเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุดก็ว่าได้
ประการที่สองแม้ว่าเชวฮันและโรสลินจะได้รับการยกย่องจากผู้คนที่นี่มากมายเพียงใดก็ตามพวกเขาก็ต้องยืนกรานว่ามาที่นี่ด้วยความบังเอิญเท่านั้น สิ่งนี้นับเป็นสิ่งที่เป็นไปได้เพราะพระราชาไม่มีทางที่จะทราบเกี่ยวกับระเบิดพลังเวทย์ที่ถูกซ่อนอยู่ตามสถานที่ต่างๆในจัตุรัสกลางเมืองนี้อีกทั้งไม่มีวิธีการใดจะพิสูจน์ตัวตนของผู้ที่กำจัดระเบิดพลังเวทย์ด้วยการส่งมันขึ้นไปบนท้องฟ้าได้
ประการที่สามพวกเขาจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายซึ่งกันและกัน
คาร์ลและโรสลินรู้ว่าพวกเขาทั้งคู่ต้องทำอะไรบ้างจากการสบตากันเพียงครั้งเดียว นั่นคือสาเหตุที่คาร์ลค่อยๆปัดฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆออกจากเสื้อผ้าของเขาก่อนที่จะจัดมันให้เรียบร้อยเหมือนเดิม
จากนั้นคาร์ลก็ส่งยิ้มให้กับคนที่เดินเข้ามาหาตน
“โอ้!...นายน้อยคาร์ล..ท่านเป็นเช่นไรบ้าง?”
นักบวชมีท่าทางแข็งขืนราวกับว่าเขาถูกอามูร์และกิลเบิร์ตบังคับขู่เข็ญเพื่อลากตัวเขามาหาคาร์ลที่นี่ โรสลินก้าวถอยหลังออกไปไม่ไกลนัก คาร์ลยื่นมือของตนออกไปหานักบวชและเอ่ยขึ้น
“มันเจ็บมาก...โปรดดูอาการให้ข้าที...”
ก่อนที่หางตาของเขาจะเห็นว่าองค์ชายรัชทายาทกำลังมุ่งหน้ามาหาตนเช่นกัน องค์ชายรัชทายาทอาจจดจำโรสลินได้และอาจทราบถึงโล่ป้องกันสองชั้นจากพลังเวทย์ของโรสลินด้วยเช่นกันและนั่นอาจทำให้เขาตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขาและโรสลินได้
ในสถานการณ์เช่นนี้มันเป็นการดีกว่าที่เขาจะดึงเอาทุกสิ่งที่เขาสามารถทำได้ออกมาในภาวะที่คับขันเช่นนี้และนั่นจึงทำให้เขาเริ่มพูดด้วยเสียงอันดังที่พอจะทำให้เหล่านักบวชและขุนนางคนอื่นๆได้ยิน
“มันเป็นเรื่องยาก...ที่จะปกป้องบ้างสิ่งเอาไว้”
‘ในเมื่อฉันได้เปิดเผยไม้เด็ดและใช้พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณออกมาเช่นนี้แล้ว...ฉันก็ควรจะทำทุกอย่างที่ทำได้จากสถานการณ์เช่นนี้’
มันไม่ใช่ลักษณะของคาร์ลที่จะยอมเสียสละตัวเองเพื่อชื่อเสียงและไม่ได้รับสิ่งใดเป็นการตอบแทนเช่นนั้น เขาคิดว่าการหาเงินให้ได้มากย่อมดีกว่าการมีชื่อเสียงและเชื่อว่ามันจะดีมากกว่าหากเขาจะกลายเป็นมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งมากกว่าการเป็นวีรบุรุษผู้มีชื่อเสียงแต่ไร้เงินทอง
“อ่า....ใช่...เป็นเช่นนั้นจริงๆ...ข้าเห็นโล่สีเงินของนายน้อยคาร์ล...ท่านได้ทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก..”
นักบวชกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่พลางจับมือของคาร์ลเพื่อตรวจอาการของเขา คำพูดของนักบวชผู้นี้ทำให้ขุนนางที่อยู่รอบๆคาร์ลจ้องมองดูเขาด้วยความสงสัยและใคร่รู้
‘คาร์ล เฮนิตัส’ ชายหนุ่มผู้ที่เป็นที่รู้จักในนามของขยะไร้ค่าได้เปิดเผยความแข็งแกร่งของตนออกมาเช่นนี้ทำให้พวกเขาต่างตกใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งการที่เขาเข้าปกป้องคนอื่นๆจากระเบิดพลังเวทย์จนทำให้ตัวเขาล้มลงและกระอักเป็นเลือดเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา แต่ว่าในตอนนี้เขากลับยืนอยู่ตรงนั้นราวกับไม่มีอาการที่ผิดแปลกออกไป
เหล่าขุนนางยังคงลอบสังเกตคาร์ลอย่างเงียบๆ และเนื่องจากพระราชาได้ทรงทอดทิ้งเหล่าชาวเมืองเพื่อหลบหนีเอาตัวรอดไปเช่นนั้น จึงทำให้เหล่าชาวเมืองจำนวนมากต่างมองไปที่คาร์ลอย่างเต็มตาเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดไม่สามารถลืมแสงสีเงินนั้นได้เลย
คาร์ลหันไปมองใบหน้าของเหล่าขุนนางทั้งหลายที่จ้องมาที่ตนอยู่ ทุกครั้งที่เขาสบตาเข้ากับพวกเขาแต่ละคนก็มีปฏิกิริยาที่ต่างกันออกไป บางคนก็มองมาที่เขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น บางคนก็พยายามหลบเลี่ยงสายตาของเขาและบางคนก็ส่งยิ้มบางๆมาให้เขา
คาร์ลหันกลับมามองยังนักบวชอีกครั้งหลังจากที่ละสายตาออกจากเหล่าขุนนางทั้งหมดและเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางนิ่งเฉยและน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“ข้าคิดว่านี่คงเป็นครั้งแรกที่ท่านได้เห็นพลังศักดิ์สิทธ์โบราณ”
อ่า........
นักบวชผู้นี้ชะงักค้างไปโดยทันที
พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนับเป็นของที่ระลึกจากในอดีตที่สามารถพบเจอด้วยความบังเอิญเท่านั้นและพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณเหล่านี้ต่างมีคุณสมบัติและพลังความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันออกไป
“ข้าเข้าใจแล้ว...”
น้ำเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นจากทางเบื้องหลังของคาร์ลก่อนที่บุคคลคนนี้จะยกมือของเขาวางไว้ที่ไหล่ของคาร์ลทันที
คาร์ลรับรู้ได้ว่าเขามาถึงแล้ว
“ถวายบังคมพะย่ะค่ะองค์ชายรัชทายาท...”
คาร์ลหันหลังกลับมาและสบตาเข้ากับองค์ชายอัลเบิร์ก คอสแมน ก่อนที่คาร์ลจะตระหนักได้ว่าช่วงเวลานี้คล้ายคลึงกับสิ่งที่เขาอ่านในนิยาย
วีรบุรุษแห่งเหตุการณ์เขย่าขวัญในจัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้ เพื่อเป็นการจัดการกับข้อร้องเรียนจากเหล่าชาวเมืองเกี่ยวกับความปลอดภัยของพวกเขาและความจริงที่ว่าเหล่าเชื้อพระวงศ์และเหล่าขุนนางพยายามที่จะวิ่งหนีโดยทอดทิ้งเหล่าชาวเมืองเอาไว้ ทำให้องค์ชายรัชทายาทได้เปลี่ยนเชวฮันให้กลายเป็นสัญญาณแห่งความหวัง คนที่เป็นผู้สร้างให้เชวฮันเป็นวีรบุรุษในนิยายเรื่องนี้ก็คือองค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าคาร์ลคนนี้นั่นเอง
คาร์ลตระหนักได้ว่าช่วงเวลาที่เขาคาดว่าจะมาถึงได้มาถึงแล้วในตอนนี้เมื่อเขาได้มองเห็นแววตาเช่นนั้นขององค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์ก คาร์ลได้คาดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณออกไปและกำหนดแผนการในใจของเขาอย่างรวดเร็ว คาร์ลกำลังวางแผนที่จะใช้สถานการณ์นี้เพื่อผลประโยชน์ของเขาตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
เช่นเดียวกับองค์ชายรัชทายาทที่ตระหนักว่าคาร์ลนั้นคล้ายคลึงกับตนมากเกินไป
“.....คาร์ล”
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กสวมกอดคาร์ลด้วยความตกใจปะปนไปกับความชื่นชมทั่วทั้งใบหน้าของเขา
“...ขอบคุณเจ้ามาก....ข้าภูมิใจในสิ่งที่เจ้าทำยิ่งนัก”
ใครๆก็สามารถมองเห็นได้ว่าองค์ชายรัชทายาทเต็มไปด้วยความชื่นชมในตัวคาร์ลเป็นอย่างยิ่ง ท่าทางของพระองค์ในตอนนี้นับเป็นปฏิกิริยาที่ไม่เหมาะสมสำหรับการเป็นองค์ชายเสียด้วยซ้ำ
ในช่วงเวลานั้นคาร์ลได้ยินเสียงกระซิบขององค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กลอดผ่านเข้ามาในหูของตน มันเป็นประโยคที่มีเพียงคาร์ลเท่านั้นที่ได้ยินมัน
“คาร์ล...เจ้ากับข้าจะร่วมแบ่งปันลักษณะที่เรามีเหมือนกันได้ใช่หรือไม่?”
‘แน่นอน’
น้ำเสียงขององค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กค่อนข้างเครียดเมื่อพบเจอคนอย่างเขาเข้า
“ข้าจะทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรน่ารำคาญสำหรับเจ้าและจะตอบแทนเจ้าเป็นอย่างดี...เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”
‘ตามนั้น’
คาร์ลยกมือของตนขึ้นแล้วส่งยิ้มออกมาเมื่อเขาสวมกอดองค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กคืน จากนั้นคาร์ลก็เริ่มพูดออกมา
“องค์ชาย...ไม่เป็นไรเลยพะย่ะค่ะ...หม่อมฉันเพียงทำในสิ่งที่พลเมืองคนหนึ่งพึงทำเพื่ออาณาจักรเท่านั้นเองพะย่ะค่ะ”
เสียงของมังกรดำดังก้องอยู่ในหัวของคาร์ล
~ .....เอ่อ...มันมีบางอย่างที่แปลกๆ ~
มังกรดำตนนี้ถึงจะยังเด็กแต่เมื่อมันมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แปลกออกไป
คาร์ลเสร็จสิ้นการสวมกอดที่แสนเสแสร้งของตนลงก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังพระราชวัง ถึงแม้ว่าการรักษาร่างกายของเขาและการถูกไต่สวนจะเป็นจุดประสงค์หลักในการมุ่งสู่พระราชวังในครั้งนี้ แต่ถึงมันจะเป็นเช่นนั้นคาร์ลก็กำลังคิดที่จะยึดเสาหลักของพระราชวังไว้อย่างน้อยก็เพื่อประโยชน์ต่อตัวเขาเอง เขากำลังคิดถึงเรื่องเหล่านี้ไปมาในขณะที่สาวเท้าของตนให้เดินไปพร้อมกับองค์ชายรัชทายาท
ในตอนนี้พระพักตร์ขององค์ชายรัชทายาทกลับแข็งกระด้างขึ้น