ตอนที่แล้วบทที่ 116 - ฉันคือเจ้าของชีวิตของฉัน (8) [อ่านฟรีวันที่ 06/02/2562]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 118 - ทุกคนรวมพลังเป็นหนึ่ง (2) [อ่านฟรีวันที่ 10/02/2562]

บทที่ 117 - ทุกคนรวมพลังเป็นหนึ่ง (1) [อ่านฟรีวันที่ 08/02/2562]


บทที่ 117 - ทุกคนรวมพลังเป็นหนึ่ง (1)

 

หลังจากกำจัดหมาป่าแดงออกไปจนหมดมนุษย์ก็ยังคงล้อมเฝ้าระวังหมาป่าดำอยู่ มันเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะต้องเตรียมตัวโจมตีหมาป่าดำต่อ แต่ว่าเพราะคำประกาศของซูซาโนะได้หยุดพวกเขาเอาไว้

"งั้น"

หัวหน้าตระกูลเทพสายฟ้าคังมิเรย์ได้วางมือลงบนหน้าผากของเธอเพื่อพยายามทำตัวให้ใจเย็นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อที่จะยืนยันสถานการณ์จากยูอิลฮาน

"พวกนั้นทั้งหมดได้มาเป็นลูกน้องของคุณแล้วงั้นหรอ?"

"ใช่แล้ว"

ยูอิลฮานได้มองทางเอริเซียและหยักหน้าออกมา เธอได้เดินมาข้างหน้าพร้อมกับเฟมิลเพื่อแนะนำตัวด้วยการโค้งน้อยๆ เมื่อเธอได้ก้าวอยู่หลังยูอิลฮานเล็กน้อยและคุกเข่าลง หมาป่าทั้งหมดที่รอดอยู่ก็ได้ทำตามเธอ นี่มันเป็นการส่งเสริมคำประกาศก่อนหน้าอย่างสมบูรณ์

"โอ้พระเจ้า...."

"บ้าไปแล้ว เขาเป็นนักฝึกมอนสเตอร์งั้นหรอ? แล้วก็จำนวนมากขนาดนี้มัน...."

"ได้ยังไงกัน...."

ทุกคนต่างก็ตกตะลึง มันจะไม่แปลกเลยที่จะมีคนตะโกนออกมาว่า 'ไม่อยากจะเชื่อ' หรือม่ก็ 'ฉันยอมรับไม่ได้' แต่แล้วมันกลับไม่มีใครทำแบบนั้น นี่มันก็เพราะถ้าหากว่าจะมีคนเริ่มถามคำถามนี้ก่อนอื่นพวกเขาก็น่าจะมีคำถามถึงตัวตนของซูซาโนะก่อน

"คลาส 4 ทุกๆตัวนอกไปจากเจ้าเฟมิลนี่ได้ตายไปหมดแล้ว ถ้าต้องการเธอจะเข้าไปในเกตเพื่อยืนยันถึงศพก็ได้"

"พวกเราไม่สงสัยคำพูดของคุณหรอก ยังไงก็ตามพวกนี้เป็นมอนสเตอร์และเพราะแบบนี้เราก็อดไม่ได้ที่จะกัง-"

"ฉันรับผิดชอบเอง"

ซูซาโนะได้พูดออกมาแล้วทำให้หัวหน้าตระกูลทั้งหมดได้หยักหน้าโดยไม่รู้ตัว

แน่นอนว่าเขาได้พูดแบบนี้ออกไปในขณะที่จ้องไปที่เอริเซียกับเฟมิล มันชัดเจนว่าเขาจะบอกกับพวกเธอว่า 'ฉันทำทั้งหมดนี้ให้เธอแล้วดังนั้นเธอรู้ใช่ไหมว่าหากเกิดอุบัติเหตุอะไรมันจะเกิดอะไรขึ้น?' แม้ว่าพวกหมาป่าจะไม่อาจเข้าใจภาษาอังกฤษได้แต่ว่าพวกเขาก็ดูจะเข้าใจถึงสิ่งที่จะบอกและหยักหน้าถี่ๆ

"ถ้างั้นพวกเราอยากจะยืนยันว่าเจ้าพวกนี้เข้าไปในเกต"

นี่มันก็ง่ายมากๆ เมื่อยูอิลฮานสั่งออกมา เฟมิลก็ได้พาหมาป่าที่่รอดอยู่ทั้งสามพันตัวกลับไปในเกต บางคนใจเย็นลงจากภาพนี้ บางคนก็รู้สึกชื่นชม และบางคนก็รู้สึกได้ถึงความเหนือกว่า

"ซูซาโนะกับกองทัพหมาป่า..."

"งั้นตอนนี้ก็ไม่มีใครจะบุกโลกแล้ว"

"งี้มันก็ไม่มีอะไรที่เปลื่ยนไป"

เมื่อหมาป่าธรรมดาได้เข้าไปในเกตหมดแล้ว หมาป่าที่เหลืออยู่ก็มีแค่เฟมิลกับเอริเซีย เฟมิลยังคงเม้มปากขมวดคิ้วอยู่กับเอริเซียที่ได้เข้ามากระซิบกับยูอิลฮาน

"นายท่าน ฉันจะขอเวลาสักหนึ่งสัปดาห์ได้หมด? ฉันอยากจะรวบรวมเผ่าหมาป่าที่เหลือรอดเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ขึ้นมา..."

"ไปเถอะ ฉันให้เวลาเธอสองสัปดาห์ ถ้าหากว่ายังมีกองทัพแห่งการทำลายเหลืออยู่ก็ช่วยจัดการมันไปด้วย โอ้แล้วก็รับนี่ไป"

"อ่า! ขอบคุณท่านมากๆ!"

ตอนที่ยูอิลฮานได้สุ่มๆควานไปในช่องเก็บของหยิบเอาอาวุธกับเกราะระดับยูนีคออกมา เธอก็ได้โค้งคำนับเขารัวๆเป็นการขอบคุณและวิ่งเข้าไปในเกตพร้อมกับเฟมิล

มนุษย์ยังคงมองไปที่เกตอย่างว้าวุ่นราวเหมือนกับว่ามันยังคงปล่อยควันที่ดูน่ากลัวออกมา แต่ว่าเมื่อคังมิเรย์ได้ปรบมือขึ้นทุกๆคนก็หันมาทางเธอทันที

"พวกเราได้รับชัยชนะแล้ว"

เธอได้ประกาศออกมาแบบนี้

"ขอบคุณที่ช่วยกันนะทุกๆคนเลย"

คำประกาศนี้มันเหมือนกับทุๆคน ความกังวลที่ทุกๆคนมีอยู่กับวิกฤติใหม่ตรงหน้านี้ยังคงมีอยู่แต่ว่าพวกเขาก็ถอนหายใจออกมาได้แล้ว

สงครามที่วุ่นวายและแสนสั้นภายในค่ำคืนฤดูใบไม้ผลิได้จบลงแบบนี้

"หือ? ซูซาโนะไปไหนแล้ว!?"

"เขาหายไปแล้ว! อ่า เด็กน้อยหน้ารักที่ลอยอยู่บนฟ้าคนเดียวก็ด้วย!"

"บุคคลไร้สังกัดสี่คนที่แข็งแกร่งก็หายไปด้วย"

ต้องขอบคุณคังมิเรย์ที่รวมความสนใจมาที่เธอทำให้มันง่ายที่จะใช้งานการปกปิดตัวตนเขากระทั่งคิดว่านี่คือความตั้งใจของเธอด้วย ยูอิลฮานได้ออกมาจากที่นี่พร้อมกับเอลฟ์ เลียร่า เอิลต้า และก็เฟมิล

"ซูซาโนะ ฉันจะต้องล้มแกให้ได้!"

"ใครก็ได้ไปลาากไอบ้านั่นมาที แต่มันก็น่าเศร้าจริงๆนะ ฉันอยากจะคุยกับซูซาโนะจริงๆ"

"ถอยทัพ! แค่ทิ้งส่วนหนึ่งไว้เฝ้าเกตก็พอ..."

"เราจะทำยังไงกับที่นี่ดีล่ะ? ที่นี่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่แล้วนี่"

การหายตัวไปอย่างกระทันหันของซูซาโนะทำให้บางคนโกรธ บางคนก็ตกไปในความสับสน แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นไปตลอด ในเมื่อการต่อสู้ได้จบลงไปแล้วในตอนนี้มันก็ได้กลายเป็นเวลาในการเก็บกวาดแล้ว

พวกเขาต้องไปขอบคุณกองกำลังที่มาช่วยจากต่างประเทศ รวบรวมศพของพรรคพวก ดูแลคนบาดเจ็บ ตรวจเช็คว่ามีศัตรูที่หนีไปได้ไหม ติดต่อสื่อ ติดต่อรัฐบาง ตลอดไปจนถึงค่าชัดเชยต่างๆและตัดสินใจว่าจะทำอะไรกับเกต รวมไปถึง...

ในฐานะตัวแทนของผู้ใช้พลังของเกาหนีและตัวแทนที่ติดต่อกับรัฐบาล ทหาร สื่อและกระทั่งรัฐบาลต่างประเทศแล้ว การต่อสู้ที่แท้จริงของคังมิเรย์เพิ่งจะเริ่มขึ้นเองเท่านั้น

ตรงๆแล้วเพราะการกระทำของยูอิลฮานที่เหมือนกับพายุทำให้พวกเขายังตกตะลึงอยู่ แต่ว่ามันก็ยังเป็นเพราะเขาเช่นกันที่ทำให้เกิดความเสียหายเพียงน้อยนิด แม้ว่าจะมีบางอย่างที่ต้องทำเพิ่มขึ้นเพราะเขา แต่ว่าก็มีบางอย่างที่ต้องจัดการลดลงไปเพราะเขาด้วยเช่นกัน

ถึงแม้ว่ามันเป็นเรื่องแปลกที่ชาวสายเลือดเกาหลี 100% ถูกเรียกว่า 'ซูซาโนะ' แต่ว่าก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่าชื่อนี้มันเหมาะกับเขาจริงๆ

เขาเหมือนกับพายุ ไม่มีใครหาเขาเจอและไม่มีใครที่หยุดเขาไว้ได้ เขามาและจากไปตามที่เขาต้องการ แต่ก็ไม่ได้มีแย่อะไร มันออกจะแปลกซะมากกว่า

เมื่อคังมิเรย์ได้หยิบเอาโทรศัพท์ของเขาขึ้นมามันก็สั่นเบาๆและแสดงข้อความที่เธอเพิ่งจะได้รับขึ้นมา

[ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย ถ้ามีเวลาแล้วช่วยติดต่อมาหาฉันทีนะ]

ข้อความที่ดูรอบคอบนี่ขัดแย้งกับภาพลักษณ์ของผู้ที่เหนือกว่ามนุษย์และหมาป่าทั้งหมดก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เมื่อมองดูข้อความแล้วหัวใจของคังมิเรย์ได้เต้นโครมครามอยู่พักหนึ่ง นายูนาได้ถามขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นแบบนี้

"มิเรย์เธอชอบงานการเมืองมากหรอ? นับจากนี้มันจะกลายเป็นนรกเลยนะแต่ทำไมเธอถึงยิ้มล่ะ?"

"นายูนาเธอก็ต้องไปช่วยด้วย"

"อ๊าาาา!"

ยิ้มหรอ? ไร้สาระ มันก็แค่กล้ามเนื้อใบหน้าของเธอคลายตัวก็เพราะสถานการณ์ที่ตรึงเครียดมันได้บางเบาไปเท่านั้นแหละ - คังมิเรย์ได้พึมพัมกับตัวเองในขณะที่จับคอของนายูนา

ถึงอย่างนั้นคังฮาจินที่ขยับไปมาวุ่นวายมากกว่าคังมิเรย์ก็ได้วางสายของเขาเมื่อเขาเข้ามาหาเธอด้วยใบหน้าที่แข็งทื่อ

"มิเรย์"

"หลังจากนี้เรามีเรื่องส่วนตัวที่ต้องคุยกัน"

"พ่อต้องการจะเจอเธอ"

การแสดงออกของคังมิเรย์ก็แข็งทื่อไปด้วยเช่นกัน นี่มันเป็นเพราะเธอบอกว่าเธอบอกว่าเธอไม่อยากจะไปเรียนมหาลัยหรอ? หรือว่าเธอได้ทำอะไรที่ละเมิดอำนาจของพ่อเธอไปกันนะ?

ในตอนที่เธอได้คิดคำถามพวกนี้ขึ้นภายในหัวของเธอ คังฮาจินก็ได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่กังวลเล็กน้อย

"เขาอยากจะคุยเรื่องของคุณยูอิลฮษน"

"...ไม่ ฉันไม่ไป"

เธอได้ส่ายหัวไปมาเหมือนกับเด็กน้อย ทุกๆคนที่รู้จักตัวเธอในฐานะจักรพรรดินีจะต้องตกใจกันมากแน่หากได้เห็นแบบนี้

"ฉันนัดหมายเวลาแล้วในวันพรุ่งนี้"

"ไม่ ฉันไม่ไป"

"อย่าดื้อน่า มีสายเข้านะ ไปทำงานกันได้แล้ว"

"ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป"

"มิเรย์น่ารักจัง อ๊ะ กรี๊ดดด!"

"เธอก็ต้องไปทำงาน"

สายฟ้าของคังมิเรย์ได้ผ่าลงบนหัวของนายูนาในทันทีที่เธอหยอกล้อคังมิเรย์ จากนั้นคังมิเรย์ก็ได้รับสายด้วยสีหน้าหดหู่

วันพรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้ อ่า ให้ตายเถอะ ฉันไม่สนอะไรแล้ว ก่อนอื่นไปจัดการงานก่อน

เพราะอย่างนี้พวกเขาก็ได้เริ่มการต่อสู้ใหม่ของตัวเอง ในตอนนี้ตะวันได้ลับขอบฟ้าไปแล้ว

ในขณะเดียวกันยูอิลฮานที่ไม่สนใจว่าใครจะโวยวายอะไรถึงเขายังไงก็มุ่งตรงกลับบ้านเร็วยิ่งกว่าใคร

พวกเอลฟ์ก็กกำลังโม้ถึงจำนวนหมาป่าที่พวกเขาฆ่าไปอยู่ดังนั้นยูอิลฮานจึงทำให้พวกเขาเงียบลงด้วยการพอว่าเขาฆ่าพวกมันไปกว่าเจ็ดหมื่นตัว

"พ่อ ผมก็ฆ่ามันเยอะนะ! ผมฆ่ามันเยอะะะะะะะมากกกกก!"

"ใช่แล้ว พ่อภูมิใจในตัวลูกนะ"

"ผมจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งได้ใช่ไหม?"

"แน่นอนว่าลูกทำได้แน่"

ยูอิลฮานได้ลูกหัวของยูมิลและตรวจดูค่าสเตตัสของยูมิล เขาได้พบว่ายูมิลได้เปลื่ยนจากมังกรทารกไปเป็นมังกรเด็กและเวเลาเขาก็อยู่ที่ 55 แล้ว สิ่งนี้มันเกิดขึ้นภายในวันเดียวจากวันที่เขาเกิด

เมื่อมองไปถึงสกิลเขาก็ต้องปากค้าง บางทีอาจจะเป็นเพราะภายใต้การเลื่อนคลาสทำให้ยูมิลมีสกิลทั้งแบบใช้งานและติดตัวใหม่ๆหลากหลายขึ้น และสกิลเวทย์ลมระดับกลางก็เพิ่มเลเวลไปถึง 39 แล้ว การปกปิดตัวตนก็ยิ่งใหญ่กว่านั้นมากเพราะเลเวลมันไปถึง 47 ไม่ว่าสถานการณ์นี่มันจะพิเศษยังไงก็เถอะ.... ยูอิลฮานได้แต่ตกตะลึง

"มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่โกงเกินไปจริงๆ แล้วก็ไม่มีเควสคลาส 2 เลยหรอ?"

[มังกรเป็นเผ่าพันธ์ที่ได้รับการยอมรับเป็นสิ่งมีชีวิตคลาส 4 ตั้งแต่เกิดแล้ว ดังนั้นมันไม่มีทางที่พวกเขาจะต้องทำเควส] (เอิลต้า)

[แต่นายไม่คิดว่ามิลเป็นอัจฉริยะในหมู่มังกรหรอ? การพัฒนาของเขาเร็วเกินไป สมแล้วที่เป็นลูกของฉัน] (เลียร่า)

[ใครไปเป็นลูกของเธออีกแล้วนะ?] (เอิลต้า)

ไม่มีเควส? นี่มันจะโกงเกินไปแล้ว! ถ้าหากว่ามันไม่ใช่ว่ามิลเป็นลูกของเขา ยูอิลฮานก็คงจะบ่นออกไปแล้ว แต่ว่าเมื่อได้เห็นตัวยูมิลเล็กๆที่มุดซุกอยู่ในอกของเขา อารมณ์โมโหที่ปะทุขึ้นมาก็เย็นลงไป

ใช่แล้ว มันไม่เป็นไรเพราะมิลน่ารัก

[แล้ว นายมั่นใจนะว่าพวกนั้นจะไม่แทงข้างหลังนายอิลฮาน] (เลียร่า)

เลียร่าที่ไม่ได้รู้ในเรื่องที่เกิดขึ้นในเกตเหมือนกับเอิลต้าได้ถามขึ้นมาอย่างเป็นกังวล ยูอิลฮานได้หยักหน้ารับ

"ฉันได้ใช้สกิลการปกครองกับเธอแล้วก็ตรวจสอบดูแล้ว มันไม่เป็นไรหรอก"

[แล้วมันไม่ใช่ว่านายยอมรับเธอเพราะว่าเธอสวยนะ?] (เลียร่า)

ยูอิลฮานได้กระพริบตา นี่มันเป็นเพราะว่าเธอพูดตรงจนเขาคาดไม่ถึง

"เธอเป็นมอนสเตอร์นะ มีส่วนไหนที่ 'น่ารัก' น่ะ?"

[มังกรก็เป็นมอนสเตอร์เหมือนกัน...?] (เลียร่า)

"หืม เธอพูดถูกนะ ดังนั้นมันก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องกังวลเรื่องนั่นใช่ปะ...?"

ความคิดของยูอิลฮานได้เปลื่ยนไปแล้ว เลียร่าได้สิ้นหวังขึ้นมาด้วยความคิดที่ว่าเธอไม่น่าพูดแบบนั้นออกไปเลย และเอิลต้าก็มองมาที่เธอ แต่ว่าโชคดีที่ยูอิลฮานได้เสริมขึ้นมาก่อน

"ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่สำคัญหรอก ในท้ายที่สุดพวกนั่นก็แค่ลูกน้องของฉัน มันไม่มีทางที่พวกนันจะชอบฉัน กลับกันเลยมันจะเป็นปาฏิหาริย์มาหากว่าพวกนั้นไม่เกลียดฉัน"

"ผมไม่ได้เป็นแค่ลูกน้องนะครับ สำหรับท่านจักรพรรดิแล้ว ผมสามารถมอบชีวิตให้ท่านได้!"

"ถะ ถ้างั้นของผมเป็นวิญญาณ!"

"ขะ ของฉันเป็นบันทึกทั้งหมดเลย!"

ทูตสวรรค์ได้โล่งใจขึ้นกับคำพูดของยูอิลฮาน และเอลฟ์ที่ไม่ได้ยินคำพูดของทูตสวรรค์ได้พึมพัมในสิ่งไร้สาระออกมา และยูมิลที่ได้ยินคำพูดพวกนี้มาตั้งแต่ที่เกิดได้ยิ้มขึ้นมาอย่างน่ารัก

หลังจากกลับมาบ้านแล้ว ยูอิลฮานได้ตรงไปหลับอยู่แค่เพียงสองชั่วโมงซึ่งนั่นก็พอแล้ว

ยกเว้นก็แต่ยูมิลที่ยังเด็กจำเป็นต้องนอนมากๆ ทุกๆคนต่างก็หลับลงไปสั้นๆและมุ่งหน้าไปห้องทำงานและเริ่มทำการชำแหละต่ออย่างสงบ มีเพียงแค่เอิลต้าที่ถูกทิ้งไว้ดูแลเด็กเท่านั้น

"พวกนายยินดีด้วยนะ ถ้าชำแหละพวกเผ่ามังกรหมดแล้วต่อไปก็จะเป็นพวกหมาป่า"

"ผมมีความสุขจริงๆเลยครับท่านจักรพรรดิ"

"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...."

อย่างแรกยูอิลฮานได้เอาศพของเผ่ามังกรออกมาเพื่อให้เอลชำแหละและเขาก็ได้เอาเนื้้อที่ครบกำหนดในถังออกมา พิษทั้งหมดได้ถูกล้างออกไปและกระทั่งมีลมหายใจเก็บไว้อยู่มาซึ่งมันได้กลายเป็นแอลกอฮอล์ที่น่าทึ่งไปยิ่งกว่าเดิม

จากนั้นเขาก็ได้เติมเลือดกับเนื้อมังกรลงไปใหม่ มันยังคงมีเนื้อมังกรอยู่อีกจำนวนมากที่ยังรออยู่ มันมากพอที่จะใช้ไปได้หลายชั่วอายุคนเลยล่ะ!

"พวกถ้าทำงานที่ยากลำบากเสร็จแล้วก็มานี่นะ ฉันจะย่างเนื้อมังกรให้กิน"

"เย้!"

"ผมประทับใจมากเลยครับท่านจักรพรรดิ"

ยูอิลฮานได้ประกาศว่าจะเอาเนื้อมังกรมาทำอาหารและพวกเอลฟ์ต่างก็ยินดีกับคำประกาศนี้

ถ้าหากว่าเอิลต้าอยู่ที่นี่เธอคงจะถอนหายใจและบอกออกมาว่าภาพลักษณ์ของเขาไม่เหมาะสมกับพ่อคนเลย แต่ว่าเลียร่าที่อยู่ที่นี่ต่างไปจากเอิลต้าโดยสิ้นเชิง สิ่งที่เธอพูดก็คือ

[ฉันก็อยากกินด้วยนะ นั่นมันฟังดูน่าอร่อย] (เลียร่า)

"รออีกนิดนะ"

เนื่องจากว่าพิษมังกรส่วนใหญ่ได้ถูกล้างออกไปผ่านการหมักในถังแล้วทำให้เหลือพิษแค่น้อยนิด ความต้านทานพิษระดับต่ำกน่าจะพอแล้ว และต่อให้คนที่ไม่มีความต้านทานพิษก็คงจบแค่การมึนงงเล็กน้อยเท่านั้นเอง

[นี่มันค่อนข้างจริงจังเลยนะ!?] (เลียร่า)

"มันไม่เป็นไร ฉันได้ยระดับความแข็งแกร่งของพวกเอลฟ์เพื่อให้พวกเขามีความต้านทานพิษระดับต่ำเป็นอย่างน้อย"

"ฉันมีความต้านทานพิษระดับกลางค่ะท่านจักรพรรดิ"

ฟีเรียที่เป็นคลาสโจรย่อมเชี่ยวชาญในด้านพิษอยู่แล้ว เธอยังได้จัดการชำแหละเสร็จก่อนคนอื่นๆเล็กน้อยด้วย

"เยี่ยม ฉันจะให้เธอก่อนเลย"

"เป็นเกียรติมากค่ะ"

ยูอิลฮานได้จัดการทำบาบีคิวเนื้อมังกรและล้างเนื้อก่อนที่จะทำให้มันร้อนขึ้นด้วยเพลิงนิรันดร์ ต่อมาเขาได้หันมันเป็นชิ้นๆพอดีคำและเอาไปย่าง เมื่อกระบวนการทั้งหมดนี้ได้ถูกทำจนเสร็จกลิ่นหอมหวลยากทานทนก็ลอยออกมา

"ว้าว ฉันก็ยินดีกับจุดๆนี้เหมือนกันนะ"

[สกิลทำอาหารได้กลายเป็นเลเวล 54 คุณสามารถทำอาหารได้หลากหลายอย่างเชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้นและอาหารที่ปรุงขึ้นจะมีความลึกซึ้งและรสชาติที่หลากหลายมาขึ้น]

เพียงแค่การย่างเนื้อมังกรก็ทำให้เลเวลสกิลเขาเพิ่มมาถึง 5 เลเวลแล้้ว! เพียงแค่นี้มันก็เพียงพอกับเวลาที่ต้องเสียไปกับการหมักเนื้อแล้ว ยูอิลฮานกระทั่งยิ่งมีความสุขมากขึ้น

ยังไงก็ตามเนื่องจากเขาได้สัญญาไว้แล้วชิ้นแรกนี้จึงเป็นของฟีเรีย เมื่อเขาได้หยิบชิ้นเนื้อที่ย่างอย่างพอดีนี้ขึ้นมาด้วยตะเกียบ ฟีเรียก็ได้หลับตาลงและเอาชิ้นเนื้อเข้าไปในปากของเธอ นี่คือครั้งแรกที่เอลฟ์จากต่างโลกได้ลิ้มลองเนื้อมังกร

"อ๊าาาาา"

เมื่อได้กินเนื้อมังกรไปแล้วเธอก็ไม่อาจจะพูดอะไรได้นอกจากอุทานออกมา สองตาของเธอได้เต็มไปด้วยน้ำตาเช่นกัน ยูอิลฮานได้สงสัยในรสชาติที่เธอรู้สึกและลองกินลงไปชิ้นหนึ่ง

ดวงตาทั้งสองข้างเขาได้เปิดกว้างทันที ถ้าหากว่าตาเขาส่องแสงได้มันคงมีแสงสีทองออกมาแล้ว

"โอ้ โอ้วววววววววว!"

[ฉันว่าแล้วว่านายจะพูดแบบนั้น] (เลียร่า)

"เนื้อมันละลายในปากทันทีที่ฉันกัดมันลงไป นอกไปจกนี้ยังมีความรู้สึกที่นุ่มนวลเหมือนมีอยู่แต่ก็ไม่มีอยู่ด้วย ความหอมมันได้ระเบิดอบอวนในปากของฉัน มันเหมือนกับมีงานเทศกาลบางอย่างเกิดขึ้นในปากของฉันเลย! โอ้วววว!"

[นายซ้อมพูดแบบนั้นมาหรอ?] (เลียร่า)

มันอร่อยถึงขนาดนั้นเลยหรอ? ในจุดๆนี้แล้วเลียร่าอดไม่ได้ที่จะไปตรวจสอบดู จริงๆแล้วแม้กระทั่งเธอที่ได้ฆ่ามังกรมามากก็ยังไม่เคยกินเนื้อมันสักชิ้นเลย

ยังไงก็ตามเพียงแค่เธอได้เอาตะเกียบมาจากยูอิลฮานและคีบชิ้นเนื้อลงไป วงแหวนทูตสวรรค์บนหัวของเธอก็ได้ส่องแสงออกมา มีทูตสวรรค์ติดต่อมาหาเธอ

เลียร่าได้รับข้อความที่เข้ามานั่นอย่างไม่พอใจที่ขัดการกินของเธอ ทูตสวรรค์คนที่ติดต่อมาเธอก็รู้จักเป็นอย่างดีนั่นคือสเปียร่า

[เลียร่า กองทัพสวรรค์ได้ตัดสินใจแล้ว เนื่องจากกลุ่มสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับโลกได้แสดงการเคลื่อนไหวที่น่าสงสัยออกมาในตอนนี้ฉันจึงต้องการความช่วยเหลือจากยูอิลฮาน เธอได้บอกว่าเขาได้กลายมาเป็นคลาส 3 แล้วจำนวนทูตสวรรค์ที่เขาทำสัญญาได้ก็เพิ่มขึ้นแล้วใช่ไหม?]

[...]

จากคำพูดที่กระทันหันนี้ทำให้เลียร่าพูดไม่ออกและตัวนิ่งไป

ในตอนนี้ภาระของยูอิลฮานกำลังจะเพิ่มขึ้นแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด