บทที่ 43 เอาไงดี 1 (1) [อ่านฟรี]
บทที่ 43 เอาไงดี 1 (1)
แต่ถึงคาร์ลจะอยู่เงียบๆเพียงใดก็ตามบรรยากาศภายในรถม้าก็ค่อนข้างวุ่นวายและน่าอึดอัด คาร์ลเหลือบมองไปยังนีโอที่กำลังนั่งเขย่าขาสลับกับเดาะลิ้นของตนอยู่เรื่อยๆดูเหมือนว่านีโอมีความกังวลใจและใกล้จะบ้าตายเต็มที่แล้ว เหล่าขุนนางในวันนี้ก็ดูจะวุ่นวายกันส่วนใหญ่
‘เวเนี่ยนก็มีใบหน้าที่ยุ่งเหยิงเช่นกัน’
คาร์ลนึกถึงใบหน้าของ ‘เวเนี่ยน สแตน’ ที่เขามีโอกาสได้จ้องมองก่อนขึ้นรถม้านั้นเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและเคียดแค้น
‘เทย์เลอร์ สแตน’ บุตรชายคนโตของตระกูลสแตนที่ถูกผลักไสออกจากตระกูลกำลังเดินด้วยขาทั้งสองข้างของตนโดยไม่ใช้รถเข็น อีกทั้งเขาคนนี้อย่างน้อยก็ก็ได้ชื่อว่ามาจากตระกูลสแตนยังได้มีโอกาสยืนเคียงข้างองค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กในวันนี้อีกด้วย ไม่มีใครคาดหวังว่าจะได้เห็นภาพเช่นนี้เลย
‘เขาต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อแลกเปลี่ยนกับพลังศักดิ์สิทธ์โบราณ ‘ดาราแห่งการเยียวยา’ซินะ?’
คาร์ลอยากรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เทย์เลอร์และเคจใช้แลกเปลี่ยนกับองค์ชายรัชทายาทเพื่อได้พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ‘ดาราแห่งการเยียวยา’มาครอบครอง แต่คาร์ลก็ไม่ได้หันไปมองเทย์เลอร์แต่อย่างใด
‘นีโอ โทร์ส’ ยังคงนั่งเขย่าขาของตนไปเรื่อยๆโดยไม่หันไปมองเทย์เลอร์เช่นกัน ก่อนที่จะได้ยินเสียงอามูร์เอ่ยขึ้น
“นายน้อยเทย์เลอร์...ท่านรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของท่านหายสนิทแล้วรึ?”
คำถามที่เอ่ยขึ้นด้วยความระมัดระวังนั้นเป็นคำถามที่ทุกคนกำลังคิดก่อนที่เทย์เลอร์จะอมยิ้มและเอ่ยตอบ
“ข้าได้รับพรจากสวรรค์...และในตอนนี้มันก็หายสนิทแล้ว”
“ข้ายินดีกับท่านด้วย....นายน้อยเทย์เลอร์”
“ขอบคุณท่านมาก..คุณหนูอามูร์”
“แค่กแค่ก!”
นีโอได้แสร้งกระแอมไอขึ้นมาเบาๆก่อนที่จะมองไปมาระหว่างใบหน้าและขาทั้งสองข้างของเทย์เลอร์ จากนั้นก็เริ่มพูดอย่างระมัดระวัง
“นายน้อยเทย์เลอร์....ในเมื่อขาของท่านหายดีเช่นนี้แล้ว...ท่านจะกลับไปยังคฤหาสน์สแตนหรือไม่?”
เหตุผลสำคัญที่สุดที่เทย์เลอร์ถูกขับออกจากตระกูลไปก็เพราะขาที่เป็นอัมพาตของเขาแต่ตอนนี้สถานการณ์เช่นนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว ทำให้บรรดาขุนนางคนอื่นๆกำลังสงสัยว่าเทย์เลอร์จะกลับไปยังคฤหาสน์สแตนเพื่อต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดของตระกูลอีกครั้งหรือไม่? โดยเฉพาะคนที่ปวารณาตนเองเป็นสุนัขรับใช้ของเวเนี่ยนเช่นนีโอแล้วย่อมอยากรู้มากกว่าใคร
เทย์เลอร์จ้องไปที่นีโอและกล่าวขึ้น
“กลับรึ?....”
มันเป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่มีความหนักแน่นและเยือกเย็นที่มอบให้แก่นีโอที่ซุกซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของเทย์เลอร์
“ที่นั่นเป็นบ้านของข้าเสมอ...ยังไม่ชัดเจนนักว่าข้าจะอยู่ที่นั่นหรือไม่?”
นีโอรู้สึกว่าตัวของเขาหดเล็กลงมากขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่เรียบเย็นเช่นนั้นของเทย์เลอร์ อย่างไรก็ตามคาร์ลเลือกที่จะไม่หันไปมองพวกเขาและคาร์ลก็ยังคงมองเห็นเงาสะท้อนของเทย์เลอร์ผ่านหน้าต่างทุกครั้งไป
แน่นอนว่าเทย์เลอร์ไม่ได้ทำให้คนอื่นสังเกตเห็นได้ชัดเจน เขาทำให้ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งมองออกไปนอกหน้าต่างแบบเดียวกับคาร์ลเช่นกัน
คาร์ลสามารถอ่านข้อความที่เทย์เลอร์พยายามส่งให้เมื่อพวกเขาได้สบตากัน
‘นายน้อยคาร์ล...ข้าต้องการที่จะเล่าทุกเรื่องให้ท่านฟัง!มันเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง’
คาร์ลยังคงมีท่าทีไม่ยินดียินร้ายหลังจากได้เห็นสายตาเป็นประกายเช่นนั้นของเทย์เลอร์ คาร์ลเพียงหวังให้เทย์เลอร์เข้ามารับตำแหน่งมาร์ควิสและป้องกันอันตรายใดๆที่จะเกิดขึ้นภายในอาณาเขตการปกครองของเขา
นั่นเป็นสาเหตุที่คาร์ลไม่ต้องการพูดคุยกับเทย์เลอร์อีกแต่ถึงอย่างไรก็ตามมีโอกาสที่จะเป็นไปได้สูงที่เทย์เลอร์และคาร์ลต้องมาพบปะเพื่อพูดคุยกันอีกในอนาคต
“เอ่อ......ข้าขอตัวออกจากรถม้าก่อนแล้วกัน”
ทันทีที่รถม้ามาถึงด้านนอกบริเวณจัตุรัสกลางเมือง นีโอก็ขอตัวออกจากรถม้าทันทีเพื่อหนีจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเช่นนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาจงใจหนีไปจากพวกเขามากกว่าเพราะพวกเขารู้ดีว่าตอนนี้นีโอกำลังทำงานให้กับเวเนี่ยนอยู่และเขาอาจต้องการรายงานสถานการณ์ของเทย์เลอร์ให้แก่เวเนี่ยนฟังด้วยเช่นกัน
“นายน้อยคาร์ล...แล้วข้าจะกลับมาพร้อมนายน้อยอีริค”
อามูร์ค่อนข้างเป็นกังวลว่าคาร์ลอาจเริ่มต้นทำอะไรบางอย่างหากต้องเผชิญหน้ากับเหล่าขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือคนอื่นๆที่ร่วมโดยสารมาในรถม้าคันอื่นพร้อมๆกับอีริคและกิลเบิร์ตและตัดสินใจทิ้งคาร์ลไว้ที่นี่ตามลำพังเพื่อเธอจะได้นำอีริคและกิลเบิร์ตตามมาสบทบ
‘ไม่มีอะไรที่จะเกิดขึ้นได้เพราะนายน้อยเทย์เลอร์และนายน้อยคาร์ลไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน อีกทั้งบุคลิกของนายน้อยคาร์ลไม่ใช่คนที่เริ่มพูดคุยกับคนอื่นก่อนเช่นกัน’
นั่นคือสิ่งที่อามูร์คิดเมื่อเธอรีบเดินไปหาอีริคและกิลเบิร์ต
และในตอนนี้คาร์ลก็กำลังได้รับรอยยิ้มอันสดใสจากเทย์เลอร์อยู่
“ในที่สุดก็เหลือเพียงเราสองคนแล้วสินะ....”
มันเป็นสิ่งที่คาร์ลไม่ปรารถนาที่จะได้ยินและความรู้สึกเช่นนี้ก็ปรากฏได้อย่างชัดเจนบนใบหน้าของเขา แต่ดูเหมือนว่าเทย์เลอร์จะรู้สึกตลกกับสิ่งที่คาร์ลทำพลางหัวเราะออกมาเบาๆก่อนที่จะเอ่ยกับคาร์ลทันที
“ข้าได้รับการรักษาขาทั้งสองของข้าโดยสัญญาว่าจะเป็นผู้ปกครองอาณาเขตสแตน”
“ท่านให้คำสัญญาว่าจะยอมสวามิภักดิ์เช่นนั้นรึ?”
“ไม่....ข้าเพียงแค่ทำข้อตกลงบางอย่าง”
คาร์ลพยักหน้าของตนเบาๆ
“ดี....ยินดีด้วยที่ขาของท่านหายดีแล้ว”
คาร์ลหันหลังให้เทย์เลอร์ราวกับว่าตนหมดเรื่องที่จะคุยต่อแล้ว เทย์เลอร์พบว่าปฏิกิริยาเช่นนี้ของคาร์ลเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับบุคลิกของเขายิ่งนัก เขาหยิบซองเอกสารเล็กๆออกจากกระเป๋าเสื้อของตนก่อนยื่นมันให้กับคาร์ล
“นี่คือรายละเอียดเนื้อหาของข้อตกลงเมื่อครั้งนั้น”
“.....ไม่จำเป็นต้องมอบมันให้มันแก่ข้า”
คาร์ลมีท่าทางไม่สนใจก่อนที่เทย์เลอร์จะเอ่ยตอบ
“นายน้อยคาร์ล.....มันอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้หากท่านได้ทราบมัน”
จากนั้นเทย์เลอร์ก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง
“เคจจะถูกคว่ำบาตร” [1]
“คงเป็นเพราะเธออยากจะทำอะไรก็ได้ตามที่เธอต้องการซินะ?”
“อืม....เธอมีความสุขกับมันมาก”
ในที่สุดเคจก็กำลังเริ่มต้นเส้นทางของนักบวชผู้บ้าคลั่งแล้ว ตอนนี้เธอจะก้าวหน้าเหมือนกับนักบวชหญิงที่ถูกคว่ำบาตรผู้ที่ถูกมองว่าเป็นนักบวชผู้กล้าหาญเช่นเดียวกับเนื้อหาในนิยายนั่น
“ดีแล้ว”
เทย์เลอร์พยักหน้าตอบรับด้วยความสุขกับคำกล่าวของคาร์ลก่อนที่จะเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมันเหมือนกับอารมณ์ของเขาสลับไปมาไม่ต่างจากวังน้ำวนนั่นเลยสักนิดและเริ่มพูด
“นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น...พวกเราจะได้รับชัยชนะใช่หรือไม่นายน้อยคาร์ล?”
‘ทำไมเขาต้องรวมฉันเข้าไปในชัยชนะนั่นด้วยเล่า?’
คาร์ลอยากรู้ถึงเหตุผลนั้นแต่ก็ตัดสินใจตอบคำถามของเทย์เลอร์
“ท่านจะได้รับชัยชนะ....”
“ขอบคุณ....ถ้าเช่นนั้นข้าจะลงจากรถม้าก่อนแล้วกันนายน้อยคาร์ล”
เทย์เลอร์ลุกขึ้นพลางก้มลงมองที่ขาของตนและกล่าวคำลาแก่คาร์ลอีกครั้งก่อนที่จะก้าวลงจากรถม้าไป
“พวกเราทั้งสามคนควรได้ดื่มฉลองด้วยกันหลังจากได้รับชัยชนะของเราแล้ว”
“อืม....ไวน์จากดินแดนเฮนิตัสมีรสชาติที่ดียิ่งนัก”
ในที่สุดเทย์เลอร์ก็ออกไปจากรถม้าหลังจากได้ยินคำกล่าวของคาร์ลเรื่องรสชาติที่ดีของไวน์จากอาณาเขตเฮนิตัส คาร์ลรีบเปิดซองเอกสารออกทันทีเมื่อเขาอยู่เพียงลำพัง
คาร์ลค่อยๆพับจดหมายชิ้นนั้นเข้าหากันช้าๆ
“เตราะ!”
เขาเดาะลิ้นของตนออกมาเบาๆและยัดจดหมายที่อยู่ภายในซองเอกสารลงในกระเป๋าเสื้อของตน มันมีความลับจริงๆสินะเกี่ยวกับชาติกำเนิดขององค์ชายรัชทายาท คาร์ลส่ายศีรษะของตนแล้วก้าวลงจากรถม้าทันที
“คาร์ล”
เขาหันหน้าไปยังทิศทางที่อีริคส่งเสียงเรียกเขา ก่อนจะมองเห็นจัตุรัสกลางเมืองที่อยู่เบื้องหลังของอีริค
“นายน้อยคาร์ล....เราเข้าไปกันเถอะมันถึงตาของเราแล้วที่จะได้เข้าไปด้านในจัตุรัส”
ในนิยายเชวฮันรู้สึกสงสัยและอยากรู้เกี่ยวกับคนเหล่านี้ที่มีที่นั่งอยู่สูงกว่าชาวเมืองทั่วไปของอาณาจักรแห่งนี้และในวันนี้คาร์ลก็กำลังจะไปยังที่นั่งเดียวกันกับจุดที่เชวฮันสงสัย แต่ถึงอย่างไรก็ตามจุดที่นั่งของพวกเขาก็ยังอยู่ด้านล่างเมื่อเทียบกับเหล่าเชื้อพระวงศ์และนักบวชผู้ศักดิ์สิทธิ์
คาร์ลเหลือบมองหอระฆังที่อยู่ตรงทางเข้าจัตุรัสกลางเมืองซึ่งในหอระฆังนี้มีนาฬิกาเรือนใหญ่ประดับอยู่ เวลาในตอนนี้คือ 8.25 น. ถึงเวลาที่เหล่าขุนนางและนักบวชจะต้องทยอยเข้าไปด้านในจัตุรัสแล้ว
เหล่าทหารองครักษ์ได้เริ่มกั้นชาวเมืองออกจากบริเวณนี้ไปก่อนเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเหล่าขุนนางที่จะเข้าร่วมงานในวันนี้
“ไปกันเถอะ....”
คาร์ลดันอีริครวมถึงคนอื่นๆให้เดินนำหน้าตนไป ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าตามพวกเขาไปอย่างไม่รีบเร่งนัก เขาสามารถมองเห็นผู้คนมากมายที่อยู่ในจัตุรัสกลางเมืองนี้แต่ไม่สามารถระบุจำนวนที่แน่ชัดได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ถูกอัดแน่นเป็นปลากระป๋องแต่อย่างใด นั่นคือสิ่งที่สามารถบอกได้ว่าจัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้มีพื้นที่กว้างขวางมากเพียงใดอีกทั้งองค์ชายรัชทายาทได้จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงานด้วยเช่นกันทำให้ชาวเมืองบางส่วนจับกลุ่มรวมตัวกันในร้านค้าต่างๆที่อยู่ใกล้ๆกับจัตุรัสกลางเมืองและบางส่วนก็รวมตัวกันอยู่ชั้นดาดฟ้าของอาคารต่างๆที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงเพื่อร่วมชมการเฉลิมฉลองงานพระราชสมภพของพระราชาในวันนี้
“นายน้อยคาร์ล...นี่เป็นครั้งแรกของท่านที่ได้มาจัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้ใช่หรือไม่?”
คาร์ลรีบพยักหน้าให้กับคำถามของกิลเบิร์ต
“ใช่...ข้าเคยเห็นมันบางส่วนเมื่อตอนที่นั่งรถม้าผ่านเท่านั้น...แต่นี้เป็นครั้งแรกที่ข้าจะได้มีโอกาสมองเห็นมันได้ทั้งหมด”
คาร์ลมองไปรอบๆบริเวณจัตุรัสกลางเมืองเมื่อเขาเอ่ยออกมาเช่นนั้น
ร้านน้ำชาที่อยู่ทางทิศใต้
โรงแรมที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตก
ร้านขายดอกไม้ทางทิศตะวันออก
ชั้นบนของอาคารจำหน่ายเซรามิกส์ที่อยู่ทางด้านทิศเหนือ
นี่คือสถานที่ทั้งสี่แห่งที่คาร์ลกำลังจดจ่ออยู่กับมัน
“จัตุรัสกลางเมืองแห่งนี้ค่อนข้างกว้างขวางเป็นอย่างมาก”
คาร์ลพยายามตรวจสอบตำแหน่งที่ติดตั้งระเบิดพลังเวทย์ไปพร้อมๆกันก่อนที่เขาจะหันไปมองน้ำพุที่อยู่ทางทิศใต้ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังโบกธงไปมาราวกับว่าเขากำลังต้อนรับการเสด็จมาถึงของพระราชาอยู่เด็กหนุ่มคนนี้คือ ‘ล็อก’นั่นเอง
‘ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผน’
คาร์ลรู้ว่าตอนนี้เชวฮันและมังกรดำกำลังเฝ้ามองดูเขาอยู่ก่อนที่จะหันไปมองที่หอระฆังอีกครั้ง
เวลาในตอนนี้คือ 8.30 น.
“เราจะเปิดทางเข้าให้แก่พวกท่านในตอนนี้แล้วขอรับ”
[1] คว่ำบาตร ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 “คว่ำบาตร” หมายความว่า
“(สํา) ก. ไม่ยอมคบค้าสมาคมด้วย เดิมหมายถึงสังฆกรรมที่พระสงฆ์ประกาศลงโทษคฤหัสถ์ผู้ประทุษร้ายต่อศาสนาด้วยการไม่คบ ไม่รับบิณฑบาต เป็นต้น” คว่ำบาตร หมายถึง ไม่คบค้าสมาคมด้วย ไม่ร่วมงานด้วย เป็นต้น