ตอนที่ 184 เชิญไปชั้นสาม
ลบล้างอีกตระกูล? ตระกูลซุน?
องค์ชายหนึ่งหันไปมองหลิงฮันอย่างช่วยไม่ได้ เขาจะมองหลิงฮันเอาไว้สูง แต่ถึงแม้นักปรุงยาทั่วทั้งแคว้นพิรุณจะยืนอยู่เบื้องหลังหลิงฮันก็ยังไม่สามารถลบล้างตระกูลซุนได้ นั่นเพราะแปดตระกูลใหญ่เป็นเสาหลักที่คอยเกื้อหนุนแคว้นเอาไว้ ถ้าเรื่องมันบานปลายเกินไป ไม่ใช่แค่จักรพรรดิพิรุณจะต้องลงมือเอง แต่ผู้อาวุโสของตระกูลฉีที่คอยอยู่เบื้องหลังเองก็ต้องโผล่หน้าออกไปเช่นกัน
แต่จากท่าทางสงบนิ่งและใจเย็นของหลิงฮัน คำพูดเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่ใช่คำพูดที่ออกมาเพราะความโกรธที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ความลึกลับที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของหลิงฮันทำให้หัวใจขององค์ชายสามเย็นวูบ
เป็นไปได้อย่างไร!
เขาเป็นจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุขั้นเก้าและเท้าหนึ่งข้างของเขาได้เหยียบเข้าไปยังระดับห้วงจิตวิญญาณแล้ว ยิ่งกว่านั้นเขายังเป็นถึงองค์ชายหนึ่งของจักรรดิ แต่เขากลับต้องรู้สึกหวาดกลัวเพียงเพราะมองเข้าไปยังดวงตาของชายหนุ่มคนหนึ่ง
“เหอะ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่โง่!” ซุนจือหยานไม่ได้ยินคำพูดที่หลิงฮันพึมพำ มันสะบัดแขนเสื้อด้วยความไม่พอใจ
ซึ่งนั่นก็ไม่แปลก เพราะมันเคยคิดว่าเพียงแค่มันเผยตัวออกมา ความขัดแย้งระหว่างหลิงฮันกับเฉินหยุนเซียงคงถูกแก้ไขด้วยเพียงคำพูดไม่กี่คำของมัน แต่มันไม่เคยคิดเลยว่าหลิงฮันจะไม่ไว้หน้ามันแม้แต่น้อย
องค์ชายหนึ่งไม่พูดอะไรอีกต่อไป คำพูดของหลิงฮันเมื่อสักครู่เห็นได้ชัดว่าดังพอจะให้เขาได้ยินคนเดียว ถ้าเขายังพูดแนะนำหลิงฮันต่อไป หลิงฮันอาจจะพูดอะไรที่น่าสะพรึงกลัวกว่าเดิมก็ได้
ซุนจือหยานหันหลังเดินจากไป เมื่อมันเดินไปถึงประตูทางเข้าของตำหนักสมบัติวิญญาณ ชายชราคนหนึ่งได้ปรากฎตัวขึ้นและพูดกับมัน “จือหยาน เจ้าหนูนั่นว่าอย่างไรบ้าง?” มันคือเฉินหยุนเซียง
ความไม่พอใจได้แวบผ่านใบหน้าของซุนจือหยาน แม้มันจะไม่สนใจการใช้ชีวิตของสามัญชนธรรมดา แต่มันก็ยังรู้สึกขยะแขยงรสนิยมทางเพศของเฒ่าลามกคนนี้ แต่มันจะทำอะไรได้? เพราะอย่างนี่ก็เป็นพ่อตาของมัน
“เขาปฏิเสธ!” ซุนจือหยานส่ายหัว
เฉินหยุนเซียงชักไปสักพักก่อนจะพูกด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้าหนูนั่นกล้าปฏิเสธไม่ไว้หน้าเจ้า เพียงเพราะมันมีการคุ้มครองของเจ้าหญิงตระกูลหลิว!”
ซุนจือหยานเค้นเสียงดูถูก มันรู้ว่าเฉินหยุนเซียงกำลังใส่ฟืนให้ไฟลุก แต่มันก็รู้สึกไม่พอใจกับหลิงฮันจริงๆ “ทั้งองค์ชายหนึ่งและองค์ชายสามดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าหนูนั่น เขาไม่ได้จัดการง่ายๆเพียงเพราะมีการคุ้มครองจากสตรี”
“ว่าไงนะ!?” เฉินหยุนเซียงเหงื่อไหลออกมาทันที ตระกูลเฉินเป็นเพียงตระกูลเล็กๆ และถ้ามันทำให้ตัวตนระดับสูงอย่างองค์ชายหนึ่งและองค์ชายสามไม่พอใจ ตระกูลเฉินจะสามารถถูกกำจัดทิ้งได้ทุกเวลา
“เจ้าจะกลัวอะไร?” ซุนจือหยานถามอย่างเย็นชา
“ฮ่าๆ ด้วยการคุ้มครองจากจือหยาน ข้าไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว” เฉินหยุนเซียงรีบพูดประจบทันที ถึงแม้มันจะเป็นพ่อตาของซุนจือหยาน แต่สถานะของพวกมันต่างกันโดยสิ้นเชิง
ซุนจือหยานเค้นเสียงดูถูกอีกครั้ง มันหันไปมองยังหลิงฮันและกลุ่มเขาที่กำลังเดินขึ้นบันได รอยยิ้มอันเย็นชาปรากฏขึ้นที่มุมปากของมัน
“คารวะองค์ชาย!” ทหารยามที่ยืนคุ้มกันทางเข้าของตำหนักสมบัติวิญญาณเป็นคนฉลาด เมื่อเห็นองค์ชายหนึ่งเดินมา พวกมันรีบก้มหัวทักทายทันที ในขณะเดียวกัน ผู้จัดการทั่วไปได้เดินออกมาต้อนรับพวกเขาพร้อมกับพูด “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่องค์ชายหนึ่ง นายน้อยฮันและเจ้าหญิงตระกูลหลิวมาที่ตำหนักของเรา! เชิญเลย! เชิญเลย!”
ด้วยการนำทางของผู้จัดการทั่วไป พวกเขาเดินตามอีกฝ่ายขึ้นบันไดไป
ชั้นสองและชั้นสามนั้นแยกออกเป็นห้องส่วนตัว แต่ชั้นสามจะมีห้องเพียงยี่สิบห้องเท่านั้น พวกมันถูกจองเอาไว้สำหรับบุคลสำคัญอย่างจักรพรรดิพิรุณ ผู้นำตระกูลของแปดตระกูลใหญ่ อาจารย์ใหญ่ทั้งสองของสำนักหู่หยาง รวมถึงผู้นำตำหนักของตำหนักโอสถสวรรค์ ต่อให้เป็นองค์ชายหนึ่งและองค์ชายสามก็สามารถใช้ได้เพียงห้องส่วนตัวในชั้นสอง
ดังนั้นพวกเขาจึงหยุดเดินเมื่อไปถึงชั้นสอง
“แขกผู้มีเกียรติ ห้องของท่านอยู่ที่ชั้นสาม” ผู้จัดการทั่วไปพูดด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด
“หืม?”
ทุกคนกลายเป็นชะงัก ชั้นสามงั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไร! ถ้าพูดถึงคนที่มีสถานะสูงสุดในหมู่พวกเขาก็ต้องเป็นองชายหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ต่อให้เป็นองค์ชายหนึ่งก็ไม่มีสิทธิขึ้นไปที่ชั้นสาม นอกเสียงจากเขาจะสามารถขึ้นครองบัลลังก์และกลายเป็นผู้ปกครองจักรรรดิ
“นายน้อยฮันคือแขกที่มีเกียรติที่สุดในตำหนักของเรา ดังนั้นนายน้อยฮันจึงมีสิทธิขึ้นไปที่ชั้นสาม!” ผู้จัดการทั่วไปพูดอย่างเคารพและก้มหัวให้หลิงฮัน
‘อะไรนะ?’
ทุกคนตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เป็นไปได้อย่างไร?
เด็กหนุ่มอายุสิบหกหรือสิบเจ็ดปีที่มีพลังเพียงระดับรวมธาตุขั้นเก้า มีสิทธิอะไรในการขึ้นไปยังชั้นสามโดยมีสถานะเท่าเทียมกับผู้นำของแปดตระกูลใหญ่ อาจารย์ใหญ่ทั้งสองของสำนัก ปรมาจารย์นักปรุงยาผู้ยิ่งใหญ่ของแคว้นพิรุณ หรือแม้กระทั่งจักรพรรดิพิรุณ?
หลิงฮันจ้องอย่างสงสัยไปที่ผู้จัดการทั่วไป อีกฝ่ายยิ้มอย่างสุภาพกลับมาให้เขา ในที่สุดเขาก็รู้ว่าเพื่อที่ตำหนักสมบัติวิญญาณจะยืนยันที่มาของเม็ดยาสร้างรากฐาน พวกเขาคงไปทำการตรวจสอบยังตำหนักโอสถสวรรค์ และได้ค้นพบว่าเม็ดยาเหล่านั้นถูกหลอมขึ้นมาโดยหลิงฮัน
เม็ดยาเหล่านั้นคือเม็ดยาสร้างรากฐาน ระดับของมันเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับเม็ดยาระดับปฐพี มันไม่ใช่แค่การบอกเป็นนัยๆว่าหลิงฮันเป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นสูงแล้ว แต่ในอนาคตอันใกล้เขาจะกลายเป็นนักปรุงยาระดับปฐพีแน่นอน
บุคคลเช่นนี้ยังไม่มีสิทธิขึ้นไปบนชั้นสามอีกรึ?
“ฮ่าๆ ขอบคุณนายน้อยฮันมากที่ทำให้ข้าได้ขึ้นไปยังชั้นสาม” องค์ชายหนึ่งหัวเราะออกมา แต่ดวงของเขายังมีความสับสบและความอิจฉาแฝงเอาไว้
ตำหนักสมบัติวิญญาณเป็นองค์กรการค้า พวกเขาจะฝืนกฎของตัวเองได้อย่างไร? ในเมื่อพวกเขาเตรียมต้องส่วนตัวไว้ให้หลิงฮันที่ชั้นสาม นั่นก็หมายความว่าหลิงฮันมีอำนาจหรือเบื้องหลังที่เหมาะสม เรื่องนี้ทำให้องค์ชายหนึ่งตะลึงอย่างมาก หลิงฮันมีอำนาจอันใดเทียบเท่าผู้นำของแปดตระกูลใหญ่ ปรมาจารย์นักปรุงยาของแคว้นพิรุณ หรือตัวตนที่ยิ่งใหญ่คนอื่นๆรึไง?
สีหน้าของซุนจือหยานมืดมนทันที ก่อนหน้านี้มันเคยดูถูกหลิงฮัน และคิดว่าเขาทำตัวอวดดีเพียงเพราะได้รับการคุ้มครองจากเจ้าหญิงตระกูลหลิว และมีความสัมพันธ์บางอย่างกับองค์ชายสามและองค์ชายหนึ่ง แต่จากที่เห็นในตอนนี้ ดูเหมือนว่ามันจะคาดการณ์ผิดไป
...แม้แต่องค์ชายหนึ่งก็ไม่มีสิทธิได้เพลิดเพลินกับห้องส่วนตัวชั้นสาม
มันตกตะลึงเป็นอย่างมาก ทางด้านเฉินหยุนเซียงนั้นอ้าปากค้างไปแล้ว มันหวาดกลัวจนใบหน้ากลายเป็นซีดเผือด มันแอบเริ่มรู้เสียใจกับความโชคร้ายของมันที่ต้องไปพบเจอกับตัวตนเช่นหลิงฮัน
เมื่อมองไปยังหลิงฮันที่ก้าวเดินขึ้นไป สีหน้าอันซับซ้อนได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซุนจือหยาน มันควรจะต่อต้านหลิงฮันต่อไปรึไม่? เห็นได้ชัดแล้วว่าเบื้องหลังของอีกฝ่ายน่ากลัวขนาดไหน
เมื่อมองไปยังเฉินหยุนเซียง มันอดนึกถึงนางสนมที่งดงามและมีเสน่ห์ของมันไม่ได้ จากนั้นสายตาของมันได้กลายเป็นหนักแน่น
มันตัดสินใจแล้วว่าจะดำเนินการต่อต้านหลิงฮันต่อไป ไม่ใช่เพียงเพื่อนางสนมของมัน แต่ยังเพื่อเกียรติของตัวมันเองในฐานะนายน้อยของตระกูลซุนด้วย ไม่มีใครสามารถมาเหยียบย่ำความภาคภูมิใจของมันได้ทั้งนั้น!
บนชั้นสามมีห้องส่วนตัวเพียงแค่ยี่สิบห้อง แต่ละห้องมีพื้นที่กว้างขวางเป็นอย่างมาก มันสามารถรองรับผู้คนได้มากมาย ยิ่งกว่านั้นยังมีคนรับใช้สาวสวยรอแขกอยู่ภายในด้วย นางพร้อมบริการเสิร์ฟอาหารและรินน้ำชาอยู่ตลอด
หลิงฮันและคนอื่นๆนั่งลง ส่วนฮูหนิวนั้นนั่งงอเข่าอยู่บนตักหลิงฮัน ร่างเล็กๆของนางเกาะติดเขาไม่ปล่อย
“นายน้อยฮัน นั่นคือน้องสาวของนายน้อยรึ?” องค์ชายหนึ่งพูดด้วยรอยยิ้ม
“ก็คงประมาณนั้น” หลิงฮันยิ้ม เขาลูบหัวฮูหนิวอย่างเอ็นดู รอยยิ้มอันพึงพอใจปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเด็กสาวทันที นางนำหัวของตนเองถูไปยังหน้าอกของหลิงฮันราวกับลูกแมวน้อย
องค์ชายหนึ่งตรวจสอบฮูหนิวอยู่สักพักและไม่สามารถปกปิดอาการตกตะลึงได้ เขาชี้ไปที่ฮูหนิวและพูด “นาง นาง นาง นาง... นางอยู่ในระดับรวมธาตุ!”
เด็กสาวอายุเพียงห้าหรือหกปี แต่มีพลังระดับรวมธาตุแล้ว เรื่องนี้สามารถทำให้ผู้คนตกตะลึงจนหัวใจวายตายได้เลย!
ฮูหนิวจ้องไปยังองค์ชายหนึ่งด้วยความไม่พอใจ หลิงฮันเกลียดการถูกคนอื่นชี้หน้า และนางก็ได้รับอิทธิพลมาจากหลิงฮัน นางกลายเป็นคนเกลียดการถูกชี้นิ้วใส่เช่นกัน ปากเล็กๆของนางเปิดออก ฟันสีขาวของนางโผล่ออกมา ดูเหมือนว่านางพร้อมที่จะกัดใครสักคนแล้ว
“เป็นเด็กดีหน่อย” หลิงฮันพูดและยิ้ม ท่าทางดุร้ายของฮูหนิวหายไปและยิ้มหวานให้หลิงฮันทันที
องค์ชายหนึ่งตกอยู่ในอาการตะลึงจนพูดไม่ออก เด็กเล็กๆเช่นนั้นมีพลังระดับรวมธาตุได้อย่างไร? นี่มันอยู่เหนือความจริงแล้ว! ดูเหมือนว่าคนประเภทเดียวกันต้องอยู่ด้วยกันจริงๆ หลิงฮันเป็นสัตว์ประหลาด ผู้คนรอบๆตัวเขาเองก็เป็นสัตว์ประหลาดเช่นกัน!