ตอนที่ 183 ซุนจือหยาน
หลิงฮันหัวเราะและพูด “เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าไปทานอาหารที่ภัตตาคารและบังเอิญพบกับคู่หูนักฆ่าเข้า ยิ่งกว่านั้นสมาชิกสามคนของกองทัพเมฆาทมิฬยังเสียชีวิตอีกด้วย”
องค์ชายหนึ่งชะงักไปชั่วขณะและถาม “นายน้อยฮันเองก็อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วยรึ?”
“อืม” หลิงฮันพยักหน้าและพูด “ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะเป็นคนของตระกูลจักรพรรดิสินะ? จากที่ดูแล้วนางยังอายุไม่ถึงสามสิบปีเลยด้วยซ้ำ แต่นางกลับสามารถก้าวไปยังระดับห้วงจิตวิญญาณได้แล้ว ความสำเร็จของนางช่างน่าประทับใจจริงๆ”
สีหน้าขององค์ชายหนึ่งมือมนในทันที เขาเงียบไปชั่วขณะและพูด “ชื่อของนางคือฉือเขือชิง นางเข้ามายังจักรวรรดิเมื่อไม่กี่ปีก่อน บิดาของข้าแต่งตั้งให้นางเป็นพระชายาและหลงรักนางเป็นอย่างมาก ในเมื่อนายน้อยฮันรู้ว่าพลังแห่งจักรภพสามารถช่วยให้จอมยุทธทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบาน นายน้อยฮันก็น่าจะรู้เช่นกันว่ามันยังสามารถช่วยเร่งความเร็วในการบ่มเพาะได้ด้วย อย่างไรก็ตามพลังแห่งจักรภพนั้นมีจำกัด แต่ถึงอย่างนั้นบิดาของข้าก็ยังใช้พลังจักรภพส่วนใหญ่ไปกับผู้หญิงคนนั้น ฮึ่ม!”
คำพูดสุดท้ายขององค์ชายหนึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่พอใจฉือเขือชิงขนาดไหน
หลิงฮันคิดย้อนกลับไปถึงเรือนร่างที่ยั่วยวนของฉือเขือชิง เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแม้แต่จักรพรรดิพิรุณยังหลงไหล นางเป็นสตรีที่มีเสน่ห์และงดงามเป็นอย่างมาก และการที่นางออกนอกพระราชวังโดยมีกองทัพเมฆาทมิฬคอยคุ้มครองอยู่ก็เป็นหลักฐานว่าองค์จักรพรรดิหลงรักนางขนาดไหน ถ้านางไม่ได้รับการโปรดปรานจากจักรพรรดิ ในฐานะพระชายา นางจะสามารถออกจากพระราชวังได้ง่ายๆรึ?
“พระชายามีบุตรหรือไม่?” หลิงฮันถามลวกๆ
“โชคดีที่ไม่มี” องค์ชายหนึ่งส่ายหัว ไม่เช่นนั้นจากการที่องค์จักรพรรดิพิรุณโปรดปรานนางขนาดนั้น ตัวเขาหรือองค์ชายสามคงไม่ต้องแย่งชิงบัลลังก์กันให้เสียเวลา
ในขณะที่พวกเขาสนทนากันไปเรื่อยๆ พวกเขาก็มาถึงตำหนักสมบัติวิญญาณ เมื่อพวกเขาเดินลงมาจากรถม้า พวกเขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเขา “ซุนจือหยานคารวะองค์ชาย!”
ซุนจือหยาน?
ความคิดหนึ่งแวบผ่านสมองของหลิงฮัน เขาหันไปมองชายหนุ่มคนนั้น อีกฝ่ายเป็นคนที่ดูมีรูปลักษณ์ทั่วๆไปค่อนข้างสูงและผอม เขาเพิ่งจะก้าวผ่านระดับก่อเกิดธาตุมาออร่าจึงยังไม่มั่นคงเท่าไหร่
“ไม่ต้องมากพิธี จือหยาน” องค์ชายหนึ่งยกมือเล็กน้อย ออร่าแห่งราชาถูกปลดปล่อยออกมา
ตระกูลที่ทรงพลังและยิ่งใหญ่ที่สุดแคว้นพิรุณคือตระกูลฉีที่ควบคุมอำนาจทุกซอกทุกมุมของจักรวรรดิ
อย่างไรก็ตาม ตระกูลซุนมีสถานะด้อยกว่าตระกูลฉีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นซุนจือหยานจึงไม่หวาดกลัวองค์ชายหนึ่งเท่าไหร่ หลังจากทักทายแล้ว มันหันไปมองหลิงฮันและพูด “น้องชายหลิง ในที่สุดเราก็พบกัน”
ดูเหมือนว่าซุนจือหยานจะจงใจมารอเขาที่นี่
“ซุนจือหยาน เจ้าต้องการอะไร?” หลิวอู๋ตงถามอย่างเย็นชา ในฐานะผู้ติดตามที่ดี นางได้มายืนอยู่ข้างหน้าหลิงฮัน
ความประหลาดใจและริษยาปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของซุนจือหยาน หลิวอู๋ตงและหลีซื่อฉางเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะไข่มุกแฝดแห่งเมืองจักรพรรดิ แต่จำนวนของผู้ชายที่สนใจในตัวพวกนางนั้นมีมากพอที่จะล้อมรอบเมืองจักรพรรดิได้สองสามรอบ ตัวมันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
โชคร้ายที่ดูเหมือนว่าบุปผางามทั้งสองจะถูกเด็ดดมโดยผู้ชายคนเดียวกัน นี่ช่างเป็นสิ่งที่น่าอิจฉา น่าริษยา และน่าเกลียดชังยิ่งนัก!
...ถ้าหลิงฮันรู้ความคิดของมันตอนนี้ เขาจะต้องตะโกนออกมาดังๆแน่นอนว่าเขาคือผู้บริสุทธิ์ พระเจ้าเท่านั้นที่ล่วงรู้ว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรหญิงสาวทั้งสองเลย
ซุนจือหยานยิ้มและพูด “ข้าเพียงแค่อยากแก้ไขความบาดหมางระหว่างข้ากับน้องชายหลิงเท่านั้น”
“โอ้ มีเรื่องเช่นนั้นด้วยรึ?” องค์ชายหนึ่งพูดแทรก
“ก็แค่เรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อย” ซุนจือหยานพูด
“โอ้?” ดวงตาของหลิงฮันกลายเป็นเย็นชา “เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องที่พ่อตาของเจ้าปรารถนาในตัวน้องสาวข้า และพอเขาไม่สามารถหลอกลวงและลักพาตัวพวกนางได้สำเร็จเขาก็ส่งคนมาแย่งชิงพวกนางไปน่ะรึ? มันมีส่วนไหนที่เป็นการเข้าใจผิดกัน? เหอะๆ!”
โทสะแวบผ่านใบหน้าของซุนจือหยาน แต่มันฝืนเอาไว้และพูด “น้องชายหลิง ไม่ใช่ว่าน้องสาวทั้งสองของเจ้าก็ปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนรึไง? ข้ามาที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนของพ่อตาข้าในการขอโทษและข้าจะมอบของขวัญเพื่อแสดงความจริงใจในการขอโทษให้ น้องชายหลิงโปรดลืมเรื่องนี้ด้วยเถิด อย่าดันทุรังทำให้พวกเราเสียหายทั้งสองฝ่ายเลย”
องค์ชายหนึ่งพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อซุนจือหยานจริงใจขนาดนั้น ทำไมน้องชายหลิงไม่เห็นแก่หน้าข้าและยกโทษให้จือหยานพร้อมกับลืมเรื่องทั้งหมดไปล่ะ?”
หลิวอู๋ตงเป็นกังวลเล็กน้อย นางรู้จักนิสัยของหลิงฮันดี นางกลัวว่าหลิงฮันจะกลายเป็นมีความขัดแย้งกับองค์ชายหนึ่งไปด้วย
หลิงฮันหัวเราะดังลั่น เมื่อซุนจือหยานและองค์ชายหนึ่งเห็นแบบนี้ พวกเขาเองก็หัวเราะขึ้นมาเพราะคิดว่า ‘ความเข้าใจผิด’ ได้ถูกแก้ไขแล้ว
“ไม่!” ในตอนนั้นเอง จู่ๆหลิงฮันก็พูดขึ้นมา
“แค่ก! แค่ก!”
ทั้งองค์ชายหนึ่งและซุนจือหยานหายใจไม่เป็นจังหวะจนสำลักออกมา ใบหน้าของพวกมันมองไปยังหลิงฮันอย่างมืดมน ในเมื่อเจ้าไม่คิดจะยอมรับการแก้ปัญหาอย่างสันติ แล้วเจ้าต้องหัวเราะอย่างมีความสุขทำไม?
“น้องชายหลิง ข้าจริงใจจริงๆ!” น้ำเสียงของซุนจือหยานเริ่มขุ่นเคือง ร่องรอยความไม่พอใจปรากฏในคำพูดของมัน
หลิงฮันยิ้มอย่างสงบและพูด “งั้นข้าก็ขอบอกเจ้าอย่างจริงใจเลยว่าเรื่องนี้จะไม่มีทางแก้ไขได้อย่างสันติ! พ่อตาของเจ้ามันเป็นเศษสวะ การปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่จะเป็นการสิ้นเปลืองอาหารบนโลกเปล่าๆ”
“น้องชายหลิง เจ้าคิดจะประกาศสงครามกับตระกูลซุนรึ?” ซุนจือหยานถามอย่างมืดมน
“ฮ่าๆ จือหยาน เจ้าใช้คำพูดแรงไปรึเปล่า?” องค์ชายหนึ่งพูดแทรกอย่างเป็นกลาง เขาไม่อยากจะสร้างความเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลซุนในขณะที่เขายังไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลิงฮัน
หลิงฮันยิ้มและถาม “ซุนจือ... หยาน เจ้าเป็นตัวแทนของตระกูลซุนรึไง?”
**ซุนจือออกเสียงคล้ายกับคำว่างี่เง่า**
“เจ้ากล้าดูหมิ่นข้า?” ซุนจือหยานจ้องไปยังหลิงฮัน หมอนี่ต้องจงใจพูดคำว่าซุนจือและเว้นวรรคก่อนจะพูดคำว่าหยานแน่ๆ
“หืม ไม่ใช่ว่าซุนจือหยานคือชื่อของเจ้ารึ? งั้นการที่ข้าเรียกชื่อเจ้าก็เท่ากับการดูหมื่นเข้ารึไง? ช่างเป็นคนที่แปลกยิ่งนัก” หลิงฮันส่ายหัว
“เหอะ ถ้าเรียกชื่อข้าแบบปกติก็คงไม่มีอะไร แต่วิธีที่เจ้าใช้เรียกชื่อข้าเมื่อครู่ต้องเป็นการจงใจแน่นอน!” ซุนจือหยานพูดอย่างดุร้าย
หลิงฮันเปิดเผยสีหน้าไร้เดียงสาและถาม “เมื่อสักครู่ข้าเรียกเจ้าว่าอันใดนะ? ไหนบอกหน่อยสิ”
“ซุนจือ... หยาน” ซุนจือหยานไม่ได้สงสัยอะไรและเรียกชื่อตัวเองแบบที่หลิงฮันเรียก แต่หลังจากคำพูดหลุดออกจากปากไป ในที่สุดมันก็รู้ตัวและคำรามออกไปด้วยความโกรธ “หลิงฮัน เจ้ากล้าหลอกข้า!”
“มันสมองระดับเจ้านี่นะ เห้อ!” หลิงฮันส่ายหัว “เจ้าเหมาะสมจะเป็นแค่เบี้ยล่างจริงๆ!”
“เจ้ากำลังแส่หาความตาย!” ซุนจือหยานโกรธเกรี้ยวและปล่อยหมัดใส่หลิงฮันอย่างรุนแรง
ปัง!
หลิวอู๋ตงก้าวออกมาและป้องกันหมัดของซุนจือหยานด้วยด้ามจับดาบของนาง นางพูดอย่างเย็นชา “ซุนจือหยาน อย่าบังคับให้ข้าชักดาบออกมา”
ซุนจือหยานถอยหลังหนึ่งก้าวและมองไปที่หลิวอู๋ตงด้วยความระมัดระวัง มันไม่สามารถตรวจสอบระดับพลังของนางได้ ซึ่งเป็นหลักฐานว่านางมีพลังบ่มเพาะสูงกว่ามัน การจะปะทะกับนางมันต้องระมัดระวังอย่างถึงที่สุด
“ฮ่าๆ พวกเจ้าทั้งคู่เป็นตัวตนสำคัญของแคว้น ดังนั้นได้โปรดหลีกเลี่ยงการขัดแย้งกันด้วย” องค์ชายหนึ่งพูดแทรกและยืนขั้นกลางระหว่างทั้งสองคน
ทั้งสองคนเป็นสมาชิกของแปดตระกูลใหญ่ ถ้าเป็นการประลองกันคงไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ามีการสูญเสียชีวิตเกิดขึ้น แม้แต่องค์ชายเช่นเขาก็ยังต้องถูกประณาม ในเวลาสำคัญอย่างการแย่งชิงบัลลังก์ ความผิดพลาดเพียงนิดเดียวสามารถทำให้มันสูญเสียความฝันและความหวังในการขึ้นครองบัลลังก์ได้เลย
“เมื่อเจ้ากลับไป บอกให้เฉินหยุนเซียงล้างคอรอเอาไว้ให้เรียบร้อย ข้าจะเป็นคนสำเร็จโทษมันเอง” หลิงฮันพูดอย่างสงบ แต่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหนักแน่นเอาจริง
ซุนจือหยานกลับมาสงบอีกครั้งและถาม “หลิงฮัน เจ้าต้องทำเรื่องที่จะทำให้เสียหายทั้งสองฝ่ายอย่างนั้นรึ?”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ว่าเสียหายทั้งสองฝ่าย” หลิงฮันยิ้ม
“เหอะ เช่นนั้นก็อย่าตำหนิข้าว่าทำเกินไปแล้วกัน!” ซุนจือหยานพูดอย่างเย็นชา
“ข้าจะแนะนำอะไรบางอย่างให้ เจ้าจงระวังร้านค้าเหล่านั้นของเจ้าเอาไว้ เมืองจักรพรรดินั้นกว้างใหญ่ บางทีการจะมีอันธพาลมาสร้างความวุ่นวายก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!”
หลิงฮันถอนหายใจ “เช่นนั้นข้าก็คงต้องลบตระกูลอีกตระกูลหนึ่งให้หายไปด้วยงั้นสิ”
คำพูดเบาๆของหลิงฮัน ทำให้องค์ชายหนึ่งที่ได้ยินเปลี่ยนสีหน้าในทันที