ตอนที่ 1 ดาวเหยียนฮวง
ดาวเหยียนฮวง เขตหยานโจว เมืองเทียนชุ่ย อำเภอไป๊ชา เมืองเทียนชุ่ย บ้านเลขที่ 95 โรงเรียนมัธยมระดับกลาง เป็นโรงเรียนมัธยมปลายที่มีสามระดับชั้น มีทั้งหมดสิบหกห้อง มีเด็กหนุ่มสวมเสื้อผ้าสีขาวนั่งอยู่ท้ายห้อง ดวงตาของเขาจ้องมองมาที่หนังสือดาวเหยียนฮวง ปากของเขาพูดกับตัวเอง
“จริงแล้วข้าเซียะปิงที่เกิดใหม่บนดาวเหยียนฮวงนี่เป็นความจริงหรือความฝันกันแน่?”
ตอนนี้สีหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงความสับสน
เซียะปิงเป็นเด็กนักเรียนธรรมดาที่อยู่ในดาวเหยียนฮวง เขาไม่ค่อยจะแตกต่างกันกับคนอื่นมากนัก แต่สามวันที่ผ่านมาสายฟ้าสีม่วงผ่าลงมาที่กลางหัวของเขา ทำให้เขาสลบลงไปกับพื้น
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบกับความทรงจำที่แปลกประหลาดและคุ้นเคยในใจของเขา ดูเหมือนเขาจะเป็นคนที่มาจากโลกเดิมที่เกิดในเมืองจีน เขาไปโรงเรียน เรียนหนังสือ แต่งงานมีลูก มีอายุสามสิบกว่าปีสุดท้ายเขาก็ต้องตายเพราะอุบัติเหตุทางจราจร
ในสามวันความทรงจำของเขาในดาวเหยียนฮวงกับโลกก็หลอมรวมกันทำให้เซียะปิงปวดหัวอย่างมาก เขาสับสนวุ่นวายแทบที่จะขาดใจตอนที่อยู่ในชั้นเรียน
แต่การหลอมรวมความทรงจำนี้มีแต่ประโยชน์ ไม่ได้เสียเปล่า สมองของเขาแข็งแกร่งขึ้น มีความสามารถในการจดจำที่น่ากลัว หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาเข้าใจได้ง่ายๆไม่ลำบากเลย
ได้ยินไหม? มีเวลาเพียงแค่ห้าเดือน ห้าเดือนเท่านั้น"
หญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าห้องสวมชุดสูท ร่างกายเผยให้เห็นสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบอย่างน่าอัศจรรย์ ใบหน้าที่สวยงามอย่างปราณีตของเธอสวมแว่นตาอยู่ แสดงให้เห็นท่าทางที่สง่างามและทรงเสน่ห์ น่ารักมากๆ เหมือนพี่สาวสุดสวยที่ทุกคนหลงใหล
เธอเป็นครูประจำชั้นของเซียะปิงมีชื่อว่า "ชิวเชว่" หรือพี่สาวชิว ระดับการฝึกตนของเธอสูงมากจนไม่อาจที่จะวัดระดับได้
"ห้าเดือนหลังจากนี้จะเป็นเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นสิ่งที่กำหนดชีวิตพวกเธอ"
คุณครูชิวเยว่กำลังเอามือทั้งสองข้างวางลงบนโต๊ะ ดวงตาที่สวยงามของเธอมองไปที่นักเรียนที่เปื่อมไปด้วยพลังวิญญาณ "ฉันจะแจกบททดสอบการเตรียมเข้ามหาลัยให้พวกเธอคิดเรื่องนี้ ฉันจะแจกบททดสอบเพื่อให้พวกเธอเขียนแผนการณ์ในชีวิต อย่างให้รู้ทีหลังว่ามครเขียนส่งๆ มาละกัน?"
"คุณครูคะ หนูอยู่ในระดับผู้ฝึกฝนระดับนักรบสวรรค์ขั้นที่สาม มันจะยากหรือเปล่าเมื่อทดสอบเข้ามหาวิทยาลัย?" นักเรียนหญิงคนหนึ่งถาม
"เกรดนี้ธรรมดามาก"
คุณครูชิวเยว่พยักหน้า "หากคิดที่จะเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่หากอยากจะเข้ามหาวิทยาลัยชั้นสามก็สามารถเข้าได้ทันที แน่นอนเธอจะได้งานทันทีและหาเงินช่วยเหลือครอบครัวของเธอได้"
เนื่องจากในตอนนี้ในสังคมกำลังขาดแคลนคนงาน จึงสามารถที่จะเลือกทำงานในบริษัทได้ ในระหว่างที่ทำงานก็จะเอาเนื้อซื้อมอนสเตอร์ชนิดไหนก็ได้ หรือยาทิพย์ชนิดใดก็ได้ มันจะช่วยให้กลายเป็นผู้ฝึกตนที่แท้จริงอย่างช้าๆ หากกลายเป็นนักรบที่แท้จริงมีเงินมากกว่าหมื่นเหรียญต่อเดือนชีวิตก็จะได้ไม่น่าเสียใจ"
หากเซียะผิงเป็นคนที่ดาวโลกเขาอาจจะไม่เข้าใจที่ทั้งสองคนพูดกัน แต่ตัวเขาก็มีความทรงจำจากดาวเหยียนฮวง เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ว่าดาวเหยียนฮวงกับดาวโลกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะที่นีมีผู้ฝึกตน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เจริญกว่ากันอย่างมาก
เดิมดาวเหยียนฮวงกับโลกไม่ต่างกันนักนอกจากพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าดาวโลกมากกว่าหลายร้อยเท่า นอกจากนี้หลายร้อยประเทศเพิ่งผ่านพ้นมาจากยุคศักดิ์ดินา มาถึงยุคสมัยเทดทูนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้ฝึกตนกลายเป็นสิ่งที่ถูกทอดทิ้ง
แต่ยังไงก็ตามเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเมื่อหนึ่งพันปีมาแล้ว ดาวเหยียนฮวงอันเงียบสงบได้มีหลุมดำปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้า มันพ่นกระจายก๊าชสีดำบนท้องฟ้า ทั้งหมดนี่แพร่กระจายไปจนทั่วท้องฟ้า
"ก๊าชสีดำที่น่าสงสัย มีไวรัสที่น่ากลัวอยู่ จนถึงตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าไวรัสนั้นมันเป็นอะไร แต่มันก็น่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัยเลย"
เซียะผิงมองดูหนังสือประวัติศาสตร์ "ภายในหนึ่งคืนดาวเหยียนฮวงก็ตกอยู่ในภัยพิบัติใหญ่ ประชาชนตายไปกว่า 50% เด็กมนุษย์และคนที่มีร่างกายอ่อนแอได้ตายลงไป
ที่น่ากลัวคือไวรัสเหล่านี้ มันทำให้พืชกับสัตว์ทั้งหมดในดาวเหยียนฮวงวิวัฒนาการอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นสิ่งที่ทรงพลัง แม้แต่อาวุธปืน ระเบิด ขีปนาวุธก็ยังไม่อาจที่ฆ่ามันได้
ยิ่งไปกว่านั้นมอนสเตอร์เหล่านี้มันไม่มีสติ พวกมันไล่ฆ่ามนุษย์ มนุษย์นับไม่ถ้วนต้องตายเพราะมอนสเตอร์นี่ทำให้ประชากรมนุษย์ลดลงกว่า 40% เรียกว่าหายนะใหญ่แห่งยุค"
แต่นี่ไม่ใช่ทั้งหมด มันเกิดขึ้นตั้งแต่เซียะปิงยังไม่ได้เกิดขึ้นมา ไวรัสที่น่ากลัวเหล่านี้จะทำให้สัตว์ทั้งหมดนี้กลายเป็นบ้าคลั่ง แต่มนุษย์ในดาวฮวงเหยียนกลับได้ประโยชน์อย่างมาก ร่างกายของทุกคนล้วนได้รับการวิวัฒนาการ
ในเวลาเดียวกันในดาวเหยียนฮวงก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นบ่อยๆ ภายใต้ภูเขามีซากปรักหักพังสิ่งของล้ำค่าตั้งแต่สมัยโบราณมา มนุษย์ค้นพบสุดยอดทักษะการฝึกฝนจากซากปรักหักพังโบราณ
เ้วยทักษะผู้ฝึกตนทำให้มนุษย์เองก็ได้รับวิวัฒนาการที่น่ากลัว ร้อยย่างก้าวหมัดเทพ ปลิดใบทิ้งสังหาร ก้าวย่างอากาศ ตัดภูผาหิน หมัดทะลายภูเขาและแม่น้ำ เปลี่ยนแปลงมนุษย์ที่สามารถสู้กับสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวนี้ได้เพราะกลายเป็นยอดมนุษย์
นอกจากนี้ยังมีสมบัติโบราณที่ยังไม่ถูกค้นพบอีกมาก ไม่เพียงแต่มีวิธีฝึกตนขั้นสูงเท่านั้น ยังมีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อให้มนุษย์สะสมความแข็งแกร่ง
"ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคนิคการฝึกตน ความแข็งแกร่งของมนุษย์เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก มนุษย์เริ่มโต้กลับการโจมตีของเหล่ามอนสเตอร์ เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกคลองขึ้นในเวลาไม่กี่ร้อยปีในดาวเหยียนฮวง ผู้ปกครองระดับสูงในดาวได้จัดตั้งสหพันธรัฐแบ่งออกเป็นเก้าเขตการปกครองใหญ่"
เซียะปิงมองดูหนังสือประวัติศาสตร์อีกครั้ง "ก่อนหน้านี้ห้าร้อยปีก่อนมนุษย์ไม่ได้คิดถึงการอยู่รอดของดาวเหยียนฮวง สหพันธ์รัฐส่งผู้เชี่ยวชาญเป็นจำนวนมากเข้าไปในหลุมดำเพื่อหาแหล่งกำเนิดของภัยพิบัติ
แต่พวกเขาไม่รู้ถึงสาเหตุของหายนะ พวกเขาจึงเข้าไปสำรวจในอีกด้านหนึ่งของหลุมดำ อีกด้านหนึ่งเป็นโลกที่กว้างใหญ่กว่าโลกมนุษย์มากมันมีชื่อว่า โลกเมฆาสวรรค์
มันเป็นพื้นที่ๆ กว้างกว่าดาวเหยียนฮวงหลายเท่าจนไม่รู้ว่ากว้างเท่าไหร่ ที่นั้นมีพลังลมปราณอยู่มากมาย มีสมบัติของสวรรค์และโลกนับไม่ถ้วน มันมีสมบัติมากมายเปรียบเสมือนสวรรค์ของมนุษย์ที่จินตนาการออกมา
เมื่อได้รับภูมิปัญญาจากโลกเมฆาสวรรค์ดาวฮวงเหยียนก็ถูกพัฒนาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นห้าร้อยปีการฝึกตน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็เจริญไปอย่างมาก ตัวตนของผู้ฝึกตนก็กลายเป็นสิ่งที่ทรงเกียรติ"
ในโรงเรียนที่เซียะผิงอยู่ก็เป็นแบบนี้ นักเรียนทุกคนในดาวเหยียนฮวงต่างฝึกฝนพลังยุทธ มีการทดสอบความแข็งแกร่งอย่างสม่ำเสมอ แม้ไม่แข็งแกร่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ก็พออยู่ได้ก็ดีแล้ว
ตอนนี้เขาเป็นนักเรียนมัธยมปลายที่กำลังเผชิญหน้ากันกับการเข้าสอบมหาวิทยาลัย สิ่งที่สำคัญอย่างมากกับนักเรียนคำใดคนหนึ่งคือทรัพยากรการฝึกฝน และเทคนิคการฝึกฝนมันจะช่วยทำให้ชีวิตของพวกเขาไปได้ดี
"เหอะ"
เมื่อดูประวัติศาสตร์แล้วเซียะปิงก็เริ่มหาวิธีสร้างเสริมความแข็งแกร่งทันที "เมื่อคิดเรื่องมากมายที่เปล่าประโยชน์ไปแล้ว ไม่ว่าข้าเซียะปิงจะมาจากโลกหรือว่าดาวเหยียนฮวง ข้าก็คือข้า ไม่ว่าข้าอยู่ที่ไหนก็สุดยอด"
หลังจากที่คิดเรื่องนี้แล้ว อาการปวดหัวของเขาก็หายไปจนหมด ไม่มีสิ่งใดปิดกั้นความทรงจำอีกต่อไป ตอนนี้เขาตื่นขึ้นมาแล้วความทรงจำของเขาก็หลอมรวมกันอีกครั้ง
ตอนนี้มีเสียงหุ่นยนต์ดังออกมาแทบไม่รู้สึกว่ามันอยู่ที่ไหน
"ติ้งหลอมรวมกับวิญญาณเสร็จสิ้นแล้ว ระบบสุดยอดแห่งความเกลียดชังเชื่อมโยงกับโฮสต์"
เซียะปิงกระพริบตา "ระบบสุดยอดแห่งความเกลียดชัง?" ตอนนี้ความทรงจำของเขารวมกัน การมีระบบอะไรเป็นเรื่องที่แปลกมาก
"โฮสต์ ต้องเป็นผู้ปรับแต่งระบบความเกลียด ตราบใดที่โฮสต์สามารถรับคะแนนความเกลียดชัง สามารถแลกเปลี่ยนเม็ดยา สมบัติแห่งสวรรค์และผืนโลกได้ หรือจะเป็นทักษะการฝึกฝน ฯลฯ"
เซียะปิงถามว่า "อะไรคือแต้มความเกลียดชัง?"
"สิ่งนี้เรียกว่าแต้มความเกลียดชัง มาจากอารมณ์เชิงลบ ตราบใดที่โฮสต์สามารถทำให้เกิดอารมณ์เชิงลบได้ ก็จะสามารถได้แต้มความเกลียดชัง ยิ่งเกลียดมากแต้มความเกลียดชังจะยิ่งสูงมากขึ้นไปด้วย ระดับความเกลียดชังก็จะแบ่งออกเป็น เหม็นขี้หน้า เกลียด เหยียดหยาม ต้องฆ่าเท่านั้น อยู่ร่วมโลกไม่ได้ ฯลฯ"
"สร้างความเกลียดชังใช่ไหม?!"
ใบหน้าของเซียะปิงพูดอะไรไม่ออก ระบบกำลังชังจูงความเกลียดชังลงหลุม เขาจ้องต้องกลายเป็นหมายการดูถูก แล้วตะโกนต่อสู้? ทำแบบนี้เขาไม่กลายเป็นทรยศที่น่ารังเกียจแบบฉินฮุ่ยเหรอ
(ฉินฮุ่ย เป็นอัครมหาเสนาบดีในรัชสมัยจักรพรรดิซ่งเกาจงเป็นผู้ที่โลภมากในทรัพย์และมีความเหี้ยมโหดและเป็นผู้ที่ทำให้แม่ทัพงักฮุยพร้อมบุตรชายต้องถูกประหารชีวิต และเขายังขายแผ่นดินให้กับต่างชาติ โดยความโหดเหี้ยมของเขาทำให้ประชาชนนำแป้งมาปั้นติดกันและนำไปทอดจนเหลืองกรอบแล้วนำมากิน โดยการทำเช่นนี้เปรียบเหมือนกับการระบายความแค้นที่ฉินฮุ่ยกับภรรยาทำความอับอายให้แก่คนจีนโดยให้ชื่อว่า อิ่วจาก้วย คนไทยรู้จักขนมนี้เป็นอย่างดีว่า ปาท่องโก๋คนจีนภายหลังยังคงเคียดแค้นขุนนางชั่วทั้งหลายที่ร่วมกันทำให้แม่ทัพงักฮุยพร้อมบุตรชายต้องถูกประหารชีวิต ภายหลังจึงทำรูปปั้นสองสามีภรรยาและพวกไว้หน้าศาล คุกเข่ารับการสาปแช่ง บ้างก็ถูกถ่มน้ำลายใส่จากชนรุ่นหลังจนถึงทุกวันนี้)
ยิ่งไปกว่านั้นสมบัติแห่งสวรรค์และผืนโลกสามารถแลกเปลี่ยนได้กับแต้มความเกลียดชัง หากทักษะการฝึกฝนลับที่เป็นของจริงละ? นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็น ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อถือทันที
"การเข้ามหาวิทยาลัยเป็นสิ่งที่ดี แต่หากอยากจะทำงานละก็ไม่เป็นไร นี่ช่วยไม่ได้เป็นสิ่งที่พวกเธอเลือก แต่ครูอยากจะบอกว่าอย่าตัดสินใจที่ทำให้เสียใจในอนาคต"
ตอนนี้ครูชิวเยว่ที่อยู่หน้าชั้นเรียนแล้วให้นักเรียนหญิงนั่งลงแล้วให้กำลังใจ
"ใช่แล้วคุณครู" กลุ่มนักเรียนส่งเสียงร้องออกมา
ชิวเยว่ขมวดคิ้วเธอพบว่ามีคนบางคนในห้องไม่ในใจอะไรเลย เธอจึงเริ่มถามเซียะปิง " เซียะปิงเธอจะวางแผนอนาคตยังไง?"
"วางแผน?!"
เซียะปิงรู้ดีรู้ดีว่าเขาท่าทางที่ใจลอยของเขาถูกครูจับความสนใจได้อยู่
เธอเป็นครูใหม่ในชั้นเรียน เธอทำงานมาครึ่งปีแล้ว เธอไม่ได้เหมือนจิ้งจอกเฒ่าที่สอนมาหลายปี เธอมีความรับชอบและสนใจนักเรียนในห้องที่ไม่ได้สนใจเรียน
ในตอนแรกเขาอยากจะบอกว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยระดับสาม แต่เขาก็คิดว่าทำไมไม่ใช้โอกาสนี้ในการทดสอบระบบสุดยอดความเกลียดชังในตอนนี้
เมื่อคิดแบบนี้เซียะปิงก็ลุกยืนขึ้น แล้วพูดออกมา " ผมอยากจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเหยียนฮวง"
หา?
นักเรียนทั้งหมดในห้องรวมถึงครูชิวเยว่รู้สึกตัวแข็งทื่อ
อะไรคือมหาวิยยาลัยเหยียนฮวง ในดาวเหยียนฮวงมันคือมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก มันเกิดขึ้นจากการเสียสละของมนุษย์นับพัน ที่นั้นมีผู้เชี่ยวชาญในการฝึกตนทุกที่ มหาวิทยาลัยฮวงเหยียนมีทุกสาขาวิชาและทุกวิชาชีพ บางคนเป็นเจ้าของบริษัท บางคนมีตำแหน่งใหญ่ๆ ในสาขาต่างๆ บางคนเป็นทหารระดับสูง บางคนก็เป็นจอมพลในกองทัพ ฯลฯ
หากใครได้เข้ามหาวิทยาลับเหยียนฮวงแต่ละคนล้วนแต่เป็นมนุษย์ที่พรสวรรค์สูงเลิศ
ในเลขที่ 95 โรงเรียนมัธยมระดับกลาง มีผู้มีสิทธิ์สอบเข้ามหาวิทยาลัยเหยียนฮวงมีไม่เกินห้าคน แต่ไม่ได้มีทุกปี บางปีก็มีเพียงแค่หนึ่งคน
หากสอบได้โรงเรียนต้องแขวนป้ายผ้าฉลองสามวันสามคืน แม้แต่นักเรียนด้วยกันก็ได้รับผลประโยชน์ไปด้วยไม่มากก็น้อย
แต่เซียะปิงเป็นนักเรียนธรรมดา ผู้ฝึกฝนนักรบสวรรค์ขั้นที่สาม การเข้ามหาวิทยาลัยชั้นสามได้ก็เต็มกลืนแล้ว จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเหยียนฮวงได้ยังไง
เจ้าเด็กนี่บอกว่าอยากจะเข้ามหาวิทยาลัยเหยียนฮวงนี่ไม่บ้าไปหน่อยเหรอ?
"เซียะปิง เธอพูดจริงเหรอ?" เพราะคำตอบของเซียะปิงน่ากลัวมาก ครูชิวเยว่ไม่ได้โทษอีกฝ่าย ตรงกันข้ามเธอรู้สึกว่าเขาไม่พูดออกมาด้วยความจริงจัง รู้สึกว่าเขาดูโง่มาก
เซียะปิงพยักหน้าแล้วพูดออกมาว่า "ในห้าเดือนหลังจากนี้ ผมอยากจะทดสอบเข้ามหาวิทยาลัยเหยียนฮวง กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการฝึกตน มีรายได้หลายร้อยล้าน แต่งงานกับสาวงามที่ดีพร้อมมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในชีวิต"
"น้องเขยมึงสิ แค่เป็นผู้ฝึกตนมหาวิทยาลัยชั้นสามก็เป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเหยียนฮวง"
"นี่มันเกินความสามารถเกินไป ทำไมถึงไม่รู้ถึงขีดจำกัดของตัวเอง"
"นี่อ่านหนังไม่ออกหรือไง ข่าวนี้ต้องแพร่กระจายไปอย่างกับแสงไฟ แกมันโง่ขนาดไม่รู้เรื่องเหรอ?"
"ทุกคนเจ้าปลาเค็มนี่ไม่มีความคิดอะไรนอกจากทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้"
นักเรียนทุกคนมองเซียะปิงอย่างเกลียดชัง
เซียะปิงยืนนิ่ง เขามองไปที่นักเรียนคนอื่นที่พูดจาเสียดสีตัวของเขา "หยางเว่ยทำไม่ได้ หรือว่าเขาไม่ดีพอมากกว่า คนบางคนสันดานไม่ดีต้องมีตัวช่วยดับสันดาน"
"เซียะปิง"
นักเรียนที่ชื่อหยางเว่ยทำจมูกฟุดฟิดมองเซี่ยปิง แม้แต่หัวเข่ายังรู้ว่าเจ้าคนนี้มันเยาะเย้ยเขา ว่าเขาเป็นพวกไม่มีอะไรดี
นี่เป็นชื่อเล่นที่ไม่มีใครกล้าเรียกชื่อของเขา เจ้าเซียะปิงกล้าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนอื่น สวะ
"ฮ่าฮา มีคนเรียกแกว่าหยาวเว่ย แกคิดว่าพ่อแกจะคิดยังไง? " เจ้าอ้วนที่อยู่ในมุมห้องหัวเราะเยาะออกมา เขากับหยางเว่ยไม่ถูกกัน ทำไมเขาจะไม่พลาด มาซ้ำเติมเจ้าโง่เง่านี่ให้ตกต่ำลง
"กั้วว่าน เจ้ายิ้มอะไรเจ้าก็ไม่แตกต่างกัน"
เซียะปิงพูดจาถากถางดังออกมา
เจ้าอ้วนกั้วว่านใบหน้าเปลี่ยนกลายเป็นสีเขียว เขาจ้องมองเซียะปิงด้วยความโกรธ ราวกับว่าเป็นตัวประหลาดที่อยากจะกลืนเขาลงไป
นักเรียนคนอื่นๆมีสีหน้าแปลกใจ เซียะปิงเป็นนักเรียนคนเดียวที่มีผลการเรียนระดับปานกลางไม่ได้โดดเด่น ท่าทางของเขาที่แสดงออกมาเหมือนจะโดนฆ่า แม้แต่พระพุทธเจ้ามาห้าม ก็ดูจะกล้าเกินไปที่จะมาห้าม
หยางเว่ยอาจจะเป็นคนโง่นิดๆ แต่เจ้าคนนี้เป็นตัวปลระหลาดที่มองในมุมมองของตัวเอง ไม่สนใจชาวบ้านเหมือนคนกินดินปืนลงไป (ไม่รู้ว่าจะเดือดร้อนวันไหน)
"พอแล้ว"
ครูชิวเยว่ทนต่อไปไม่ไหว ดวงตาที่งดงามของเธอมองที่เซี่ยปิงพูด " เซียะปิงนี่มันเรื่องอะไรจบหรือยัง? เรียกชื่อเล่นนักเรียนคนอื่นดูถูกคนอื่น ดูเหมือนว่าจะพูดอะไรก็ได้"
เซียะปิงพยักหน้าเห็นด้วย "ครูพูดถูกผมต้องทบทวนตัวเอง"
"เธอรังแกคนอื่น ฉันไม่เห็นด้วยกับแบบนี้แน่ๆ"
เมื่อได้ยินครูพูดแบบนี้แล้ว หยางเว่ยที่ใบหน้าเขียวอยู่ ใบหน้าก็เปลี่ยนกลายเป็นร้องไห้ ผู้หญิงคนนี้กำลังว่าคนที่รังแกเขา และกำลังออกไปจากห้อง
"ใช่"
ใบหน้าที่สวยงามของครูชิวเยว่กลายเป็นสีแดงด้วยความโกรธ เธอเรียกหยางเว่ยกลับมา แต่ฝ่ายตรงข้ามเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เกินกว่าที่เธอจะห้ามเขาได้ทัน
"เซียะปิง" เธอจ้องมองเซียะปิงด้วยความโกรธ ตอนนี้เจ้าตัวน่ารังเกียจกำลังทำผิด
เซียะปิงทำตัวไร้เดียงสา "ผมไม่คิดว่าเขาจะมีจิตใจอ่อนแอแบบนี้"
"ดีออกไปจากห้องไปคิดมันให้ดีก่อน" ครูชิวเยว่กำลังโกรธแล้วชี้ไปทางเซียะปิง
เซียะปิงไม่ได้สนใจอะไร ตอนนี้เขาได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นภายในใจของเขาดังออกมา "แต้มความเกลียดชัง + 1 แต้มความเกลียดชัง + 1..."