ตอนที่ 132 ท่านพูดว่าใครเป็นคนไร้ค่า ?
เสียงตะโกนนี้ทำให้ทุกคนตกใจ หวงซวนรีบมาปกป้องเฟิงหยูเฮงทันที ขณะที่ฉิงเล่อซึ่งลุกเข่าอยู่ที่พื้นลุกขึ้นยืน ดึงปิ่นออกจากศีรษะของเฟิงเฉินหยูเพื่อแทงเฟิงหยูเฮง
เฟิงหยูเฮงไม่แม้แต่จะหลบ นางมองฉิงเล่อที่กำลังบ้าคลั่ง หวงซวนกำลังป้องกันไม่ให้ฉิงเล่อทำร้ายเฟิงหยูเฮง
นี่เป็นครั้งแรกที่เฟิงเฉินหยูเห็นสาวใช้ลงมือ ก่อนหน้านี้นางรู้ว่าสาวใช้ทั้งสองคนที่องค์ชายเก้าส่งมามีวิทยายุทธ แต่นางไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะเก่งขนาดนี้
นางจ้องมองเฟิงหยูเฮงและเห็นความเย็นชารวมถึงความกล้าหาญในแววตาของน้องสาวคนนี้ นางก็รู้สึกว่านางไม่รู้จักเด็กคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นบุตรสาวคนแรกของฮูหยินใหญ่หรือบุตรสาวของอนุ เฟิงหยูเฮงไม่เคยเป็นอย่างนี้
นางไม่สามารถพูดได้อย่างแม่นยำว่ารู้สึกอะไรกับเฟิงหยูเฮง แต่นางรู้สึกถึงความสิ้นหวังที่กำลังเติบโตอยู่ที่ก้นบึ้งของจิตใจ
ดูเหมือน... นางไม่สามารถเอาชนะน้องสาวคนนี้ได้
ฉิงเล่อคุกเข่าตั้งแต่งานเลี้ยงกลางคืน และตอนนี้นางถูกหวงซวนเตะ ฉิงเล่อเป็นลมก่อนที่นางจะโดนเตะ เมื่อนางล้มลงที่พื้น ไม่มีใครเข้าไปช่วยนางแม้แต่คนเดียว
นางกำนัลอาวุโสไม่สนใจหวงซวนว่าจะเตะใคร นางเป็นนางกำนัลที่อยู่ในพระราชวังมานานแล้ว ดังนั้นนางเคยเจอหวงซวนและวังซวนมาก่อนแล้ว พวกนางเคยเป็นนางกำนัลของพระชายาหยุนมาก่อน ใครจะกล้าทำร้ายพวกเขา?
นางยิ้มและมองไปที่เฟิงหยูเฮง นางไม่สนใจฉิงเล่อ นางกล่าวอย่างสุภาพว่า "พระยายาจะเสด็จออกจากพระราชวังหรือเพค่ะ? พระชายาต้องการให้หม่อมฉันจัดรถม้าไปส่งหรือไม่เพคะ?" ขณะที่นางพูดแบบนี้นางมองไปที่รถม้าของตระกูลเฟิง
เฟิงหยูเฮงยิ้มและมองที่นางกำนับอาวุโสที่มีประสบการณ์ในการเฝ้าประตู ดังนั้นนางจึงเจียมเนื้อเจียมตัว "ถ้าเช่นนั้น ข้าคงต้องรบกวนท่านแล้ว"
"พระชายาอย่าได้เกรงใจเลยเพคะ" นางกำนัลอาวุโสรีบออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อจัดเตรียมรถม้า
เมื่อเฟิงหยูเฮงกลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิงโดยรถม้าของพระราชวังในเวลาเจ็ดโมงเช้า หลังจากเฟิงเซียงหรูกลับถึงคหาสน์ตระกูลเฟิง เฟิงจินหยวนเล่าให้ทุกคนทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงพระราชวัง ปัจจุบันเฟิงเฉินหยูยังคงคุกเข่าอยู่นอกประตูของพระราชวัง ตอนแรกฮูหยินผู้เฒ่าต้องการให้เฟิงจินหยวนไปหานาง แต่เฟิงจินหยวนรู้สึกว่าถ้าเขาไปฮองเฮาจะทรงโกรธขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นเขาทำได้แค่ส่งรถม้าไปรับนาง ขณะที่เขาอยู่ในคฤหาสน์รออย่างเงียบ ๆ
แต่น่าเสียดายที่บุตรสาวที่กลับมาในตอนเช้าไม่ใช่เฟิงเฉินหยูที่เขาเป็นห่วงมากที่สุด แต่กลับเป็นเฟิงหยูเฮง
"เจ้าเห็นพี่ใหญ่ของเจ้าหรือไม่?" ตอนที่เฟิงหยูเฮงเดินเข้าไปถึงประตูของคฤหาสน์ เฟิงจินหยวนเดินตรงเข้ามา และถามคำถามนี้
นางตกใจเล็กน้อย นางไม่ได้นอนทั้งคืน ดังนั้นนางจึงหงุดหงิดนิดหน่อย คำถามของเฟิงจินหยวนทำให้นางโกรธมาก "ข้าก็อยู่ที่พระราชวังทั้งคืน แต่ท่านพ่อไม่ถามข้าสักคำว่าข้าเป็นยังไงบ้าง?"
เฟิงจินหยวนขมวดคิ้วและกล่าวอย่างไม่สุภาพว่า "เจ้าไม่ได้เป็นอะไรนี่! แต่พี่ใหญ่ของเจ้าถูกลงโทษให้คุกเข่าอยู่นอกพระราชวัง เจ้าเพียงแค่คุยกับฮ่องเต้"
นางขมวดคิ้วและมองไปทางเฟิงจินหยวน ความคิดของนางมีแค่คำเดียวที่ผุดขึ้นมาในใจของนาง ไร้ยางอาย!
"ข้าไม่เห็นนาง!" หลังจากที่กล่าวเสร็จ นางดึงหวงซวนและหันกลับ เดินไปเรือนตงเซิงทันที
เฟิงจินหยวนยังไม่ได้หลับมาทั้งคืน ดังนั้นเขาจึงระเบิดอารมณ์ออกมาเมื่อได้เห็นเฟิงหยูเฮงกล้าที่จะพูดกับเขาแบบนี้ เขาตะโกนออกมาว่า "หยุดเดี่ยวนี้!"
เฟิงหยูเฮงจะสนใจกับเขาได้อย่างไร นางทำท่าราวกับว่านางไม่ได้ยินเขา นางเดินไปตามทางเดินของนาง แต่ก่อนที่นางจะเดินไกล สาวใช้วิ่งไปหานางและกล่าวว่า "คุณหนูรอง ฮูหยินผู้เฒ่าเชิญให้คุณหนูรองไปที่เรือนซูหยาเจ้าค่ะ!" คำพูดของนางสุภาพและอ่อนโยน มันแตกต่างจากคำพูดที่ออกมาจากปากของเฟิงจินหยวนโดยสิ้นเชิง
เฟิงหยูเฮงพยักหน้า นางและหวงซวนเดินตามสาวใช้ไปที่เรือนซูหยา ก่อนที่จะออกเดินทาง นางกล่าวกับเฟิงจินหยวนว่า "ถ้าท่านพ่อจะถามคำถามอะไร ท่านพ่อไปพบท่านย่ากับอาเฮง พี่ใหญ่เป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ของตระกูลเฟิง แต่นางลดตัวไปเป็นสาวใช้ของฉิงเล่อ ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าสถานะของครอบครัวเราอยู่ในเมืองหลวงจะเป็นอย่างไร"
ใบหน้าของเฟิงจินหยวนซีดกับแดงสลับกัน ปัจจุบันเฟิงหยูเฮงกำลังติดตามสาวใช้และเดินไปยังเรือนซูหยา เขาเดินตามเฟิงหยูเฮงไปที่เรือนซูหยาทันที
เขายังกังวลเกี่ยวกับเฟิงเฉินหยูแต่ในเรื่องที่ต่างออกไป ที่เรือนซูหยาของฮูหยินผู้เฒ่า ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสเพราะเฟิงหยูเฮงกลับมาที่คฤหาสน์ ยายจาวเป็นคนแรกที่ทักทายนางโดยไม่สนใจเฟิงจินหยวนที่ตามหลังมา นางทักทายเฟิงหยูเฮงอย่างตรงไปตรงมา "ข้าคารวะคุณหนูรอง ! คุณหนูรองไม่ได้นอนมาทั้งคืนที่พระราชวังและคงจะเหนื่อยมาก ก่อนที่จะรุ่งเช้า ฮูหยินผู้เฒ่าเตรียมน้ำแกงเพื่อให้คุณหนูรองดื่มเจ้าค่ะ"
เฟิงหยูเฮงยิ้มอย่างสดใสและพูดกับยายจาวว่า "ข้าทำให้ท่านย่าต้องเป็นห่วง ในคฤหาสน์นี้ มีแต่ท่านย่าที่รักข้ามากที่สุด!"
ยายจาวเชิญนางเข้าไปในห้องโถง และตามด้วยสิ่งที่นางพูดขึ้นมา "ท่านฮูหยินผู้เฒ่ารักคุณหนูรอง ท่านไม่เพียงแต่เตรียมน้ำแกงให้ ท่านยังให้ช่างตัดเย็บเสื้อผ้าที่ดีที่สุดในเมืองหลวง ท่านรอคุณหนูรองกลับมาที่คฤหาสน์เพื่อตัดชุดใหม่เจ้าค่ะ"
"โอ้?" เฟิงหยูเฮงรู้สึกสับสน นางจึงถามว่า "ทำไมถึงต้องตัดเสื้อผ้าใหม่?"
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่ ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่แล้ว ขณะนี้ฮูหยินผู้เฒ่านั่งอยู่บนที่นั่งหลักด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส นางมองเฟิงหยูเฮงแล้วตอบคำถาม "อาเฮง เจ้าได้รับปิ่นหงส์เพลิง ดังนั้นเราต้องตัดชุดให้เหมาะสม" นั่นจึงเป็นเหตุผล
เฟิงหยูเฮงยกมุมริมฝีปากของนางและโค้งคำนับไปยังท่านฮูหยินผู้เฒ่า "หลานคารวะท่านย่า หลานสาวทำให้ท่าย่าเป็นกังวล นี่เป็นความผิดของหลานสาว"
ฮูหยินผู้เฒ่าส่งสายตาให้ยายจาวอย่างรวดเร็ว และยายจาวรีบก้าวไปช่วยพยุงเฟิงหยูเฮงให้ลุกขึ้น ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวว่า "เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ฮ่องเต้และฮองเฮาทรงพระราชทานรางวัลให้ เป็นความโชคดีของเจ้า นอกจากนี้ยังเป็นความโชคดีของตระกูลเฟิงด้วย เจ้าทำให้ตระกูลเฟิงมีหน้ามีตามากขึ้น ข้าและพ่อของเจ้ารู้สึกขอบใจเจ้ามาก"
"จริงหรือเจ้าคะ?" เฟิงหยูเฮงหันไปรอบ ๆ และมองไปที่เฟิงจินหยวน "บางทีท่านพ่อยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรามีหน้ามีตา"
"หืม!" เฟิงจินหยวนสะบัดแขนเสื้อของเขาอย่างแรง เขาไม่ได้คารวะฮูหยินผู้เฒ่า เขาเดินตรงไปนั่งบนเก้าอี้ไปทางด้านข้างแล้วจ้องมองที่เฟิงหยูเฮงด้วยความโกรธ "เจ้าคิดถึงแต่ตัวเจ้าเอง แต่เจ้าไม่สนใจพี่ใหญ่ของเจ้าอย่างสิ้นเชิง ตระกูลเฟิงของข้าไม่มีบุตรเช่นเจ้า"
"เฟิงจินหยวน!" ฮูหยินผู้เฒ่ากลัวว่าความคิดของเฟิงจินหยวนจะกระทบต่อเฟิงหยูเฮง และพูดอย่างรวดเร็วว่า "อาเฮงคืออาเฮง นางสร้างชื่อเสียงกับตระกูล แล้วเจ้าพูดถึงเฟิงเฉินหยูทำไม ?" เมื่อเห็นเฟิงจินหยวนโกรธ นางยังคงพูดต่อ "ปิ่นหงเพลิง ? ตอนนี้ฮ่องเต้ได้มอบรางวัลให้กับอาเฮงของเราแล้ว สำหรับตระกูลเฟิงของเรา นี่ไม่ใช่เรื่องโชคดีหรือ? เจ้าเป็นพ่อ แต่เจ้าไม่ได้ชมเชยนางแต่กลับมาด่านาง ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้?"
เมื่อได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าพูดถึงปิ่นหงส์เพลิง ความโกรธของเฟิงจินหยวนลดลง การพูดอย่างจริงจังเรื่องที่เฟิงหยูเฮงได้รับปิ่นหงส์เพลิงทำให้เขาตกใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟิงหยูเฮงยิงลูกธนูทั้งสามดอกได้อย่างไร นางทำให้บุหนี่ชางแพ้ แล้วยังทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ
เขาจะทำอะไรได้ เฟิงหยูเฮงเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงสามปีที่ผ่านมาในเทือกเขา? ถ้ามันเป็นเพียงบุคลิกภาพแล้ว เขาพอเข้าใจ อย่างไรก็ตามความสามารถในการต่อสู้ของนางมาจากไหน?
ในความคิดของเขา เขาหันไปทางเฟิงหยูเฮงและสงบลงเล็กน้อย "อาเฮง ยิงธนูชนะและได้รับปิ่นหงส์เพลิงมาเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับตระกูลเฟิง แต่..." เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาคิดถึงเฟิงเฉินหยู เขารู้สึกไม่สบายใจ "พี่ใหญ่ของเจ้ายังคุกเข่าอยู่นอกประตูของพระราชวัง ทำไมเจ้าไม่ขออภัยโทษให้กับพี่ใหญ่ของเจ้า"
เฟิงหยูเฮงหายใจเข้าลึกๆ นางโกรธมาก แต่หันหน้าไปหาบิดาที่ไร้ยางอายของเจ้าของร่างเดิม นางอยากจะก้าวไปข้างหน้าและตบหน้าเขาแรง ๆ
"ท่านพ่อ คนเราต้องรู้จักพอ ข้าอาจได้รับการยกย่องจากฮ่องเต้และฮองเฮา แต่ถ้าข้าไม่รู้จักพอและได้คืบจะเอาศอก บางทีอาจจะไม่มีตระกูลเฟิงเหลืออยู่แล้ว" ตาของนางค่อย ๆ มีชีวิตชีวามากขึ้น "ข้าได้รับรางวัลปิ่นหงส์เพลิง ฮ่องเต้ทรงมอบรับรางวัลให้ ในขณะที่ฮองเฮาเป็นคนปักปิ่นนี้ให้ข้า ฮ่องเต้ยังอนุญาตให้ข้าเรียกพระองค์ว่าเสด็จพ่อ แม้จะมีความรุ่งเรืองดังกล่าว ตระกูลเฟิงกลับไม่ส่งรถม้าไปรับข้า ข้ากลัวว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นที่รู้กันทั่วพระราชวัง"
ท่านฮูหยินผู้เฒ่าตกตะลึง "รถม้าอะไร?"
เฟิงจินหยวนรู้สึกอับอายเล็กน้อยแต่เขาก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า "ข้าส่งรถม้าไปที่ประตูพระราชวังเพื่อรับเฟิงเฉินหยู"
"แล้วอาเฮงกลับมาอย่างไร?" ฮูหยินผู้เฒ่าดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ "เจ้าส่งรถม้าไปรับเฟิงเฉินหยูผู้ซึ่งถูกลงโทษด้วยการคุกเข่า แต่เจ้าไม่ได้ส่งรถม้าอีกคันไปรับอาเฮง?”
เฟิงจินหยวนก้มหน้าด้วยความเงียบ
เฟิงหยูเฮงกล่าว "นางกำนัลอาวุโสที่ประตูพระราชวังเห็นว่าหลานเป็นคนที่น่าสมเพชอย่างแท้จริง นางจึงเตรียมรถม้าของพระราชวังมาส่งหลานกลับมาที่คฤหาสน์ ไม่อย่างนั้น... บางทีหลานคงต้องเดินกลับมา"
"เจ้าโง่!" ฮูหยินผู้เฒ่ากระแทกไม้เท้าของนางลงบนพื้น "เฟิงเฉินหยูถูกลงโทษโดยฮ่องเต้ อาเฮงได้รับคำชมจากฮ่องเต้ ความแตกต่างระหว่างสองคนนี้เจ้าไม่เข้าใจหรือ เจ้าช่างโง่เขลาจริง ๆ"
เฟิงจินหยวนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยจากการถูกตำหนิโดยฮูหยินผู้เฒ่า เขาโต้กลับว่า "ทำไมข้าจะไม่เข้าใจ ? ถึงแม้จะได้รับคำชม แต่นางก็ยังคงเป็นแค่บุตรสาวของอนุ ! องค์ชายเก้าเป็นคนไร้ค่าที่ไม่มีความหวังที่จะได้นั่งบัลลังก์หรือไม่! บุตรสาวของตระกูลเฟิงต้องได้รับการปกป้อง ท่านแม่ไม่ควรลืมเรื่องนี้นะขอรับ"
ด้วยการแจ้งเตือนเรื่องนี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกสดชื่นได้อีกครั้ง ถูกต้อง นางมีความสุขที่เฟิงหยูเฮงได้รับรางวัลปิ่นหงส์เพลิง แต่นางลืมไปว่าองค์ชายเก้าไม่มีความหวังที่จะได้นั่งบัลลังก์!
ครู่ต่อมา บรรยากาศภายในห้องโถงใหญ่เริ่มกดดันมากขึ้น ความคิดของฮูหยินผู้เฒ่าและเฟิงจินหยวนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮูหยินผู้เฒ่า แววตาและความคิดของนางมีความซับซ้อน
เมื่อคืนที่ผ่านมาเมื่อนางฟังเฟิงจินหยวนพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยง ความสนใจของนางทั้งหมดอยู่ที่ปิ่นหงส์เพลิง นางรู้ว่าการได้ปิ่นหงส์เพลิงคล้ายกับได้รับทุกอย่างภายใต้สวรรค์ ฮ่องเต้ยังไม่ได้ประกาศแต่งตั้งองค์รัชทายาท แต่ที่งานเลี้ยงในปีนี้ พระองค์ได้พระราชทางปิ่นหงส์เพลิงเป็นรางวัล นี่ไม่ใช่หมายความว่าพระองค์ตั้งใจจะแต่งตั้งองค์รัชทายาทหรอกหรือ ?
สำหรับนาง ไม่ว่าจะเป็นเฟิงเฉินหยู หรือเฟิงหยูเฮง หรือแม้กระทั่งเฟิงเซียงหรู หรือเฟิงเฟินได ตราบใดที่ยังเป็นเด็กสาวจากตระกูลเฟิงที่ได้รับรางวัลปิ่นหงส์เพลิง ก็เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำหรับตระกูลเฟิง
ดังนั้นนางจึงไม่ต้องกังวลกับเฟิงเฉินหยูที่ยังคงคุกเข่าอยู่ที่ประตูของพระราชวังแทนที่จะกังวลเรื่องเฟิงหยูเฮง ตอนนี้บุตรชายของนางได้เตือนนางในเรื่องนี้ ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่าการได้รับปิ่นหงส์เพลิงไม่ใช่เรื่องดีเท่าที่นางคิด
นางหันไปมองเฟิงหยูเฮงอย่างไม่รู้ตัว นางอยากถามว่าฮ่องเต้ได้ทรงตรัสอะไรหรือไม่ เพราะนางไม่ได้กลับมาทั้งคืน
อย่างไรก็ตามนางเห็นใบหน้าของเฟิงหยูเฮงมืดลงและสายตาของนางคมเหมือนกริช ร่างของนางลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อนางเดินไปที่เฟิงจินหยวน
เฟิงจินหยวนรู้สึกถึงความรู้สึกกดดันที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนจากรอยเท้าของเฟิงหยูเฮง เช่นเดียวกับลูกธนูสามดอกที่ยิงที่งานเลี้ยง ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าเขากลายเป็นเป้า เมื่อเฟิงหยูเฮงเดินเข้ามาใกล้ เขากลั้นหายใจ
"ท่านพ่อ" ในที่สุดเฟิงหยูเฮงก็มาถึงตรงหน้าเฟิงจินหยวนและหยุดลง ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางดูน่าสนใจ "เมื่อสักครู่ ท่านพูดว่าใครเป็นคนไร้ค่า ?"