ตอนที่แล้วภาค 2 ตอนที่ 1 การบำเพ็ญตนสำคัญ แต่คุณภาพสำคัญกว่า!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปภาค 2 ตอนที่ 4 หญิงงามเพริศพริ้งนอนอยู่ตรงหน้าแต่กลับเลือกช่วยตัวเอง...

ภาค 1 ตอนที่ 29 บทส่งท้าย แข็งกว่า ตรงกว่า อึดกว่า!


ตอนที่ 29 บทส่งท้าย แข็งกว่า ตรงกว่า อึดกว่า!

บทส่งท้าย แข็งกว่า ตรงกว่า อึดกว่า!

แต่หวังลู่ก็ยังใจกว้างพอจะรับได้ ดีร้ายอย่างไรก็ยังเป็นขั้นสร้างแกน อย่างน้อยปรมาจารย์ขั้นสร้างแกนอย่างนาง หากไปอยู่อารามมังกรขาวบนเขาเมฆาการุณย์แถวบ้านไห่อวิ๋นฟานก็อาจพอกล้อมแกล้มเป็นอาวุโสได้ นอกจากนี้พวกที่ขึ้นเขาพร้อมตนแล้วเข้าไปอยู่ที่ยอดเขาเสรี ก็รับการถ่ายทอดวิชาโดยศิษย์ผู้มีประสบการณ์กว้างขวางลึกซึ้ง ส่วนหวังจง จูฉิน และเหวินเป่าที่ได้เข้าอยู่ในสำนักชั้นในอย่างยอดเขาเร้นลับ อาจารย์ในนามที่รับผิดชอบคือผู้อาวุโสรองหลิวเสี่ยน แต่การที่หลิวเสี่ยนต้องดูแลศิษย์ชั้นในตั้งสามสิบเจ็ดคนเพียงคนเดียวนั้น ประสิทธิภาพไม่บอกก็รู้ มิหนำซ้ำปกติแล้วศิษย์ชุดขาวดำจะทำหน้าที่ถ่ายทอดวิชาเป็นหลัก ดังนั้นคนเหล่านั้นจึงเทียบอะไรไม่ได้กับผู้อาวุโสขั้นสร้างแกนที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้เลย

เมื่อต่างฝ่ายต่างแนะนำตัวเสร็จสิ้นกระบวนความ อาจารย์ก็กล่าวเพิ่มเติม

“ตามกฎแล้วตอนนี้ควรพาเจ้าไปทำพิธีกราบอาจารย์ที่สุดแสนจะยุ่งยากวุ่นวายอะไรนั่น ก็มีคำนับและปฏิญาณตนอะไรเทือกนี้... เจ้าสนใจหรือไม่?”

หวังลู่ตอบอย่างจริงใจและตรงไปตรงมา “ไม่”

“อืม ข้าก็เหมือนกัน เช่นนั้นเราก็ข้ามขั้นตอนนี้แล้วเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปเลยก็แล้วกัน”

หวังลู่ถามด้วยความแปลกใจ “ขั้นตอนต่อไปรึ?”

อาจารย์พยักหน้าอย่างจริงจัง“ถูกต้อง ได้เวลากินข้าวแล้ว เราไปกินข้าวกันเถอะ”

“…การเปลี่ยนเรื่องของท่านไม่ปุบปับกะทันหันไปหน่อยหรือ!?”

“วางใจได้ อย่างน้อยวันนี้ข้าเป็นเจ้ามือ”

“หมายความว่าพรุ่งนี้ข้าต้องหากินเองหรือ!?”

“ฮ่าๆ ทรัพยากรของยอดเขาไร้ลักษณ์ของเราอุดมสมบูรณ์ยิ่ง บนเขามีไก่ป่า เป็ดป่า กระต่ายป่า หมูป่า ไม่อดตายหรอกน่า”

“ท่านบำเพ็ญวิชาคนป่าสินะ!?”

——

ทั้งสองทะเลาะกันไปมาเช่นนี้ตลอดเส้นทาง อาจารย์พาลูกศิษย์ตัวน้อยที่รับเข้ามาใหม่ขี่กระบี่เหาะออกจากยอดเขาไร้ลักษณ์ไปยังยอดเขาเสรีอย่างซวนเซไม่อาจทรงตัว

และนี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้อีกเช่นกัน อาจารย์เป็นผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนที่ไม่ต้องกินอะไรก็อยู่ได้ ดังนั้นบนยอดเขาจึงไม่มีห้องครัวและนางก็ไม่มีทักษะการปรุงอาหารเลย นอกเสียจากว่าหวังลู่จะเต็มใจเป็นมนุษย์ป่าเถื่อนไร้ซึ่งอารยธรรมยอมกินหมูป่ากระต่ายป่าที่นางล่ามา มิเช่นนั้นก็ต้องยอมไปต่อแถวกินข้าวร่วมกับบรรดาศิษย์จำนวนมากที่ยอดเขาเสรีเท่านั้น

หวังลู่ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสขั้นสร้างแกนผู้นี้จะรู้สึกกระดากอายบ้างหรือไม่ที่ต้องวิ่งโร่มาขอข้าวกินที่เขตแดนของศิษย์ชั้นนอก แต่ตอนที่หวังลู่ก้าวลงมาจากกระบี่บินแล้วต้องเผชิญหน้ากับผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ชี้ไม้ชี้มือจ้องมาที่ตัวเอง ทำให้รู้สึกอัปยศอดสูหลายส่วนโดยแท้

“ดูนั่น คนนั้นเหมือนจะเป็นศิษย์ใหม่ที่มาจากงานชุมนุมคัดเลือกเซียน!”

“เอ๋? มิใช่ว่าผู้อาวุโสเก้าพาศิษย์ใหม่เหล่านั้นไปหมดแล้วอย่างนั้นหรือ? แล้วคนนี้คือใคร? หรือจะเป็นศิษย์ชั้นใน?”

“โอ๊ะ! ข้ารู้เรื่องนี้ ได้ยินมาว่างานชุมนุมคัดเลือกเซียนครั้งนี้มีอัจฉริยะที่เปี่ยมพรสวรรค์คนหนึ่งที่ไม่มีใครเทียมปรากฏตัวขึ้น และได้เป็นศิษย์ผู้สืบทอดโดยตรงทันที! ส่วนสตรีที่พาเขามาดูเหมือนจะเป็นอาจารย์ของเขา ซึ่งก็คือผู้อาวุโสประจำสำนักนั่นเอง”

“อย่ามาตลก! ผู้อาวุโสประจำสำนักและศิษย์ผู้สืบทอด?! บุคคลสูงศักดิ์เช่นนั้นจะมาที่นี่ทำไมกัน?”

“ใครจะไปรู้ อาจจะอยากลองสัมผัสชีวิตประชาชนคนธรรมดา หรืออาจจะอยากบำเพ็ญอะไรแปลกๆ พิลึกพิลั่น? เอ๋... ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตรงไปทางด้านหลังของลานฝึกยุทธ์แล้ว”

“หลังลานฝึกยุทธ์... นั่นมิใช่โรงอาหารหรอกหรือ?”

“ดูนั่น ดูนั่น พวกเขาเข้าไปในโรงอาหารจริงด้วย!”

“แถมยังสั่งอาหารอีก!?”

“หมูเส้นผัดกระเทียมหนึ่งจาน ผัดมันฝรั่งหนึ่งจาน หมูผัดเปรี้ยวหวานหนึ่งจาน และข้าวสองชาม... มีนัยยะอะไรแอบแฝงหรือเปล่า!?”

“ดูนั่น เริ่มกินแล้ว! พวกเขาใช้ตะเกียบ!”

“เขาคีบหมูเส้นผัดกระเทียม! เขี่ยหูหลัวปอ(แครอท)ที่มีอยู่ออกทั้งหมดด้วย! ช่างเป็นวิธีการกินที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครจริงๆ! จดอันนี้ไว้!”

“โอ๊ะๆ ผู้อาวุโสขยับตะเกียบแล้ว นางกินหมูผัดเปรี้ยวหวาน! นี่มีนัยยะลึกซึ้งอะไรอีกหรือไม่!?”

“พวกเขากินหมดแล้ว! จานชามเกลี้ยงเกลาสะอาดหมดจดสุดๆ! เหลือหูหลัวปอเท่านั้น!”

“เหาะออกไปแล้ว! ท่าทางของพวกเขาช่างสง่างามโดยแท้!”

บรรยากาศของโรงอาหารก็เป็นเช่นนี้ เต็มไปด้วยความสนุกสนานและตื่นเต้นประหลาดใจ หากแต่หวังลู่ที่กลายเป็นจุดสนใจของมวลมหาประชาชนกลับรู้สึกว่าตนเหมือนถูกผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนข่มขืนผ่านทางสายตาอย่างไรอย่างนั้น ส่วนความรู้สึกหรือ... อันที่จริงก็สดชื่นสุดๆ!?

เมื่อเห็นท่าทางที่ยังคงสบายใจและนิ่งสงบไม่เปลี่ยนแปลงของอาจารย์ ในที่สุดหวังลู่ก็เริ่มรู้สึกเห็นด้วยสุดหัวใจกับความไร้ยางอายของสตรีชุดขาวนางนี้ พวกเขาช่างมีวาสนาต่อกันจริงๆ

เมื่อกลับถึงกระท่อมหลังเล็กบนยอดเขาไร้ลักษณ์หลังจากที่ไปต่อแถวกินข้าวที่โรงอาหารของยอดเขาเสรีก็เป็นเวลามืดค่ำแล้ว คนดงหลังเขาที่ไม่เคยสัมผัสกับชีวิตกลางคืนตั้งแต่เด็กอย่างหวังลู่ก็มีอาการง่วงเหงาหาวนอน

แต่ก่อนที่จะเข้านอน อาจารย์ก็ดึงเขาไว้

“เดี๋ยวก่อน ก่อนนอนเราทำแบบทดสอบเล็กๆ น้อยๆ เสียก่อน”

“บัดซบ! เขากระบี่วิญญาณนี้ยังมีเรียนภาคค่ำอีกหรือ!?”

“วางใจได้ วางใจได้ เดี๋ยวเดียวเท่านั้นไม่นานก็เสร็จ ข้าแค่อยากรู้จักเจ้าให้ละเอียดลึกซึ้งมากขึ้นเพื่อที่จะได้ออกแบบการบำเพ็ญที่เหมาะกับตัวเจ้าอย่างไรล่ะ อาศัยผลงานบนเส้นทางบรรลุเซียนนั่นย่อมไม่เพียงพอแน่นอน”

หวังลู่คิดๆ ก็รู้สึกว่ามีเหตุผลเหมือนกัน “ท่านบอกโจทย์มาได้เลย”

“ดี!” จากนั้นอาจารย์ก็ดึงกระดาษออกมาจากไหนมิทราบปึกใหญ่ ในนั้นมีแผนภาพและตัวอักษรเต็มไปหมด

“นี่เป็นแบบทดสอบที่ข้าออกแบบอย่างตั้งใจ มีทั้งหมดสองส่วน ส่วนแรกคือแบบทดสอบทักษะความสามารถโดยรวม อีกส่วนเป็นแบบทดสอบด้านอุปนิสัย โดยสามารถประเมินศักยภาพในการบำเพ็ญเซียนทั้งหมดได้อย่างละเอียดถูกต้องและแม่นยำ... กรุณาทำแบบทดสอบให้เสร็จภายในเวลาหนึ่งชั่วยาม และตอนนี้...เริ่มจับเวลา”

แต่ก่อนที่หวังลู่จะเขียนคำตอบลงไป เขาเริ่มอ่านเนื้อหาบนกระดาษ ทันในนั้นก็อุทานออกมาอย่างตกใจ “นรก! นี่มันเรื่องตลกอะไร!?”

แบบทดสอบความสามารถโดยรวมข้อที่หนึ่ง “หลักธรรมแท้จริงแห่งเต๋ามิอาจอธิบายได้ด้วยคำพูด การแสวงหาหนทางแห่งการเป็นเซียนอมตะของเรายิ่งมิอาจบรรยายด้วยคำพูด” บรรดาผู้ฝึกตนทั้งหลายในอดีต ไม่ว่าจะเป็นปรมาจารย์แห่งเต๋า ปฐมาจารย์ ไปจนถึงผู้บำเพ็ญตนทั่วไป ล้วนกล่าวด้วยกระแสน้ำเสียงที่แฝงด้วย _____ 70 ส่วน _____ 30 ส่วน แต่อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถอธิบายด้วยวาจาคำพูด วิชาของสำนักบำเพ็ญเซียนจะสืบทอดต่อไปได้อย่างไร และจะพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างไร?

จงเลือกคำที่เหมาะสมที่สุดแล้วเติมลงในช่องว่างที่ขีดเส้นไว้ให้ถูกต้อง :

ก. ภาคภูมิใจ เสียดาย

ข. ไม่มีทางเลือก ทุกข์ระทม

ค. หดหู่ ตัดพ้อ

ง. เย่อหยิ่ง อับอาย

...มารดาเจ้ากำลังล้อข้าเล่นรึ? เหตุใดจึงมีตัวเลือกหลายข้อ!? ทำไมข้อนี้เหมือนเคยเห็นมาก่อน? ต้องมีปีศาจชั่วร้ายสักตัวอยู่เบื้องหลังแน่ๆ!? หลังจากพบดาวหางดวงนั้น เขาก็แทบจะถูกเรื่องเส็งเคร็งพรรค์นี้ปั่นจนหัวหมุนมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่ากระทั่งมาถึงเส้นทางเซียนของแผ่นดินเก้าแคว้นเขาก็ยังหนีมันไม่พ้น!?

หรือว่า โลกใบนี้ถูกผู้อาวุโสบางคนยึดครองด้วยการชิงลงมือก่อนคนอื่นไปแล้ว?

“ท่านอาจารย์ ข้อนี้...ท่านคิดออกมาได้อย่างไร?”

“เอ๋ ทำไม? ข้อนี้มีปัญหาอะไรรึ? ทุกวันนี้โลกบำเพ็ญเซียนส่วนใหญ่ก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้น ข้าก็แค่ดัดแปลงนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง”

“ส่วนใหญ่ก็ทำแบบนี้รึ!? ก่อนหน้านี้ข้าเคยเรียนสี่ตำราห้าคัมภีร์กับอาจารย์ท่านหนึ่ง ไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย”

“โธ่ ไหนๆ เจ้าก็เคยเดินบนเส้นทางบรรลุเซียนสำเร็จจนกลายเป็นศิษย์ชั้นในของสำนักบำเพ็ญเซียนแล้ว ก็อย่าไปสนใจความรู้ล้าสมัยหลายพันปีของแดนมนุษย์อีกเลย โลกบำเพ็ญเซียนมีกฎของโลกบำเพ็ญเซียน ซึ่งต่างจากโลกมนุษย์อย่างสิ้นเชิง ต้นฉบับของแบบทดสอบสองชุดนี้สร้างขึ้นจากการสำรวจและค้นคว้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปมาหลายร้อยหลายพันปี ดังนั้นวางใจแล้วทำต่อไปเถอะ”

เมื่อได้ยินว่าเป็นชุดทดสอบที่ถูกสำรวจค้นคว้ามาหลายร้อยหลายพันปี หวังลู่จึงเบาใจขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าโลกบำเพ็ญเซียนอันแสนพิลึกพิลั่นนี้จะถูกสร้างโดยคนประหลาดบางคน และน่าจะมีปัญหา...เกี่ยวกับระบบโครงสร้างกระมัง?

หลังจากที่ผ่อนคลายลง หวังลู่ก็เพ่งความสนใจไปที่แบบทดสอบ คำถามที่คุ้นเคยนี้ปลุกสัญชาตญาณที่นอนหลับใหลมานานของเขาทันที เพียงชั่วระยะเวลาไม่นานเขาก็เข้าสู่โลกส่วนตัว ลืมสิ้นทุกสรรพสิ่งรอบกาย การตวัดของพู่กันรวดเร็วปานลม คำถามพิลึกกึกกือก็ถูกตอบไปทีละข้อจนหมดอย่างง่ายดาย จนอาจารย์ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่อีกฟากรู้สึกทึ่ง

และไม่นานหลังจากนั้น ขณะที่หวังลู่กำลังทำแบบทดสอบความสามารถโดยรวมจนเกือบจะเสร็จ สีหน้าของหญิงสาวอาภรณ์ขาวก็มีแววนับถือปรากฏขึ้นมา

ความเร็วในการทำแบบทดสอบและความถูกต้องแม่นยำในคำตอบของหวังลู่สูงเหลือเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนท้ายที่เป็นข้ออนุมานแผนภาพไปจนถึงการคำนวณตัวเลข ล้วนแล้วแต่ถูกเขาทำจนเสร็จอย่างคล่องแคล่วว่องไวดุจเมฆเหินน้ำไหล นี่มันล้ำขีดจำกัดของมนุษย์ปกติแล้ว แม้เขาจะได้รับการชี้แนะสอนสั่งจากอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเมื่อครั้งอยู่บนเขาจนมีความเชี่ยวชาญและเข้าใจในวรรณกรรมและกวีอย่างถ่องแท้ลึกซึ้ง ทว่าความรู้เหล่านั้นใช้ไม่ได้กับแบบทดสอบชุดนี้แม้แต่นิด นอกจากนี้เขามิได้บำเพ็ญตน แถมจิตวิญญาณยังอ่อนแอ ไม่มีทางมีพลังจิตอันเป็นของผู้บำเพ็ญตนยอดฝีมือ หรือมีความสามารถพิเศษที่มองเพียงปราดเดียวก็สามารถจำได้อย่างแม่นยำแน่นอน

“โอ้โห เป็นผู้รู้โดยกำเนิดจริงหรือเนี่ย? สมแล้วที่เป็นบุตรแห่งอาณัติสวรรค์ผู้ครอบครองรากวิญญาณนภา ข้าดูคนไม่ผิดจริงๆ”

หญิงสาวอาภรณ์ขาวยิ่งดูก็ยิ่งเบิกบาน เดิมทีนางคิดว่ารากวิญญาณของหวังลู่จะเป็นปัญหาใหญ่ แต่เนื่องจากเด็กคนนี้มีพรสวรรค์เฉลียวฉลาดเป็นกรดปานนี้ เรื่องนี้ก็รับมือง่ายขึ้นเป็นกอง

“เอาล่ะ ทำแค่นี้พอ”

ระหว่างที่พูดหญิงสาวอาภรณ์ขาวก็ตะปบฝ่ามือบนกระดาษ ขัดจังหวะหวังลู่ที่กำลังตอบคำถามอย่างคึกคักและกระตือรือร้น

หวังลู่เงยหน้าขึ้นขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเมื่อถูกขัดจังหวะความเพลิดเพลิน

“ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีกต่อไป ข้าได้ประจักษ์ในความสามารถของเจ้าแล้ว คุณสมบัติของเจ้ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว ดังนั้นเจ้าสามารถเป็นผู้สืบทอดของข้าได้”

หวังลู่คิดในใจ ข้าไม่อยากเป็นผู้สืบทอดของอาจารย์ขั้นสร้างแกนอย่างท่าน...แต่ใครใช้ให้รากวิญญาณนภาของตัวเองมีปัญหาล่ะ เอาเถอะ สร้างแกนก็สร้างแกน พอถูไถได้อยู่

            ในเมื่อพูดถึงเรื่องการบำเพ็ญ ท่าทางของสตรีชุดขาวก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที นางขัดสมาธิตรงหน้าหวังลู่ก่อนถามเสียงต่ำ “หวังลู่ ในสายตาของเจ้า เจ้าคิดว่าวัตถุประสงค์ของการฝึกเซียนคืออะไร?”

ฉับพลันคำตอบจำนวนไม่น้อยก็ผุดขึ้นมาในใจของหวังลู่ เลือกไม่ถูกว่าจะตอบอันไหนดี

เมื่อวิเคราะห์ตามลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของผู้อาวุโสห้าท่านนี้ หวังลู่จึงถามออกไปเพื่อต้องการพิสูจน์ “เพื่อข่มขู่รังแกและดูถูกเหยียดหยามคนหรือ?”

อาจารย์ของเขาก็ตบโต๊ะด้วยความถูกอกถูกใจ “ตรงใจสุดๆ!”

ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วจึงแก้คำพูดใหม่ “อะแฮ่ม! ไม่ใช่สิ เจ้าอย่าพูดจาเลอะเทอะ มันจะเป็นวัตถุประสงค์ต่ำทรามพรรค์นี้ได้อย่างไรกัน?! เจ้าลองคิดดีๆ อีกรอบ!”

ดังนั้นหวังลู่จึงเดาอีกครั้ง “เพื่อบรรลุมรรคผลทะยานขึ้นไปยังโลกแห่งเซียน”

“เอ๋? หลังกลียุคมาก็ยังไม่มีใครสามารถบรรลุขึ้นสู่เซียนแม้แต่คนเดียว กระทั่งผู้บำเพ็ญที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมหลายคนยังต้องพบกับความล้มเหลว ถ้านี่เป็นคำตอบมิเท่ากับเจ้าหมายความว่ารากวิญญาณระดับสามระดับสี่พวกนั้นเป็นขยะหรอกหรือ? หากเป็นเช่นนั้นแล้วพวกเขาจะบำเพ็ญตนไปทำไมล่ะ?”

“เช่นนั้นก็...เพื่อเป็นอมตะ?”

“ปัจจุบันผู้เป็นอมตะอันดับหนึ่งของโลกบำเพ็ญเซียนคือผู้เฒ่าแดนทักษิณแห่งเขาคุนหลุนที่มีอายุสามพันห้าร้อยเก้าปี มีชื่อเล่นสั้นว่าๆ เต่าอายุยืน แม้จะมีชีวิตยืนยาว แต่ประโยชน์หลักของเขาก็คือให้คนมาเข้าชมและทำวิจัย เจ้าชอบชีวิตแบบนั้นหรือ?”

“…อาจารย์ ท่านเฉลยคำตอบเถอะ”

ทันใดนั้นหญิงสาวอาภรณ์ขาวก็โบกมือไปมา “อันที่จริงข้ามิได้มีคำตอบที่ถูกต้องอะไรเหมือนกัน ผู้บำเพ็ญตนมีมหาศาลเป็นหมื่นเป็นพัน วิถีบำเพ็ญเซียนก็มีมากมายนับไม่หวาดไม่ไหว ขนาดเส้นทางหลักก็ปาไปสามพันกว่าเส้นแล้ว แต่ละคนก็ก้าวไปบนเส้นทางที่ต่างกัน แน่นอนว่าต้องมีเป้าหมายที่ต่างกันออกไป จะสรุปได้อย่างไร?”

“เช่นนั้นแล้วเมื่อครู่ท่านกุตัวเลขขึ้นมารึ?”

“ไม่ใช่ ข้าต้องการจะบอกว่า ไม่ว่าเป้าหมายของการบำเพ็ญเซียนของเจ้าคืออะไร หากอยากทำให้เป็นจริงล้วนต้องมีเงื่อนไขพื้นฐานข้อหนึ่ง”

“หน้าตาหล่อเหลาหรือ?”

“…” สตรีชุดขาวหัวเราะหึอย่างเย็นชา

“อาจารย์ท่านว่ามาเถอะ ข้าจะไม่แทรกอีก”

“เหอะ หากเจ้าอยากเดินบนเส้นทางบำเพ็ญเซียนอย่างยาวนาน เดินไปจนถึงปลายทางสูงสุดของความหวัง สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เจ้าต้องอึดพอ!”

“โอ้โห! อาจารย์ท่านร้ายกาจมาก! ท่านพูดเรื่องลามกพรรค์นี้ต่อหน้าเด็กอายุสิบสองได้อย่างไรกัน”

“…ความอึดที่ข้าหมายถึงคือ ชีวิตของเจ้าต้องอึดพอ การบำเพ็ญตนต้องอึดพอ จึงจะรับมือกับอุปสรรคความยากลำบากทั้งปวงได้! ลำพังแค่ระหว่างกระบวนการบำเพ็ญ การจะทะลวงแต่ละขั้นได้ต้องผ่านด่านเคราะห์สวรรค์

และด่านเคราะห์สวรรค์แต่ละขั้นที่เจ้าต้องเจอล้วนสาหัสมากพอที่จะเผาผู้ฝึกตนกว่าครึ่งให้เป็นจุณเหลือเพียงเถ้าถ่าน นอกจากนี้ยังมีอุปสรรคจากคนในคราบโจรที่พบได้ทั่วทุกหนแห่ง โดยที่เราไม่อาจล่วงรู้ทันและป้องกันได้ ถึงจะมีพันธมิตรหมื่นเซียนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้รวบรวมโลกบำเพ็ญเซียนของอาณาจักรเก้าแคว้นคอยควบคุม แต่หลายปีมานี้อัตราการก่ออาชญากรรมในโลกบำเพ็ญเซียนก็ยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ! อย่าว่าแต่กลุ่มปีศาจพรรคมารพวกนั้นเลย แม้แต่ผู้บำเพ็ญตนของสำนักเที่ยงธรรมเอง ก็ยังมีพวกใจทรามเล่นสกปรกแอบแทงข้างหลังคนอื่นแฝงอยู่มากมาย!”

หวังลู่จับจ้องไปที่ใบหน้าเดือดดาลของอาจารย์ ออกแรงพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ใช่ ข้ามองออกเหมือนกัน”

“อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของการบำเพ็ญเซียนคือต้องมีเจตจำนงที่แน่วแน่แข็งแกร่ง คนจำนวนมากให้ค่าและชื่นชมผู้ที่มีพลังโจมตีแข็งแกร่งและความเร็วไร้ขีดจำกัด...แต่พวกเขาคิดผิดแล้ว หากกระทั่งชีวิตก็ยังไม่อาจรักษาเอาไว้ได้ ต่อให้มีความสามารถเก่งกาจแค่ไหนก็เป็นแค่หมอกควันที่ผ่านตา”

“อาจารย์ท่านพูดมีเหตุผล”

หวังลู่เห็นด้วยกับคำพูดของอาจารย์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงอุปนิสัยและพฤติกรรมของนาง ไม่ฝึกฝนวิธีรักษาชีวิตเอาไว้ ไม่ได้การแน่

“ดี! เข้าใจสัจธรรมของโลกบำเพ็ญเซียนได้รวดเร็วขนาดนี้ สมกับเป็นศิษย์ของข้ายิ่ง วันนี้เจ้าไปพักผ่อนเถอะ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปข้าจะสอนเรื่องบำเพ็ญเซียนให้เจ้าอย่างเป็นทางการ”

...............................................

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด