ตอนที่แล้วบทที่ 42 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 3 (1) [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 43 เอาไงดี 1 (1) [อ่านฟรี]

บทที่ 42 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 3 (2) [อ่านฟรี]


บทที่ 42 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 3 (2)

“ข้าอยากรู้ว่าคำถามของท่านคืออะไร?แต่ข้าคิดว่าข้าต้องบอกอะไรบางอย่างแก่ท่านก่อน”

เขารู้ว่าทำไมอามูร์ถึงอยู่ที่นี่

“การตัดสินใจใดๆก็ตามที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินเงินทองของตระกูลเฮนิตัสนั้นล้วนเป็นการตัดสินใจของท่านพ่อข้าแต่เพียงผู้เดียว....ขยะไร้ค่าเช่นข้าไม่มีอำนาจในการตัดสินใจในเรื่องนี้”

โดยปกติแล้วหากราชวงศ์ทรงอนุญาตให้สร้างฐานทัพเรือและลงทุนเงินก้อนใหญ่ให้ กรรมสิทธิ์ในฐานทัพเรือนั้นจะถูกส่งต่อไปยังราชวงศ์ทันที เมื่อสร้างฐานทัพทหารในดินแดนที่อยู่นอกเมืองหลวงแล้วจะมีสัญญาต่างๆมากมายระหว่างพระราชากับขุนนางระดับสูงในการถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของและการขนส่งอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับฐานทัพ

การใช้พื้นที่เพื่อสร้างฐานทัพเรือย่อมมีความแตกต่างทั้งในด้านกำลังคนและกำลังทรัพย์มากกว่าการใช้พื้นที่หน้าผาและบริเวณชายฝั่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว หากพูดกันตามตรงตระกูลของอามูร์และกิลเบิร์ตขาดความมั่งคั่งทั้งในด้านกำลังคนและกำลังทรัพย์ในการที่จะดำเนินงานนี้ให้สำเร็จได้

นั่นคือสิ่งที่อามูร์ต้องการหาช่องทางในการอุดรูโหว่นี้ของตน นั่นหมายความว่ามีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำได้คือการยืมเงินจากคนที่มีทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก

“เป็นเช่นนั้นจริงๆหรือ?”

รอยยิ้มของอามูร์ดูฉลาดเจ้าเล่ห์มาก เธอได้เข้าร่วมงานเลี้ยงไวน์เล็กๆในห้องจัดเลี้ยงขององค์ชายรัชทายาทพร้อมกับอีริคและกิลเบิร์ตเมื่อคาร์ลได้เดินทางออกจากพระราชวังไปแล้ว ในตอนนั้นเองที่เธอได้รู้ว่าองค์ชายรัชทายาทสนใจในพื้นที่ชายฝั่งทะเลของตนจริงแม้ว่าพระองค์จะไม่สนใจลงทุนในด้านการท่องเที่ยวก็ตาม เมื่อเธอกลับมาที่บ้านของตนในวันนั้นจึงได้คิดถึงคำพูดของคาร์ลและพิจารณาหาเจตนาของเขาให้มากกว่าเดิม

“องค์ชายรัชทายาททรงระวังอาณาจักรวิปเปอร์และอาณาจักรทางตอนเหนือของทวีป...ข้าสามารถรู้ได้จากบทสนทนาระหว่างพวกเราและพระองค์จึงทำให้ข้าตัดสินใจค้นหาข้อมูลบางอย่างจากสำนักขายข่าวนั่น”

‘อืม....ฉันรู้’

คาร์ลสามารถบอกได้จากคำพูดของอามูร์ว่าองค์ชายรัชทายาทและเหล่าเชื้อพระวงศ์ได้ตระหนักถึงความจริงที่ว่าอาณาจักรวิปเปอร์จะเผชิญกับสงครามกลางเมืองในไม่ช้านี้และอาณาจักรทางตอนเหนือก็กำลังรวบรวมพลของพวกเขาเช่นกัน

‘แต่สิ่งนี้ฉันคาดไม่ถึงจริงๆ’

การตัดสินใจของอามูร์นั้นตรงประเด็นและเด็ดขาดยิ่งนัก ตอนนี้สถานการณ์ในตระกูลของอามูร์ไม่ค่อยดีนักพวกเขายังต้องพึ่งพาตระกูลของอีริคในการช่วยเหลือเรื่องต่างๆอยู่เสมอ มันค่อนข้างมีค่าใช้จ่ายในการทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรต่างแดนผ่านสำนักขายข่าวแต่เธอก็ยินดีที่จะใช้เงินจำนวนมากเพื่อตรวจสอบข้อมูลเพียงชิ้นเดียว นั่นแสดงถึงบุคลิกของเธอได้เป็นอย่างดี

อามูร์จ้องไปที่คาร์ลที่นั่งฟังเธออย่างเงียบๆและเอ่ยต่อ

“ข้าได้ยินมาว่าดินแดนเฮนิตัสของท่านกำลังเสริมสร้างความแข็งแรงของกำแพงเมืองอยู่.....ข้าเชื่อว่าตระกูลเฮนิตัสของท่านจะสนใจในฐานทัพเรือของเราเพราะที่นั่นเป็นดินแดนที่ไม่อนุญาตให้มีการรุกรานใดๆเกิดขึ้นในพื้นที่ได้”

คาร์ลพยักหน้าตอบรับกับคำพูดของเธอและเอ่ยตอบ

“ข้าจะพูดกับท่านพ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้.....”

“เราก็จะส่งคำขออย่างเป็นทางการเช่นกัน”

คาร์ลและอามูร์มองหน้ากันพร้อมทั้งส่งยิ้มให้แก่กันและกัน

หากฐานทัพเรือนี้ถูกสร้างขึ้นความสมดุลทางอำนาจของภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะเปลี่ยนขั้วมาเป็นตระกูลของคาร์ล อีริค อามูร์และกิลเบิร์ตทันทีและหากตระกูลเฮนิตัสจัดหาเงินทุนในการสร้างฐานทัพเรือนี้พวกเขาจะกลายเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลที่มั่นคงมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือพร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนจากหลายๆฝ่ายเช่นเดียวกัน

อามูร์ยังคงมีความลังเลก่อนที่กล่าวต่อไป

“ข้ารู้สึกกังวลเล็กน้อยเพราะวังน้ำวนพวกนั้น แต่มันมีเส้นทางที่ถูกใช้มานานมากเช่นกันและวังน้ำวนจะถูกใช้เป็นเครื่องมือป้องกันไม่ให้ชาวต่างแดนบุกรุกเข้ามาได้...นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าต้องการจะไปตรวจสอบที่นั่นดู”

‘วังน้ำวน’ คาร์ลพยายามไม่ให้ตนเองหลุดยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำว่าวังน้ำวนจากปากของอามูร์

‘วังน้ำวน’ เร็วๆนี้คาร์ลจะไปที่นั่นเพื่อทำสิ่งที่เขาต้องการ

‘จะดีหรือไม่นะ...หากฉันจะสร้างบ้านบนหน้าผาตรงไหนสักแห่งและเพลิดเพลินไปกับพระอาทิตย์ตกดินในอนาคต?’

มันคงจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาหากต้องอาศัยในอาณาเขตเฮนิตัสเมื่อบาเซ็นได้ขึ้นครองอำนาจแล้ว แผนการของคาร์ลคือการซ่อนตัวในมุมที่ห่างไกลจากสงครามจากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังอาณาเขตของอามูร์หรืออาณาเขตของกิลเบิร์ตหลังจากสงครามสิ้นสุดลง เพื่อสร้างบ้านบนหน้าผาและผ่อนคลายอารมณ์ของตนเมื่อมองออกไปยังผืนทะเล มันจะเป็นสถานที่ที่ดีเพราะมันค่อนข้างใกล้กับอาณาเขตเฮนิตัสเช่นกัน

“ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือของท่าน...นายน้อยคาร์ล”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!!!....มาขอบคุณตัวข้าทำไมกัน?...ตัวข้าไม่มีอำนาจใดๆเลยข้าเพียงจะแจ้งข้อความนี้ให้ท่านพ่อของข้าทราบเพียงเท่านั้นเอง”

คาร์ลโบกมือปฏิเสธให้แก่อามูร์พลางหัวเราะขึ้นมา อย่างไรก็ตามอามูร์ไม่ได้เชื่อกับคำกล่าวของเขาสักนิด

‘อามูร์....ลูกจะต้องระมัดระวังเมื่อเราไม่มีอำนาจใดๆแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นลูกจะต้องมีความกล้าหาญหากต้องการได้รับอำนาจที่แข็งแกร่งมากกว่าเดิม’

มารดาของเธอเป็นผู้ปกครองอาณาเขตอัลบาได้กล่าวขึ้นเมื่อเธอเห็นด้วยกับการสร้างฐานทัพเรือขึ้นมาเช่นเดียวกับอามูร์ อีกทั้งตัวอามูร์ก็มีความคล้ายคลึงกับมารดาของเธอเช่นกัน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอมีความกล้าหาญแม้จะต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นในเวลาเดียวกัน นี่คือปรัชญาของเธอในการจัดการกับผู้อื่นเช่นกัน

“แค่นั้นก็มากพอสำหรับท่านแล้วที่จะส่งข้อความนั้นแทนพวกเรา”

อามูร์ยื่นมือออกไปตรงหน้าคาร์ลและคาร์ลก็ได้ส่งมือของตนมาจับมือของเธอพลางเขย่าเบาๆก่อนจะปล่อยมือออกจากกันในเวลาต่อมา

“โปรดมาที่อาณาเขตอัลบาของเราในคราวหน้า...มีสถานที่ที่น่าสนใจมากมายให้ท่านได้เยี่ยมชม”

“หากมีโอกาส.....ข้าจะไปอย่างแน่นอน”

‘เสียงเรียกของวายุ’

มันจะทำให้คาร์ลเคลื่อนไหวได้รวดเร็วขึ้นและในขณะเดียวกันก็สามารถควบคุมพลังพายุหมุนที่สามารถใช้เป็นได้ทั้งพลังการโจมตีและป้องกันการโจมตีได้ คาร์ลนึกถึงชายฝั่งทะเลอัลบาซึ่งเป็นที่ตั้งของพลังศักดิ์สิทธ์โบราณนี้

“ข้าหวังว่าโอกาสจะมาถึงในเร็วๆนี้....”

รถม้ามาถึงพระราชวังทันทีที่คาร์ลกล่าวจบ คาร์ลก้าวลงจากรถม้าและมองไปรอบๆเวลาในตอนนี้คือแปดโมงเช้า

เหล่าข้ารับใช้ได้อยู่ที่จัตุรัสกลางเมืองแล้วเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงานเฉลิมฉลองในวันนี้ ทหารองครักษ์จะอนุญาตให้ประชาชนเข้าไปยังพื้นที่ในเวลา 8.30 น.และที่นั่นจะเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย มันจะเป็นสถานการณ์ที่ทุกคนจะเข้าหรือออกนอกพื้นที่ได้ยากและการเฉลิมฉลองจะเริ่มขึ้นหลังจากนั้นสามสิบนาทีก่อนที่กลุ่มคนของคาร์ลจะเริ่มมองหาระเบิดพลังเวทย์ที่ซุกซ่อนอยู่

สร้อยคอ กระเป๋า จี้

ระเบิดพลังเวทย์จะซ่อนตัวอยู่ในลักษณะต่างๆหลากหลายรูปทรง กลุ่มคนของคาร์ลจะได้พบกับคนที่มีระเบิดพลังเวทย์อยู่กับตัว มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะหาพวกมันไม่พบเพราะคำตอบในเรื่องนี้จะเปิดเผยตัวออกมาเอง

“โอ้!.....เจ้ามาถึงแล้ว?”

คาร์ลได้รับการทักทายจากอีริคและกิลเบิร์ตก่อนที่อามูร์จะเดินเข้าไปสบทบกับพวกเขา

“ทุกคนมาถึงกันแต่เช้าเลย....”

“แน่นอน...เราจะเริ่มเคลื่อนตัวเวลา 8.05 น.”

อีริคเอ่ยปากบอกกับคาร์ลในขณะที่สายตาของเขาก็กำลังส่งข้อความให้แก่คาร์ลเช่นกัน

‘นิ่งเข้าไว้’

คาร์ลพยักหน้าของตนเมื่อมองเห็นสายตาของอีริคพลางกล่าวเตือนตนเองในใจ

‘ฉันจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย’

เมื่อคาร์ลมองเห็นองค์ชายรัชทายาทปรากฏตัวต่อหน้าคาร์ลในตอนนี้ เหล่าขุนนางทั้งหลายก็พร้อมใจกันไปอยู่ทางด้านหลังขององค์ชายรัชทายาทโดยทันที จากนั้นเขาจึงเห็นคนที่เดินมาถึงถัดจากองค์ชายรัชทายาทก่อนที่จะยกมือขึ้นปิดปากของตนเองเพราะเขาอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มออกมา

“โอ้! พระเจ้า”

“เป็นไปได้อย่างไร?”

อีริคกำลังตกใจและตื่นตระหนกกับเหล่าขุนนางที่อยู่แน่นเต็มพื้นที่ อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ได้สนใจเรื่องอื่น เขาค่อยๆลดมือของตนลงขณะที่ยังมองไปข้างหน้า คาร์ลได้สบตาเข้ากับคนคนหนึ่งที่อยู่ถัดจากองค์ชายรัชทายาท

บุตรชายคนโตที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูล ‘เทย์เลอร์  สแตน’

เขากำลังยืนบนขาทั้งสองข้างของตัวเองถัดจากองค์ชายรัชทายาทไปไม่ไกลนัก เทย์เลอร์กำลังเคลื่อนไหวผ่านสายตาอย่างเงียบๆเมื่อเขาสบตาเข้ากับคาร์ล

ในขณะเดียวกันคาร์ลก็ได้ยินเสียงของมังกรดำในหัวของตน มังกรดำมาถึงพระราชวังเพื่อรายงานสถานการณ์ปัจจุบันให้เขาทราบ

~ ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ~ 

คาร์ลพยักหน้าตอบรับเล็กน้อยก่อนที่เสียงจะดังขึ้นมาให้ได้ยินอีกครั้ง

~ เรากำลังรื้อถอนระเบิดทั้งหมดที่ติดตั้งอยู่ในสถานที่ที่เราพบ...เราจะสามารถรื้อถอนพวกมันได้เสร็จสิ้นเวลา 8.55 น.ตามที่วางแผนไว้..ตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะดำเนินไปได้ด้วยดีตามแผนที่วางไว้~ 

~ ข้าจะต้องรีบกลับไปแล้วเพราะเรายุ่งมาก....เจ้ามนุษย์อ่อนแอเจ้าต้องใช้โล่ของเจ้านะหากดูเหมือนว่าเจ้ากำลังจะได้รับบาดเจ็บ~ 

หลังจากนั้นคาร์ลก็ไม่ได้ยินเสียงของมังกรดำอีก ดูเหมือนว่ามันจะรีบกลับไปอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นในการทำภารกิจนี้ มังกรดำตัวนี้ได้นำความพยายามของมันทั้งหมดเพื่อให้งานของมันประสบผลสำเร็จหลังจากที่ได้รับมอบหมายจากคาร์ลไป มันทำให้คาร์ลเพียงแค่เก็บคำสั่งของมังกรดำที่บอกแก่ตนทิ้งไว้เพียงเท่านั้น

‘ไม่มีเหตุผลใดๆที่ฉันจะต้องใช่โล่นี้.....’

คาร์ลกำลังคิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องใช้โล่นิรันดร์กาลตราบใดที่ทุกอย่างยังคงดำเนินไปด้วยดีเช่นนี้

“การเตรียมงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว!!!!!”

ทหารองครักษ์นายหนึ่งได้ตะโกนขึ้นเพื่อแจ้งให้เหล่าขุนนางได้รับทราบ ก่อนที่องค์ชายรัชทายาทจะเสด็จขึ้นรถม้าและตรัสกับเหล่าขุนนางที่กำลังขึ้นรถม้าอยู่ทางด้านหลังของตน

“ไปกันเถอะ”

คาร์ลได้ก้าวเข้าไปนั่งในรถม้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในขบวนรถม้าของพระราชวังแห่งนี้ ใช้เวลาไม่นานรถม้าก็เคลื่อนตัวออกไปก่อนที่คาร์ลจะยกมือของตนขึ้นกอดอกและมีใบหน้าที่บึ้งตึง

“ดีใจที่ได้พบพวกท่านอีกครั้ง”

เทย์เลอร์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้รถเข็นอีกต่อไปได้กล่าวทักทายพวกเขาขึ้น

“ยินดีที่ได้พบท่านเช่นกัน...ข้าอามูร์  อัลบา”

“......ยินดีที่ได้พบเช่นกัน”

เทย์เลอร์ สแตน , อามูร์ อัลบา และลูกไล่ของเวเนี่ยน ‘นีโอ โทร์ส’ พวกเขาทั้งหมดคือผู้ร่วมทางของคาร์ล เฮนิตัส มันทำให้คาร์ลอดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นความจงใจขององค์ชายรัชทายาทที่สั่งให้พวกเขาโดยสารไปด้วยกันหรือไม่นะ?

มันถึงตาของคาร์ลที่จะเอ่ยทักทายขึ้นแต่เขาเพียงแค่นั่งกอดอกเงียบๆและมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้า ขยะไร้ค่าได้รับอนุญาตให้มีพฤติกรรมหยาบคายเช่นนี้ได้ เขายังคงนั่งนิ่งและกอดอกเงียบๆก่อนจะมองออกไปยังจัตุรัสกลางเมืองนั่น

ความโกลาหลกำลังอยู่ไม่ไกลจากตัวเขาแล้วซินะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด