ตอนที่แล้วตอนที่ 177 องค์ชายหนึ่งมาถึงแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 179 ผูกมิตร

ตอนที่ 178 กายากระจกเงา


'นี่มันจะต้องร่างกายพิเศษ' หลิงฮันกล่าวอยู่ในใจ ถ้ามันไม่ได้เกิดจากสภาพร่างกายที่พิเศษของมัน เฟิงหยางจะต้องถูกบดขยี้โดยกำปั้นขององค์ชายหนึ่งไปแล้ว แม้ว่าเฟิงหยางจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการปะทะ แต่มันก็ยังดูสงบและเยือกเย็น เมื่อมันป้องกันตัวเองได้ มันก็จะโจมตีสวนกลับไปและทุกคนการเคลื่อนไหวจะมีแรงระเบิดที่รุนแรงอยู่เบื้องหลัง

นั่นเป็นร่างกายพิเศษอะไรกัน?

หลิงฮันกำลังสังเกตดูอย่างใกล้ชิด เหตุผลที่ร่างกายพิเศษถึงถูกเรียกว่า "พิเศษ" เพราะพวกมันมีลักษณะเฉพาะตัวที่ทำให้พวกมันมีความพิเศษและไม่เหมือนใคร ตัวอย่างเช่น ชูหวู่จิวสามารถรักษาบาดแผลของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ฮูหนิวสามารถทำให้อาหารทุกอย่างที่นางกลืนกินกลายเป็นพลังปราณก่อเกิดของนางได้ และเขาด้วยร่างกายพิเศษของเขามันทำให้เขามีการป้องกันที่ยอดเยี่ยมเหมือนกับต้นไม้มรณะที่ไม่รู้สึกอะไรเลยแม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ตาม มันจะทำให้ความเจ็บปวดไม่มีผลกับเขาและยังคงทำให้เขาสามารถแสดงความกล้าหาญในการต่อสู้ของเขาได้อย่างเต็มที่

ดังนั้นร่างกายพิเศษที่เฟิงหยางมีมันคืออะไรกัน?

ปัง ปัง ปัง เฟิงหยางและองค์ชายหนึ่งปะทะกันอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด พลังของกำปั้นที่ปะทะซึ่งกันและกันทำให้เกิดคลื่นกระแทกออกมาอยู่เบื้องหลังซึ่งไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า และคลื่นกระแทกนั่นได้แผ่กระจายออกไปทุกทิศทุกทาง ทำให้ผู้ชมถูกบังคับให้ถอยหลังออกไปอย่างต่อเนื่อง

'หืม?'

หลิงฮันสังเกตเห็นว่าผิวของเฟิงหยานเริ่มมีแสงสว่างสีขาวปรากฏ และแน่นอนว่ามันไม่ใช่เพราะการใช้พลังปราณก่อเกิด มันดูเหมือรกับว่าจะเป็นสีผิวที่แท้จริงของเขา

"มันอาจจะเป็น.... กายากระจกเงา?"หลิงฮันพูดพึมพัม แม้ว่าเขาจะยังไม่แน่ใจ แต่เขาเชื่อว่ามันจะต้องเป็นเช่นนั้น

ผู้ที่ครอบครองกายากระจกเงาจะมีความสามารถในการสะท้อนการโจมตีทุกอย่างที่เขาได้รับ ราวกับว่าตัวเขาเองเป็นกระจกสะท้อนแทง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าร่างกายพิเศษจะสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆได้ตามความบริสุทธิ์ของสายเลือด ดังนั้นมันจึงมีสามประเภทของกายากระจกเงา อ่อนแอที่สุดคือกายากระจกสัมฤทธิ์ ซึ่งมันสามารถสะท้อนการโจมตีได้เพียงแค่สิบเปอร์เซ็นเท่านั้น ถัดไปคือกายากระจกเงิน ซึ่งมันสามารถเพิ่มอัตราสะท้อนการโจมตีได้ถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ และแข็งแกร่งที่สุดคือกายากระจกทองคำ มันสามารถสะท้อนการโจมตีได้ประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์

อย่าดูถูกพลังสิบถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่สามารถสะท้อนกลับไปได้ มันไม่ได้เพียงลดพลังโจมตีของคู่ต่อสู้ แต่ยังใช้มันโจมตีกลับไปยังคู่ต่อสู้ได้อีกด้วย หากจะให้ยกตัวอย่างง่ายๆ ในตอนแรก ทั้งสองฝ่ายใช้พลังสิบส่วนในการปะทะกัน ต่อให้พลังที่ปะทะกันกลายเป็นก้าส่วนต่อสิบเอ็ดส่วน ความต่างของพลังก็จะเพิ่มขึ้นถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ และหากเป็นเจ็ดส่วนต่อสิบส่วน ความต่างของพลังก็จะกลายเป็นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์

จากที่มองเฟิงหยาง มันควรมีกายากระจกเงิน และสามารถสะท้อนการโจมตีได้ประมาณยี่สิบเปอร์เซ็น มันเป็นยี่สิบเปอร์เซ็นที่สามารถชดเชยความแตกต่างระหว่างระดับพลังระหว่างเฟิงหยานและองค์ชายหนึ่งที่อยู่ห่างกัน 2 ขั้นได้ แม้ว่าการต่อสู้เฟิงหยางจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด แต่มันยังไม่ได้พ่ายแพ้

'นั่นมันไม่ถูกต้อง!' หลิงฮันส่ายหัว พลังยี่สิบเปอร์เซ็นต์อาจชดเชยความแตกต่างระหว่างระดับบ่มเพาะพลังได้ แต่มันไม่ควรชดเชยทักษะวรยุทธของเฟิงหยางได้ขณะที่มันกำลังปะมือกับทักษะบุตรแห่งหมัดสวรรค์ขององค์ชายหนึ่ง ซึ่งมันเป็นทักษะที่น่าจะอยู่ในระดับดำขั้นสูง

ตั้งแต่ที่เฟิงหยานสามารถยืนหยัดต่อสู้กับทักษะบุตรแห่งหมัดสวรรค์ได้ด้วยทักษะวรยุทธระดับดำขั้นต่ำ เช่นนั้นมันจะต้องมีความสามารถอย่างอื่นอีกอย่างแน่นอน มิฉะนั้นมันคงไม่สามารถมีระดับบ่มเพาะพลังเท่ากับศัตรูของมัน และขึ้นอยู่กับกายากระจกเงาเพื่อชดเชยช่องว่างระหว่างทักษะวรยุทธระหว่างพวกเขา

มันควรเป็นอะไร?

หลิงฮันอดที่จะอยากรู้ไม่ได้

พลังการต่อสู้ขององค์ชายหนึ่งนั้นมีความยอดเยี่ยมมาก แม้ว่าเขาจะติดอยู่ในระดับก่อเกิดธาตุขั้นเก้ามาเป็นเวลาหลายปี แต่มันทำให้รากฐานบ่มเพาะพลังของเขามั่นคงขึ้น ระดับพลังต่อสู้ของเขาในปัจจุบันน่าจะมีประมาณสิบสองดาว

และเห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดของตัวเองออกมา

อย่างน้อยที่สุด ชายหนุ่มทั้งสองคนได้สร้างปราณ แต่ทั้งพวกเขาทั้งสองคนไม่ได้ใช้มันเลย ถ้าหากพวกเขาใช้พลังปราณ เช่นนั้นความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาก็จะต้องสูงขึ้น

ผู้ชมทุกคนรู้สึกตกตะลึง องค์ชายหนึ่งเป็นจอมยุทธระดับรวมธาตุขั้นเก้าและเคยเป็นศิษย์หลักของสำนัก แต่ทว่าเฟิงหยางกลับไม่พ่ายแพ้ให้กับการปะมือระหว่างพวกเขา เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งเกินไปแล้ว

องค์ชายสาม จ้าวฮวาน ชางเย่ ศิษย์หลักของสำนักในปัจจุบัน อาจไม่สามารถปะมือกับเฟิงหยานได้อีกต่อไปถูกต้องหรือไม่?

ถึงแม้พวกเขาจะอยู่คนละฝ่ายกัน แต่หลิงฮันสามารถบอกได้ว่าเฟิงหยานนั้นแข็งแกร่งกว่าแน่นอน มันมีทั้งพรสวรรค์ในด้านวรยุทธและยังมีความเข้าในในการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัว

องค์ชายหนึ่งเปรียบได้เหมือนกับจักรพรรดิ ขณะที่เฟิงหยางเปรียบได้เหมือนกับเทพปีศาจที่แสดงเจตนากรมณ์ของตัวเอง ทั้งไร้เหตุผลและโหดเหี้ยม อย่างไรก็ตาม ในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างไม่แสดงไพ่ตายของตัวเองออกมา การต่อสู้จึงได้หยุดชะงัก

"หยุด!" เสียงของชายชราได้ดังขึ้นมา

เฟิงหยางและองค์ชายหนึ่งหยุดต่อสู้กันทันที แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะยังคงมองหน้ากันอย่างดุเดือดและยังมีกระจิตกระใจที่ยังอยากต่อสู้

เหลียนกวงซูได้ปรากฏตัวออกมา และออร่าของระดับแก่นแท้จิตวิญญาณได้กระจายออกมา ทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับว่ามีก้อนหินขนาดยักษ์กดทับหัวใจของพวกเขา พวกเขารู้สึกว่าเท้าของพวกเขาหนักแปลกๆและถูกกระตุ้นให้คุกเข่าลง เขาหันไปมองที่หลิงฮัน เขาส่ายหน้าและพูดว่า "สหายน้อย เจ้าช่างชอบสร้างปัญหาเสียจริง!"

หลิงฮันยิ้มออกมาและกล่าวว่า "อาจารย์ใหญ่ มันไม่ใช่เพราะข้าเป็นคนสร้างปัญหา แต่มันมีคนโง่ตาบอดคนหนึ่งมีเจตนาที่จะสร้างปัญหาให้กับข้า ดังนั้น ข้าจึงเลยสอนบทเรียนให้กับมันสักเล็กน้อย และข้าเป็นคนที่มีเมตตาเป็นอย่างมาก ข้าเลยไม่ได้เอาชีวิตของมันไป"

เขารู้สึกสงสัยเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ เหลียนกวงซูเห็นพรสวรรค์ในวิถีวรยุทธของเขา และดูเหมือนกับว่าเขาต้องการปลูกฝังหลิงฮันเหมือนกับศิษย์ ถึงกระนั้นมันไม่มีข่าวใดๆมาจากเขาเลย และตอนนี้เห็นได้ชัดว่าทัศนคติของเขาเปลี่ยนไป

"ปากของเจ้าช่างแหลมคมนักที่สามารถเปลี่ยนข้อเท็จจริงได้ เจ้าคิดว่าทุกคนเป็นคนโง่หรือไง? เจ้าตัดแขนน้องชายของข้าและนี่เป็นการละเมิดกฎของสำนัก ตามกฎแล้ว ข้าควรฆ่าเจ้าเพราะความผิดของเจ้า!"เฟิงหยางกล่าว

"เฟิงหยาง ถึงแม้ข้าจะเพิ่งมาถึงที่นี่และไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นมายังไง แต่มันดูเหมือนกับว่าน้องชายของเจ้าจะเป็นคนพูดข่มขู่ว่าจะตัดแขนของคนอื่นก่อนถูกต้องหรือไม่?"องค์ชายหนึ่งพูดขัดจังหวะ

"หากท่านไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไงเช่นนั้นหุบปากของท่านซะ!"เฟิงหยางเหลือบมองไปที่องค์ชายหนึ่งด้วยสายตาเย็นชา

"อึก!"

ทุกคนรู้สึกตกใจจนพูดไม่ออก เฟิงหยางกำลังพูดตำหนิองค์ชายหนึ่ง? สมาชิกรุ่นเยาว์จากตระกูลเล็กๆกล้าที่จะพูดตำหนิบุตรชายคนโตของจักรพรรดิแห่งแคว้นพิรุณในปัจจุบัน มันเอาความกล้าที่อุกอาจเช่นนั้นมาจากไหนกัน?

ทันใดนั้น สีหน้าขององค์ชายหนึ่งขาวซีดและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ดั่งคำพูด เมื่อจักรพรรดิพิโรธ โลหิตจะต้องหลั่งไหลไปไกลกว่าหนึ่งหมื่นไมล์ แม้ว่าเขาจะยังไม่ใช่จักรพรรดิ แต่ในฐานะองค์ชายหนึ่ง เขายังเป็นคนที่แข็งแกร่งและมีอำนาจมาก

"เจ้าเองก็ไม่ได้เห็นว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง ดังนั้นเจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะพูดพล่านแบบนั้นออกมา!" หลิงฮันเปิดปากของเขาและกล่าวกับเฟิงหยาง

คนอื่นรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขากำลังสูญเสียจิตใจของพวกเขาไปไม่ว่าจะเป็นหลิงฮันหรือเฟิงหยาง พวกเขาไปเอาความมั่นใจอันแรงกล้าสร้างความปั่นป่วนแบบนี้มาจากหน?

"อาจารย์ใหญ่ โปรดจับกุมหลิงฮันและปล่อยให้ข้าเป็นคนจัดการมัน!" เฟิงหยางหันหน้าไปพูดกับเหลียนกวงซู แม้ว่าคำพูดของมันจะฟังดูสุภาพ แต่มันดูเหมือนกับว่ามันกำลังเรียกร้องให้เหลียนกวงซูทำตามที่เขาขอ

นั่นคือท่าทีของคนที่จะร้องขอจอมยุทธที่อยู่ระดับแก่นแท้จิตวิญญาณและคนที่ดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ของสำนักรึ?

คนอื่นๆรู้สึกแทบไม่อยากจะเชื่อ แม้ว่าเฟิงหยางจะล่วงเกินองค์ชายหนึ่งก่อนหน้านี้ แต่มันก็ยังคงอยู่ในระดับรวมธาตุ ในโลกใบนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสามารถในวรยุทธ แม้แต่องค์ชายหนึ่งยังมีสถานะต่ำกว่าเหลียนกวงซู

สถานะของเหลียนกวงซูนั้นอยู่ต่ำกว่าเพียงแค่จักรพรรดิแห่งแคว้นพิรุณในปัจจุบัน รวมถึงผู้นำตระกูลจากแปดตระกูลใหญ่

สั่งเหลียนกวงซู?

คนอื่นๆรู้สึกเหมือนกับว่ามีชั้นเหงื่อที่หนาวเย็นปกคลุมร่างกายของพวกเขา

"อาจารย์ใหญ่!" องค์ชายหนึ่งพูดขัดจังหวะและจ้องมองไปที่เหลียนกวงซู

เหลียนกวงซูถอนหายใจออกมาและกล่าวว่า "โปรดได้อย่าได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย องค์ชายหนึ่ง!"

อะไรนะ!

เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของเหลียนกวงซู นั่นไม่ได้หมายความว่าเหลียนกวงซูกำลังจะปฏิบัติตามคำสั่งของเฟิงหยางหรอกรึ?

"หึ่ม เจ้าแก่เหลียน ถ้าหากข้าอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เจ้าจะหยุดข้าด้วยเหมือนกัน?" หวู่ซงหลินปรากฏตัวออกมาและจ้องมองไปที่เหลียงกวงซู

'อึก ตัวตนอันที่ยิ่งใหญ่โผล่มาอีกคนแล้วว ' ทุกคนคิด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด