บทที่ 41 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 2 (2) [อ่านฟรี]
บทที่ 41 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 2 (2)
ในตอนนี้บุคคลเพียงคนเดียวที่รู้ตัวตนทั้งสองด้านของโอเดียสก็คือคาร์ล
คาร์ลแกล้งทำเป็นไม่รู้สิ่งใดเมื่อเอ่ยทักโอเดียสขึ้นอีกครั้ง
“ฟลินน์? ....เจ้าต้องมีความข้องเกี่ยวกับบิลอสซินะ...ยินดีที่ได้รู้จัก”
“กระผมรู้สึกตกใจเช่นกันที่นายน้อยคาร์ลรู้จักกับบิลอสด้วย...กระผมไม่ได้เจอบิลอสมานานมากตั้งแต่เขายังเป็นเด็กตัวเล็กๆอยู่.....กระผมมีความสุขมากที่ได้พบกับเขาอีกครั้งมันรู้สึกราวกับช่วงเวลานี้เป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของกระผมเลยขอรับ”
บิลอสไม่สามารถซ่อนความรู้สึกที่สับสนบนใบหน้าของตนได้เมื่อมองไปที่โอเดียส เขาคนนี้เป็นคนที่เลือกขว้างทิ้งการค้าของตระกูลฟลินน์และออกไปใช้ชีวิตที่เรียบง่ายในฉบับของตนเอง นอกจากนี้เขายังเป็นลุงของบิลอสและมีเพียงแค่บิลอสเท่านั้นที่มีความทรงจำดีๆต่อโอเดียสในตอนที่เขายังเป็นเด็ก
‘อืม....เขานับว่าเป็นคนที่ดีสำหรับบิลอสซินะ’
คาร์ลปล่อยมือออกจากโอเดียสและเริ่มคุยกับบิลอส
“ไปหาอะไรดื่มข้างบนกันเถอะ”
บ้านพักตากอากาศมีบาร์เหล้าเล็กๆอยู่ชั้นบนและแน่นอนว่าคาร์ลก็เอ่ยกับโอเดียสด้วยเช่นกัน
“เชวฮันกับโรสลินจะตามมาทีหลังดังนั้นพวกท่านสามคนสามารถพูดคุยกันได้”
“อ่า....เข้าใจแล้ว...กระผมหวังว่าจะมีโอกาสดื่มกับท่านในครั้งหน้านะขอรับนายน้อยคาร์ล”
คาร์ลยิ้มและตอบกลับ
“ได้...แล้วเราค่อยมาดื่มด้วยกันเร็วๆนี้”
คาร์ลแตะไปที่ไหล่ของบิลอสที่ยังคงยืนอยู่ด้วยใบหน้าสับสนก่อนที่คาร์ลจะมุ่งหน้าไปยังบันไดเพื่อขึ้นไปบนชั้นสองแต่มีเด็กๆจำนวนสิบคนขวางทางเขาไว้อยู่
“ขอบคุณท่านมากขอรับ....นายน้อยคาร์ล”
“ขอบคุณมากขอรับ”
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”
คาร์ลมองไปยังเด็กๆทั้งสิบคนที่กำลังเอ่ยขอบคุณเขาและเริ่มคิด
‘มันน่าปวดหัวดี’
มีเด็กๆจำนวนสิบคนที่ปล่อยรังสีบางอย่างออกมามันทำให้คาร์ลรู้ได้ทันทีว่าพวกเขาทั้งหมดจะเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งในอนาคต แม้ว่าพวกเขาจะเห็นพ่อแม่ลูกพี่ลูกน้องและสมาชิกคนอื่นๆของครอบครัวต้องถูกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตาของตนก็ตาม แววตาของพวกเขาทั้งหมดก็ยังคงแข็งแกร่งและมั่นคงมันทำให้คาร์ลรู้ว่าพวกเขาเอ่ยขอบคุณคาร์ลออกมาด้วยใจบริสุทธิ์ของพวกเขา เด็กๆทั้งสิบคนไม่ได้มีคนที่มีอายุน้อยจนเกินไป พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะมีอายุระหว่าง 10-13 ปี
‘พวกเขาอาจจะต้องการคนที่คอยอบรมฝึกสอนมากกว่าที่จะมาคอยดูแลเลี้ยงดูพวกเขา’
อย่างไรก็ตามคาร์ลได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่เป็นคนที่คอยจัดหาคนมาฝึกอบรมให้แก่พวกเขาและโบกมือเป็นสัญญาณให้ล็อกหลีกทางให้ตนก่อนจะมุ่งหน้าขึ้นไปข้างบนต่อไป แม้ว่าคาร์ลจะไม่มีการตอบสนองและเมินเฉยต่อพวกเขาแต่คาร์ลก็ยังได้ยินเสียงของเด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินกล่าวขอบคุณเขาแว่วตามมาจากทางด้านหลังซึ่งทำให้คาร์ลรู้สึกหนาวสั่นขึ้นอีกครั้ง
บิลอสเดินตามคาร์ลจนมาถึงชั้นสองก่อนเอ่ยถามคาร์ลขึ้น
“นายน้อยคาร์ล...ท่านมาทำอะไรอยู่ที่นี่หรือขอรับ?”
คาร์ลเอ่ยตอบบิลอสทันทีโดยไม่มีความลังเลใจ
“ทำในสิ่งที่ข้าสามารถทำได้เพื่อความสงบสุขในอนาคตของตัวข้าเอง”
บิลอสมีสีหน้าไม่เชื่อถือในคำพูดของคาร์ลในขณะที่เขาหยิบขวดเหล้าและแก้วออกมาจากตู้ก่อนที่จะนั่งลงตรงข้ามคาร์ลพร้อมๆกับเทเหล้าลงแก้วที่อยู่ตรงหน้าของตน
“เจ้าไม่เห็นข้าที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเจ้ารึ?”
“อ่า....ขอโทษด้วยขอรับนายน้อยพอดีกระผมมีเรื่องให้คิดเล็กน้อย”
คาร์ลเอ่ยท้วงบิลอสขึ้นมาเมื่อเห็นบิลอสดื่มเหล้าไปเกือบครึ่งขวดแล้ว บิลอสเงยหน้าขึ้นมองคาร์ล...ไม่สิ..เขากำลังสังเกตคาร์ลคนที่เคยเอ่ยกับเขาว่าไม่อยากมีชีวิตเป็นเพียงขยะไร้ค่าอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่คาดฝันว่าจะได้มาพบกับลุงของตนเข้าเมื่อเดินทางมาพบกับคาร์ลในวันนี้
คาร์ลหยุดบิลอสที่พยายามเทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นลงในแก้วของตนและหยิบขวดเหล้าขวดเดิมของบิลอสเพื่อเทลงไปในแก้วของบิลอสอีกครั้ง
“ข้าไม่รู้ว่าอะไรทำให้เจ้ารู้สึกรำคาญใจแต่เจ้าไม่สามารถที่จะดื่มเหล้าด้วยวิธีแบบนี้ได้”
“.....นายน้อยคาร์ล.....”
คาร์ลเทเหล้าลงแก้วของบิลอสจนเต็มและเอ่ยขึ้น
“มีอะไรงั้นรึ?”
“ท่านโอเดียส...เขาเป็นลุงแท้ๆของกระผม”
‘ท่านโอเดียส’ สำหรับคนเช่นบิลอสที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้นามสกุลฟลินน์ได้อย่างเป็นทางการเขาก็ไม่สามารถที่จะเอ่ยเรียกลุงของตนได้เช่นกัน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นโอเดียสก็เป็นผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่ให้ความอบอุ่นและอ่อนโยนต่อเขาในวัยเด็ก
ในนิยายมีสิ่งที่โอเดียสได้กล่าวกับบิลอสว่า
‘ข้าถือว่าเจ้าเป็นหลานชายของข้าและเป็นครอบครัวของข้า...เจ้ามีคุณสมบัติในเรื่องนี้อย่างครบถ้วน’
ประโยคนั้นกลายเป็นจุดเริ่มต้นและจุดเปลี่ยนแปลงสำหรับชีวิตบิลอส ในนิยายได้กล่าวว่าหลังจากได้รับการแนะนำให้รู้จักกับเชวฮันผ่านทางโอเดียสแล้ว บิลอสรู้สึกทึ่งและเกรงขามไปกับความแข็งแกร่งของเชวฮันและตัดสินใจติดตามเชวฮันไปในทันที นอกจากนี้เขายังได้ตัดสินใจที่จะต่อสู้เพื่อตำแหน่งของหัวหน้าสมาคมการค้าฟลินน์ด้วยเช่นกัน
“นายน้อยคาร์ล...ท่านไม่อยากรู้หรือว่าทำไมท่านโอเดียสจึงเป็นเพียงพ่อค้าเล็กๆเท่านั้น? ทั้งๆที่เขาเป็นคนในตระกูลฟลินน์ก็ตาม”
‘ทำไมต้องอยากรู้ด้วย?....ฉันรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีเชียวล่ะ’
โอเดียสเป็นบุคคลที่ควบคุมพื้นที่ทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางได้อย่างสมบูรณ์แบบ คาร์ลเติมเหล้าลงในแก้วของตนจนเต็มและเอ่ยถามบิลอส
“ข้าควรสงสัยเกี่ยวกับนามสกุลฟลินน์เช่นนั้นหรือ?”
ก่อนจะยกแก้วเหล้าของตนขึ้นดื่มและมองเห็นว่าตอนนี้บิลอสได้ยกยิ้มจนเต็มใบหน้า
“เข้าใจแล้ว...กระผมเดาว่านามสกุลฟลินน์ไม่ใช่นามสกุลที่มีชื่อเสียงมากนัก”
“อืม!...ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือโอเดียสก็เหมือนกัน...พวกเจ้าต่างเป็นคนในตระกูลฟลินน์ด้วยกันทั้งคู่”
“.....กระผมเป็นเพียงบุตรนอกสมรส”
คาร์ลได้โต้กลับในสิ่งที่บิลอสกล่าวออกมาทันที
“ความจริงที่ว่าเจ้าเป็นบุตรนอกสมรสก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าไม่ใช่คนในตระกูลฟลินน์เพราะถึงอย่างไรคนอื่นๆเขาก็เข้าใจว่าเจ้าคือคนในตระกูลฟลินน์อยู่ดี”
แม้ว่าคนในตระกูลจะไม่ยอมรับในตัวของบิลอสให้เข้าร่วมตระกูลฟลินน์ด้วยแต่คนอื่นๆก็รู้ว่าบิลอสคือคนในตระกูลฟลินน์อยู่ดีนั่นเป็นสาเหตุที่ไม่มีใครสนใจว่าเขาเป็นเพียงแค่บุตรนอกสมรสเท่านั้นและความจริงที่ว่าตระกูลฟลินน์เป็นหนึ่งในสามของสมาคมการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้จึงไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่จะไม่สนใจในเรื่องพวกนี้มากนัก
บิลอสลอบสังเกตคาร์ลชั่วครู่ก่อนที่เขาจะหยิบขวดเหล้าและเทลงในแก้วของคาร์ล
“นายน้อย...”
“อะไร?”
“กระผมรู้สึกว่านายน้อยมีความสามารถในการพูดถึงเรื่องที่เป็นความจริงได้อย่างตรงไปตรงมาเป็นยิ่งนัก”
“แน่นอน...ข้าค่อนข้างถนัดในเรื่องนี้”
“ขอรับ....แล้ว?”
“หืม?”
“แล้วท่านได้ใช้สิ่งที่ยืมมาจากกระผมไปขโมยสิ่งใดแล้วบ้างขอรับ?”
บิลอสมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคาร์ลเมื่อเขาเอ่ยเช่นนั้นออกไป คาร์ลหยิบแก้วเหล้าของตนมาถือไว้แล้วเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ
“ข้าขโมยมาได้อย่างหนึ่งแล้วและจะขโมยที่เหลือในอีกไม่ช้านี้”
เขาได้ใช้พวกมันเพื่อช่วยเหลือมังกรดำมาได้อย่างหนึ่งและอย่างอื่นก็จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้แล้ว
มุมปากของบิลอสยกยิ้มขึ้นอาจไม่มีขุนนางหรือคนชั้นสูงคนใดที่จะเอ่ยออกมาตรงๆว่าพวกเขาจะขโมยบางอย่างเช่นนี้แต่คงต้องยกเว้นคนที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ไว้คนหนึ่งกระมัง
“ท่านไม่ให้กระผมช่วยหรือขอรับ?”
คาร์ลส่ายหน้าปฏิเสธกับคำถามของบิลอส
“.....น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง”
เคร้ง!
คาร์ลวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะและกล่าวต่อไปโดยทันที
“ทุกหน้าที่เต็มหมดแล้ว”
รายชื่อของมนุษย์และสัตว์อสูรที่คาร์ลจะใช้งานพวกเขาล้วนอยู่ในหัวของเขาหมดแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
บิลอสหัวเราะออกมาเล็กน้อยและคว้าแก้วเหล้าที่ถูกเทไว้เต็มแก้วยกดื่มจนหมดภายในอึกเดียวก่อนที่จะวางลงไปบนโต๊ะอย่างแรง
“กระผมคิดว่า...อาจจะลองขโมยบางอย่างดูเช่นกัน”
บิลอสได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะขโมยสิ่งใด? ผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าสมาคมการค้าฟลินน์! เขาจะทำให้ตำแหน่งนี้ตกเป็นของเขาให้ได้มันย่อมเป็นเรื่องสมเหตุสมผลเพราะความโลภของเขานั้นยิ่งใหญ่และลึกซึ้งกว่าคนอื่นมากนัก
คาร์ลเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นบิลอสกำลังครุ่นคิดในบางสิ่งอยู่
“ทำในสิ่งที่เจ้าต้องการมันเถิด”
บิลอสหัวเราะออกมาอีกครั้งหลังจากได้ยินประโยคที่คาร์ลเอ่ยขึ้น
คาร์ลไม่ได้สนใจว่าบิลอสจะหัวเราะหรือไม่หัวเราะออกมา เพราะความจริงที่ว่าบิลอสได้พบเข้ากับโอเดียสในวันนี้ก็เป็นไปตามแผนที่เขาได้วางไว้และแผนการที่สำเร็จลุล่วงในวันนี้ทำให้คาร์ลดื่มเหล้าได้อย่างสบายใจ
แน่นอนว่าคาร์ลเลือกที่จะดื่มเหล้าให้ตัวเองผ่อนคลายเพียงเล็กน้อยและกลับไปยังบ้านพักของตนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ เขาต้องการที่จะเริ่มเคลื่อนไหวบางอย่างในตอนกลางคืนและต้องการที่จะนอนพักเอาแรงในช่วงเย็นแต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำมันได้
“รอน?”
รอนโค้งศีรษะทำความเคารพคาร์ลและเริ่มพูดออกมาโดยทันที
“นายน้อย...กระผมมีบางอย่างที่อยากจะขอร้องจากนายน้อยขอรับ?”
“ขอร้องเช่นนั้นรึ?”
รอนเงยหน้าของตนพลางเอ่ยขึ้น
“โปรดดูแลบุตรชายของกระผมด้วยขอรับ”
“บุตรชาย?....เจ้าหมายถึงบารอค?”
“ใช่ขอรับ...”
“ทำไมล่ะ?”
คาร์ลเห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนได้เลือนหายไปจากใบหน้าของรอนอย่างรวดเร็ว นี่เป็นครั้งแรกที่คาร์ลได้เห็นรอนสวมใบหน้าที่โหดเหี้ยมและเย็นชาต่อหน้าเขาเช่นนี้ รอนพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาพร้อมทั้งน้ำเสียงที่เรียบเย็นออกมาช้าๆ
“กระผมต้องไปตามล่าสุนัขจิ้งจอกขอรับ”
แม้ว่าจะเป็นเพียงตาแก่คนหนึ่งแต่เขาก็ยังเป็นนักฆ่า รอนเปลี่ยนสีหน้าของเขาอีกครั้งท่าทางของเขาในตอนนี้ดูฝืนทนมีเพียงมุมปากของเขาเท่านั้นที่ยกสูงขึ้นเล็กน้อยและกล่าวขึ้น
“นายน้อยของเราคงทราบแล้วกระมังว่ารอนคนนี้....เป็นนักฆ่า?”
คาร์ลรู้สึกว่าอาการที่มึนเมาจากการดื่มเหล้าได้หายไปทันที เขารู้สึกถึงความเย็นที่แล่นไปทั่วร่างกายของเขาในตอนนี้เท่านั้น