ภาค 1 ตอนที่ 17 ความสำคัญของการศึกษาภาคบังคับ
ตอนที่ 17 ความสำคัญของการศึกษาภาคบังคับ
‘อ๊าตะตะ’ สมกับที่เป็น ‘อ๊าตะตะ’ โผล่มาแล้วหายไปรวดเร็วปานภูตผี และจะหยุดอยู่ในครรลองสายตาของมนุษย์เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น หลังจากนั้นบรรดาองค์ชายทั้งหลายก็ล้มกองอยู่บนพื้นระเนระนาด ไม่มีใครลุกขึ้นทรงตัวได้เลย
แม้จะถูกซัดจนน่วม แต่เวลานี้เหล่าคุณชายก็เข้าใจถึงเจตนาของหวังลู่
เป็นความจริงที่คนจำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบคนมิใช่ตัวเลขทั้งหมดของหมู่บ้านดอกท้อ และเป็นความจริงที่ว่าตนเองนั้นโง่เง่าเต่าตุ่นเหลือคณา ลืมได้แม้กระทั่งตัวละครสำคัญเช่นนี้!
‘อ๊าตะตะ’ เงาดำลึกลับผู้พิทักษ์หมู่บ้านดอกท้อให้ร่มเย็นเป็นสุข!
สำหรับ ‘อ๊าตะตะ’ ผู้นี้ ถือเป็นบุคคลลึกลับที่สุดของหมู่บ้านดอกท้อ ไม่ว่าจะเอ่ยถึงชื่อนี้กับใครก็ตามในหมู่บ้าน อีกฝ่ายก็จะตอบว่า เจ้ากำลังพูดเรื่องตลกอะไรกัน ด้วยสีหน้าฉงนสงสัย และเมื่อบังคับให้พูดเรื่องนี้ เขาก็จะปิดปากไม่พูดจาไม่จาทันที นอกจากนั้นยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ จนถึงตอนนี้เคยโผล่ออกมาให้เห็นสิบครั้งได้ และทุกครั้งก็จะปรากฏตัวอยู่ในเหตุการณ์ที่ต้องห้ามทัพนองเลือดอย่างเหมาะเจาะ (แต่เหมือนจะไม่นับการใช้สงครามน้ำลาย จึงทำให้หวังลู่ได้กำไรมิน้อย) นอกจากนี้วรยุทธ์ยังเก่งกาจเหนือชั้นมิอาจมีใครเทียบได้ แม้ว่าผู้ทดสอบจะมีอาวุธวิเศษในมือแต่ก็ไม่อาจหยุดฝ่ามือและเท้าของเขาได้ ที่ย่ำแย่กว่าคือเมื่อครั้งที่เซี่ยกันหลงและสหายยอมดูถูกตัวเอง ด้วยการวางหลุมพรางกับดักล่อให้เขาออกมา ได้เตรียมอาวุธวิเศษไว้ และโจมตีทันทีเมื่อเงาดำร่างนั้นโผล่หัวออกมา ทว่าเงาดำก็ซัดยันต์ผนึกน้ำแข็งเกล็ดพิรุณและกระบี่เมฆาเคลื่อนไร้รูปจนแหลกด้วยมือเปล่า และกระหน่ำซัดคุณชายทั้งสามจนหน้าตาปูดโปน
หลังจากครั้งนั้นก็ไม่มีใครคิดว่าเงาดำจะเป็นคนของหมู่บ้านดอกท้ออีกเลย สาเหตุเนื่องจากในหมู่บ้านที่สงบร่มเย็น จะมีผู้มีวรยุทธ์ฝีมือยอดเยี่ยมได้อย่างไร? นั่นเป็นศิษย์สำนักกระบี่วิญญาณที่มาสอดส่องตรวจการชัดๆ! อีกอย่างพวกเขาจะไปสร้างความพึงพอใจให้ศิษย์สำนักได้อย่างไร!?
แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้....หรือว่า...?
เป็นอย่างที่คิด ครั้งนี้หลังจากเงาดำ ‘อ๊าตะตะ’ ปรากฏตัวก็มิได้หายตัวไปในทันที หากแต่ก้าวไปหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าหวังลู่
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผู้คนได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเงาดำ ‘อ๊าตะตะ’…เอาเถอะ ยังดีกว่าไม่ได้เห็น อันที่จริงก็เป็นแค่เงาดำก้อนหนึ่ง ดูออกรางๆ ว่าเป็นรูปใบหน้า ทว่ารายละเอียดทั้งหมดล้วนถูกซ่อนไว้ภายใต้ควันดำ การแต่งตัวมิน่าใช่ศิษย์สำนักกระบี่วิญญาณแน่นอน แต่กลับคล้ายปิศาจในลัทธิมารชั่วร้ายมากกว่า
หวังลู่ไม่เพียงมิเกรงกลัว แต่กลับแสดงท่าทีราวกับไม่เจอกันตั้งนาน “ท่านจอมยุทธ์ รีบมาสอนวรยุทธ์ให้ข้าเถอะ ข้ามีปฏิภาณเฉียบแหลม มิหนำซ้ำกระดูกของข้ายังแข็งแรงมากด้วย สามารถทำหน้าที่ผดุงความยุติธรรมปกป้องความสงบสุขของโลกได้อย่างแน่นอน!”
เงาดำร่างนั้นชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าคำทักทายของหวังลู่จะตรงไปตรงมาเพียงนี้ เอ่ยขึ้นเสียงแข็ง “เจ้าสร้างวีรกรรมช่วยเหลือคนในหมู่บ้านเป็นเรื่องดีมาก แต่หากจะฝึกวรยุทธ์ของข้าแล้ว...เท่านี้ยังไม่พอ”
พูดจบก็หายวับไปในทันที
แต่หวังลู่เองก็ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว ที่ ‘อ๊าตะตะ’ บอกว่ายังไม่พอ หมายถึงความพึงพอใจของคนในหมู่บ้านยังไม่พอ แม้ตนจะวางแผนอย่างรอบคอบและตั้งใจมาตลอดหนึ่งเดือน จนในที่สุดก็ได้แผนการอันสมบูรณ์แบบออกมาหนึ่งชุด ทว่าการสะสมคะแนนความพึงพอใจนั้นมีขีดจำกัด และเขาเพิ่งทำมันเพียงวันเดียวเท่านั้น
แต่เมื่อมีแผนการอันสมบูรณ์แบบแล้ว การเริ่มสะสมคะแนนตั้งแต่ศูนย์ไปจนเต็มก็มิได้ใช้เวลามากมายอะไรนัก ผู้ทดสอบตื้นเขินเหล่านั้นคงคิดว่าภารกิจเฉพาะของชาวบ้านหากถูกทำไปแล้วภารกิจนั้นก็จะไม่มีค่าอีกต่อไป ช่างโง่เง่าไม่มีใครเทียม... อันที่จริงเมื่อทำภารกิจพลาด ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของภารกิจก็จะไม่อาจช่วยผู้ทดสอบให้ออกจากหมู่บ้าน แต่นั่นมิได้หมายความว่าชาวบ้านจะไร้ประโยชน์ กลับกันวิธีพิชิตแผนการจะกลายเป็นการทำแบบย้ำๆ ซ้ำๆ ดังเช่นที่หวังลู่ทำเมื่อวาน ใช้วิธีง่ายๆ อย่างการแลกเปลี่ยนสิ่งของกับคะแนนความพึงพอใจจำนวนมหาศาล และวิธีนี้สามารถทำซ้ำๆ ไม่มีจำกัด ส่วนคะแนนความพึงพอใจที่สะสมกันนี้ก็จะส่งผลต่อการประเมินโดยรวมในด่านหมู่บ้านดอกท้อของผู้ทดสอบ
ขณะนี้บรรดาผู้ทดสอบที่ยังติดแหงกอยู่ในหมู่บ้านดอกท้อ หลักๆ ต่างก็ได้รับ ‘ตั๋ว’ ออกจากหมู่บ้านแล้ว ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อยกระดับให้ตัวเองผ่านการประเมินเท่านั้น ทว่ามีวิธีง่ายๆ อยู่ไม่ยอมใช้ กลับไปแย่งทำภารกิจเฉพาะอะไรนั่น ในสายตาหวังลู่นี่ก็เป็นหลักฐานจากการสืบพันธุ์ร่วมสายเลือดอีกแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
สำหรับหวังลู่ เป้าหมายของเขานั้นต่างจากคนอื่นตั้งแต่แรก
หากเทียบกับพื้นฐานชาติกำเนิด หวังลู่ไม่มีความมั่นใจในการชนะบรรดาเด็กหนุ่มสาวชนชั้นสูงผู้อัจฉริยะแห่งอาณาจักรเก้าแคว้นเหล่านี้ได้ ทว่าบนเส้นทางบรรลุเซียนเส้นนี้... ราวกับว่ามันถูกสร้างมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ การออกแบบในแต่ละด่านล้วนง่ายดายไม่ซับซ้อน ดังนั้นเมื่อลงมือทำแล้ว ก็ต้องทำมันให้ดีที่สุด
เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจน สิ่งที่หวังลู่จะทำต่อจากนี้ก็คือการทำอย่างเดิมซ้ำๆ จนกว่าจะสามารถพิชิตภารกิจของเงาดำ ‘อ๊าตะตะ’ ได้สำเร็จ
เขาทำซ้ำเช่นนี้อยู่ครึ่งเดือน ในครึ่งเดือนนั้นผู้ทดสอบจำนวนมากค่อยๆ ทยอยเลือกเดินทางออกจากหมู่บ้าน เนื่องจากภารกิจแทบจะถูกทำจนหมดแล้ว และมิใช่ว่าทำได้มากขึ้นเท่าไหร่ ผลลัพธ์ก็จะออกมาดีเท่านั้น เช่นองค์ชายมักมากบางคนที่นิยมชมชอบสาวใหญ่ ก็ถูกป้าบ้านนอกลงโทษจนย่อยยับป่นปี้
หมู่บ้านดอกท้อถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดสอบความฉลาดทางอารมณ์ ตรงนี้สะท้อนออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ผู้ที่สามารถยืนหยัดจนถึงเวลานี้ ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่แสวงหาความสมบูรณ์และต้องการท้าทายตัวเอง ทว่าต่างคนต่างก็มีขีดจำกัดของตนเอง มีบางคนที่ทนเอาใจชาวบ้านไม่ไหว
อีกด้านหนึ่งก็คือ การที่ได้แต่เห็นหวังลู่สร้างความพึงพอใจให้กับทุกคนในหมู่บ้านได้อย่างง่ายดายนั้นแท้จริงมิใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นสำหรับคนมีความอดทนต่ำ ก็อาจกระทำการอุกอาจหาเรื่องระรานไปทั่วเพื่อแก้แค้นสังคม นำภัยมาสู่ตนในที่สุด
ครึ่งเดือนหลังจากนั้น นอกจากพวกล้มเหลวจากภารกิจที่ถูกกำหนดให้ต้องใช้ชีวิตรันทดอยู่ในหมู่บ้านอย่างคนขี้แพ้ไปตลอดชีวิต คนส่วนใหญ่ก็ออกจากหมู่บ้านไปได้สักพักแล้ว กระทั่งคนที่เซ่อซ่าโง่เง่าไม่มีใครเทียบอย่างเหวินเป่า ทั้งที่ได้ทำภารกิจระดับหนึ่งและได้รับการช่วยเหลือจากไห่อวิ๋นฟานแท้ๆ แต่ก็ยังเกือบทำภารกิจพลาด ก็ยังสะสมคะแนนความพึงพอใจได้พอดีพอเหมาะ เดินทางออกจากหมู่บ้านดอกท้อพร้อมกับท่านป้าหลิวอย่างปีติร่าเริง
ส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่ในหมู่บ้านก็คือผู้พ่ายแพ้ที่หมดสิ้นความหวังในการบรรลุเซียนบางส่วน และหวังลู่
บางทีอาจจะเป็นเพราะหวังลู่อยู่นานเกินไป หรืออาจะเป็นเพราะคนเก่งๆ ต่างเดินไปถึงด่านต่อไปแล้ว หมู่บ้านดอกท้อเริ่มค่อยๆ มีเสียงกระซิบนินทาหวังลู่แพร่กระจายออกมา
หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ประชดและหัวเราะเยาะนั่นเอง
คนที่เดินออกมาจากแผนที่คลื่นเมฆาคนแรกแน่นักหรือ? ได้รับความรักและใส่ใจจากผู้นำหมู่บ้าน ได้พักในสวนหลังบ้านของผู้นำหมู่บ้านมีความสุขมาก? เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังให้คำแนะนำไห่อวิ๋นฟานที่ออกจากหมู่บ้านดอกท้อเป็นคนแรกแล้วรู้สึกประสบความสำเร็จใช่หรือไม่? สามารถทำภารกิจทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบคนในรอบเดียวเก่งกาจไม่มีใครเทียบใช่หรือไม่?
และตอนนี้ต้องติดอยู่ในสถานที่แห่งนี้กับคนพ่ายแพ้อย่างพวกเรา ไม่พอใจมากใช่หรือไม่?
คิดว่าตัวเองถูกต้องเสมอ ปล่อยโอกาสร้อยยี่สิบครั้งให้หายลับไปต่อหน้าต่อตา หลงผิดคิดอยากคว้า ‘ภารกิจซ่อนเร้น’ ที่ไม่มีอยู่จริงนั่น สุดท้ายก็หาเหาใส่หัว ตอนนี้อนาคตที่สดใสถูกทำลายด้วยเงื้อมมือของตัวเอง เส้นทางบรรลุเซียนขาดสะบั้นลงตรงนี้ นอกจากได้อภิสิทธิ์พักอยู่ในสวนหลังบ้านของผู้นำหมู่บ้านก่อนการทดสอบจบ ระหว่างเจ้าและพวกเราต่างกันตรงไหน?
สำหรับคำวิจารณ์แสนร้ายกาจที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของสุนัขจนตรอกขี้แพ้เช่นนี้ หวังลู่มิได้แสร้งทำตัวเป็นผู้มีคุณธรรมและให้อภัยต่อวาจาเดียดฉันท์เหล่านั้น แต่กลับวิ่งไปยังลานหมู่บ้านอย่างโจ่งแจ้งเปิดเผย พร้อมทั้งตอบโต้ทำสงครามกับคำพูดนินทาเหล่านั้นอย่างดุเดือด
วิธีตอบโต้ของหวังลู่นั้นตรงไปตรงมาอย่างมาก
“เจ้าพวกโง่เง่า มารดาเจ้าได้กับสุนัข”
เพียงคำพูดสั้นๆ หมู่บ้านดอกท้อก็ตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะใหญ่ สายตาอึ้งตะลึงหลายสิบคู่จับจ้องไปที่เขา คิดไม่ถึงว่าคนที่ดูมีปัญญาสูงส่งอย่างหวังลู่จะสามารถด่าทอได้น่าเกลียดเช่นนี้
ทว่าในความคิดของหวังลู่นั้น สัจธรรมของการด่าทอในที่สาธารณะก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากเจ็บแสบ เห็นผลทันตา เข็มเดียวได้เลือด และตรงจุดตรงประเด็นแล้ว ยังเป็นการดูถูกวงศ์ตระกูลที่เจ็บปวดที่สุดเท่าที่เคยมีมา นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้สูงอายุและเด็ก ผลกระทบความโกรธเป็นวงกว้างและเป็นเลิศ
บรรดาคุณชายที่มักคิดว่าตัวเองสูงส่งเหล่านั้นก็อับอายจนกลายเป็นโทสะอย่างที่คิด
“หวังลู่ เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
“เดรัจฉาน อย่าคิดว่าพวกเราจะกลัวเจ้าเพียงเพราะเจ้าใช้กลโกงได้!”
“ข้าจะทำให้เจ้าเจ็บปวดทุกข์ทรมานจนต้องร้องขอชีวิต!”
ทันใดนั้น คนที่เหลืออยู่ในหมู่บ้านสิบกว่าคนก็กรูเข้าไปโจมตีหวังลู่อย่างมิได้นัดหมาย โดยเฉพาะคุณชายเซี่ยบางคนที่ดูเหมือนจะโกรธแค้นเป็นที่สุด
หวังลู่เพียงยิ้มเยาะกับเหตุการณ์ตรงหน้า “ไม่พอใจ? ไม่พอใจก็มาพิสูจน์ให้ข้าเห็น ว่าลูกพันธุ์ผสมอย่างพวกเจ้ามีปัญญาแค่ไหน ลองมาซัดกันสักตั้งสิไอ้พวกลูกพันธุ์ผสม!”
ภายใต้การยั่วยุดังกล่าว ในที่สุดก็มีคนสูญเสียการควบคุม ง้างหมัดพุ่งไปยังหวังลู่
และหลังจากนั้น เงาดำก็พุ่งกระโจนลงมาจากฟ้า
“อ๊าตะตะตะตะตะตะ!”
มองไปยังกลุ่มคนที่กองระเนระนาดเต็มถนน หวังลู่ก็เอ่ยกับเงาดำด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ารอท่านมานานมาก”
ครั้งนี้เงาดำร่างนั้นกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “ปากของเจ้านี่มันมารนรกจริงๆ! ข้ามิใช่ผู้คุ้มกันของเจ้านะ!”
หวังลู่ผงกศีรษะขึ้นลง “ข้ารู้ ท่านคือคนที่จะมาสอนวรยุทธ์ให้แก่ข้า ภารกิจความพึงพอใจของคนทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบคนข้าก็ทำสำเร็จจนได้คะแนนเต็มแล้ว”
กล่าวถึงตรงนี้ หวังลู่ก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ ช่วงที่เพิ่งเข้ามาในหมู่บ้านดอกท้อนั้น เขาก็สงสัยอยู่แล้วว่าต้องมี ‘ภารกิจซ่อนเร้น’ เนื่องจากเขารู้สึกว่าตนกับผู้ออกแบบมักมีบางสิ่งบางอย่างที่สื่อถึงกันอยู่เสมอ และหากเขาเป็นคนออกแบบ ย่อมต้องสร้างภารกิจซ่อนเร้นขึ้นอย่างแน่นอน
หากแต่เขาคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าภารกิจนี้จะยุ่งยากวุ่นวายถึงเพียงนี้! ระดับความพอใจของคนทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบคนต้องเต็มเสียก่อนจึงจะสามารถเข้าไปสู่ขั้นต่อไป... ลองคิดดูว่าหากตนมิได้เป็นคนแรกที่เดินออกจากแผนที่คลื่นเมฆา ได้พักที่สวนหลังบ้านของผู้นำหมู่บ้าน วางแผนอย่างสงบในห้องโดยมีข้อมูลพิเศษของหัวหน้าหมู่บ้านแล้วไซร้ ให้ตายเขาก็ไม่มีทางสร้างแผนการนี้ได้
หากไม่มีแผนการอันสมบูรณ์แบบนี้ แม้จะเป็นสาวสังคมที่เข้ากับคนง่ายได้ที่สุด ก็ไม่มีทางเอาใจคนทั้งร้อยยี่สิบคนในเวลาเดียวกันได้ ระดับความยากนี้เรียกได้ว่าเหี้ยมโหด!
แต่ทว่ายิ่งยากเท่าไหร่ รางวัลก็ยิ่งสูงเท่านั้น ภารกิจซ่อนเร้นจะให้รางวัลอะไร หวังลู่อยากรู้อย่างมาก!
ทว่า...
“การช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเมตตา...ข้าได้รู้เห็นแล้ว” เงาดำพูดพลางก้มลงมองไปยังผู้ทดสอบที่ล้มระเนระนาดเป็นแถบ “แต่นี่ยังไม่พอ”
หวังลู่ขมวดคิ้ว “ไม่พอ?”
“อยากเรียนวิทยายุทธ์นั้น ก็ต้องจ่ายค่าเรียน”
“…ค่าเรียน?”
เงาดำหัวเราะ “ข้าเรียกไม่สูง แค่เฟื้องเดียวก็พอ”
หวังลู่หัวเราะออกมาเช่นกัน “ค่าเรียนของท่านแปลกจริงๆ เงินหนึ่งเฟื้องมิได้ยากเย็นอะไร เช่นนั้นก็ให้ท่านเลยแล้วกัน”
เมื่อครั้งอยู่ที่โรงเตี๊ยมตระกูลหรู หวังลู่แทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว แต่ยังมีเศษเงินและเหรียญทองแดงนิดๆ หน่อยๆ
ทว่าเมื่อเขาหยิบเงินออกมา เงาดำก็ส่ายศีรษะก่อนว่า “เงินข้างนอกจะมีประโยชน์อะไร? ข้าต้องการเงินของภูเขาลูกนี้”
ใบหน้าของหวังลู่พลันขรึมลง
เขาลูกนี้? เขาลูกนี้มีเงินที่ไหนกัน? หมู่บ้านดอกท้อร่มเย็นเป็นสุข ยังใช้ระบบเงินแบบดั้งเดิมจนแทบทำให้คนอยากร้องไห้ อย่าว่าแต่เงินทองเลย กระทั่งเปลือกหอยก็ยังไม่มีสักกาบ วิธีที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้กันคือการแลกเปลี่ยนสิ่งของ
หวังลู่นิ่งอยู่กับที่ ส่วนเงาดำก็ไม่ได้รีบไปไหนเช่นกัน กำลังรอคอยการตัดสินใจจากเขา
เงินของภูเขา... ซึ่งเขาลูกนี้ก็คือเขากระบี่วิญญาณแน่นอน สำนักกระบี่วิญญาณบนเขากระบี่วิญญาณมีระบบเงินเป็นของตัวเอง แต่ที่นั่นก็ห่างไกลจากเขาเกินไป นอกจากนี้แล้ว บนเขากระบี่วิญญาณยังจะหาเงินได้จากที่ไหนอีก?
เดี๋ยวนะ หรือว่า…
ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนสร้างกลยุทธ์ ประสาทสัมผัสแห่งนักผจญภัยของหวังลู่ก็กระตุก สมองของเขาสว่างวาบ เข้าใจในทันที
เขาเปิดถุงเงิน หยิบเงินเหรียญหนึ่งออกมาจากกองที่มีจำนวนไม่ถึงสิบเหรียญ
เงินเหรียญนั้นเป็นเงินที่เถ้าแก่เนี้ยโรงเตี๊ยมตระกูลหรูแห่งหมู่บ้านธาราวิญญาณทอนให้เขา ในเมื่อมาจากหมู่บ้านธาราวิญญาณแล้ว ก็น่าจะนับเป็นเงินของเขาได้...กระมัง?
พอเห็นเงินเหรียญนั้น เงาดำก็ยื่นมือออกมาอย่างที่คิด
หวังลู่จับสังเกตไปยังท่าทางการเคลื่อนไหวของเงาดำอย่างละเอียด ว่าแล้วก็รู้สึกแปลกๆ หมัดอ๊าตะตะของเงาดำนี้รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ขนาดอาวุธวิเศษยังแตกสลายภายใต้ฝ่ามือและเท้าพิฆาตนั้น แต่ไฉนการเคลื่อนไหวตอนนี้จึงช้ากว่ามนุษย์ธรรมดาหลายส่วน
แปลกมาก แปลกสุดๆ ไฟสัญชาติญาณนักผจญภัยของเขายังกะพริบส่งสัญญาณไม่หยุด ทว่ากลับไม่ฉายออกมายังร่างที่แท้จริง
หวังลู่ขมวดคิ้ว กำเหรียญในมือแน่น ด้วยแรงที่มากเกินไปจึงส่งผลให้มือกลายเป็นสีขาว
ชั่วอึดใจต่อมา เขาก็ได้ยินเสียงถอนหายใจที่เบาจนแทบไม่ได้ยินจากเงาดำ ดังนั้นจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
หวังลู่เก็บเหรียญนั้นกลับ
เงาดำผงะตกใจ “เกิดอะไรขึ้น?”
“ขออภัย เหรียญทองแดงเหรียญนี้เป็นของดูต่างหน้าเมียข้าที่ตายไป มันสำคัญและมีความหมายต่อข้ามาก”
เงาดำอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพึมพำอะไรสักอย่างออกมาราวกระซิบ อึดใจต่อมา กำปั้นหนึ่งก็พุ่งตรงออกมาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง
“เมียที่ตายจากไปบ้านป้าเจ้าสิ!”
.............................