บทที่ 40 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 1 (2) [อ่านฟรี]
บทที่ 40 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 1 (2)
“ท่านเป็นห่วงว่าข้าจะก่อปัญหาระหว่างเดินทางออกจากที่นี่เช่นนั้นหรือ?”
“มันโชคไม่ดี....ที่ตอนนี้นายน้อยนีโอก็กำลังจะเดินทางออกจากที่นี่เช่นกัน”
“อ้อ....”
อามูร์กล่าวว่าเธอจะออกไปเป็นเพื่อนคาร์ลหากนีโอจะเริ่มทำอะไรบางอย่างอีกครั้ง คาร์ลมุ่งหน้าไปยังประตูห้องโถงโดยไม่มีคำถามใดๆระหว่างพวกเขาทั้งสองคนอีก อามูร์เดินเคียงข้างคาร์ลออกมาจนกระทั่งถึงรถม้าของเขาโดยทั้งสองไม่ได้พูดอะไรมากนักและพบว่ารอนได้รอคาร์ลที่รถม้าของเขาแล้ว
“นายน้อยคาร์ล....วันนี้ท่านทำได้ดีมาก”
คาร์ลพยักหน้าของตนให้แก่คำกล่าวของอามูร์
“มันค่อนข้างยากสำหรับข้าเช่นกัน....อ้อ!คุณหนูอามูร์ท่านยังต้องกลับเข้าไปข้างในและยังมีงานที่จะต้องทำอีกสินะ”
อามูร์ยิ้มและเริ่มพูด
“นั่นมันเป็นเพราะ...เราจะได้รับข่าวดี”
แม้ว่าอามูร์จะเอ่ยออกมาเช่นนั้นแต่คาร์ลก็สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความสิ้นหวังของเธอได้ ชายฝั่งทะเลตะวันออกเฉียงเหนือเป็นผืนแผ่นดินที่ไร้ประโยชน์ มันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยหน้าผานอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจอีก
นอกจากนี้วังน้ำวนที่อยู่รอบๆหน้าผาก็นับเป็นปัญหาเช่นกัน คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นจะมีประสบการณ์ในการหลบเลี่ยงได้เป็นอย่างดีแต่มันก็เป็นอันตรายสำหรับคนนอกพื้นที่ได้
พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ ‘เสียงเรียกของวายุ’ มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลวังน้ำวนนี้
อามูร์และกิลเบิร์ตต้องการลงทุนในทะเลที่ไร้ประโยชน์นี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม คาร์ลเหลือบมองอามูร์ที่กำลังเอ่ยด้วยสีหน้าที่ผิดแปลกไปจากเดิม
“ข้าเชื่อว่าพวกเรา...จะได้รับผลตอบรับที่ดี”
“คุณหนูอามูร์....”
“มีอะไรหรือนายน้อยคาร์ล?”
คาร์ลคิดว่าคงไม่ดีหากเขาจะให้ความช่วยเหลือแก่อีริค กิลเบิร์ตและอามูร์ ซึ่งทุกวันนี้พวกเขาตั้งใจทำงานราวกับพวกเขาคือสัตว์อสูรที่อยู่ภายใต้การปกครองของพวกตน อีกทั้งพวกเขายังต้องการความสมดุลทางอำนาจให้เกิดแก่ขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและอามูร์ก็ดูเหมือนเป็นคนที่จะสามารถเก็บความลับได้เป็นอย่างดี
“ข้าเชื่อว่า....องค์ชายรัชทายาทจะสนใจการลงทุนในครั้งนี้”
“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”
อามูร์เห็นด้วยกับสิ่งที่คาร์ลพูดเพราะองค์ชายรัชทายาททรงจำเรื่องนี้ได้แม้ว่าอีริคจะไม่ได้ยกประเด็นนี้ขึ้นมาก่อนก็ตาม
“ท่านพูดถึงการลงทุนเพื่อการท่องเที่ยวใช่รึเปล่า?”
“ใช่...”
การลงทุนด้านการท่องเที่ยวโดยใช้หน้าผ้าเป็นจุดดึงดูด ในความเห็นของคาร์ลมันเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์แบบ เขาขยับตัวเข้าใกล้อามูร์ก่อนก้มลงกระซิบบางอย่าง
“ถ้าการลงทุนของท่านในครั้งนี้มันคือความสิ้นหวังล่ะ?....ข้าคิดว่ามันจะเป็นการดีสำหรับท่านมากกว่าหากท่านจะนึกถึงประโยชน์ของชายฝั่งทะเลของท่านต่ออาณาจักรวิปเปอร์และอาณาจักรอื่นๆทางตอนเหนือของทวีป”
“อะไรนะ?”
คาร์ลยักไหล่ของเขาเมื่อเห็นอามูร์มีท่าทางสับสนพลางกล่าวเพิ่มเติมทันที
“แน่นอน...มันจะเป็นการดีสำหรับท่านหากท่านจะเก็บสิ่งที่ข้าพูดไว้เป็นความลับ”
“......ข้าจะจำคำที่ท่านบอกแก่ข้าไว้”
คาร์ลพอใจกับท่าทางของอามูร์ที่เหมือนจะมีข้อสงสัยแต่เลือกที่จะปิดปากของตนเอาไว้ไม่เอ่ยถามสิ่งใดออกมา คาร์ลก้าวขึ้นรถม้าและโบกมือให้อามูร์ก่อนที่เธอจะก้มหัวลงเล็กน้อยให้กับการโบกมือลาของคาร์ล
คาร์ลเอ่ยกับรอนเมื่อปิดประตูรถม้าลงเรียบร้อยแล้ว
“ไปกันเถอะ”
“ขอรับนายน้อย”
รถม้าเริ่มเคลื่อนตัวออกจากบริเวณพระราชวังในเวลาต่อมา คาร์ลมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าและเห็นอามูร์ยังยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนที่เขาจะเริ่มนึกชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ
หากเทียบกับชายฝั่งทะเลทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือจะประกอบไปด้วยหาดทรายสวยงามในขณะที่ชายฝั่งทะเลในเขตพื้นที่ของอามูร์และกิลเบิร์ตนั้นจะมีความซับซ้อนของเกาะเล็กๆมากมายทั่วชายฝั่ง นอกจากนี้พื้นที่โดยรอบยังรายล้อมไปด้วยหน้าผาที่แหลมคม มีเพียงไม่กี่แห่งในชายฝั่งที่สามารถจอดเรือได้อย่างปลอดภัย แน่นอนว่าชาวประมงในแถบพื้นที่นี้มีความเชี่ยวชาญในการหลีกเลี่ยงจากบริเวณที่เกิดวังน้ำวนและสามารถออกหาปลาได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีปัญหาใดๆ
‘จากความสงบสุขที่มีมาอย่างยาวนานในพื้นที่ทำให้พวกเขาคิดถึงเพียงแค่การท่องเที่ยวและเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆบริเวณชายฝั่งเท่านั้น’
แต่องค์ชายรัชทายาทคือผู้ที่รู้ว่าความสงบที่มีมาอย่างยาวนานในแถบชายฝั่งนี้กำลังจะจางหายไปในอีกไม่นาน
‘สิ่งที่ฉันต้องทำคือการไปรับพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนั้นมาให้ได้ก่อนที่ผู้ฆ่านักเวทย์จะได้มันไปครอบครอง’
คาร์ลตัดสินใจที่จะไม่คิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป คืนนั้นมีรายงานอยู่สองเรื่องที่เขาได้รับแจ้งเมื่อกลับไปถึงที่พักของตน
“เราพบระเบิดพลังเวทย์ทั้งหมดสี่ลูกขอรับ...”
ในนิยายมีระเบิดพลังเวทย์ห้าลูกที่ถูกติดตั้งตามสถานที่ต่างๆแตกต่างกันออกไปและอีกห้าลูกที่ติดตั้งอยู่กับร่างกายของชาวเมือง
“พวกมันทั้งหมดอยู่รอบๆจัตุรัสกลางเมืองขอรับ”
คาร์ลยื่นมือออกไปหาเชวฮันโดยทันที
“แสดงแผนที่ให้ข้าดู....”
เชวฮันปลีกตัวออกมาจากมังกรดำที่ยังคงอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่มีการติดตั้งระเบิดพลังเวทย์และกลับมาเพียงลำพังดูเหมือนว่าเขาจะรีบวิ่งกลับมาเพราะยังคงมีเหงื่อผุดเต็มใบหน้าของเขาในตอนนี้
“พวกเราเจอระเบิดพลังเวทย์หนึ่งลูกและวิ่งค้นหาไปรอบๆบริเวณเพื่อให้มังกรดำในอ้อมแขนของกระผมได้มองทุกจุดอย่างถี่ถ้วนก่อนจะจบลงด้วยการค้นเจอระเบิดพลังเวทย์อีกสามลูกแต่ก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติมอีก...กระผมแน่ใจว่ามันอาจจะมีที่อื่นอีกนอกเหนือจากจัตุรัสกลางเมืองนั่นแต่ก็ไม่พบสิ่งใดเพิ่มเติม”
“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเพราะทุกอย่างจะยังคงปลอดภัยจนกว่าจะถึงวันงานเฉลิมฉลองในอีกสองวัน”
“แต่มันจะเป็นการดีกว่าที่จะกำจัดสิ่งที่เป็นอันตรายเช่นนั้นลงก่อนนะขอรับ!”
“มาขโมยพวกมันในตอนเช้าของวันงานเฉลิมฉลองกันเถอะ”
“......อะไรนะขอรับ?”
คาร์ลรู้เกี่ยวกับวิธีที่ผู้พัฒนาระเบิดพลังเวทย์จะส่งสัญญาณไปยังพวกมันเพื่อให้พวกมันระเบิดขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่มีพลังเวทย์ในระดับที่สูงอย่างมังกรดำหรือโรสลินก็สามารถตัดสัญญาณการเชื่อมต่อระหว่างผู้ที่คิดค้นพัฒนาระเบิดพลังเวทย์และตัวระเบิดพลังเวทย์เอง แม้ว่าจะใช้เวลาอีกสักพัก นั่นคือวิธีเดียวกกับที่โรสลินได้ทำลายระเบิดพลังเวทย์ที่ถูกติดตั้งอยู่ในตัวชาวเมืองตามเนื้อหาในนิยาย
‘ต้องทำในวันที่มีการจัดงานเฉลิมฉลองเท่านั้น’
นั่นเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้นักเวทย์เล่นเลือดคิดว่าทุกอย่างกำลังดำเนินการไปได้ด้วยดี
“ขโมยพวกมัน?....เราจะไม่ทำลายพวกมันเช่นนั้นหรือขอรับ?”
คาร์ลส่งแผนที่กลับไปให้เชวฮันที่ยังคงมีท่าทางสับสนและเอ่ยขึ้น
“ทำไมเราจะต้องทำลายสิ่งที่มีประโยชน์เช่นนี้ด้วย....”
แม้ว่าจะไม่สามารถนำระเบิดพลังเวทย์ไปใช้ได้แต่พลังเวทย์ที่บรรจุอยู่ภายในระเบิดเล่านี้นับเป็นวัตถุดิบที่มีประโยชน์
“ข้าจะใช้มันเพื่อตัวเอง”
เชวฮันคิดว่ารอยยิ้มของคาร์ลนั้นแฝงไปด้วยความขี้โกงและเจ้าเล่ห์ คาร์ลยังคงพูดกับเชวฮันที่ยอมทำตามแผนของเขาด้วยความสับสนอยู่
“ค้นหาต่อไปเพราะอาจมีมากกว่านี้...ตรวจสอบดูหลายๆครั้งเพื่อดูว่าตำแหน่งที่ติดตั้งระเบิดพลังเวทย์เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่?”
เชวฮันและมังกรดำจะต้องซ่อนตัวรอบๆจัตุรัสกลางเมืองและทำการค้นหาต่อไป มันอาจจะเป็นเรื่องยุ่งยาก น่าเบื่อและต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเกิดขึ้นในใจของพวกเขาแต่มันไม่ใช่สิ่งที่คาร์ลกำลังจะลงมือทำด้วยตนเองเช่นกัน
คาร์ลมองไปยังออนและฮงที่สะดุ้งตื่นจากการงีบหลับก่อนจะเริ่มตั้งท่านอนหลับอีกครั้ง
“ถึงเวลาให้ค่าจ้างแก่พวกเจ้าทั้งสองแล้ว”
ก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยกับเชวฮันด้วยเช่นกัน
“ไปทำงานเถิด”
ลูกแมวน้อยสองตัวขยี้ตาของพวกมันอย่างอ่อนเพลียพร้อมทั้งเชวฮันก็ออกไปทำงานตามคำสั่งของคาร์ลที่ได้มอบหมายไว้ให้ คาร์ลมองดูเชวฮันและลูกแมวสองตัวกระโดดลงจากระเบียงห้องของเขาพลางยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มหลังจากที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มเมื่อครั้งอยู่ในพระราชวังก่อนจะเข้านอนและหลับไปในที่สุด
มีข้อมูลชิ้นหนึ่งถูกส่งมาถึงคาร์ลในขณะที่เขาหลับอยู่และคาร์ลสามารถทราบข่าวนี้ได้ทันทีหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมา
บิลอสเดินทางถึงเมืองหลวงในวันนี้แล้วและเป็นวันก่อนจัดงานเฉลิมฉลองวันพระราชสมภพของพระราชาหนึ่งวัน คาร์ลรีบเดินทางไปยังโรงแรมเพื่อจะไปพบบิลอสโดยทันที
มันเป็นสถานที่ที่มีเด็กๆจากเผ่าหมาป่าสิบคนพักอยู่ แน่นอนว่าออน ฮงและล็อกได้เดินทางไปยังโรงแรมพร้อมเขาเช่นกัน เขานึกถึงสิ่งที่ล็อกพูดและเอ่ยถามโดยทันที
“เจ้าต้องการให้ข้าดูแลน้องๆของเจ้างั้นรึ?”
“ใช่...นั่นเป็นเงื่อนไขสำหรับข้อตกลงของข้า”
“แล้วเจ้าจะทำสิ่งใดให้แก่ข้าได้บ้าง?”
“ไม่ใช่แค่เพียงข้าเท่านั้นที่จะทำได้....”
ล็อกเอ่ยตอบคาร์ลอย่างไม่ลังเลใจ
“ถ้าไม่ใช่แค่เจ้า...แล้วใคร?”
“เหล่าน้องๆของข้าจะทำมันร่วมกับข้า....เราจะแข็งแกร่งมากกว่าเดิมหากทำงานเป็นทีม”
คาร์ลรู้สึกว่าทั่วแผ่นหลังและศีรษะของเขานั้นเย็นวาบขึ้นโดยอัตโนมัติ
‘ไม่มีทาง’
ล็อกยังคงโหดเหี้ยมไร้ความปราณีเขายังกระหน่ำทำร้ายจิตใจของคาร์ลเพิ่มอีก
“เผ่าหมาป่าสีน้ำเงินมีประวัติอันยาวนานในการเป็นนักรบผู้แข็งแกร่ง..ประวัติศาสตร์ได้กล่าวว่า...”
“พอ!....มันไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องรู้”
คาร์ลหันหน้าหนีออกจากล็อคซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามเขาในรถม้าโดยทันที