บทที่ 40 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 1 (1) [อ่านฟรี]
บทที่ 40 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 1 (1)
คาร์ลส่งยิ้มอ่อนโยนให้แก่องค์ชายรัชทายาทพลางครุ่นคิดในหัวของตน
‘ไม่รู้......ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น’
มังกรดำยังคงถามลากยาวเกี่ยวกับการที่มังกรจะใช้พลังเวทย์ของพวกมันช่วยเหลือมนุษย์ที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ไปทำไมและไม่มีทางที่มันจะทำเช่นนี้กับมนุษย์อ่อนแอคนไหนเช่นกัน คาร์ลพยายามที่จะไม่ใส่ใจฟังในสิ่งที่มันพูดออกมา
~ หืม?..นัยน์ตาดำของเขาก็ถูกเปลี่ยนสี.....คนอ่อนแอคนนี้กำลังวางแผนอะไรบางอย่างไว้แน่ๆ?....เจ้ามนุษย์อ่อนแอเจ้าต้องระวังตัวไว้นะ~
‘หากเจ้าจะหยุดพูด...ฉันคิดว่าฉันยังคงสบายดี’
~ หืม?.....คนคนนี้ไม่ได้อ่อนแอ!.....เจ้ามนุษย์อ่อนแอเจ้าต้องระวังตัวให้มากขึ้นนะ...เจ้าอาจตายได้~
‘ให้ตายเถอะ!’
คาร์ลเริ่มหวาดผวาต่อเจ้ามังกรดำเป็นครั้งแรกซึ่งมันยังมัวแต่พล่ามเรื่องที่ไร้ประโยชน์อยู่ในตอนนี้ในขณะเดียวกันคาร์ลก็เริ่มนึกเนื้อหาในนิยายอย่างรวดเร็ว
พระมารดาขององค์ชายรัชทายาทไม่ใช่พระราชินีเธอเป็นเพียงนางสนมเท่านั้นแต่เดิมเธอเป็นเพียงข้ารับใช้ในพระตำหนักของพระราชินีองค์ปัจจุบันซึ่งเป็นพระมารดาขององค์ชายสาม พระมารดาขององค์ชายรัชทายาทถูกกล่าวถึงเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ที่มีเงื่อนงำเมื่อครั้งที่องค์ชายรัชทายาทยังทรงพระเยาว์อยู่
คาร์ลเริ่มคิดถึงสิ่งที่เป็นไปได้เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของพระมารดาองค์ชายรัชทายาท
องค์ชายรัชทายาทเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่งแต่ทำไมมังกรดำกลับพูดว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ที่อ่อนแอ แม้แต่ในนิยายเชวฮันก็ยังตัดสินว่าองค์ชายรัชทายาทเป็นเพียงคนธรรมดาๆเท่านั้น ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าเขากำลังซุกซ่อนอะไรบางอย่างอยู่และมังกรดำหามันเจอได้อย่างไร?
‘ไม่...ไม่เลย...ต่อให้เขาจะซุกซ่อนอะไรไว้ก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉันสักหน่อย’
คาร์ลไม่ได้ฟังสิ่งที่มังกรดำกำลังบ่นพึมพำอยู่แต่มันก็มีบางอย่างที่น่าสนใจเป็นอย่างมากเนื่องจากมังกรดำยังคงพูดเกี่ยวกับองค์ชายรัชทายาท
“.....คาร์ล...ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีท่าทางที่เหมือนข้านะ”
องค์ชายรัชทายาทกำลังตรัสอะไรบางอย่างแต่คาร์ลที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการคิดถึงเรื่องต่างๆในหัวของตนจึงเอ่ยตอบอย่างไม่เป็นทางการนัก
“การได้รับคำชมจากองค์ชาย....นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของหม่อมฉันแล้วพะย่ะค่ะ”
องค์ชายรัชทายาทปล่อยมือออกจากคาร์ลทันทีราวกับมีเรื่องที่เป็นกังวลใจ คาร์ลไม่ได้สังเกตเห็นความกังวลใจนั้นขององค์ชายรัชทายาทแล้วก้าวถอยหลังไปโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกมันเป็นเรื่องที่ง่ายที่จะใช้อีริคเป็นเกราะป้องกันเมื่อสิ่งต่างๆเริ่มมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
องค์ชายรัชทายาทลอบสังเกตอาการของคาร์ลด้วยความสงสัยก่อนจะหันกลับมามองอีริค
อีริคเริ่มพูดคุยกับองค์ชายรัชทายาทอีกครั้งในขณะที่คาร์ลลอบเฝ้ามองพวกเขาและเริ่มครุ่นคิด
‘.......มีเหตุผล’
มีเหตุผลที่องค์ชายรัชทายาทต้องระวังองค์ชายรองและองค์ชายสามทั้งยังเป็นเหตุผลว่าทำไมพระราชาทรงโปรดปรานองค์ชายสามมากกว่า คาร์ลสามารถคาดเดาเรื่องนี้ได้ทั้งหมด
‘เขาไม่ใช่พระโอรสที่แท้จริงของพระราชาหรืออาจมีความลับอะไรบางอย่างต่อชาติกำเนิดของเขา?’
ใจของคาร์ลหวนกลับไปนึกถึงละครเมื่อตอนที่เขาเป็น‘คิมร็อกโซ’อยู่ เขาได้มีโอกาสดูละครเรื่องนี้ตอนที่เขาทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่งเมื่อครั้งที่เรียนจบชั้นมัธยม
องค์ชายรัชทายาท ‘อัลเบิร์ก คอสแมน’ ก็นับเป็นตัวเอกของละครเรื่องนี้ได้เช่นกัน
คาร์ลเลือกที่จะยืนกรานกับตัวเองอีกครั้ง
‘นิ่งๆเข้าไว้....อยู่เฉยๆไว้...ไม่ต้องสนใจ’
เขาจะยังคงอยู่นิ่งๆในพระราชวังแห่งนี้และได้ตัดสินใจว่าจะไม่ค้นหาสิ่งอื่นอีกต่อไป
คาร์ลได้รักษาสัญญาที่ให้ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ในวันนี้เขาไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เลยและนั่นทำให้มีขุนนางจากภูมิภาคอื่นๆซึ่งไม่เคยพบเขามาก่อนได้เข้ามาเพื่อพูดคุยกับเขาอย่างใกล้ชิด คาร์ลมองไปที่อีริคทุกครั้งที่มีขุนนางเหล่านี้เข้าหาและอีริคก็สามารถทำหน้าที่ของเขาได้เป็นอย่างดี
หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเขาประมาณ 2-3 ครั้ง คาร์ลก็พึมพำกับตัวเองอบ่างเงียบๆ
“โอ้! นี่มันเป็นสิ่งที่ดีมาก”
กิลเบิร์ตและอามูร์สะดุ้งขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงบ่นพึมพำอย่างเงียบๆของคาร์ลและเริ่มพูดคุยกันผ่านสายตาของพวกเขาทั้งคู่
‘นี่มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรใช่มั้ย?’
‘นั่นสิ?’
พวกเขาสองคนพยายามขยับออกห่างจากอีริคและคาร์ลเล็กน้อย อย่างไรก็ตามคาร์ลได้หันไปมองอามูร์ทำให้เธอต้องหยุดการเคลื่อนไหวเพื่อขยับไปทางด้านหลังของตนทันทีเมื่อได้สบตาเข้ากับคาร์ล
“คุณหนูอามูร์...มีอีกเรื่องหนึ่ง”
“หืม?”
“ข้าได้ยินว่าบริเวณชายฝั่งทะเลในอาณาเขตของท่านมีความสวยงามมาก...เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
“แน่นอน!...หน้าผาที่มองเห็นชายฝั่งมีความสวยงามเป็นยิ่งนัก”
‘สวยตูดแกนะสิ!....’
คาร์ลนึกถึงเรื่องเกี่ยวกับหน้าผาและวิธีการที่ค่อนข้างยากในการครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ ‘เสียงเรียกของวายุ’ ตามเนื้อหาในนิยาย พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้จะถูกค้นพบจากผู้ที่ไม่ใช่นักเวทย์จากอาณาจักรวิปเปอร์
แม้ว่ามันเป็นเรื่องแปลกที่คนจากอาณาจักรวิปเปอร์ได้เป็นผู้ครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณของอาณาจักรโรมันแต่มันก็มีเรื่องราวเบื้องหลังที่ยาวนานเช่นกัน
พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ‘เสียงเรียกของวายุ’นี้ตกอยู่ในมือของผู้ฆ่านักเวทย์ที่โหดเหี้ยมไร้ความปราณีเขาจะปรากฏตัวในช่วงครึ่งหลังของสงครามกลางเมือง เขาแข่งแกร่งมากพอที่จะไม่นำพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้มาใช้ประโยชน์แก่ตัวเองมากเกินไป
‘หอคอยพลังเวทย์จะล่มสลายในไม่ช้า’
หลังจากสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลงจะมีการสร้างหอคอยพลังเวทย์ขึ้นแห่งใหม่บริเวณด้านข้างของหอคอยพลังเวทย์ที่ล่มสลายไปและโรสลินจะเป็นผู้ดูแลหอคอยพลังเวทย์แห่งใหม่นี้
‘เชวฮัน ผู้ฆ่านักเวทย์และองค์ชายรัชทายาท’
คนทั้งสามคนนี้จะปรากกฎตัวขึ้นเพื่อเป็นวีรบุรุษของเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตอนกลางของทวีปตะวันตก ในนิยายเรื่องนี้ยังกล่าวถึงราชินีที่ครองพื้นที่ป่าทางตอนใต้ของทวีปตะวันตกที่จบลงด้วยการเข้ามามีส่วนร่วมในการรวมตัวกันของอาณาเขตทางตอนใต้ของทวีปได้อย่างไรอีกด้วย
องค์กรลับที่ถูกจัดตั้งขึ้นและถูกเชวฮันบุกเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้ทวีปนี้ถูกทำลายสันติภาพที่มีมาอย่างยาวนานถึง 200 ปีลงในที่สุด มันเริ่มมีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจเกิดขึ้นไปทั่วทวีปนี้
คาร์ลมองไปยังอีริคผู้ที่กำลังจัดการทุกอย่างให้แก่เขา ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาบนผนังในห้องโถงอีกครั้ง งานในวันนี้จะเสร็จสิ้นในไม่ช้านี้แล้วและแน่นอนว่าเหล่าขุนนางกำลังรอเวลาในการสนทนากับองค์ชายรัชทายาทที่จะเกิดขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นจากอาหารมื้อนี้เช่นกัน
‘ไม่มีธุระของฉัน’
มันไม่มีธุระที่เกี่ยวข้องกับคาร์ลเลย
“นายน้อยกิลเบิร์ต....ข้าสามารถออกไปจากที่นี่หลังจากมื้ออาหารนี้จบลงใช่มั้ย?”
กิลเบิร์ตมองไปที่คาร์ลซึ่งกำลังทานผลไม้อย่างสบายใจก่อนที่เขาจะพยักหน้าตอบรับกับคำถามของคาร์ล
“ใช่...พวกเราวางแผนที่จะไปพบกับองค์ชายรัชทายาทเป็นการส่วนตัวหลังจากจบมื้ออาหารนี้...แต่ท่านอาจไม่อยากไปกับเราใช่หรือไม่?”
“ถูก...ข้าจะไปทำอะไรที่นั่นล่ะ?...พวกท่านสามคนจะไปพูดคุยเกี่ยวกับข้อมูลการลงทุนกันไม่ใช่รึไง?”
ท่าทางของกิลเบิร์ตเปลี่ยนไปหลังจากได้ยินคำพูดของคาร์ลดูเหมือนว่าเขาจะแปลกใจเล็กน้อย
“......ท่านอ่านเอกสาร”
“นิดหน่อย”
คาร์ลตอบอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนที่จะหันไปมองยังตำแหน่งที่องค์ชายรัชทายาทประทับอยู่ในตอนนี้พระองค์ได้ลุกขึ้นจากพระที่นั่งของตน องค์ชายรัชทายาทกำลังจะประกาศสิ้นสุดการรับประทานอาหารในมื้อนี้แล้ว คาร์ลไม่ได้สนใจที่จะหาเหตุผลที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมในวันนี้แต่เขาก็ไม่ได้ผิดหวังเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนั่นอาจเป็นเพราะว่าเขาจะไม่ต้องจมความคิดของตนอยู่กับเรื่องนี้อีกต่อไปอีก
แต่คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วมุ่นหลังจากได้ยินประโยคที่องค์ชายรัชทายาทตรัสออกมา
“มันเป็นความสุขใจของข้ายิ่งนักที่ได้ร่วมรับประทานอาหารกับพวกเจ้าทุกๆคนในวันนี้...ข้าได้เตรียมงานเลี้ยงไวน์เล็กๆสำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมหลังจากนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว...ดังนั้นโปรดเพลิดเพลินให้เต็มที่...อ้อ!..ข้ายังได้เตรียมสถานที่สำหรับทุกคนในงานฉลองวันเกิดที่กำลังจะมาถึงนี้อีกด้วย”
องค์ชายรัชทายาทตรัสทุกอย่างนี้ออกมาด้วยความพึงพอใจเป็นยิ่งนัก
“ข้าหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะมีส่วนร่วมในความสุขของข้าในวันนั้นเช่นกัน”
‘เฮ้อ...’
คาร์ลลอบถอนหายใจออกมา แม้ว่าองค์ชายรัชทายาทจะตรัสใช้คำ ‘หวังว่า’ในการให้พวกเขาอยู่ที่นั่นแต่ความหมายของมันก็คือการบังคับให้พวกเขาอยู่ที่นั่นกันทุกคนต่างหาก
‘......ฉันคิดว่า...ฉันคงต้องอยู่ในจัตุรัสเมื่อครั้งที่มันมีระเบิดด้วยสินะ’
แม้ว่ามันจะเป็นไปตามที่คาร์ลได้คาดไว้แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่ชอบมันอยู่ดี
“เอาล่ะ!...อาหารมื้อเย็นในมื้อนี้ก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้แล้ว..ขอบคุณพวกเจ้าทุกคนเป็นยิ่งนัก”
คาร์ลลุกขึ้นยืนจากที่นั่งของตนเอง ขุนนางส่วนใหญ่ที่มาในวันนี้ต้องการเข้าร่วมเลี้ยงดื่มไวน์กับองค์ชายรัชทายาทพร้อมทั้งองค์ชายรองและองค์ชายสามแต่ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ร่วมงานนี้ก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปร่วมได้แม้ว่าพวกเขาปรารถนาจะทำเช่นนั้นก็ตาม
คาร์ลเหลียวไปมองรถเข็นของเทย์เลอร์ซึ่งมีเคจเป็นคนผลักรถเข็นให้เคลื่อนผ่านหน้าเขาไปอย่างช้าๆก่อนที่จะได้ยินเสียงกระซิบเบาๆจากเคจแว่วผ่านเข้ามาในหูของตน
“น้องชายของเรา.....แล้วค่อยเจอกันใหม่”
‘ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้อยากเป็นน้องชายของพวกเธอเสียหน่อย....’
สายตาที่สื่อออกมาของคาร์ลแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกของเขาได้อย่างชัดเจนแต่เคจกลับแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจและยังคงมุ่งหน้าไปหาองค์ชายรัชทายาทด้วยท่วงท่าของนักบวชผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาและความบริสุทธิ์ของนักบวชที่พึงมี
“นายน้อยคาร์ล....เดี๋ยวข้าจะเดินออกไปส่งท่านยังรถม้าเอง”
“คุณหนูอามูร์”
อามูร์ขยับเข้าใกล้คาร์ลเพื่อเสนอตัวเดินออกไปส่งคาร์ลยังรถม้าด้านนอกพระราชวัง คาร์ลมองไปยังเส้นผมสีเขียวของอามูร์ เขายังคงมีท่าทางสงบแต่ก็ดูรู้ทันก่อนเอ่ยถามอามูร์อย่างจงใจ