ตอนที่ 174 การกระทำที่รุนแรงของเฟิงหลัว
หลิงฮันเดินไปเปิดประตูและเห็นจูเซว่อวี่อยู่ที่ประตู ในขณะนั้นนางอยู่ในสภาพที่วิตกกังวลและตื่นตระหนก
"พี่ใหญ่หลิง!" จูเซว่อวี่กล่าวทักทายออกมาทันทีและจ้องมองไปที่หลิงฮัน ทันใดนั้น ความกังวลของนางเริ่มผ่อนคลายลง
"เกิดอะไรขึ้น?" หลิงฮันถาม
"หลี่เฮ่าถูกไล่ออกจากสำนักแล้ว!" จูเซว่อวี่กล่าวด้วยความเกรี้ยวกราด
"อะไรนะ!?"หลิงฮันขมวดคิ้ว "เขาก่อความผิดหรือไม่?"
"ไม่" จูเซว่อวี่ส่ายหน้าและกัดฟันพูดออกมาว่า "มันเป็นเพราะเฟิงหลัว! มันพาเขาไปหาอาจารย์ของสำนักและขับไล่หลี่เฮ่าออกจากสำนักโดยไม่มีเหตุผล! มันยังกล่าวอีกว่ามันเป็นเพราะหลี่เฮ่าเป็นสหายของพี่ใหญ่หลิง!"
ทันใดนั้น สายตาของหลิงฮันแหลมคมเหมือนดาบ และความโกรธเริ่มปะทุขึ้นมาอยู่ในใจของเขา
"เฟิงหลัวมันชักจะเกินไปแล้ว มันมีลูกสมุนของมันทำให้หลี่เฮ่าได้รับบาดเจ็บและบังคับให้เขายอมรับผิด และอาจารย์ของสำนักทำตัวราวกับว่าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น! เมื่อข้าเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเริ่มเลวร้ายลง ข้าจึงรีบมุ่งหน้ามาหาพี่ใหญ่ทันทีและหวังว่าท่านจะมอบความยุติธรรมให้กับหลี่เฮ่า!" จูเซว่อวี่กล่าวพร้อมกับร้องไห้ออกมา
ถ้าเขาถูกไล่ออกจากสำนักจริง เช่นนั้นหลี่เฮ่าคงจะเดินเชิดหน้าชูตาไม่ได้อีกครั้งเมื่อเขากลับมา ยิ่งไปกว่านั้น มันมีแนวโน้มว่าอนาคตของเขาจะถูกจำกัด
หลิงฮันเผยให้เห็นถึงความโกรธเกรี้ยวด้วยท่าทีของเขา เขาไม่เคยคิดเลยว่าเฟิงหยางและน้องของมันจะแก้แค้นของด้วยวิธีนี้ และมันไม่เกรงกลัวต่อเขาเลย ในฐานะที่เป็นจอมยุทธ มันจะเป็นไปได้ไหมที่เขาจะไม่รุกรานชีวิตของผู้อื่นในชีวิตของเขา?
แต่เฟิงหลัวมันกล้ามากที่เพ่งเป้าไปที่สหายของเขา นั่นมันเป็นเรื่องที่ไร้ยางอายมาก!
ไม่ว่าจะมีเรื่องกัน สมาชิกครอบครัวและเพื่อนไม่ควรลูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นั่นเป็นกฎที่ไม่ได้ถูกเขียนไว้ของจอมยุทธ เว้นเสียแต่ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับความตายที่ไม่สามารถลบล้างได้ เช่นนั้นจะมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น ถอนรากถอนโคลนตระกูลของมันหรือแม้แต่คนที่เคยมีความสัมพันธ์เล็กน้อยกับมันด้วย ความขัดแย้งระหว่างเขาและเฟิงหลัวอย่างมากที่สุด มันเป็นเพียงแค่ความขัดแย้งเล็กน้อยเท่านั้น
"พาข้าไปหาพวกมัน!"หลิงฮันกล่าวอย่างเคร่งขรึม
จูเซว่อวี่รู้สึกยินดีและรีบนำทางหลิงฮันไปยังที่พักของหลี่เฮ่า นางเคยเห็นองค์ชายสามและแขกของเขาปฏิบัติกับหลิงฮันอย่างไรในศาลาบุปผางาม ดังนั้นนางจึงเชื่อมั่นว่าถ้าหลิงฮันเป็นคนจัดการทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย
พวกเขาทั้งสองรีบมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว และในไม่ช้าพวกเขาได้มาถึงที่พักของศิษย์ ที่นี่คือที่อยู่อาศัยของศิษย์ทั่วไป มันแตกต่างจากศิษย์แท้จริงที่มีลานเป็นของตัวเอง และมีศิษย์ทั่วไปไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีลานใช้ร่วมกัน ซึ่งมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับศิษย์แท้จริง
เฟิงหลัวได้กลับมาแล้วและทำตัวหยิ่งยโสมาก มันไม่พยายามที่จะปกปิดการกระทำของมันเลย ในทางกลับกัน มันไม่ต้องการอะไรเลยนอกจากแจ้งให้ทุกคนในสำนักรู้เรื่องของมัน เพื่อให้พวกเขารู้ว่ามันเป็นคนที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน
ดังนั้น จึงมีผู้คนจำนวนมากกำลังเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางคนรู้สึกเห็นใจ บางคนรู้สึกสมน้ำหน้ากับความโชคร้ายของหลี่เฮ่า ส่วนที่เหลือไม่รู้สึกอะไรเลย แวดวงใดก็ได้มันสามารถที่จะแสดงแง่มุมต่างๆของธรรมชาติของมนุษย์ได้
ใจกลางกลุ่มฝูงชน ทั่วทั้งร่างกายของหลี่เฮ่าถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผลและนอนกองอยู่บนพื้น เท้าข้างหนึ่งของเฟิงหลัวกำลังเหยียบย่ำไปที่ใบหน้าของหลี่เฮ่า และนิ้วมือของหลี่เฮ่ากำลังจิกเข้าไปในพื้นดิน มันเห็นได้ชัดว่าเขาโกรธแค้นแค่ไหน
ดวงตาของหลิงฮันเริ่มเยือกเย็นเหมือนกับดาบน้ำแข็ง ขณะที่เขาย่างก้าวไปข้างหน้า บรรดาคนที่อยู่รอบข้างสามารถรับรู้ได้ถึงความโกรธเกรี้ยวของเขาได้ พวกมันจึงหันไปมองและเมื่อพวกมันเห็นสีหน้าที่เยือกเย็นของหลิงฮัน พวกมันก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว และเปิดทางให้เขาเดินผ่านไป
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีศิษย์ที่อยู่ระดับก่อเกิดธาตุอยู่ที่นี่ด้วย พวกมันทั้งรู้สึกประหลาดใจและสับสนว่าทำไมพวกมันถึงหวาดกลัวต่อศิษย์ร่วมสำนักที่อยู่ระดับรวมธาตุ
ฝูงชนแยกออกจากกันเหมือนกับสายน้ำและเส้นทางไปยังใจกลางกลุ่มฝูงชนได้ปรากฏขึ้นมา
เฟิงหลัวหันหน้าของมันไปมองทันทีและสังเกตเห็นว่ามันคือหลิงฮัน ความหยิ่งโยสได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมัน มันยิ้มเยาะเย้ยออกมาและพูดว่า "หลิงฮัน เจ้าเห็นหรือไม่ ข้ากลับมาแล้ว!"
หลิงฮันไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงแค่เดินหน้าต่อไปโดยที่ไม่หยุดชะงัก
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้ารู้สึกไม่พอใจรึ? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน! ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกไม่พอใจมากขึ้นไปอีก!"เฟิงหลัวยิ้มออกมาอย่างเย็นชาและใช้เท้าของมันลูบหน้าของหลี่เฮ่าไปมาอยู่หลายครั้ง "นี่คือสหายของเจ้า? หากเป็นเช่นนั้นข้าต้องขอโทษเจ้าจริงๆ ข้าทำทุกอย่างไปด้วยความตั้งใจ!
"อย่าพูดว่าข้าไม่ได้ให้โอกาสมัน" เฟิงหลัวยักไหล่และพูดต่อว่า "ข้าบอกมันแล้วว่าให้ตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และประกาศการกระทำที่ชั่วร้ายและความผิดของเจ้าทั้งหมดที่เจ้าได้ทำไปในที่สาธารณะ จากนั้นข้าก็จะปล่อยมันไป แต่ใครจะไปรู้ว่าเจ้าเด็กเหลือขอนี่จะดื้อรั้นและโง่เขลาขนาดนั้นที่ยังจงรักภักดีต่อเจ้าและไม่ยอมที่จะทรยศเจ้า!
หึ่ม คนที่ข้าเกลียดมากที่สุดคือคนที่โง่เขลาและไร้เหตุผล ดังนั้นข้าจึงตบตีมันจนกว่ามันจะยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง!
อย่าได้กังวล มันไม่มีทางที่โลกใบนี้จะมีแต่คนโง่เขลา ในอนาคต ข้าจะตามตัว หลีตงเย่ จิงหวู่จื้อ และคนอื่นๆ และข้าเชื่อว่าพวกมันคงจะไม่โง่เขลาเท่าเจ้านี่!
เฟิงหลัวหยุดชะงัก และเมื่อมันเห็นสีหน้าที่เยือกเย็นของหลิงฮัน มันรู้สึกดีใจมาก - ยิ่งหลิงฮันโกรธมากเท่าไหร่ มันยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น ในความเป็นจริง มันไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้เหยียบย่ำใบหน้าของหลิงฮันแบบนี้
"ท่าทีของเจ้ามันคืออะไรกัน? เจ้าต้องการเหยียบย่ำใบหน้าของข้า?
น่าเสียดายที่เจ้าจะไม่มีวันได้ทำเช่นนั้น! เพียงแค่เจ้าเหลือบมองดู พี่ชายของข้ามีสี่เทวทูตพิทักษ์ผู้ยิ่งใหญ่และพวกเขาได้มาที่นี่ในฐานะผู้พิทักษ์ของข้า และพวกเขาทุกคนล้วนอยู่ในระดับก่อเกิดธาตุ มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากที่พวกเขาจะมอบความพ่ายแพ้ให้กับเจ้า! ทุกคนที่นี่ล้วนเป็นเหมือนกันหมด ข้าสามารถเอาชนะพวกเจ้าทุกคนได้ และจะไม่มีพวกเจ้าคนใดกล้าที่จะแตะต้องแม้แต่ปลายผมเส้นเดียวบนหัวของข้า!
เข้ามาสิและมอบความพ่ายแพ้ให้กับข้า เจ้ามันก็แค่คนโง่! ถ้าเจ้าเป็นลูกผู้ชายพอ เข้ามาตบตีข้าเลย!"
เฟิงหลัวหัวเราะออกมาเสียงดัง เห็นได้ชัดว่ามันรู้สึกพึงพอใจตัวเองเป็นอย่างยิ่ง และพูดเยาะเย้ยทุกๆคน
สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้หลายคนค่อนข้างรู้สึกโกรธ มันจำเป็นต้องมีกฎระเบียบเพื่อจำกัดการกระทำของทุกคน ด้วยวิธีนี้มันจะมีขีดจำกัดที่พวกเขาสามารถทำได้ ถึงกระนั้นเฟิงหลัวยังกล้าที่จะแหกกฎ มันจะตบตีทุกคนตามที่มันต้องการ แล้วใครจะรู้สึกปลอดภัย?
ยิ่งไปกว่านั้น มันไปเอาความมั่นใจที่มากมายขนาดนั้นมาจากไหน? อย่างแรกต้องรู้ก่อนว่าแม้จะเป็นสมาชิกของตระกูลสาขาของแปดตระกูลใหญ่ยังไม่กล้าที่จะพูดแบบนั้นออกมา และตระกูลจักรพรรดิแห่งแคว้นพิรุณไม่มีทางที่จะพูดแบบนั้นออกมาอย่างแน่นอน เนื่องจากพวกเขาเป็นคนที่เคารพกฎ ดังนั้นพวกเขาจะละเมิดกฎของตัวเองได้อย่างไร?
อะไรถึงทำให้เฟิงหลัวพูดคำพูดพวกนั้นออกมา? อย่างแรกต้องเข้าใจก่อนว่าเฟิงหยานไม่มีค่าอะไรเลยในเมืองจักรพรรดิ แล้วอะไรถึงทำให้มันทำตัวหยิ่งยโสได้ขนาดนั้น
"ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าได้มองข้าแบบนั้น มันทำให้ข้ากลัวจะแย่อยู่แล้ว!"เฟิงหลัวจงใจทำให้ตัวเองดูหวาดกลัว แต่แล้วสีหน้าของมันก็ดูเคร่งขึมและเหยียบย่ำหลี่เฮ่า "บัดซับ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน?เจ้าเป็นเพียงแค่สุนัขอันต่ำต้อยจากเมืองหมอกเมฆา และเจ้ายังกล้าทำตัวสูงส่งต่อหน้าข้าอีกรึ?
วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารับรู้ว่าการต่อต้านข้านั้นเป็นทางเลือกที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตของเจ้า!
ข้าอยากให้เจ้าดูเพื่อนของเจ้าเป็นตัวอย่าง เพราะมันมีความสัมพันธ์กับเจ้า ข้าจะทำให้มันแขนขาพิการและจะทำให้มันพิการไปตลอดชีวิต!"
หลังจากพูดจบ แขนของมันได้หยิบจับดาบและดวงตาของมันจับจ้องไปที่แขนขวาของหลี่เฮ่า เห็นได้ชัดว่ามันต้องการที่จะตัดแขนของหลี่เฮ่า สำหรับมือกระบี่แล้วแขนที่ใช้จับกระบี่ถูกตัดนั่นหมายความว่าเขาจะต้องกลายเป็นคนพิการอย่างแน่นอน
ทุกคนรู้สึกตกใจ นี่คือสำนักหู่หยาง และเห็นได้ชัดว่ามีอาจารย์อยู่ที่นี่ แต่เฟิงหลัวยังกล้าที่จะทำตัวอุกอาจอย่างรุนแรงในที่สาธารณะต่อหน้าทุกคน เป็นไปได้หรือไม่ว่าตระกูลเฟิงของมันกลายเป็นเจ้าของสำนักแล้ว?
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!" เฟิงหลัวหัวเราะออกมาเสียงดัง มันยกดาบของมันขึ้นและฟาดฟันลงมา
"หลี่เฮ่า!" จูเซว่อวี่กรีดร้องออกมาด้วยความโศกเศร้า นางรู้สึกเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ
ฟุบ ในขณะนั้นหลิงฮันเคลื่อนที่ออกไปอย่างรวดเร็วและร่างของเขาได้พุ่งเข้าหาเฟิงหลัว
"ไสหัวไป!"เหล่าชายหนุ่มทั้งสี่คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเฟิงหลัวทุกคนเริ่มเคลื่อนไหว ฝ่ามือทั้งสี่ถูกปล่อยออกมาพร้อมกัน พลังปราณก่อเกิดกลายเป็นคลื่นพลัง และฝ่ามือยักษ์ก็พุ่งเข้าหาหลิงฮัน
พวกมันเป็นจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุ ถึงแม้พวกมันทุกคนจะอยู่เพียงแค่ขั้นแรกก็ตาม อย่างไรก็ตาม ระดับก่อเกิดธาตุก็ยังคงเป็นระดับก่อเกิดธาตุ และเหนือกว่าฝ่ายตรงข้ามที่อยู่เพียงแค่ระดับรวมธาตุอย่างสมบูรณ์ แล้วอีกฝ่ายจะทำอะไรได้ในเมื่อพวกเขามีถึงสี่คน แม้ว่าพวกมันจะไม่ใช้เทคนิควรยุทธในการโจมตี พวกมันก็ยังคงเหนืออกว่าจอมยุทธที่อยู่ระดับรวมธาตุอยู่ดี