ตอนที่แล้วภาค 1 ตอนที่ 16  แผนพิชิตภารกิจอันสมบูรณ์แบบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปภาค 1 ตอนที่ 15 พ่อโง่เง่าของบุตรสาวที่หนีหายไปกับชายอื่น

ภาค 1 ตอนที่ 14 เด็กหนุ่มที่มีความมุ่งมั่นผู้แบกหน้าอกอันแสนหนักไว้ไม่ไหว


 

ตอนที่ 14 เด็กหนุ่มที่มีความมุ่งมั่นผู้แบกหน้าอกอันแสนหนักไว้ไม่ไหว

อาการสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของไห่อวิ๋นฟานตอนเดินออกจากสวนหลังบ้านของผู้นำหมู่บ้านตกอยู่ในสายตาของผู้คนจำนวนมาก ทำให้เกิดการคาดเดาไปต่างๆ นานา

คนเก่งกาจมีพรสวรรค์ที่ผู้คนจับตามองคลายปมภารกิจของผู้นำหมู่บ้านได้ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป ผู้ทดสอบที่รวมกันอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้มีประมาณยี่สิบสามสิบคน และคนส่วนใหญ่ก็ล้วนเคยลองไปเสี่ยงดวงที่บ้านของผู้นำหมู่บ้าน แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครมีวาสนา ความสำเร็จของไห่อวิ๋นฟานมิได้ทำให้คนแปลกใจ หากแต่ประหลาดใจตรงที่ว่า คนที่ได้รับชัยชนะอย่างเขาเหตุใดหลังคุยกับหวังลู่แล้วจึงมีสีหน้าดังเช่นคนกำลังหดหู่หม่นหมอง หรือว่า...

ไห่อวิ๋นฟานถูกเจ้าคนลึกลับที่อยู่สวนหลังบ้านคนนั้นเหยียดหยามมา!?

น่าเสียดายที่คนที่กำลังก้าวเข้าไปมีบทบาทเต็มตัวอย่างไห่อวิ๋นฟานไม่มีทางเสียเวลาสนใจความคิดของคนรอบข้าง การทำภารกิจตรงหน้าให้เสร็จเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าสิ่งใด

เขาไม่ได้เลือกแผนการที่บอกหวังลู่ทั้งสามแผน ทว่ากลับเลือกใช้วิธีที่ยุ่งยากที่สุดแต่ก็รอบคอบที่สุดแทน โดยการแยกไปคุยกับผู้นำหมู่บ้าน เหอหลี่ว์ซื่อ และท่านป้าหลิว แล้วใช้วาทศิลป์อันน่าทึ่ง เสริมด้วยวิธีต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเอง

ภายใต้คำพูดชักจูงของเขา ผู้นำหมู่บ้านได้ตัดใจจากท่านป้าหลิว และเห็นถึงความดีของภรรยาที่ร่วมหัวจมท้ายทำสิ่งต่างๆ เพื่อเขาอย่างเงียบๆ มาตลอดหลายสิบปี เขาหลั่งน้ำตาอย่างโศกเศร้าอาดูร

ส่วนเหอหลี่ว์ซื่อ ก็ให้อภัยกับความผิดที่ผ่านมาของผู้นำหมู่บ้าน ทบทวนความใจร้อนมุทะลุของตนเอง รวมไปถึงทิ้งความแค้นที่มีทั้งหมดกับท่านป้าหลิว

และสำหรับท่านป้าหลิวนั้น ก็กลับไปเปิดร้านขนมของตนอย่างสบายใจ ใช้เวลาทั้งหมดกับหลานบุญธรรมคนใหม่ ซึ่งก็คือเหวินเป่า และละทิ้งความแค้นในอดีตที่ผ่านมา

ไห่อวิ๋นฟานใช้เวลาราวสามวันในการทำภารกิจ เพียงสามวันเท่านั้น ความแค้นเคืองในอดีตตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาก็มลายหายไปราวกับควัน ทั้งสามเหมือนเป็นหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมโดยองค์ชายอายุเพียงสิบสามคนนี้

บรรดาคนที่เฝ้าสังเกตการณ์อดทึ่งไม่ได้ อย่างน้อยผลงานของหวังลู่ในด่านนี้ก็อยู่ในจุดสูงสุดที่ไม่มีใครสามารถเทียบชั้นได้ นอกเสียจากว่าจะใช้อาวุธจำพวกอาวุธวิเศษหรือกลโกง มิเช่นนั้นก็ไม่อาจทำได้ดีกว่าเขา

ผลงานยอดเยี่ยมนี้ก็ได้รับรางวัลตอบแทนชิ้นใหญ่ การช่วยผู้นำหมู่บ้านดับไฟหลังบ้านทำให้ไห่อวิ๋นฟานได้รับคะแนนความพึงพอใจจากผู้นำหมู่บ้านในระดับมหาศาล และเมื่อใดก็ตามที่ไปเป็นแขกในบ้านของผู้นำหมู่บ้าน

เขาดูเหมือนจะได้รับการต้อนรับและปฏิบัติดีกว่าหวังลู่ขึ้นมาเล็กน้อย จนแทบจะเป็นหลานบุญธรรมของผู้นำหมู่บ้านเลยทีเดียว สำหรับคนที่อาภัพโชค การก้าวมาถึงจุดนี้มิใช่เรื่องง่าย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงท่านป้าหลิวและเหอหลี่ว์ซื่อ ในสายตาพวกนางเขากลายเป็นเด็กน่ารักน่าเอ็นดูไปแล้ว

แต่น่าเสียดายแม้จะพิชิตด่านที่สำคัญเช่นนี้ได้ แต่ภารกิจในหมู่บ้านดอกท้อกลับยังไม่จบ เนื่องจากไห่อวิ๋นฟานยังหาทางออกจากหมู่บ้านไม่ได้ จริงอยู่ที่ปมปัญหาของผู้นำหมู่บ้านถูกแก้ไปแล้ว และเขาก็กลายเป็นคนมีชื่อและน่าเคารพนับถือในสายตาผู้นำหมู่บ้าน ทว่าแล้วหลังจากนั้นล่ะ? ก็ไม่มีใครรู้เหมือนกัน

ผู้ทดสอบหลายคนบอกว่าการที่จะได้มาซึ่งคะแนนความพึงพอใจของผู้นำหมู่บ้านนั้นยากเหลือเกิน ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกภารกิจที่ง่ายกว่าแทน และจำนวนไม่น้อยก็ได้คะแนนเต็ม เช่น เด็กหนุ่มบางคนที่นิยมชมชอบสาวใหญ่ ก็เข้าไปใกล้ชิดกับป้าบางคน หากไม่มองน้ำหนักกว่าสองร้อย ตลอดจนร่างที่ปกคลุมด้วยขนดกหนาของป้าคนนั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การร่วมยินดีในบุพเพ

ซึ่งก็เป็นเช่นนี้ เขายังคงไม่ได้รับคำใบ้ของด่านต่อไป ดังนั้นสองวันหลังจากนั้น เด็กหนุ่มแบกหน้าอกอันแสนหนักนี้ไว้ไม่อยู่ ทนทุกข์ทรมานกับความหนักอกหนักใจจนทนไม่ไหว เคาะประตูห้องของหวังลู่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“ท่านหวังลู่ผู้ยิ่งใหญ่ โปรดช่วยข้าด้วย!”

——

หลังจากที่เข้ามาในหมู่บ้าน หวังลู่ก็แทบจะไม่ก้าวเท้าออกจากห้องพัก ทว่าชื่อเสียงของเขากลับไหลตามไห่อวิ๋นฟานและเหวินเป่าโดยที่ไม่ต้องทำอะไร แม้ว่าสองคนนั้นจะยังไม่ได้คำใบ้ในภารกิจต่อไป แต่ระดับความก้าวหน้านั้นรุดหน้ารวดเร็วยิ่ง เห็นได้ชัดว่ามีคนให้คำแนะนำอยู่เบื้องหลัง หลายวันมานี้กระทั่งเด็กรับใช้คนนั้นเองก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!

เช่นนั้นแล้วในยามที่ผู้คนอับจนหมดหนทาง หวังลู่จึงกลายเป็นเทพผู้ช่วยชีวิต

“โอ๊ะ! เมื่อครู่เจ้าบอกว่าชีวิตสองวันมานี้ของเจ้าทรมานย่ำแย่ยิ่งกว่าถูกสุนัขขืนใจ แต่กลับไม่พบเบาะแสในด่านต่อไป ก็เลยรู้สึกสูญสิ้นความหวังในชีวิต? โธ่เอ๋ย... เช่นนั้นข้าก็ขอแนะนำให้เจ้ารีบฆ่าตัวตายให้เร็วที่สุดแล้วกัน”

“หา!?”

“เจ้าคิดว่าเส้นทางสู่การมีอายุวัฒนะนั้นง่ายดายเพียงนั้นเชียว? ในความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าหมู่บ้านดอกท้อจะเป็นสถานที่ปลอดภัยเป็นเกราะปกป้องอันตรายให้ทุกคนที่อยู่ในหมู่บ้าน ทว่าความปลอดภัยเช่นนี้กลับมิใช่สวัสดิการที่สำนักกระบี่วิญญาณมอบให้กับพวกเรา แต่เพื่อยกระดับความยาก ซึ่งก็เป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยนที่ทำให้พวกเจ้าทุกคนหมดคำพูด อยากจะผ่านด่านนี้มิได้ง่ายขนาดนั้น หากเจ้าคิดว่าเป็นเป็ด[1]สองวันก็จะผ่านด่านได้ เจ้าก็ดูถูกหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้เกินไปแล้ว”

“ละ...แล้ว ควรทำอย่างไรดี?”

“เป็นสองวันไม่พอ ก็เป็นสักสิบปีสิ...เป็นสัตว์ปีกสักสิบปี ขอให้เจ้าไปสู่แดนสุขาวดี”

“หา!?”

“หาพระแสงอะไร นี่ถือเป็นเงื่อนไขที่ชอบธรรมที่สุดแล้ว เป็นเป็ดแค่สิบปีก็สามารถก้าวสู่เส้นทางแห่งการเป็นเซียน เงื่อนไขนี้หากเอาไปใช้ข้างนอก บรรดาเป็ดในใต้หล้าก็แทบจะซาบซึ้งจนหลั่งน้ำตา!”

“ขะ...ข้าเป็นถึงสหายขององค์ชายแห่งแคว้นโยว เหตุใดจึงนำข้าไปเทียบกับเป็ด!?”

“จิ๊ ข้าไม่ค่อยชอบกิริยาท่าทางเช่นนี้ของเจ้ามาก โบราณว่าไว้ ‘ทำงานไหน รักงานนั้น’ งานที่เจ้าทำตอนนี้มิใช่เป็นเป็ดหรอกหรือ เหตุใดจึงดูถูกเพื่อนร่วมอาชีพนัก? หนำซ้ำยังกล้าเพ้อฝันถึงรางวัลตอบแทนสำหรับองค์ชาย? อีกประการ อยากเร่งทำความเร็วนั้นก็ง่าย ลองเรียนรู้จากไห่น้อยสิ ทำภารกิจระดับยากขึ้นมาหน่อย ไม่กี่เดือนก็น่าจะผ่านด่านได้แล้ว”

บรรดาหนุ่มน้อยที่นิยมชอบสาวใหญ่ออกจากบ้านพักของหวังลู่ด้วยท่าทางสลดหดหู่ ระยะเวลาสิบปีอันยาวนานนั้นทำให้คนสิ้นหวัง ทว่าเขากลับได้ข้อมูลสำคัญมาอย่างหนึ่ง

ไม่กี่เดือน! ตามหวังลู่บอก กระทั่งไห่อวิ๋นฟานยังใช้เวลาหลายเดือนจึงผ่านด่านภารกิจได้ คนอื่นมิต้องใช้เวลาเป็นปีหรือ...ภารกิจของหมู่บ้านดอกท้อด่านนี้ไม่มีเหตุผลเหลือเกิน แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง สำนักกระบี่วิญญาณที่มีฐานะเป็นถึงพันธมิตรหมื่นเซียน การจัดงานชุมนุมคัดเลือกเซียนพรรค์นี้ขึ้นก็มีเหตุผลพอที่จะไม่ถือโกรธและยอมให้อภัย ในอดีตเพื่อทดสอบศิษย์ใหม่ที่จะเข้าสำนัก สำนักเซียนหมื่นเวทได้ปล่อยให้ผู้ทดสอบเอาชีวิตรอดอยู่ในบึงเป็นเวลานานถึงสองปี นอกจากนั้นสำนักเซียนคุนหลุนเองยังเคยคัดศิษย์อย่างพิถีพิถันถึงสามสิบปี ทำลายสถิติที่ผู้ทดสอบวงในเคยเล่าต่อๆ กันมา

หลังจากที่ได้รู้กรอบระยะเวลาที่ยาวนานจนน่าตะลึงของหมู่บ้านดอกท้อแล้ว ผู้ทดสอบส่วนใหญ่ก็ชะลอฝีเท้าในการทำภารกิจลง อย่างไรซะก็ยังมีเวลาอีกเยอะ ไยต้องรีบร้อน?

ดังนั้นไห่อวิ๋นฟานก็ตาสว่าง แม้จะแก้ปัญหาของผู้นำหมู่บ้านได้แล้ว แต่ไห่อวิ๋นฟานก็ยังคงแวะเวียนเข้าไปในชีวิตของทั้งสามคนอย่างไม่ขาดสาย ยังคงเข้าไปเติมความพึงพอใจเรื่อยๆ และการเคลื่อนไหวนี้ก็ไปสะดุดตาคนอื่น เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องให้หวังลู่บอกเขาก็สามารถเข้าใจเองได้ ระดับความพึงพอใจนั้นไม่มีขีดจำกัด ตอนนี้ไห่อวิ๋นฟานเป็นเพียงแค่ผู้มีพระคุณของทั้งสามเท่านั้น... บางทียังเทียบกับความสัมพันธ์ฉันญาติของเหวินเป่าและท่านป้าหลิวไม่ได้เลย ดังนั้นไห่อวิ๋นฟานจึงไม่แปลกใจเลยแม้แต่นิดที่ยังไม่ได้คำใบ้ของด่านต่อไป แค่เพียงทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่ช้าก็เร็วความสำเร็จย่อมบังเกิด

ความพยายามและเดินหน้าอย่างเต็มกำลังเช่นนี้พบเห็นได้น้อยมากโดยเฉพาะกับเด็กอายุสิบสอง ทว่าไห่อวิ๋นฟานกลับเต็มใจน้อมรับความลำบากนี้และยืนหยัดทำต่อไป

——

“จิ๊ๆ ทักษะความสามารถระดับสอง ความฉลาดทางอารมณ์ระดับหนึ่ง และระดับความมุ่งมั่นทะลุเพดาน บุรุษห้าวหาญดีแท้”

“พี่หวังท่านชมกันเกินไปแล้ว”

“แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเราน่าจะต้องกล่าวคำลากันภายในเร็วๆ แล้วสินะ”

แววตาของไห่อวิ๋นฟานพราวระยับ “ท่านหมายความว่า...มิได้บอกว่าต้องใช้เวลาหลายเดือนหรอกหรือ?”

“นั่นคือแผนพิชิตภารกิจอันสมบูรณ์แบบ หากว่ากันตามอุปนิสัยของเจ้าแล้วคงไม่ได้ต้องการสิ่งนั้นใช่หรือไม่?”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง...ช่วงนี้ข้าเองก็รู้สึกเหมือนกันว่าผู้นำหมู่บ้านเหมือนต้องการพูดอะไรกับข้า แต่ยังไม่ถึงเวลา...แสดงว่านั่นน่าจะเป็นกุญแจสำคัญของภารกิจต่อไปสินะ”

————

ก้าวต่อไปของไห่อวิ๋นฟานมาถึงอย่างรวดเร็ว ระยะเวลาสิบห้าวันหลังจากที่เขาเข้ามาในหมู่บ้าน ผู้นำหมู่บ้านที่ถูกทำให้ประทับใจก็กล่าวกับเขาว่า

“เด็กน้อย มีบางเรื่อง ข้าคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องบอกเจ้า...”

แม้ไห่อวิ๋นฟานจะเป็นคนใจเย็นและสงบเยือกเย็น แต่ยามนี้ก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “ข้ารอคำนี้มาเป็นเวลานานมาก”

หลังจากนั้นอีกสามวัน ไห่อวิ๋นฟานก็ออกจากหมู่บ้านดอกท้อ ใช้เวลารวมแล้วทั้งสิ้นสิบแปดวัน กลายเป็นคนแรกที่ผ่านการทดสอบ ซึ่งอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนอย่างสิ้นเชิง

เหตุผลนั้นง่ายมาก ก่อนที่ไห่อวิ๋นฟานจะจากไปนั้นเขาได้แบ่งปันข้อมูลเบาะแสทั้งหมดของภารกิจให้กับหวังลู่ นี่เป็นข้อตกลงที่เคยทำกันก่อนหน้าระหว่างเขาทั้งสอง

ตามการคาดการณ์ของหวังลู่ ภารกิจในระดับผู้นำหมู่บ้านจะผ่านด่านอย่างสมบูรณ์แบบนั้นต้องใช้เวลาหลายเดือน ทว่าหากมิได้ต้องการความสมบูรณ์แบบ เพียงแค่ผ่านเกณฑ์ผ่านมาตรฐานขั้นต่ำก็เพียงพอจะย่นระยะเวลาลงได้

แน่นอนว่าย่อมมีผลกระทบเล็กน้อยที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งนี่ก็คือข้อสรุปที่ไห่อวิ๋นฟานและหวังลู่ได้จากผู้นำหมู่บ้าน

พูดง่ายๆ ก็คือ คะแนนของหมู่บ้านดอกท้อจะส่งผลกระทบต่อการเริ่มต้นในภารกิจด่านต่อไปโดยตรง ดังเช่นคะแนนของแผนที่คลื่นเมฆาส่งผลต่อหมู่บ้านดอกท้อนั่นเอง ไห่อวิ๋นฟานใช้คะแนนในระดับผ่านเกณฑ์ทำภารกิจจนสำเร็จ จุดเริ่มต้นจึงไม่น่าจะดีมาก แต่ทว่าเส้นภารกิจที่เขาเดินคือเส้นภารกิจผู้นำหมู่บ้าน ดังนั้นรางวัลน่าจะไม่ต่ำนัก และหากว่ากันตามสมมติฐานของหวังลู่แล้ว ระดับความสำเร็จของไห่อวิ๋นฟานมากที่สุดก็อยู่ที่สามส่วนเท่านั้น หากเขาไม่รีบร้อน และใช้แผนอันสมบูรณ์แบบ เขาอาจจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าคนอื่นเมื่อถึงแดนอเวจี ซ้ำยังสามารถทำให้เขาผ่านด่านนั้นไปได้อย่างง่ายดายราบรื่น ทว่าความรีบร้อนของไห่อวิ๋นฟานกลับทำลายสิ่งเหล่านี้ไปหมดสิ้น

แต่สำหรับผู้ทดสอบส่วนใหญ่แล้ว ผลกระทบเช่นนี้ถือเป็นพรที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา

ในฐานะที่สำนักกระบี่วิญญาณเป็นสำนักอันดับต้นๆ ระยะทางบนเส้นทางบำเพ็ญเซียนหลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นขุนเขาวายุน้ำแข็ง สันเขาผาชาดและอื่นๆ ก็ยากลำบากจนชวนให้โกรธจนผมชี้ตั้ง ในตำนานเล่าว่าสามร้อยปีมานี้ยังไม่มีตัวอย่างผู้ที่สามารถพิชิตภารกิจนี้สำเร็จ และงานชุมนุมคัดเลือกเซียนที่ผ่านมา หลายคนที่ฝืนใจรับเข้ามาล้วนแล้วแต่อยู่ในสำนักชั้นนอกอย่างยอดเขาเสรีและสำนักเล็กอื่นๆ เท่านั้น ส่วนวิธีรับศิษย์เข้าสำนักของสำนักกระบี่วิญญาณนั้น ก็คล้ายคลึงกับสำนักเก่าแก่ส่วนใหญ่ นั่นก็คือผู้อาวุโสในสำนักจะออกไปค้นหาคนที่มีวาสนาเซียน อาจจะใช้เวลาสิบปี หรืออาจจะร้อยปีจึงจะสามารถพบต้นกล้าที่สมบูรณ์ได้

และในงานชุมนุมคัดเลือกเซียนครั้งนี้ แม้ขั้นตอนส่วนใหญ่จะยังคงเหมือนเดิม และการเกิดขึ้นของหมู่บ้านดอกท้อแห่งนี้ก็ค่อนข้างเป็นด่านที่มาแบบกะทันหันไม่คาดฝัน แต่คิดไปคิดมา นี่อาจจะเป็นความต้องการลดระดับความยากของสำนักกระบี่วิญญาณก็เป็นได้

คิดถึงตรงนี้ ไห่อวิ๋นฟานที่ทำภารกิจระดับหนึ่งสำเร็จแล้วเดินทางออกจากหมู่บ้านก่อนคนนั้น สำหรับคนอื่นแล้วนับว่าเป็นแรงกระตุ้นที่ยิ่งใหญ่มหาศาล ไห่อวิ๋นฟานผ่านด่านด้วยคะแนนผ่านเกณฑ์ คนอื่นๆ จึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อน งานชุมนุมคัดเลือกเซียนมิใช่งานแข่งวิ่งเสียหน่อย แค่สามารถเดินไปจนถึงเป้าหมายก็ถือว่าผ่านด่าน

แต่น่าเสียดาย เมื่อปฏิบัติแล้ว คนที่ทำภารกิจจนผ่านเกณฑ์ได้มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย หลังจากที่ไห่อวิ๋นฟานออกจากหมู่บ้านได้ราวหนึ่งสัปดาห์ ก็ไม่มีใครสามารถเดินตามรอยเท้าของไห่อวิ๋นฟาน มีผู้ทดสอบสองคนที่ใจรีบร้อนจนเดินหลงผิด ทำให้คะแนนความพอพึงใจที่สู้สะสมมาอย่างยากลำบากถูกปัดเป็นศูนย์ภายในชั่วค่ำคืน

เช่น...

“สะ...เสี่ยวฟางเจ้าฟังข้าอธิบายก่อน ข้ารักเจ้าด้วยใจจริงนะ! ข้ามิได้รังเกียจร่างกายกำยำและขนดกดำหนาทึบอันแสนเย้ายวนของเจ้า เจ้าต้องเชื่อข้า ข้ามิได้คิดอะไรกับเสี่ยวหลานเลยจริงๆ มือเรียวดั่งหญ้าหางกระรอก ผิวเรียวเต่งตึงดั่งไขเทียนอะไรนั่นข้าไม่สนเลยสักนิด เสี่ยวฟางยกโทษให้ข้าเถิด!”

“ไอ้คนไม่ซื่อสัตย์ไสหัวไปซะ!”

............................................

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด