ภาค 1 ตอนที่ 13 วิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบสำหรับข้อพิพาทในครอบครัว
ตอนที่ 13 วิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบสำหรับข้อพิพาทในครอบครัว
หลังจากที่เตะส่งเหวินเป่าออกไปอีกครั้ง สีหน้าของหวังลู่ก็เคร่งขรึมลง
“เกิดอะไรขึ้น? มีปัญหาอย่างนั้นหรือ?”
ไห่อวิ๋นฟานเอ่ยข้างหูด้วยเสียงเบาจากด้านหลัง หวังลู่เพียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยาะ “ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่สถานการณ์ยุ่งยากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้เล็กน้อย...เดิมนึกว่าในหมู่บ้านจะมีแต่คนไร้สมอง ทว่าดูแล้วระดับสติปัญญาของเจ้าของภารกิจหลายคนก็ไม่เบาเลยนะเนี่ย”
“หืม?”
“พูดง่ายๆ ก็คือ ภารกิจของหมู่บ้านดอกท้อคือการสร้างความพึงพอใจให้กับคนในหมู่บ้านจนถึงระดับที่ถูกกำหนดไว้ ทว่าระหว่างนั้นต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรค เช่น อุปสรรคที่เหวินเป่าต้องเผชิญคือฮูหยินของผู้นำหมู่บ้าน... เดิมทีข้าคิดว่าอุปสรรคของภารกิจในครั้งนี้จะค่อนข้างตายตัวและเรียบง่าย แต่ตอนนี้ดูแล้ว ตัวละครเหล่านี้ล้วนมีความยืดหยุ่นสูงมาก มิใช่คนประเภทโง่เง่าไร้สมอง”
“แม้จะไม่เข้าใจ แต่ดูเหมือนความหมายของท่านคือ ภารกิจส่วนใหญ่จริงๆ แล้วต่างมีวิธีแก้ที่ง่ายนิดเดียว?”
หวังลู่ตอบ “แน่นอน ในภารกิจระดับต่ำๆ สำหรับการสร้างคะแนนความพึงพอใจให้ชาวบ้านนั้น แค่จับจุดได้ทุกอย่างก็จะง่ายนิดเดียว เช่น บัณฑิตในหมู่บ้านคนนั้น ซึ่งก็คือภารกิจที่ข้าให้หวังจงไปพิชิต แค่นักเรียนในห้องมีผลการเรียนที่ดีเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง และไม่ให้นักเรียนมีเรื่องวิวาทขัดแย้งในห้องเรียน ก็จะผ่านด่านได้อย่างราบรื่น เห็นว่าตอนนี้มีคนเริ่มทำภารกิจที่ร้านหมั่นโถ แค่ทำงานในร้านให้ดีพอก็จะผ่านด่านได้เช่นกัน ทว่าสถานการณ์ของเหวินเป่าไม่เหมือนคนอื่น หากต้องการสร้างความพอใจให้ท่านป้าหลิว มิใช่แค่ตะโกนท่านย่าจงเจริญก็สามารถจัดการได้อยู่หมัด วาสนาของเหวินเป่าไม่เลว ได้ทำถึงภารกิจระดับหนึ่ง ทว่าดูจากระดับสติปัญญาและความฉลาดทางอารมณ์ของเขาแล้วเกรงว่าไม่น่าจะผ่านภารกิจนี้ได้”
“…ฟังท่านพูดเช่นนี้แล้ว ข้าเองก็เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม ระดับความยากเพิ่มมากเท่าไหร่ ของรางวัลก็จะใหญ่ขึ้นเท่านั้น หลักการนี้คงไม่ผิดใช่หรือไม่?”
“ถูกต้องแล้ว หลักการนี้ใช้กับทุกสิ่งมาตลอด เช่น ข้าทำผลงานได้ดีที่สุดในแผนที่คลื่นเมฆา หมู่บ้านดอกท้อจึงมอบผู้นำหมู่บ้านดุจพ่อบุญธรรมให้ข้าเป็นรางวัล ดังนั้น หากด่านนี้ทำคะแนนได้ดี รางวัลที่จะได้รับในด่านต่อไปก็ดีเช่นเดียวกัน”
ไห่อวิ๋นฟานพยักหน้า “ตามธรรมเนียมดั้งเดิม ต่อจากแผนที่คลื่นเมฆาจะเป็นสันเขาผาชาด ขุนเขาวายุน้ำแข็ง แต่ละจุดล้วนเป็นแกนสำคัญที่เกี่ยวพันกับเส้นทางแห่งเซียน หากว่าตามที่พี่หวังกล่าวเอาไว้ ผลงานของที่นี่จะส่งผลต่อการเริ่มต้นในด่านต่อไป... เช่นนั้นแล้วข้าก็คิดว่า ถึงเวลาที่ข้าต้องลงสนามแล้ว”
“ดูสถานการณ์มานานขนาดนั้น ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจลงสนาม?”
“หลายวันมานี้ ข้าได้ฟังแผนพิชิตภารกิจจากพี่หวังทุกวัน อย่างไรข้าก็ควรลงมือทำอะไรสักอย่างบ้าง มิเช่นนั้นข้าจะไม่รู้สึกผิดต่อความลำบากของท่านหรือ?”
“เช่นนั้นแล้ว เจ้าสนใจอยากลองแผนการอันสมบูรณ์แบบหรือไม่?”
“ฮ่าๆ นั่นเก็บไว้ให้กับคนอัจฉริยะอย่างพี่หวังเถอะ ส่วนข้านั้น แค่หาจุดที่เหมาะสมให้ตัวเองได้ก็เพียงพอแล้ว”
พูดจบ ไห่อวิ๋นฟานก็เดินออกมาจากห้องพักของหวังลู่ หลายวันมานี้เขาได้กินดื่มอย่างสุขสบายภายในสวนหลังบ้านของผู้นำหมู่บ้าน สุขสบายเหมือนเด็กแรกเกิดที่ยังมีชีวิต แต่สุดท้ายไม่อาจจะทำตัวเป็นผู้ชมในห้องไปตลอดชีวิตได้
มองไห่อวิ๋นฟานที่เดินจากไป ใบหน้าของหวังลู่ก็กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง
“จิ๊ๆ ในที่สุดไห่น้อยก็ลงสนาม คงจะได้ดูอะไรสนุกๆ แล้วสินะ”
——
การลงสนามของไห่อวิ๋นฟานนั้น สำหรับหมู่บ้านดอกท้อแล้วไม่ได้ถือว่าสั่นสะเทือนวงการมากนัก
หากตัดสองนายบ่าวคู่นั้นออกไป ไห่อวิ๋นฟานก็คือผู้ฝึกตนที่เดินออกจากแผนที่คลื่นเมฆาแล้วเข้าสู่หมู่บ้านดอกท้อเป็นคนแรก คะแนนของเขาดีกว่าสามสหายจากตระกูลเซี่ยนั้นมากโข ซึ่งชวนให้ประหลาดใจอย่างมาก
บนเส้นทางบรรลุเซียน คนที่โดดเด่นบารมียิ่งใหญ่มีอยู่เป็นจำนวนมาก แม้นมีคนที่ครอบครองรากวิญญาณสวรรค์ในตำนาน แต่คนที่มีรากวิญญาณปฐพีหรือรากวิญญาณอื่นๆ ก็มีอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้วองค์ชายรองแห่งองค์จักรพรรดิอวิ๋นไท่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย ก่อนจะขึ้นเขา สำนักบำเพ็ญเซียนของจักรพรรดิอวิ๋นไท่เคยประเมินเขาไว้ว่า ผลงานบนสะพานทองคำของเขาไม่ได้ดีเด่อะไรเป็นพิเศษ
ทักษะความสามารถอยู่ในระดับสอง รากวิญญาณระดับสี่ขั้นสูงแต่น่าจะปัดขึ้นเป็นระดับสามได้ แต่หลังออกจากแผนที่คลื่นเมฆา ไห่อวิ๋นฟานก็พลิกคำทำนายของพวกเขาจนหมดสิ้น กลายเป็นผู้ทดสอบมือวางอันดับหนึ่ง หากมองจากสายตาผู้เชี่ยวชาญ ก็เพียงพอจะประเมินเขาให้สูงขึ้น
ระหว่างรากวิญญาณและสติปัญญาอย่างไหนสำคัญกว่า? สิ่งนี้โลกบำเพ็ญเซียนยังไม่มีการข้อสรุป ทว่าทุกวันนี้รากวิญญาณของเหล่าอาจารย์ในพันธมิตรหมื่นเซียนกว่าครึ่งยังต่ำกว่าระดับสาม
ดังนั้นรากวิญญาณระดับสามของไห่อวิ๋นฟานไม่ได้ดีมากแต่ก็ไม่ได้แย่เลยทีเดียว บวกกับผลงานบนแผนที่คลื่นเมฆา ดีไม่ดีอนาคตของเขาจะสดใสมากกว่าผู้อาวุโสในพันธมิตรหมื่นเซียนเสียอีก และคนประเภทนี้ไม่ว่าจะอยู่สำนักไหนย่อมต้องได้รับความสนใจแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นสองวันก่อน ไห่อวิ๋นฟานก็ขลุกตัวอยู่แต่ในห้องของหวังลู่ วางแผนลับกับคนลึกลับอันดับหนึ่งผู้นั้นเป็นเวลานานสองนาน
ดังนั้นการลงสนามของไห่อวิ๋นฟานในวันนี้ ไม่เพียงมีความหมายกับตัวเขาเองเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนของหวังลู่ผู้อยู่เบื้องหลังอีกด้วย เมื่อทั้งสองร่วมมือผนึกกำลังกัน แผ่นดินต้องสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน
เหล่าผู้ทดสอบหยุดการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเป็นทอดๆ เริ่มจ้องมองไปยังการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ แต่ไห่อวิ๋นฟานไม่ได้ป่วนเมืองจนวุ่นวายไปหมดในทันที ในคืนนั้น เขาทำเพียงเดินเล่นและพูดคุยกับคนในหมู่บ้านเฉยๆ
ก้าวนี้ของเขาไม่แปลกประหลาดเลยแม้แต่นิด ก่อนหน้านี้ผู้ทดสอบจำนวนมากก็ทำเช่นนี้เหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าวาสนาของตนจะไปตกอยู่ที่ไหน ดังนั้นจึงใช้วิธีหว่านแหเพื่อให้ได้พูดคุยกับทุกคน และสำรวจปฏิกิริยาเพื่อลงมือขั้นต่อไป
วาสนาของไห่อวิ๋นฟานไม่ได้ดีเหมือนเหวินเป่า หลังจากคืนนั้น แม้ว่าจะมีชาวบ้านหลายคนแสดงความสนใจในตัวเขา แต่โดยรวมแล้วล้วนเป็นตัวละครตามรายทางระดับพื้นๆ เท่านั้น ไห่อวิ๋นฟานยังคงไม่พอใจ
ความอ่อนน้อมที่แสดงต่อหวังลู่ คือการแสดงความเคารพต่อผู้ที่เก่งกว่า แต่ไห่อวิ๋นฟานไม่เคยดูถูกตัวเอง เขามักบอกว่าแค่หาจุดที่เหมาะสมให้ตนเองได้ก็ถือว่าเพียงพอ แต่จุดของเขาแน่นอนว่าต้องไม่ใช่ในภารกิจระดับสองหรือสาม เช่นนี้
ทว่าหลังจากนั้นหนึ่งคืน ไห่อวิ๋นฟานก็ตระหนักได้ว่า ตนไม่ได้เป็นคนโง่เง่าเหมือนเหวินเป่าและก็ไม่ได้โชคดีเหมือนเขา วาสนาไม่มีทางหล่นลงมาจากฟ้า ต้องออกไปต่อสู้เท่านั้นจึงจะได้มา
ดังนั้น เช้าวันรุ่งขึ้น แม้จะไม่ได้นอนทั้งคืน แต่ไห่อวิ๋นฟานกลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ภายใต้สายตาที่แปลกใจของคนจำนวนนับไม่ถ้วน เขาเคาะประตูบ้านของผู้นำหมู่บ้าน
เมื่อจำแนกระดับภารกิจของหมู่บ้านดอกท้อตามที่หวังลู่บอก ผู้นำหมู่บ้านเป็นสัญลักษณ์แทนภารกิจระดับหนึ่ง หรืออาจสูงกว่านั้น ที่จริงเหวินเป่าแค่เข้าไปอยู่ในปัญหาความขัดแย้งระหว่างฮูหยิน หัวหน้าหมู่บ้าน และมือที่สามอย่างท่านป้าหลิว ซึ่งก็คือภารกิจระดับหนึ่ง เช่นนั้นแล้วหากเขาหาผู้นำหมู่บ้านโดยตรงจะเป็นเช่นไร?
ผู้นำหมู่บ้านมิได้รักใคร่เอ็นดูไห่อวิ๋นฟานเป็นพิเศษ แต่นี่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร ไห่อวิ๋นฟานเข้าไปในบ้านผู้นำหมู่บ้านตั้งแต่ฟ้าสาง จนเย็นย่ำถึงออกมาจากห้อง นอกจากนั้นยังตรงดิ่งไปหาหวังลู่ที่สวนหลังบ้าน
“อ้าว! ไห่น้อย อยู่ในห้องกับตาเฒ่าเสียนานสองนาน ได้อะไรมาบ้าง?”
ในที่สุดสีหน้าย่ำแย่ทั้งวันของไห่อวิ๋นฟานก็เผยรอยยิ้มเล็กน้อยขึ้นมา “ก็ดี หากทำตามที่ท่านว่า ถือว่ามีการค้นพบ”
“ค้นพบปัญหาของตาเฒ่านั่นแล้วหรือ? ไม่เสียแรงที่เป็นถึงไห่น้อย เด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาตลอดกาล”
“…แม้จะไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดอะไร แต่ข้าว่าท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่าง”
เมื่อเห็นว่าไห่อวิ๋นฟานพูดอย่างเคร่งขรึม หวังลู่จึงวางน่องไก่ในมือลง “ว่ามา”
“ภารกิจของข้าอาจจะส่งผลกระทบต่อเหวินเป่า... หรืออาจจะมากกว่านั้น ข้าคิดว่าท่านคงไม่ใส่ใจ?”
“ลองพูดให้ละเอียด”
ไห่อวิ๋นฟานกล่าวต่อไปว่า “ว่ากันตามตรง ข้าแทรกแซงปัญหาความขัดแย้งของครอบครัวผู้นำหมู่บ้าน ข้าใช้เวลาตลอดทั้งช่วงสายจนได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้าหมู่บ้าน สิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้ ข้ามั่นใจว่าต้องจัดการอยู่หมัดอย่างแน่นอน”
หวังลู่เบิกตาโพลง รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ไห่น้อย เจ้านี่มันสุดยอดจริงๆ อายุน้อยแค่นี้ก็เริ่มจัดการปัญหาความขัดแย้งในเรื่องความสัมพันธ์ให้กับลุงๆ ป้าๆ ที่อายุมากกว่า อนาคตเจ้าต้องเป็นเจ้าแห่งวังหลังแน่นอน”
“แค่ผู้นำของหมู่บ้านเล็กๆ เท่านั้น หากจะโน้มน้าวขึ้นมาก็มิได้เปลืองแรงอะไร เพียงแต่สิ่งที่ข้าต้องทำต่อจากนี้ต้องขอคำยืนยันจากพี่หวังก่อน สถานการณ์ตอนนี้คือ เนื่องจากการปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันของเหวินเป่า ทำให้ความขัดแย้งระหว่างเหอหลี่ว์ซื่อภรรยาของผู้นำหมู่บ้านและท่านป้าหลิวที่ถูกปิดผนึกมานานปะทุออกมา ภารกิจของข้าตอนนี้คือการทำให้สงครามระหว่างสองคนนี้สงบ ให้หัวหน้าหมู่บ้านใช้ชีวิตอย่างสงบสุขต่อไป ทว่าวิธีสงบสงครามนี้ จะเต็มไปด้วยสีสันอย่างมาก”
หวังลู่ผงกศีรษะอนุมัติ “ไห่น้อย เจ้าคลำมาถูกทางแล้ว”
“ชมกันเกินไปแล้ว ข้าเพียงคิดได้สองสามแผนเท่านั้น ซึ่งแผนที่ง่ายที่สุดคือโน้มน้าวให้ทั้งสองปล่อยวางความแค้นที่มีมาตั้งแต่สมัยยังสาว ไม่ว่าที่ผ่านมาผู้นำหมู่บ้านจะไปทำอะไรมา แต่เป็นเหอหลี่ว์ซื่อที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับผู้นำหมู่บ้านจนแก่เฒ่า ท่านป้าหลิวเป็นเพียงฉากแทรกเล็กๆ ในชีวิตพวกเขาเท่านั้น”
หวังลู่หัวเราะ “แต่หากเจ้าทำเช่นนี้จริงๆ ภารกิจจากหนึ่งร้อยคะแนนเจ้าคงได้แค่หกสิบ”
ไห่อวิ๋นฟานกล่าว “เพราะลึกๆ ในใจแล้ว ผู้นำหมู่บ้านมิเคยลืมท่านป้าหลิวเลย สำหรับการทะเลาะเบาะแว้งของเหอหลี่ว์ซื่อครั้งนี้ เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก ส่วนท่านป้าหลิวเองก็เป็นคนขี้เหงา ไม่อยากอยู่คนเดียว
หวังลู่เอ่ย “แต่นี่ล้วนเป็นความมัวเมากิเลศรสตัณหา”
ไห่อวิ๋นฟานกล่าว “ดังนั้นวิธีที่เข้าท่าที่สุด ก็คือบังคับล่อลวงและติดสินบน โดยให้ท่านป้าหลิวถอยออกมาเอง เนื่องจากเรื่องนี้มีสาเหตุมาจากนาง เพียงแค่นางยอมลง ชีวิตของผู้นำหมู่บ้านก็จะกลับมาสงบสุขดังเดิม ทว่าความยากของเรื่องนี้มีมากหลายเท่าตัว ไปขัดภารกิจของเหวินเป่า หากท่านป้าถอยออกมาจริงๆ สิ่งที่หวังเอาไว้มานานหลายปีก็อาจจะต้องผิดหวัง หลานบุญธรรมอย่างเหวินเป่าอาจจะทุกข์ทรมานจากผลกระทบที่ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนี้”
หวังลู่กล่าว “ถูกต้อง ในภารกิจระดับหนึ่ง เป็นไปได้สูงว่าจะมีการแทรกแซงเกิดขึ้น หรือต้องมีการแทรกแซงเกิดขึ้นแน่นอน นอกจากนี้การสื่อสารระหว่างกันของผู้ทดสอบก็เป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบนี้ แต่ดีหน่อยตรงที่ฝ่ายที่เจ้าแทรกแซงคือเหวินเป่า ไม่เห็นจะมีอะไรต้องกังวล ฮ่าๆๆ!”
“เดี๋ยวนะ... เหวินเป่าในสายตาท่าน ไม่มีค่าเลยแม้แต่นิดหรือ!?”
หวังลู่โบกมือ “นี่ไม่เกี่ยวกับข้าเสียหน่อย ข้าวิเคราะห์ปัญหาจากมุมมองของเจ้า และข้าก็คิดว่าเขาก็ไม่ได้มีค่าใดเลยในสายตาเจ้า ดังนั้นจึงได้ให้คำแนะนำที่แสนมีน้ำใจเช่นนี้แก่เจ้า...อีกอย่างถ้าอยากแก้ปัญหาของเหวินเป่าอย่าเลือกวิธีที่ง่ายดายเกินไป มากที่สุดก็ให้เขาเติมเต็มอารมณ์เปลี่ยวเหงาให้กับท่านป้าหลิวสักหน่อย การผ่านด่านเป็นเรื่องนาทีต่อนาที กลับมาที่หัวข้อหลักของเรา เจ้าจะเลือกอะไร?”
ไห่อวิ๋นฟานตอบว่า “สองวิธีข้างต้นข้าไม่อยากเลือกสักวิธี แต่ยังมีวิธีที่สาม อยากวานขอให้พี่หวังช่วยแนะนำ”
“วิธีที่สาม?”
“ก็คือแผนขุดบ่อล่อปลาวางกับดักให้ฮูหยินเหอหลี่ว์ซื่อตกหลุมพราง ให้ผู้นำหมู่บ้านหย่าร้างกับนางอย่างถูกต้อง หลังจากนั้นก็ไปฟื้นฟูความรักกับท่านป้าหลิว หากเป็นเช่นนั้น ภารกิจของเหวินเป่าก็จะสำเร็จบรรลุผล สำหรับความหวังที่มีมายาวนานนี้ข้าเชื่อว่าผู้นำหมู่บ้านต้องประเมินคะแนนให้ข้าสูงสุดแน่นอน การจะดำเนินตามขั้นตอนทั้งหมดไม่ยาก เพียงแต่...”
“เพียงแต่?”
“เพียงแต่นี่ไม่ใช่การกระทำของคนที่มีศีลธรรมจรรยา หากอยู่ในสำนักที่มีกฎเข้มงวด วิธีนี้ถือว่าเป็นความผิดบาปอย่างมหันต์ ดังนั้นข้าต้องการยืนยันวิธีคิดของคนออกแบบหมู่บ้านดอกท้ออีกสักหน่อย พี่หวัง จากที่ท่านดูแล้ว วิธีที่ข้าเสนอมานี้ จะได้รับการยอมรับจากเขาหรือไม่?”
หวังลู่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “หากข้าเป็นคนออกแบบ ข้าต้องให้เก้าสิบคะแนนขึ้นไปอย่างแน่นอน”
“หลังจากนั้นล่ะ?”
“หลังจากนั้นก็ไม่ยุ่งอะไรแล้ว ภารกิจก็ออกแบบมาแล้ว คะแนนก็ให้แล้ว ยังจะเอาอะไรอีก?”
ไห่อวิ๋นฟานยิ้มออกมา “ขอบคุณพี่หวังที่เตือนสติ ความคิดของข้าไม่รอบคอบ... ไม่ว่าคนออกแบบที่แสนแปลกประหลาดคนนี้จะพิจารณาอย่างไร อย่างไรเสียสุดท้ายแล้วคนที่ตัดสินก็เป็นสำนักกระบี่วิญญาณ ดังนั้นวิธีขี้โกงเช่นนี้หลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง... สุดท้ายนี้ หากเปลี่ยนเป็นพี่หวัง ท่านจะทำอย่างไร?”
“ข้า? หึๆ เจ้าสนใจแผนการสมบูรณ์แบบหรือไม่?”
ไห่อวิ๋นฟานกล่าว “ข้าตัดสินใจใช้วิธีของข้าแล้ว และไม่มีทางเปลี่ยนมัน แต่ข้ายังคงอยากรู้จริงๆ ว่าหากเปลี่ยนเป็นท่าน ท่านจะทำอย่างไร?”
ไห่อวิ๋นฟานพูดจากใจจริง คนที่มาจากพระราชวังที่แสนจะภาคภูมิและทระนงตัวไม่มีทางเอาความคิดของคนอื่นมาเป็นของตนเองแน่นอน แม้อีกฝ่ายจะเป็นถึงหวังลู่ผู้ลึกลับที่เขายอมรับนับถืออย่างสุดซึ้ง แต่เขาก็ยังอยากรู้แผนการของหวังลู่ โดยไม่อายที่จะต้องลดเกียรติเอ่ยปากถาม
และหวังลู่เองก็มิได้ปิดบังอะไรเช่นกัน “ง่ายมาก ก็ชวนเหอหลี่ว์ซื่อและท่านป้าหลิวมาตีฉิ่งกัน จากนั้นผู้นำหมู่บ้านก็ใช้ชีวิตผัวเดียวสองเมียอย่างมีความสุข”
“…”
“สีหน้าเหมือนริดสีดวงทวารระเบิดของเจ้าแบบนี้คืออะไร? แผนของข้ามีปัญหารึ? ทั้งสามต่างลดจำนวนศัตรูของตัวเองได้หนึ่งคน หนำซ้ำยังได้คู่ขาเพิ่มขึ้นมาอีก ปล่อยวางความแค้นสิบๆ ปีในอดีต อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เพลิดเพลินกับชีวิตรักในวัยชราไปอีกหลายปี เป็นการจัดการความขัดแย้งที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงใช่ไหมเล่า”
..........................................