ตอนที่แล้วบทที่ 38 นิ่งเข้าไว้ 5 (1) [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 39 นิ่งเข้าไว้ 6 (1) [อ่านฟรี]

บทที่ 38 นิ่งเข้าไว้ 5 (2) [อ่านฟรี]


บทที่ 38 นิ่งเข้าไว้ 5 (2)

‘เวเนี่ยน สแตน’ ดูเหมือนจะมีริ้วรอยเหี่ยวย่นมากขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้พบกัน แต่เขาก็ยังคงแสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยนเหมาะสำหรับการเป็นขุนนาง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ‘นีโอ โทร์ส’ ที่ยืนอยู่ข้างหลังของเวเนี่ยนกลับมองมาด้วยสายตากังวล

คาร์ลยกยิ้มด้วยความสดใสก่อนจะเอ่ยขึ้น

“สวัสดีนายน้อยเวเนี่ยน..นี่คงจะเป็นการพบกันครั้งแรกของเรานับตั้งแต่ที่เราได้เจอกันครั้งสุดท้ายที่ดินแดนของท่านไวส์เคานต์โทร์ส”

รอยยิ้มสดใสของเวเนี่ยนเริ่มมืดครึ้มลงในขณะที่ใบหน้าของนีโอก็เริ่มซีดลงเช่นกัน

มาร์คควิสสแตนเป็นหนึ่งในสี่ของผู้นำทางการเมืองของอาณาจักรแห่งนี้ ผู้สืบทอดตระกูลของบุคคลดังกล่าวกลับเลือกเดินทางไปยังดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่เพียงเท่านั้นยังได้เดินทางไปยังดินแดนของไวส์เคานต์โทร์สที่มีระดับต่ำกว่าฐานะอันสูงส่งของพวกเขาเสียอีก เห็นได้ชัดเจนว่าไวส์เคานต์โทร์สคือผู้ที่อยู่ภายใต้อำนาจของมาร์คควิสสแตน

มันย่อมเป็นเรื่องธรรมดาของเหล่าขุนนางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เริ่มขมวดคิ้วมุ่นและขุนนางของภูมิภาคอื่นๆก็ให้ความสนใจในเรื่องนี้เช่นกัน เหล่าขุนนางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภูมิภาคที่ยังคงไม่มีผู้นำที่แข็งแกร่งในขณะนี้

“ใช่แล้ว....ข้าเดินทางไปเยี่ยมเยือนนายน้อยนีโอผู้เป็นสหายของข้าและกำลังมุ่งหน้ากลับบ้านในตอนนั้นพอดี”

‘เวเนี่ยน  แสตน’ ไม่ได้สนใจกับการสายตาที่มุ่งตรงมายังเขาในตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะเดินทางไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั่น เวเนี่ยนกำลังมองไปที่คาร์ลด้วยสายตาที่คมกล้าขึ้นแต่น้ำเสียงของเขายังคงความอ่อนโยนไว้เช่นเดิม

“อ้อ! พวกเรายังตกลงกันว่าจะร่วมดื่มเหล้าด้วยกันในเมืองหลวงใช่มั้ย?...นายน้อยคาร์ล”

“ใช่แล้วนายน้อยเวเนี่ยน...เราต้องมีโอกาสเช่นนั้นอย่างแน่นอน”

ทั้งคาร์ลและเวเนี่ยนต่างมีท่าทางผ่อนคลายเมื่อเอ่ยสนทนากันเช่นนั้นอย่างไรก็ตามคนอื่นๆที่เฝ้ามองพวกเขาอยู่กลับไม่มีใครมีท่าทางที่สงบและผ่อนคลายได้สักคน

คาร์ลมองไปทาง ‘นีโอ โทร์ส’ ที่ยืนลอบมองเขาอยู่ก่อนที่เขาจะเริ่มยิ้มออกมาช้าๆ นีโอสะดุ้งขึ้นทันทีเมื่อมองเห็นรอยยิ้มของคาร์ลที่ส่งมาให้เขา

“อ่า...ใช่แล้ว..หลังจากที่ข้าได้พบกับนายน้อยเวเนี่ยนแล้ว...วันรุ่งขึ้นก็มีอัศวินกลุ่มหนึ่งจากคฤหาสน์ไวส์เคานต์โทร์สมาหาข้าที่โรงแรมด้วยเช่นกัน”

คาร์ลเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางเป็นกังวลใจต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

“ข้าได้ยินว่าคฤหาสน์ของท่านถูกบุกปล้น...แล้วตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่?”

ไหล่ของนีโอสะดุ้งขึ้นอีกครั้งและคาร์ลก็มองเห็นรอยยิ้มของเวเนี่ยนที่ค่อยๆหุบลงเช่นกัน

“ท่านพอทราบเรื่องนี้บ้างหรือไม่นายน้อยเวเนี่ยน? ข้าแน่ใจว่าท่านต้องทราบเรื่องนี้มาบ้างแล้วกระมัง..เพราะท่านกล่าวว่าพวกท่านเป็นสหายกันนี่นา”

เวเนี่ยนเอ่ยตอบในที่สุดหลังจากเงียบไปชั่วครู่ เขายังคงพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติแต่คาร์ลสัมผัสได้ถึงความโกรธที่คุกรุ่นอยู่ในน้ำเสียงนั้น

“.....ใช่....ข้ารู้สึกเศร้าใจอย่างยิ่งที่ได้ทราบเรื่องนี้”

“ใช่แล้ว...ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าตกใจมากเพียงใดที่ได้ยินเรื่องนี้ในตอนที่กำลังดื่มเหล้าแก้อาการเมาค้างของข้าอยู่....พวกมันสามารถบุกปล้นโดยไม่หลงเหลือหลักฐานอะไรไว้เช่นนั้นได้อย่างไรกันนะ?อ้อ!คนของท่านกล่าวว่าท่านสูญเสียของสำคัญไปหรือนายน้อยนีโอ?”

คนที่น่ารำคาญมากที่สุดในโลกคือคนที่ปากพล่อย คนที่ไร้ไหวพริบและคนที่ตรงไปตรงมา

และในตอนนี้คาร์ลกำลังสวมบทบาทเล่นเป็นคนทั้งสามคนอยู่และมันทำให้เขารู้สึกสนุกมาก

คาร์ลเอ่ยกับนีโออย่างอบอุ่น

“นายน้อยนีโอ...ท่านต้องเข้มแข็งไว้นะ...คนเราต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงเช่นนี้สักครั้งหนึ่งในชีวิต”

“อ่า....ใช่แล้ว....ข้าเห็นด้วยกับท่าน”

นีโอไม่สามารถแม้แต่จะหันไปมองเวเนี่ยนได้ในขณะที่เขาเอ่ยตอบคาร์ลขึ้นอย่างกะทันหัน

“ท่านต้องดื่มเพื่อลืมทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อมีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้น....นายน้อยนีโอเริ่มคืนนี้กันเลยดีกว่า...นายน้อยเวเนี่ยนท่านอยากมาร่วมกับเราหรือไม่?”

เวเนี่ยนลอบสังเกตคาร์ลอย่างใจเย็น เขาได้สูญเสียความไว้วางใจจากมาร์ควิสสแตนตั้งแต่เสียมังกรดำไป เวเนี่ยนกำลังสงสัยกลุ่มองค์กรลับที่เป็นผู้ให้มังกรดำตัวนี้มาตามคำบอกเล่าของเหล่าอัศวินที่เป็นพยานยืนยันในเรื่องนี้และหลักฐานบางส่วนที่หลงเหลืออยู่ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่สามารถกำจัดความสงสัยที่เขามีต่อกลุ่มของคาร์ลที่อาศัยอยู่ที่นั่นในช่วงเวลานั้นพอดี

แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะสงสัยในตัวคาร์ลได้จึงทำให้เขาอยากพูดคุยกับคาร์ลอีกครั้งเพื่อยืนยันความเชื่อของเขาอีกครั้งในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้

“ถ้าท่านดื่มเหล้าจนเมาแล้วตื่นขึ้นมาเพื่อดื่มมันแก้อาการเมาค้างอีกครั้ง...ทุกความทรงจำที่ไม่ดีของท่านมันก็จะหายไป”

แต่เมื่อเห็นว่า ‘คาร์ล เฮนิตัส’ยังคงพูดเรื่องไร้สาระเช่นเดิมทำให้เวเนี่ยนมั่นใจว่าเขาไม่จำเป็นต้องยืนยันความเชื่อของตนอีกต่อไปแล้ว

“ขอบคุณสำหรับข้อเสนอของท่านนายน้อยคาร์ล....เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่า”

“อ่า...น่าเสียดายจริงเชียว..แต่เอาไว้โอกาสหน้าก็ได้”

เวเนี่ยนเดินผ่านคาร์ลไปแต่เขาก็ยังได้ยินเสียงของคาร์ลกำลังพูดกับนีโออยู่

“นายน้อยนีโอ....ท่านรู้มั้ยว่าเหล่าอัศวินของท่านล้วนหน้าซีดกันทั้งนั้นเลย...ท่านต้องเตรียมรับมือล่วงหน้าสำหรับเหตุการณ์เช่นนี้ไว้บ้างท่านสูญเสียสิ่งที่มีค่าทั้งหมดเหล่านี้ไปพร้อมกันได้อย่างไรกันนะ? เข้มแข็งเข้าไว้..ท่านอาจไม่สามารถเรียกคืนสิ่งที่สูญหายไปได้แต่ท่านจะสามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้ล่ะ?แต่ช่างเถอะ...ยังไงท่านก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”

‘เฮ้อ....เจ้าขยะนี่’

เวเนี่ยนส่งยิ้มให้กับขุนนางที่เริ่มมองเขาตั้งแต่ที่ได้ยินว่าเขาเดินทางไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือและพยายามระงับความโกรธของตนเอาไว้

‘เจ้ามังกรหน้าโง่และไอ้เวรพวกนั้น..ตอนนี้พวกมันอยู่ที่ไหนกันนะ?’

เวเนี่ยนยังมองตรงไปข้างหน้าในขณะที่ออกเดิน

หลังจากลอบมองเวเนี่ยนที่เดินห่างออกไปแล้ว คาร์ลก็เบือนหน้าหนีจากใบหน้าที่ซีดเผือดของนีโอในทันที แน่นอนว่าเขาได้ทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ให้แก่นีโอเช่นกัน

“เข้มแข็งไว้นะ”

คาร์ลรู้ว่านีโอจะต้องถูกฉีกเป็นชิ้นๆจากฝีมือของเวเนี่ยนอย่างแน่นอน

“นายน้อยคาร์ล...ท่าน...”

คาร์ลมองไปที่อีริคที่ดูเหมือนว่ามีหลายสิ่งที่จะพูดกับเขาแต่ไม่สามารถที่จะเรียบเรียงคำพูดออกมาได้ ก่อนที่คาร์ลจะทรุดตัวลงนั่งไปตามเดิม

~ ข้าจะเอาคืนเขาในภายหลังให้ได้  ~ 

คาร์ลพยักหน้าตอบรับกับคำกล่าวของมังกรดำและมองไปรอบๆโต๊ะของเหล่าขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่กำลังจ้องมาที่เขาอยู่ นี่คงเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นคาร์ลในสภาพปกติ จึงทำให้คาร์ลหยิบขวดเหล้าที่อยู่ตรงหน้าเขาขึ้นมาเพื่อให้เป็นไปตามสิ่งที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้

พวกเขาทั้งหมดมองไปทางอื่นแทบจะทันทีที่เห็นเขาทำเช่นนั้นนี่คงเป็นพลังอำนาจของขยะไร้ค่าสินะ

อย่างไรก็ตามขุนนางจากโต๊ะอื่นๆยังคงมองมาที่คาร์ลด้วยความอยากรู้อยากเห็นในขณะที่เขายื่นขวดเหล้าให้แก่อีริค

“ข้าจะดื่มมันในภายหลัง”

“.......แน่ใจนะ?”

คาร์ลหันหน้าออกจากอีริคผู้ที่พูดกับเขาอย่างไม่เป็นทางการเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พวกเขาเข้ามาในพระราชวังและมองไปที่นาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่บนผนังทางเข้าของห้องโถง นี่ก็ใกล้ถึงเวลาเริ่มงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการแล้ว จึงเป็นเหตุผลให้ขุนนางทุกคนนั่งลงประจำที่นั่งของตนเองในทันที

นี่คือเหตุผลที่เห็นได้อย่างชัดเจน

นอกจากเวเนี่ยน สแตนจะเข้ามาด้านในแล้วยังคงมีตระกูลที่แข็งแกร่งอีกสามตระกูลที่เดินทางมาถึงเช่นกัน

“นายน้อยอันโตนิโอ จากตระกูลกิลล์ มาถึงแล้ว!”

‘อันโตนิโอ กิลล์’บุตรชายของดยุคกิลล์ ‘คาริน ออร์เซน่า’บุตรสาวของดยุคออร์เซน่าและ ‘มาร์คควิสไอรัน’ รวมถึงมาร์ควิสคนอื่นๆของอาณาจักรก็ทยอยเข้ามาภายในห้องโถงนี้เรื่อยๆ

พวกเขาทั้งหมดเดินเข้ามาภายในห้องโถงแห่งนี้พร้อมกับข้ารับใช้ที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขา ประตูถูกปิดลงหลังจากทุกคนเดินเข้ามาแล้วแต่ไม่มีใครได้เอ่ยทักทายหรือพูดคุยกับพวกเขาเลย

คาร์ลเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆและมองไปยังทางเข้าห้องโถงอีกครั้ง ในตอนนี้นาฬิกากำลังเคลื่อนเข้าใกล้เวลาห้าโมงเย็นแล้ว

ติ๊กต๊อก! ติ๊กต๊อก

นาฬิกาถึงเวลาห้าโมงเย็น

ครืดดดดดดดดดดดด

ประตูใหญ่ถูกเปิดออกและตัวเอกสำหรับการประชุมในครั้งนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับฉากที่สวยงามของพวกเขา

ข้ารับใช้กำลังเตรียมตัวที่จะตะโกนให้ดังกว่าที่เขาเคยตะโกนมาตลอดทั้งวันแต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขากลับยกมือขึ้นห้ามเสียก่อน

‘อัลเบิร์ก คอสแมน’องค์ชายรัชทายาทและผู้เป็นองค์ชายใหญ่แห่งอาณาจักรโรมัน

ดูเหมือนว่าเขากำลังสนุกกับสิ่งที่เขาทำในขณะที่มุ่งหน้าไปยังพระนี่นั่งโดยไม่มีการขานแจ้งจากข้ารับใช้แต่อย่างใด

เหล่าขุนนางทั้งหมดลุกขึ้นเพื่อต้อนรับและทำความเคารพต่อองค์ชายรัชทายาทที่เดินทางมาถึงในเวลานี้แล้วโดยมีองค์ชายรองและองค์ชายสามเดินตามจากทางด้านหลัง ในขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปยังจุดที่สูงที่สุดในห้องโถงแห่งนี้

ปัง!

ทันทีที่เขาเดินมาถึงพระที่นั่งประจำพระองค์ ประตูขนาดใหญ่ก็ถูกปิดลงนั่นหมายความว่าทุกคนอยู่ที่นี่ครบหมดแล้ว องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กมองลงไปที่องค์ชายรองและองค์ชายสามตลอดจนขุนนางคนอื่นๆก่อนจะเริ่มตรัสขึ้นทันที

“ยินดีต้อนรับทุกท่าน....ขอบคุณที่ตอบรับคำเชิญของข้าและมาในวันนี้”

นี่เป็นพื้นที่ที่เขาไม่จำเป็นต้องกล่าวเกริ่นนำสิ่งใดๆให้เสียเวลาเลย องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กมองลงมาจากด้านบน คาร์ลมองขึ้นไปที่เขาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหันกลับไปมองนาฬิกาอีกครั้ง

‘ถึงเวลาที่พวกเขาจะมาถึงที่นี่แล้วสินะ’

คนที่ตกเป็นข่าวซุบซิบของเหล่าขุนนางทุกคนที่อยู่ที่นี่ อีกไม่นานก็จะเดินทางมาถึงยังห้องโถงนี้แล้ว

คาร์ลได้เสียงขององค์ชายรัชทายาทตรัสเพิ่มเติมอีกครั้ง

“เหล่าบุคคลที่มีคุณค่าซึ่งจะนำพาให้อาณาจักรแห่งนี้ส่องประกายขึ้นในอนาคต..องค์ชายเช่นข้ารู้สึกมีความสุขเป็นยิ่งนักที่พวกท่านมารวมตัวกันในวันนี้”

องค์ชายรัชทายาทกำลังเริ่มการทำงานของอาวุธที่ร้ายกาจของเขาในตอนนี้ เขาเริ่มใช้ลิ้นในการเอื้อนเอ่ยวาจาที่คมคายออกมาแล้ว

“ฮืม?”

องค์ชายรัชทายาทหันหน้าไปมองยังทางเข้าห้องโถงแห่งนี้ ประตูที่ถูกปิดสนิทราวกับกำลังจะถูกผลักเข้ามาใหม่ เขาได้ยินเสียงพูดคุยแว่วผ่านเข้ามาจากช่องว่างของประตูที่กำลังเปิดออกอย่างช้าๆ

คาร์ลเริ่มแอบยิ้มในใจ ก่อนที่จะเห็นทหารองครักษ์วิ่งกรูเข้าไปเพื่อคุ้มครององค์ชายรัชทายาทโดยใช้ประตูทางเข้าอีกฝั่งหนึ่ง

‘พวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว’

คาร์ลแน่ใจเป็นอย่างยิ่ง

ในขณะนั้นองค์ชายรัชทายาทดูเหมือนกำลังจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างไปชั่วครู่ก่อนที่จะโบกมือเป็นสัญญาณให้แก่ทหารองครักษ์ที่เฝ้าสังเกตการอยู่โดยรอบให้กลับเข้าไปด้านในได้

ครืดดดดดดดดดดดดดดดด

ประตูบานใหญ่ถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง

นับตั้งแต่ที่องค์ชายรัชทายาทไม่ให้ข้ารับใช้ขานชื่อของพระองค์ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่กล้าขานชื่อของบุคคลที่กำลังก้าวเข้าไปนี้เช่นกันแต่มันก็ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น

‘มาได้ตรงเวลาพอดีสินะ’

รถเข็นคนพิการถูกเข็นเข้ามาในห้องโถงแห่งนี้อย่างช้าๆ

‘เทย์เลอร์  สแตน’ บุตรชายคนโตของมาร์คควิสสแตนที่ขาเป็นอัมพาต เขาเข้ามาในห้องโถงแห่งนี้พร้อมกับ ‘เคจ’ นักบวชหญิงผู้บ้าคลั่ง ในตอนนั้นเทย์เลอร์และเคจได้เหลือบมองไปที่คาร์ลอย่างรวดเร็วเมื่อเดินผ่านคาร์ลไปโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็นแต่นั่นก็เพียงพอสำหรับทั้งสามคนแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด