ตอนที่ 171 รักษา
หลิงฮันไม่เก็บมาคิดมาก ตอนนี้แววตาของเขาเปล่งประกายโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
สิ่งที่กัดอู๋เชียนฟงไม่ใช่อสรพิษแต่เป็นสมบัติ
ถึงหลิงฮันจะยังไม่ได้ยืนยันว่ามันคืออะไร แต่เขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าต้องเป็นสมบัติแน่นอน
“เอาล่ะ เปลี่ยนมานั่งเก้าอี้แล้วยืดขาซะ” หลิงฮันพูดสั่ง
หวูเชียนฟงรีบนั่งลงและยืดขาไปพาดกับเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง มันมองไปที่หลิงฮันด้วยความกังวล
ไม่มีทางแน่นอนที่นักปรุงยาที่ยิ่งใหญ่อย่างหยวนชู่จะพูดจาโอ้อวดเล่นๆ ดังนั้นเมื่อตอนที่มันได้ยินว่าทักษะการปรุงยาของหลิงฮันนั้นสูงกว่าหยวนชู่ก็คงจะเป็นเรื่องจริง แต่ถึงจะเป็นเรื่องจริงมันก็ไม่อาจทำใจเชื่อได้อยู่ดี
ทุกคนในที่นี้ล้วนแต่กลายเป็นตัวตนอันกระจ้อยร่อยและจ้องมองไปยังหลิงฮัน พวกเขามองไปยังชายหนุ่มที่มีความสามารถอันน่าเหลือเชื่อ
หลิงฮันไม่รู้สึกอึดอัดอะไร เขาเคยชินกับการกลายเป็นจุดสนใจของผู้อื่นมาตั้งแต่ชีวิตก่อนแล้ว สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คือยืนยันความสงสัยที่อยู่ในใจ หลิงฮันยื่นมือออกไปตบเบาๆที่ขาของอู๋เชียนฟงหลายที จากนั้นเขาได้หยุดมือและครุ่นคิดอยู่สักพัก
หลังจากนั้นไม่นาน รอยยิ้มมั่นใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา “เฒ่าอู๋ ข้าจะเริ่มทำการรักษาแล้ว แต่ท่านคงจะเจ็บปวดเป็นอย่างมาก”
“นายน้อยฮันไม่ต้องกังวล ข้าเป็นผู้ฝึกตน ความทุกข์ทรมานแบบใดที่ข้าไม่เคยเจอมาก่อน? เชิญทำตามที่นายน้อยฮันต้องการ ข้าสามารถ... อ้ากกก!” อู๋เชียนฟงที่กำลังพูดถึงความอดทนของตนเองอย่างภาคภูมิใจจู่ๆก็แหกปากร้องอย่างทรมาน
ฝ่ามือของหลิงฮันปรากฏเปลวเพลิงสีชาดที่เปลี่ยนรูปร่างเป็นปลายแหลมและกำลังเผาไหม้ผิวหนังของอู๋เชียนฟง
หยวนชู่ยืนดูอยู่ข้างๆและถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย “นายน้อยฮันช่างโชคดีจริงๆที่สามารถผสานจิตวิญญาณเปลวเพลิงได้ ข้ากำลังจะตายเพราะความอิจฉาอยู่แล้ว!” ต่อหน้าหลิงฮัน หยวนชู่ไม่อาจทำท่าทีสูงส่งและยิ่งใหญ่ได้
จิตวิญญาณเปลวเพลิง!
เมื่อคนอื่นๆได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาต่างทำหน้ามึนงง มีเพียงอู๋เชียนฟงเท่านั้นที่มีท่าทีตกตะลึง แน่นอนว่าเขารู้ว่าจิตวิญญาณเปลวเพลิงคืออะไร มันคือสิ่งที่หายากและมีพลังที่แข็งแกร่งอยู่ในตัวมันเอง แต่จะสามารถผสานมันกับตัวเองได้งั้นรึ?
น่าเสียดาย... แม้จะเป็นจักรพรรดิพิรุณคนปัจจุบันก็ไม่อาจทำเรื่องเช่นนั้นให้สำเร็จ บางทีอาจจะมีเพียงปีศาจเฒ่าลึกลับของตระกูลฉีเท่านั้นที่สามารถสยบจิตวิญญาณเปลวเพลิงได้
หลิงฮันเป็นเพียงจอมยุทธระดับรวมธาตุ เขาจะสามารถทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างไร?
อู๋เชียนฟงไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่าหลิงฮันจะสามารถผสานกับจิตวิญญาณเปลวเพลิงได้ด้วยพลังของตัวเอง เบื้องหลังของหลิงฮันจะต้องมีอาจารย์หรือไม่ก็ตระกูลคอยช่วยเขาในการผสานกับจิตวิญญาณเปลวเพลิงแน่ๆ ขุมอำนาจที่สามารถสยบจิตวิญญาณเปลวเพลิงและยอมใช้มันผสานเข้ากับรุ่นเยาว์... จะต้องเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน?
เมื่อคิดเช่นนี้ อู๋เชียนฟงก็อดที่จะรู้สึกขอบคุณหยวนชู่ไม่ได้ ความขัดแย้งเมื่อสักครู่กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที ไม่ต้องพูดถึงการรักษาให้มันเลย เพียงแค่ความน่าสะพรึงกลัวของเบื้องหลังของหลิงฮันก็ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลอู๋จะต่อต้านได้แล้ว
“อ้าก!” เมื่อหายตกตะลึง เขาก็กลับมาร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดอีกครั้ง ความทรมานที่กลับมาทำให้มันคลั่งจนอยากจะหาใครสักคนมาทุบตีเพื่อระบายความเจ็บปวดออกไป
“โอ้!”
ผู้คนรอบข้างเปิดเผยความประหลาดใจขึ้นมา เพราะว่าพวกเขามองเห็นเส้นเลือดบนขาขออู๋เชียนฟงเด่นชัดขึ้นมาทีละเส้น เมื่อมองให้ดีๆ เส้นเลือดเหล่านั้นกำลังขดตัวไปมาราวกับพวกมันเป็นฝูงอสรพิษตัวเล็ก
หลิงฮันเค้นเสียงคำรามต่ำ นิ้วของเขากดลงไปที่ขาของอู๋เชียนฟงอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเผาไหม้ของเปลวเพลิง อสรพิษตัวเล็กเหล่านั้นได้ล่าถอยจนในที่สุดก็มารวมตัวกันตรงเข่าของอู๋เชียนฟง
สีผิวของต้นขาอู๋เชียนฟงกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เหล่างูตัวเล็กสีดำนั่นกำลังเคลื่อนที่ต่ำลงไปเรื่อยๆ พร้อมกับสีของมันที่เริ่มกลายเป็นเข้มขึ้น ราวกับว่าพวกมันกำลังควบแน่นรวมตัวกันเพื่อพุ่งออกไปจากเท้าของอู๋เชียนฟง
ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม อู๋เชียนฟงรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้เขาเป็นคนโง่เขาก็สามารถบอกได้ว่าหลิงฮันกำลังขับไล่ ‘พิษ’ ในร่างของเขาให้มารวมกันที่เท้า
แต่ว่ามันช่าง... เจ็บปวดจริงๆ! โคตรทรมาน!
ในฐานะที่เป็นจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณ อู๋เชียนฟงนั้นมีความอดทนที่สูงมาก ตอนนี้เขากำลังฝืนตัวเองไม่ให้ร้องครวญครางออกมา ผิวของเขามีเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด และขาทั้งสองข้างของเขากำลังสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุมได้
ในตอนนี้ พิษสีดำทั้งหมดได้มารวมกันอยู่ที่เท้าของเขาแล้ว
หลิงฮันชักดาบและพูด “เฒ่าหวู ตอนนี้ข้าทำให้พิษทั้งหมดมาอยู่ที่เท้าของท่านแล้ว ทุกอย่างจะจบลงหลังจากที่ข้าตัดเท้าของท่านทิ้ง ท่านตกลงนะ?”
‘ตกลงน้องสาวเจ้าสิ! นี่เจ้ากำลังพูดถึงเท้าหนึ่งข้างของข้าเชียวนะ!’
หวูเชียนฟงสาปแช่งอยู่ในใจ แต่อย่างไรก่อนหน้านี้มันก็ไปหาหมอมาหลายคนแล้ว และพวกเขาต่างก็แนะนำว่าให้เขาตัดขาทั้งข้างทิ้งเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ เมื่อเทียบกันแล้ว แค่ตัดเท้าซ้ายทิ้งนับว่าดีกว่ามาก
เพราะอย่างไรชีวิตของเขาก็สำคัญยิ่ง ถ้าเขายังฝืนเก็บพิษเอาไว้ ชีวิตของเขาจะทุกข์ทรมานกว่าเดิมเสียอีก
“นะ...นายน้อยฮัน เชิญลงมือ! อู๋เชียนฟงพูดพร้อมกัดฟันแน่น”
หลิงฮันควงดาบและฟันลงไป ‘ฉัวะ’ ทันใดนั้นโลหิตสีดำก็พรั่งพรูออกมา
เขาไม่ได้ตัดเท้าของอู๋เชียนฟง เขาเพียงแค่สร้างบาดแผลตรงเท้าเพื่อให้โลหิตไหลออกมาเท่านั้น ด้วยการกระตุ้นของจิตวิญญาณเปลวเพลิง โลหิตสีดำได้หลั่งไหลออกมาอย่างไม่สิ้นสุด
‘ออกมาแล้ว!’
ดวงตาของหลิงฮันส่องประกาย เขาวางดาบลงและยื่นมือไปทางน้ำพุโลหิตสีดำ จากนั้นเขารีบดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าในมือของเขามีบางอย่างอยู่ เพราะว่าเข้าเก็บมันเข้าไปในแหวนมิติทันที
โลหิตสีดำไหลออกมาไม่หยุด และในไม่ช้า ขาซ้ายของอู๋เชียนฟงก็กลายสภาพเป็นปกติ แต่ถึงอย่างไรขาของมันก็ยังดูซีดขาวเพราะสูญเสียโลหิตไปเยอะ
“เสร็จแล้ว” หลิงฮันพูด
อู๋เชียนฟงได้สติกลับมา ความรู้สึกดีใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างไม่อาจควบคุมได้ เขารีบยืนขึ้นและประสานมือคารวะหลิงฮัน “ขอขอบคุณนายน้อยฮันมาก!” พิษร้ายนี้ได้สร้างปัญหาให้เขามาหลายปีแล้ว แม้จะกินสมุนไพรที่สามารถรักษาพิษได้ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะหายแม้แต่น้อย ทุกๆวันเขาต้องใช้ปราณก่อเกิดในการต้านพิษเอาไว้ ไม่เช่นนั้นพิษเหล่านี้ก็คงแพร่กระจายไปสู่ร่างกายส่วนบนของมันและดูดเลือดไปจนหมด
ถ้าไม่ใช่เพราะพิษนี้ พลังบ่มเพาะของเขาคงไม่หยุดอยู่ที่ระดับห้วงจิตวิญญาณขั้นเจ็ด แต่คงบรรลุถึงระดับห้วงจิตวิญญาณขั้นเก้าและมีโอกาสสูงมากที่จะทะลวงผ่านระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ
ถ้าเม็ดยาขับไล่พลังหยางไม่ได้ผล เขาคงต้องตัดใจยอมละทิ้งขาซ้าย เพราะอย่างไรการเสียขาไปหนึ่งข้างก็ยังดีกว่าเสียแขนขาทั้งสี่
เขาไม่เคยนึกเลยว่าหลิงฮันจะสามารถแก้ปัญหาที่มันทนทุกข์ทรมานมากว่าสิบปีได้สำเร็จ
ช่างเหนือชั้น!
“รีบเก็บขาที่มีขนยุบยับของท่านไปซะ ท่านคิดว่ามันน่ามองมากรึไง?” หลิงฮันพูดด้วยความเหยี่ยมหยาม ตอนนี้ขาของอู๋เชียนฟงไหม้เกรียมไปบางส่วน และส่วนที่ไม่ไหม้ก็ถูกปกคลุมไปด้วยขนขาของมัน ช่างเป็นภาพนี่น่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก
“แน่นอน! แน่นอน!” อู๋เชียนฟงในตอนนี้มีความสุขเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงมองข้ามน้ำเสียงดูถูกของหลิงฮันไป
“เอาล่ะ ท่านกลับไปได้แล้ว!” หลิงฮันสะบัดมือและสั่งให้พวกมันกลับไป
“ขอรับ!” อู๋เชียนฟงรีบประสานมือบอกลา พร้อมกับกล่าวขอโทษต่อสมาชิกตระกูลเจียง เขาคว้าคนของตระกูลมันขึ้นมา ในเมื่อพิษถูกรักษาแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องขอให้หยวนชู่หลอมเม็ดยาให้อีกต่อไป ดังนั้นมันจึงกลับที่พักตระกูลในทันที
“ท่านกลับไปด้วย” หลิงฮันพูดกับหยวนชู่
“ขอรับนายน้อยฮัน” ในตอนแรก หยวนชู่วางแผนจะประจบประแจงหลิงฮันต่ออีกหน่อย แต่เมื่อเขานึกได้ว่าหลิงฮันยังอาศัยอยู่ในเมืองจักรพรรดิและคงมาที่ตำหนักโอสถสวรรค์บ่อยๆ เขาจึงไม่รบกวนหลิงฮันอีกต่อไปและขอตัวกลับ
ตอนนี้คนนอกได้กลับไปหมดแล้ว สมาชิกตระกูลเจียงทุกคนล้วนแต่มองไปยังหลิงฮันด้วยความเกรงขาม
หลิงฮันและถาม “อะไรกัน? เจ้าไม่รู้จักข้าแล้วรึ?”
“ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าข้าไม่รู้จักเจ้าอีกต่อไปแล้ว” จิงหวู่จื้อพูดด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “แม้แต่ปรมาจารย์หยวนชู่กับอาวุโสอู๋ยังต้องเคารพเจ้า ข้าไม่รู้แล้วว่าควรทำตัวอย่างไรดี ให้ข้าเรียกเจ้าว่านายน้อยฮันด้วยเป็นไง?”
“ไปลงนระซะ!” หลิงฮันหัวเราะดัง “เจ้าไม่คิดว่าข้าเป็นสหายแล้วรึ?”
จู่ๆจิงหวู่จื้อก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ